Group Blog
 
All Blogs
 



“ดามพ์” โต้บุกรุกขโมยขี้ค้างคาว ฟ้องกลับคู่กรณีพร้อม 4 สื่อหมิ่นเรียก 200 ล้าน

“ดามพ์” โต้บุกรุกที่คนอื่นขโมยขี้ค้างคาวจนถูกดำเนินคดี โอดไม่ใช่ดาวร้ายนอกจอ แต่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม ยันไม่มีเอี่ยวและตนก็เป็นเจ้าของที่ดินนั้นนานแล้ว คาดถูกคู่กรณีป่วนเลยยื่นฟ้องกลับ พร้อมฟ้องอีก 4 สื่อดังข้อหาหมิ่นเรียกเงินที่ละ 50 ล้าน หลังลงข่าวผิดพลาดทำให้เสียหาย
       

       ตกเป็นข่าวฉาวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว สำหรับดาวร้ายรุ่นใหญ่วัย 63 ปี “ดามพ์ ดัสกร” ที่ถูก “นายภคคม ถาวรเจริญสุโข” วัย 55 ปี นักธุรกิจในจังหวัดกาญจนบุรี แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สภ.เมืองกาญจนบุรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2552 ในข้อหาทำการขโมยมูลค้างคาวโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังพบว่านักแสดงรุ่นใหญ่ได้ว่าจ้างให้ลูกน้องทำการขุดมูลค้างคาวในถ้ำ ซึ่งอยู่บนพื้นที่ของตนที่เช่าจากราชพัสดุ
       
       ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวานนี้(8 ม.ค.) “ดามพ์ ดัสกร” พร้อมทนายความจากสำนักงานทนายความฉลองและผองเพื่อน ได้ทำการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ณ โรงแรม เจ้าพระยาปาร์ค ย่านรัชดาภิเษก โดยดาวร้ายรุ่นใหญ่เผยว่า ตนไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พร้อมยังยันที่ดินนั้นตนถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของนานแล้ว
       
       “ที่มาแถลงข่าวในวันนี้ผมอยากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ คือผมอยู่ในวงการมาก็ร่วม 40 ปี เริ่มแสดงภาพยนตร์มาตั้งแต่จอแก้ว จนกระทั่งถึงภาพยนตร์จอใหญ่ คือหนัง 35 มม. ก็ตั้งแต่ปี 2512 รวมเวลาถึง 40 ปีพอดีในช่วงนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมได้เก็บไว้ในวงการคือ เราสร้างแต่ความดี แล้วก็เป็นบุคคลที่ได้เป็นตัวอย่างของสังคมว่า เราเล่นเป็นบทดาวร้าย แต่ให้มองภาพไปว่า บทร้ายคือบทที่ทุกคนอย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง”
       
       “นั่นคือตัวอย่างของสังคมบทหนึ่งที่ผมได้รับมาตลอด ก็โดยการแนะนำของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งเดิมทีผมก็อยากจะเป็นพระเอกเหมือนกันนะครับ แต่ด้วยหน้าตา บุคลิก และรูปร่างที่มันจะเหมาะไปในทางเป็นดาวร้าย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือท่านมุ้ยก็แนะนำให้เล่นเป็นบทดาวร้าย และผมก็รับบทดาวร้ายมาตลอดจนกระทั่งบัดนี้ ด้วยความรู้สึกที่แท้จริงแล้ว ผมไม่ใช่เป็นดาวร้ายอย่างที่เคยถูกกล่าวหาว่า เป็นทั้งในและนอกจอ การแสดงก็คือการแสดง”
       
       “ที่ผ่านมาผมทำความดีมาตลอด งานวัด งานกุศล งานสังคมก็ไม่ค่อยจะอยู่นิ่ง ไปอยู่เสมอ และเสียภาษีอย่างถูกต้องให้กับรัฐตามกฎหมาย ผมมีลูกมีหลาน มีญาติพี่น้อง เป็นวงศ์ตระกูลที่ค่อนข้างจะมีคนเยอะพอสมควร ก็กระทบกระเทือนใจมากครับกับเรื่องนี้ เพราะญาติๆ ที่โทรเข้ามาก็คิดว่าเป็นจริงมั้ย ผมก็เลยต้องออกมาชี้แจงความเป็นจริง เวลานี้ผมเหมือนเป็นจำเลยของสังคม ถ้าผมไม่ออกมาชี้แจงบ้าง ผมเสร็จเลย”
       
       “สิ่งหนึ่งที่ผมต้องมาชี้แจงในวันนี้ เพราะไม่อยากจะเป็นจำเลยของสังคม จริงๆ แล้วผมน่าจะออกมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่มีข่าวขึ้นมา ผมไม่รู้ตัวเลยว่าข่าวนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง วันนั้นก็ไม่ได้อยู่ แต่ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ขึ้นมา ผมก็เลยคิดว่าเอ๊ะทำไมทุกคนก็โทรหาผมจังเลย หาว่าผมเป็นจริงอย่างที่ข่าวลงหรือเปล่า ผมก็บอกว่าเชื่อข่าวเหรอว่าเป็นไปได้อย่างนั้น ว่าไปขโมยขี้ค้างคาวแค่กิโลละบาท โอ้โห มันเป็นไปได้ยังไง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้ถ้ำขี้ค้างคาวที่ว่าเนี่ย มันอยู่ในเขตบริเวณเนื้อที่ของผมในจำนวน 14 ไร่ ตามใบเสียภาษีหรือว่าใบภบ.”
       
       “สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเรียนให้ทราบว่า ไม่เคยรู้เรื่องกับเรื่องนี้เลย ผมไม่เคยคิดที่จะขโมยขี้ค้างคาวในบ้านของตัวเองออกไปขาย ถ้าผมจะทำก็ทำได้ เพราะถืออยู่ในที่ของผม และผมเองก็ไม่รู้ด้วยว่าที่นั่นมีขี้ค้างคาวอยู่ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเขาเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพื่ออะไร พูดเพื่อโจมตีให้ผมเสียหาย ทำให้ภาพพจน์ของผมซึ่งเป็นบทดาวร้ายอยู่แล้ว ยิ่งเสียหายหนัก”
       
       “ทุกคนมองว่าโอ้โหขนาดขี้ค้างคาวยังขโมยเลย มันเป็นไปได้ยังไง อันนี้ผมต้องชี้แจงครับ จริงๆ ผมอยากจะบอกตั้งแต่แรกๆ แต่ก็ประวิงเวลาอยู่พอสมควร เพื่อให้เรื่องนี้มันใกล้ๆ เข้ามานิดนึง ขอเวลาคิดซะก่อน ผมไม่อยากที่จะไปมีเรื่องมีราวอะไรกับใคร พูดตามความเป็นจริงแล้ว ผมไม่เคยคิดที่จะทำอะไรเกี่ยวกับของผิดกฎหมาย อันนี้ห่างไกลตัวอยู่แล้ว ผมไม่ทำเด็ดขาด”
       
       “ดามพ์ ดัสกร” เสริมต่อว่า ไม่เคยรู้จักคู่กรณีเป็นการส่วนตัว แต่เคยมีกรณีพิพาทกันมาก่อน คาดอีกฝ่ายเสียดายพื้นที่ที่เคยเช่าอยู่มาก่อน เลยมาป่วนให้รำคาญ
       
       “ผมกับคุณภคคมรู้จัก เคยเจอกันในงานต่างๆ แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้สนิทกัน และผมก็อยู่ที่ดินตรงนี้มาตั้งแต่ปี 48 หรือ 49 แล้ว ถ้าให้ผมเดาว่า ทำไมเขาถึงทำอย่างนี้ คิดว่าเขาคงจะยังเสียดายในพื้นที่ตรงนั้น ซึ่งเป็นที่ค้างคาวอยู่ ก็เลยคิดจะเข้ามาอ้างสิทธิ์ตัวเองที่ว่าเคยเช่ามาก่อน เพื่อที่จะเข้ามาป่วนว่างั้นเถอะ เข้ามาป่วนจนทำให้ผมเกิดความรำคาญ จนทำให้ทิ้งที่นี้ไป เขาจะได้เข้ามาครอบครองต่อ”
       
       “ก็อยากจะบอกกับพี่น้องคนไทย ที่เคยเป็นแฟนคลับของผม ตั้งแต่รุ่นเด็กจนกระทั่งรุ่น 70-80 ปี วันนี้ผมได้มาแถลงข่าวให้สังคมได้รับรู้แล้วว่า สิ่งที่ถูกกล่าวหานั้นมันไม่ใช่ความจริง ความเป็นจริงผมคือคนธรรมดาทั่วไป ยังกิ๊กก๊อกและเป็นนักแสดงให้กับทุกๆท่านอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา ผมขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจเลยว่า ไม่เป็นความจริง อย่าคิดว่าผมเป็นดาวร้ายและเป็นทั้งนอกจอในจอ อย่าเข้าใจผิดกันนะครับ”
       
       ด้าน ทนาย “ฉลอง เจยาคม” ได้ชี้แจงต่อถึงการครอบครองที่ดินที่ทำให้เกิดปัญหาว่า เป็นของดาวร้ายรุ่นใหญ่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
       
       “คุณภคคมเคยเป็นคู่กรณีกับคุณดามพ์มาก่อน ในเรื่องที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ คุณภคคมเคยเช่าอยู่ และที่ดินดังกล่าวเคยขึ้นกับราชพัสดุจริง แต่เมื่อหลังจากปี 2549 แล้ว ด้วยอำนาจของกฎหมายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ที่ดินที่เคยขึ้นอยู่กับราชพัสดุทั้งหมดนั้น กลับไปขึ้นกับองค์การบริหารส่วนตำบล ถ้าอยู่ในเขตเทศบาลก็ขึ้นอยู่กับเทศบาล ทำให้ที่แปลงดังกล่าวนี้ไปขึ้นกับอบต.แก่งเสี้ยน เมื่อคุณดามพ์ได้สิทธิ์ครอบครองมาของอบต.แก่นเสี้ยนก็เลยออกเอกสารสิทธิ์ให้”
       
       “หลังจากนั้นคุณดามพ์ ดัสกรก็ได้สร้างบ้านบนที่ดินที่รับเอกสารถูกต้อง เมื่อทำบ้านเสร็จ กรมการปกครองโดยผู้ใหญ่บ้าน ปลัดฝ่ายทะเบียนราษฎร์ ก็ได้ตรวจสอบบ้าน ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ จึงได้ออกบ้านเลขที่ให้กับคุณดามพ์ถูกต้องตามกฎหมาย ได้บ้านเลขที่ 9/49 ซึ่งพอคุณภคคมแพ้คดีก็เลยคงจะมีอาการอะไรสักอย่างนึง ถามว่ารู้จักกันมั้ย ก็รู้จักกันในนามของคู่กรณี เรื่องแย่งสิทธิ์ในที่ดินกันก่อนที่ศาลจะพิพากษา”
       
       “ส่วนกรณีเรื่องของมูลค้างคาวที่ผมลงพื้นที่ เพราะอยู่ใกล้ที่นั่นด้วย มันเป็นถ้ำอยู่จริงๆ แต่ว่าถ้ำเล็กมาก แล้วก็ลึกมาก ลึกประมาณครึ่งกิโล โดยปกติมนุษย์ทั่วไปลงไปไม่ได้ ถ้ามีก็คงจะสัตว์หรือไม่ก็พญานาคเท่านั้นที่ลงไปได้ ซึ่งก็เคยมีค้างคาวอยู่จริง แต่เป็น 10 กว่าปีมาแล้ว ตอนที่ประชาชนยังไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่น”
       
       “แต่เมื่อประชาชนเข้าไปอาศัยอยู่สัก 30-40 ครัวเรือน ค้างคาวก็ไม่ไปอาศัยที่ถ้ำอีก ก็เลยไม่มีขี้ค้างคาว มีแต่ดินก้นถ้ำที่ค้างคาวเคยขี้รดไว้ และชาวบ้านก็ได้เอาขี้ค้างคาวไปหมดตั้ง 10 ปีแล้ว ซึ่งชาวบ้านที่ไม่เข้าใจบางคนก็ลงไปขุด แต่ขุดไม่ได้เนื่องจากว่าไม่มีออกซิเจน พอนำขึ้นมาปากถ้ำ ปรากฏมันไม่ใช่ขี้ค้างคาวก็เลยทิ้งไว้ที่ปากถ้ำ นั่นคือหลักฐานที่ตำรวจยึดไป”

Create Date : 09 มกราคม 2553
Last Update : 9 มกราคม 2553 4:34:49 น. 0 comments
Counter : 534 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

boyberm
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




boyberm
Friends' blogs
[Add boyberm's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.