ไผ่ลำหลังมีหน้าที่เหยียดตรงเติบโต โดยไม่ต้องกล่าวโทษ
ไผ่ลำก่อนว่าบังแดดและแก่งแย่งอากาศและน้ำของผู้เกิดใหม่
ไม้อื่นแม้ต่างวงศ์ต่างคนต่างก็ต้องเหยียดตรง เติบโต
เมื่อแสงแดงอยู่ข้างบน ทุกคนมีหน้าที่ที่จะทอดยอดขึ้นไปรับแสง
มะค่าใต้ร่มเงาของกล้วย ก็จริงที่ใบกล้วยอาจบังแดดบ้าง
แต่ก็เพราะใบกล้วยบังแดดกล้านั่นแหละ มะค่าเมื่ออ่อนเยาว์
จึงไม่เหี่ยวเฉาโรยลงกลางเมษาแล้งร้อน กับความชุ่มชื้นรอบหลุมกล้วยด้วย
ที่เอื้ออำนวยให้มะค่าดรุณวัยได้รับความชื้นเพียงพอที่จะเติบโตขึ้นมา
ท่ามกลางอากาศแห้งแล้งอันผ่านได้ยากเดือนเมษายน
ใบกล้วยเองเล่า หาใช่จะไม่มีวันเหี่ยวเฉาไม่
สรรพสิ่งเป็นไปตามไตรลักษณ์ โดยเปลี่ยนอยู่เป็นนิจ
เมื่อก้านและใบกล้วยเฉา ยอดมะค่าก็ชื่นและฉาย
ยามนั้นมะค่าก็กล้าแกร่ง ด้วยรากที่ลึกและยาว
ต้นที่ตรงและแข็งแรงทำให้ยืนหยัดข้ามช่วงเวลาแห้งแล้งไปได้
จากช่วงแล้งยาว สู่ช่วงหนาวนาน
ผ่านถึงช่วงฉ่ำฝน มะค่ายืนต้นมั่นคงได้เอง
ร่มเงาของกล้วย มีหรือไม่มี ความหมายอาจมีเพียงความเกื้อกูลที่ยังควร
ผ่านมาถึง 14 ฝน ต้นไม้ที่ปลูกก็เข้าสูวัยหนุ่ม
อวดวัยด้วยเส้นรอบวงของโคนต้นที่ระดับเหนือดิน 1 ศอก
ยาวถึง 100 เซ็นติเมตรเลยทีเดียว
ขนาดของไม้ลำเท่านี้มากพอที่จะเป็นเสาเรือนบางหลังได้เลย
แม้เจ้าของไม้จะไม่ได้ตั้งใจเอาไปทำบ้าน
มะค่าที่โตมากับมือและเหงื่อนั้นก็ให้ร่มเงา ชุบชูหัวใจให้อิ่มเอบได้ดียิ่งนัก