Group Blog
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th 
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
All Blog
[Review] KOKO Day & Night Cream


สวัสดีค่าพบกันอีกแล้ว วันนี้จอยจะมารีวิว skincare ตัวล่าสุดที่จอยได้ใช้มาซักพักนึง

นั่นก็คือ KOKO Day & Night Cream นั่นเอง


KOKO Day & Night Cream

(50g/1,450 baht)







เป็นผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่น เหมาะกับสาว(อยาก)ญี่ปุ่นแบบเรามากจีๆ

แพกเก็จจิ้ง เรียบง่ายตามสไตล์ญี่ปุ่น ขนาดกระทัดรัด

เป็นครีมที่เน้นการปรับสภาพผิว ทำให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติในการทำลายและบล็อคการเกิดของเม็ดสี ที่เป็นสาเหตุของฝ้าและจุดด่างดำ




ตอนเปิดมา คือเนื้อครีมแน่นมากกก ไม่เหลว ไม่หก ขนาดคว่ำกระปุกก็ยังแน่นดีงาม (นึกว่าเป็นมาร์ก)

ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ใครหน้าแพ้ง่าย ไม่มีปัญหาในจุดนี้แน่นอน

(จอยไม่ค่อยชอบ ชอบกลิ่นหอมๆมากกว่า อิอิ)


มาดูส่วนผสมและประโยชน์ที่อัดแน่นในเจ้าครีมกระปุกเล็กๆนี้กัน

สารสกัดต่างๆ เป็นวัตถุดิบที่ทำจากประเทศญี่ปุ่น แน่นอนจึงสามารถมั่นใจในคุณภาพได้


ชะเอมเทศ - ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และป้องกันการละคายเคือง

อาร์บูติน - ตัวนี้คงได้ยินกันบ่อยๆในมาร์ก มันช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ช่วยลดฝ้ากระ จุดด่างดำ โดยไม่

ทำให้เกิดการละคายเคืองต่อผิว เพราะอาบูร์ตินมีฤทธิ์ไปยับยั้งการผลิตเมลานินในระดับเซลล์ ไม่ใช่การเร่งผลัด

เซลล์ผิวแบบกรดผลไม้ AHA BHA หรือ Ratin-A

วิตามิน E - ที่ช่วยดูแลรักษาผิว ปลอบประโลมผิว และสามารถบรรเทาอาการอักเสบของผิวได้ พร้อมทั้งให้

ความชุ่มชื้น

ซึ่งนอกจากนี้ยังมีวิตามิน A ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมผิว มอยร์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวให้เรียบเนียน ช่วย

ปรับลดร่องลึกของผิวให้ตื้นขึ้น คอลลาเจน ที่ช่วยทำให้เซลล์สามารถอุ้มน้ำและคงความชื้นได้ดี และอื่นๆอีก

มากมาย แบบว่าของดีอัดแน่นมากๆ


มาลองดูเนื้อครีมกัน








ด้วยความที่เนื้อครีมแน่น จอยลองปาดลงบนหลังมือ รู้สึกเกลี่ยค่อนข้างยากกว่าเนื้อครีมทั่วไปเล็กน้อย

จึงค้นพบว่า เราจะต้องวอร์มเนื้อครีมที่ปลายนิ้ว หรือบริเวณฝ่ามือก่อน แล้วค่อยทาลงบนผิวจะดีกว่า

เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวเร็วมาก และไม่ทิ้งความมันหรือความหนึบไว้บนใบหน้าเลย

สามารถแต่งหน้าต่อได้โดยไม่ต้องกลัวจะเกิดคราบ คือประทับใจตรงนี้มากๆ


ความรู้สึกหลังจากที่ได้ทดลองใช้ติดต่อกันทั้ง เช้า-เย็น เป็นเวลาประมาณครึ่งเดือน

รู้สึกว่าผิวเรียบเนียนขึ้น คือสิวไม่ขึ้นเลย เวลาจอยล้างหน้า แล้วใช้มือลูบผ่านบริเวณแก้ม

จะรู้สึกเลยว่าผิวคือเรียบเนียน ไม่มีสิวผดหรือผิวสากๆ คือนุ่มลื่นมาก


เรื่องจุดด่างดำจอยยังไม่ค่อยเห็นผล คาดว่าถ้าใช้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆถึงจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนกว่านี้

ส่วนเรื่องกลิ่น คือไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ใช้ได้โดยที่ไม่แพ้ ไม่อุดตัน ไม่มันเหนอะหน่ะ

ครีมแน่นมากกก ได้เรื่องความชุ่มชื้นสุดๆ ผิวดูอิ่มน้ำโดยไม่วาวฉ่ำ


ใช้แตะนิดเดียว สามารถเกลี่ยได้ทั่วทั้งหน้า (แต่แอบเกลี่ยยากนิดนึง ต้องวอร์มเนื้อก่อน)

คือกระปุกนี้ ใช้ได้ยาวนานมากๆๆ คุ้มราคาแน่นอน


สรุปคือแนะนำสำหรับสาวๆที่ต้องการครีมบำรุงผิวที่เน้นเรื่องความชุ่มชื้น

และต้องการใบหน้าที่เรียบเนียนกระจ่างใส ตัวนี้โดนไปเลยค่ะ

แต่ถ้าต้องการเร่งลดเลือนจุดด่างดำแบบด่วนจี๋ ตัวนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์

(อาจจะต้องหาครีมที่ผลัดเซลล์ผิว เพราะตัวนี้เน้นปรับสภาพผิวอย่างอ่อนโยน)


จอยยังมี Clip VDO สำหรับใครที่อยากดูเนื้อผลิตภัณฑ์ชัดๆ 

และขั้นตอนการใช้ครีมกระปุกนี้นะคะ :)) จิ้มเข้าไปดูกันได้เลยยยย






หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆกันนะคะ

แล้วพบกันใหม่ บทความหน้านะคร้าบบ ^^





Create Date : 21 กรกฎาคม 2559
Last Update : 21 กรกฎาคม 2559 21:40:29 น.
Counter : 14119 Pageviews.

0 comment
[Review] แป้งผสมรองพื้น ตั้งแต่ Hi-end ยัน Low-end บอกเลยว่าเริศ





สวัสดีค่า วันนี้จอยจะมารีวิวสารพัด “แป้งตลับ” กัน
จอยเป็นคนที่บริโภคแป้งตลับ มากกว่ารองพื้น โดยเฉพาะตลับแป้งจำพวกผสมรองพื้นนี่แหละ
เพราะรู้สึกว่ามันใช้ง่าย ประหยัดเวลา ไม่ต้องมาคอยเกลี่ย แถมไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหน่ะ




มาดูผู้ท้าชิงทั้งหลายกัน จอยเลือกมา 6 ตลับ ได้แก่

1. Cezanne UV Foundation EX Plus EX1 cream beige
2. Dior snow white reveal pure transparency spf 30 pa+++ สี 020
3. Chanel double perfection lumière 22 beige rose
4. Chao Nang perfect bright UV 2 way power foundation SPF20/PA+++ สี 01 ผิวขาว
5. M.A.C mineralize skinfinish natural - light plus
6. Jill Stuart Fluffy Silk Powder Foundation -  101 linen


อธิบายโทนสีผิวที่จอยมักจะเลือกใช้กันก่อน คือจอยผิวค่อนข้างขาว 
ใช้แป้งได้ทั้งโทนชมพูและเหลือง แต่จะออกไปในทางเหลืองมากกว่านิดหน่อย
ผิวแห้ง เป็นขุยบางจุด เช่นปีกจมูก และหน้าจะมันช่วงทีโซน (หรือผิวผสมนั่นเอง)
มีรอยแดง และจุดด่างดำบ้างเล็กน้อย ต้องการการปกปิดพอสมควร

มาดูกันที่แป้งตัวแรกเลย

Cezanne UV Foundation EX Plus - EX1 cream beige
(11g / 420baht - refill 330baht)

เป็นแป้งที่หยิบบ่อยสุดๆ มาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นแป้งสิ้นคิด คิดอะไรไม่ออก 
ไม่รู้จะเลือกแป้งอะไร ก็หยิบตัวนี่ขึ้นมาปัดทุกที เพราะปัดกี่ครั้งก็รอดทุกครั้ง
สวยงามเนียนกริบ ปกปิดได้ดี สามารถกดย้ำๆในจุดที่ต้องการปกปิดได้ 
จอยชอบเอามากดซ้ำๆ บนผิวที่มีรอยแดง คือปกปิดได้สนิท โดยไม่รู้สึกหนาหนัก ได้ลุคแมต
เวลาผ่านไปซัก 3-4 ชม หน้าก็จะเริ่มฉ่ำวาว โดยที่ไม่เป็นคราบ อาจจะมีคราบเล็กน้อย 
ถ้าเราเผลอไปถูหรือเกาหน้า หรือใส่แว่นตากันแดด 
(ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าคงไม่ค่อยได้คุมมันมากเท่าไหร่)
แป้งถูกและดี มีในโลกจริงๆ ยกให้ญี่ปุ่นเขาเลยค่ะ



Dior snow white reveal pure transparency spf 30 pa+++ สี 020
(9g / ไม่แน่ใจราคา ประมาณ 2,450baht)

ส่วนตลับนี้ เรียกได้ว่าตลับพกพา คืออยู่ติดกระเป๋าจอยไปทุกๆที
ที่จอยชอบเอามาติดกระเป๋า เพราะแป้งตัวนี้จอยหยิบขึ้นมาเติมระหว่างวันได้ไม่เป็นคราบ
มีระดับความปกปิดพอสมควร (เวลาร้องไห้แล้วจมูกแดง ชอบเอาขึ้นมาโบ๊ะจมูก ปิดกริบค่ะ)
ปาดหนักๆ ก็หนานิดหน่อย ขาวด้วย snow สมชื่อ แป้งค่อนข้างแมต ไม่มันวาวค่ะ
พอแป้งเซ็ตเข้ากับผิวแล้ว ผิวจะสวยมากกกกก
เนื้อแป้งนุ่มมากกก เป็นสัมผัสที่ฟินสุดๆ พัฟที่มากับตลับก็คุณภาพดีมากๆ นุ่มกำมะหยี่ ดีงาม
ตลับสวย ดูดี เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ชอบพกไปด้วยไปไหนมาไหน



Chanel double perfection lumière 22 beige rose
(13g / ไม่แน่ใจราคา ประมาณ 2,550baht)

ช่วงแรกๆไม่กล้าใช้ค่ะ เห่อมากกกกก ตัวนี้จอยไปสอยมาจากอเมริกาตอนบินไปเที่ยว
อยากบอกว่า สีแป้งตอนปาดเทสบนแขนคือหลอกมาก ปาดไปเห็นว่าขาวแล้ว เลยจัดสีนี้มา
สรุป พอได้ลองกับผิวหน้าเท่านั้นแหละ อีตอนโบกช่วงเช้าก็สวยวิ้งอยู่ แต่พอตกบ่ายๆเท่านั้น
นี่ไปอาบแดดมาที่ไหน ? เมื่อไหร่? คือยกแขนขึ้นมาเทียบหน้านี่จะเป็นลม นึกว่าราหูอมหน้า
สีดรอปลงไปมากกกก แต่ผิวสวยมากเลยนะ สวยฉ่ำ เนียน แค่สีผิดเบอร์
ไม่คราบ ไม่เยิ้ม แป้งเนื้อเนียนนุ่ม ละเอียดม๊ากกก แพกเก็จจิ้งสวยงามหรูหรา สมราคา
ไม่ค่อยปกปิด บางเบา จอยว่าน่าจะเหมาะกับคนผิวดีๆที่ต้องการเพิ่มความกระจ่างใส 
หรือซับความมันจากครีมบำรุงหรือรองพื้น ให้หน้าสวยๆเนียนๆ กำลังดี

สรุปอีนี่ต้องไปหารีฟิลสีใหม่มา replace T^T
ใครที่จะซื้อแป้งเคาเตอร์แบรนด์ ลองให้BAเขาลงที่หน้านะคะ จะได้ไม่เจ็บช้ำเนอะ



Chao Nang perfect bright UV 2 way power foundation SPF20/PA+++ สี 01 ผิวขาว
(10g / 399baht)

เป็นแป้งที่เข้ามาเบียดตำแหน่ง Cezanne จนสั่นสะเทือน 
ตัวนี้เนียนนัวมากกกกก ช่วงหลังๆเลยหยิบมาปัดบ่อย
ใครที่มองหาแป้งที่ปัดแล้วหน้านวลเนียน จอยขอแนะนำตัวนี้เลย เนียนมากจริงๆ
คือเนียนและให้การปกปิดได้ดี แต่ไม่แนะนำให้ปาดเยอะ เพราะจะดูหนา ไม่ค่อยธรรมชาติ
ส่วนตัวแล้วปัดด้วยแปรงพุ่มใหญ่ๆ ทั่วหน้า คือได้ลุคสวยมากกก ฟินมาก
ข้อเสียคือมีสีให้เลือกน้อยไปหน่อย จอยว่าขาวแล้ว 
ใช้เบอร์ 01 ผิวขาว ยังรู้สึกว่าวอกไปหน่อยนึงถ้าปัดเยอะ
ส่วนสี  02 ก็เข้มไปหน่อย แถมออกเหลือง ปัดร่วมกันสองสีถึงพอดีๆสำหรับจอย
แป้งแมต ไม่ฉ่ำวาว แต่ผ่านไปซัก 3-4 ชม หน้าเริ่มมัน ฉ่ำวาวกำลังดี ไม่เป็นคราบ
สามารถใช้ได้ทั้งแบบแห้ง และแบบเปียก 
(เอาฟองน้ำชุบน้ำบิดหมายๆแล้วแท้บแป้งขึ้นมา ซึ่งจะได้ความปกปิดมากกว่า)
ราคาไม่แรงมาก คุณภาพเกินราคา แถมเป็นแป้งของคนไทยเรานี่เอง



M.A.C mineralize skinfinish natural - light plus
(10g / 1,350baht)

แป้งในตำนาน ที่ฮิตติดลมบนมาอยู่ช่วงนึง จอยใช้มาตั้งแต่ช่วงม.ปลายๆ จนเข้ามหาลัย
ไม่ปกปิดมาก เน้นผิวที่สวยฉ่ำเบาๆ สุขภาพดี ปัดแล้วคือทุกคนทักว่า ผิวดีจังเลย (ชนะ)
ใครที่ไม่ชอบผิวฉ่ำอาจจะต้องหลีกเลี่ยง พยายามเลือกซื้อแป้งเบอร์ที่สว่างกว่าผิวซักเฉดถึงสองเฉด
เพราะสีจะดรอปลงมาเล็กน้อยละหว่างวัน ซึ่งแป้งดูขาว แต่พอเซตเข้าผิวแล้วจะไม่ออกสีมากนัก
ได้ลุคหน้าสว่างใส ไบรท์ขึ้น ฉ่ำขึ้น บอกเลยว่าสุขภาพดีสุดๆ
หรือจะใช้ตัวนี้ ปัดทั่วใบหน้าเป็น finishing ก็ได้ ข้อเสียคือไม่ค่อยเหมาะกับการพกพา
ไม่มีกระจก ไม่มีแปรง และตลับใหม่เปิดฝายากง่ะ



Jill Stuart Fluffy Silk Powder Foundation -  101 linen
(11g / HK$ 420 หรือประมาณ 1,900baht)

แป้งเจ้าหญิง หยิบตลับแป้งขึ้นมาใช้ทีนี่นึกว่าตัวเองเป็นราพันเซล เดี๋ยวๆๆ สวยอะไรเบอร์นี้
เนื้อแป้งนุ่มลื่นและละเอียดมากกกก (แพงมากเช่นกัน) แต่ตัวนี้จอยรู้สึกว่าปัดแล้วค่อนข้างหนา
ปกปิดได้ดี แต่ไม่ค่อยธรรมชาติ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้แล้วฟินทุกที
พัฟที่ให้มาก็น่ารักและนุ่มละมุนมากๆ แต่สรุปคือไม่ค่อยได้ใช้ ใช้แปรงปัดซะมากกว่า
ถ้าใช้แปรงปัด จะได้ลุคที่บางเบากว่า หน้าเรียบเนียน (แต่ปกปิดไม่มาก) สวยกำลังดี 
ความติดทนพอสมควร ผ่านไปซักพักก็หน้าเริ่มมันช่วงทีโซน 
ส่วนตัวแล้วไม่มีอะไรที่ประทับใจโดดเด่น นอกจากกลิ่นและแพกเกจจิ้ง
แต่ตัวนี้เป็นตัวที่ยังลองไม่บ่อยเท่าตัวอื่น เพราะไม่ค่อยกล้าหยิบขึ้นมาใช้ (กลัวสึกหรอ 555)


เมื่อลองปาดสีมาเทียบกันดู

เจ็บปวดมากกก ดูสีของแป้ง chanel คือพอดีผิวมากกกก
แต่พอมันเซตเข้ากับผิวหน้าเท่านั้นแหละ ผิวแทนไปเลยจ้าา
ใครที่ผิวประมาณจอย NC20 ก็ลองเทียบสีดูได้เบย
หมดแล๊ววววว
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาแป้งตลับอยู่นะคะ
ใครใช้ตัวไหนแล้วชอบ หรืออยากเสนอแนะเพิ่มเติมก็มาแชร์กันได้เลยน้า
แล้วพบกัยใหม่บทความหน้าค่ะ




Create Date : 12 กรกฎาคม 2559
Last Update : 12 กรกฎาคม 2559 17:04:48 น.
Counter : 19075 Pageviews.

2 comment
[Review] Real Techniques Travel essentials ลุคใหม่


 สวัสดีค่า
จอยเองค่ะ เพิ่งจะรีวิวแปรงเซตใหญ่เซตนึงไปหมาดๆ 
วันนี้จอยเอาแปรงอีกหนึ่งเซตมารีวิวให้เพื่อนๆได้เกิดกิเลสกันอีกแล้วค่ะ

นั่นก็คือ
Real Techniques Travel essentials
(ราคาประมาณ 790 บาท / 1set)









คนที่เคยใช้แปรงจาก Real Technique มาก่อนหน้านี้แล้ว อาจจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไป
ไม่ว่าจะเป็นเคสกระเป๋าที่เปลี่ยนจากสีดำ มาเป็นสีขาวสะอาด หรือสีด้ามแปรงที่แซ่บจี๊ดจ๊าดขึ้นระดับสิบ
ส่วนตัวแล้วชอบที่เคสกลายมาเป็นสีขาวนะ สวยมากกกก แถมด้านในเป็นสีเทา กันเลอะเทอะ
แต่ด้ามแปรงสีแซ่บนี้ดูแปร๋นเกินไปหน่อย



สำหรับ set Travel essentials 
เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มสะสมแปรง หรือไม่รู้ว่าจะซื้อแปรงอันไหนก่อนดี 
เพราะเขาเลือกแปรงที่จำเป็นมาให้แล้ว ซึ่งได้แก่

1.Essential foundation brush (สีส้ม)
2.Domed shadow brush (สีฟ้า)
3.Multi-task brush (สีชมพู)

รวมทั้ง case กระเป๋าเสียบแปรง ที่เหมาะสำหรับพกพา ช่วยปกป้องไม่ให้ขนแปรงเสียทรง
สามารถพกไปเที่ยวได้สะดวกสบายมากๆ เคสอันนี้ก็มีความพิเศษที่สามารถ
ปรับให้เป็นแท่นวางแปรงได้อีกด้วย โดยการรูดเชือกด้านหลังแล้วล็อคไว้ (เกร๋ไกร๋ไปอีกก)



ต่อไปเรามาค่อยๆไล่ดูแปรงที่ละตัวกันค่ะ



ส่วนตัวแล้วชอบคุณภาพของแปรงของ RT มากๆ เพราะนอกจากจะนุ่มไม่บาดหน้าแล้ว 
ยังใช้งานได้ดี อย่างเบลนสีผลิตภัณฑ์ได้สวยงาม ขนแปรงมีความสปริงตัวได้ดี
และล้างทำความสะอาดง่าย แปรงแห้งเร็ว ไม่มีกลิ่น(แบบแปรงขนสัตว์)
และด้วยความที่ขนแปรงเป็นแบบ duo-fiber ทำให้สามารถใช้กับ
ผลิตภัณฑ์แบบฝุ่นและแบบเหลวได้ ไม่มีปัญหา



domed shadow brush: แปรงสำหรับลงอายแชโดว์ ขนาดกำลังดี ปัดทั้งทั่วเปลือกตา 
หรือจะเน้นคัดเบ้าตาก็ได้ ใช้ได้กับทั้งเนื้อฝุ่นหรือเนื้อครีม

essential foundation brush: แปรงสำหรับลงรองพื้น ความกล้างของแปรงกำลังดี 
ไม่ใหญ่หรือไม่เล็กจนเกินไป ขนแปรงละเอียดนุ่ม ใช้ง่าย ไม่ทิ้งรอยแปรง
ตัวนี้จอยเอามาใช้แตะไฮไลท์หรือ เฉดดิ้งในจุดเล็กๆก็ได้

multi task brush:  แปรงอเนกประสงค์สมชื่อ คือจะใช้สำหรับปัดแป้งทั่วใบหน้า
หรือใช้ปัดบลัชออนหรือลงเฉดดิ้งข้างแก้มและบริเวณกรามก็ได้
คือมีแท่งเดียว ทำได้ทุกอย่าง พุ่มขนแปรงไม่แน่นมาก
เน้นนุ่ม สปริงตัว ได้ลุคแอร์บลัช


สำหรับการทำความสะอาดแปรง จอยเคยทำรีวิว how-to ไปแล้ว สำหรับคนที่สนใจ จิ้มลิ้งได้เลย

คือในเซตแปรงอันนี้เขาแถม sample เจลล้างแปรงมาให้ด้วย 



สำหรับจอยจะชอบใช้โฟมล้างหน้าที่มีคุณสมบัติชะล้างเครื่องสำอาง มาใช้ในการล้างแปรงค่ะ
เพราะลองใช้แล้ว รู้สึกว่าอ่อนโยนและสะอาดเร็วมากกกกก
และมั่นใจได้ว่าไม่มีสารตกค้างแน่นอน (ใช้กับผิวหน้าได้ ใช้กับแปรงได้ชัวร์)
+ อุปกรณ์ล้างแปรงจากไดโซะ (ที่จริงเป็นทีขูดวาซาบิ)

อย่าลืมนะคะ แปรงเป็นอุปกรณ์ที่สัมผัสกับใบหน้าของเราโดยตรงทุกๆวัน
ดังนั้นเราต้องหมั่นรักษาความสะอาดแปรงอยู่เป็นประจำ ใครขยันหน่อยก็ล้างแปรงอาทิตย์ละครั้ง
ส่วนจอยแอบขี้เกียจ ทำความสะอาดเดือนละครั้ง แฮ่ๆ

และแปรงของ RT ล้างเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้ขนแปรงเปลี่ยนรูปแน่นอน 
แถมยังนุ่มเหมือนเดิมตลอด <3 รักกก




หวังว่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับสาวๆที่กำลังมองหาแปรงมาเพิ่มในคอลเล็กชั่นนะคะ
แปรงถูกและดีมีคุณภาพ บอกเลยว่าสอยมาเถอะ คุ้มมมมม

แล้วพบกันใหม่บทความหน้า แล้วเจอกันคร๊าบบบ






Create Date : 11 กรกฎาคม 2559
Last Update : 11 กรกฎาคม 2559 14:58:53 น.
Counter : 4873 Pageviews.

0 comment
[Swatches] รีวิวมหากาพย์ดินสอไลน์เนอร์ 50 กว่าแท่ง





สวัสดีค่า จอยเองค่ะ สาวตาหมวยที่บริโภคอายไลน์เนอร์เป็นอาหารหลัก
เพื่อนๆ คงจะมีเครื่องสำอางชิ้นสำคัญที่ขาดกันไม่ได้ใช่ไหมคะ
ไม่ว่าจะเป็น คิ้ว ปาก หรือแก้ม แบบว่าไม่ได้แต่งนี่ออกจากบ้านไม่ได้เลย
ส่วนของจอยนี่คือ อายไลน์เนอร์ คะ 
เพราะจอยตาตี่ม๊ากกก คือไม่กรีดแล้วจะดูตาบวม ขนาดโดนทักว่าป่วยกันเลยทีเดียว (เศร้าแพร่พ)



ทีนี่มาเข้าเรื่องของเรากัน
อายไลน์เนอร์ที่จอยใช้บ่อยมากที่สุด คืออายไลน์เนอร์ชนิดดินสอค่ะ
จะหมุน หรือจะเหลา จอยก็ไม่เกี่ยง ใช้ได้หมด ขอแค่ปาดลงบนตาได้สะดวกก็พอ
นอกจากจะกรีดตาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องมัวเบลนสีแบบอายแชโดว์แล้ว
อายไลน์เนอร์แบบดินสอยังสามารถให้เส้นที่คมชัด และสีที่แน่นสุดๆ

อย่างคนธรรมดาใช้กรีดบางๆชิดโคนขนตา ก็จะสวยกำลังดี
แต่สำหรับสาวตาหมวยอย่างจอยต้องกรีดเป็นแถบหนามากๆ
กินเนื้อดินสอไปมากกว่าคนตาธรรมดาเกือบ 3 เท่าได้ (ฮือ)
แต่พอลืมตาขึ้มา เส้นก็จะบางกำลังสวยพอดีค่ะ 
(คือถ้าจอยเขียนแค่ชิดขอบตา ลืมตาขึ้นมามันก็จะหายไปหมดเลย แงๆ) 



สว้อชรวมๆกันแล้ว จัดได้ตั้งแต่งานปาตี้ยันงานบวชกันเลยทีเดียว กรี้ส!



อายไลน์เนอร์ที่จอยเอามา swatches กันในวันนี้คือทุกสีที่เป็นดินสอนะคะ 
(แบบปากกาจะมารีวิวต่อบทความหน้า ไม่งั้นอาจเลยทะลุปีแสงได้)
สิ่งที่จอยจะเทส คือเทสสี เทสความติดทน และเทสการเช็ดทำความสะอาดนะคะ
(ได้ดูคุณภาพ คลีนซิ่งแต่ละยี่ห้อไปด้วยเลย)
ได้ดูมหากาฬนี้กันเล้ยยยยย

= = = = = = =

- เฉดแรก เริ่มกันที่สีดำ สี must have ของทุกๆคน -

BLACK

1. CLIO gelpresso pencil gel liner mini สี No.5 Gloden Black

2. TopShop Precision liner

3. 12plus Colorista Auto Eyeliner สี black magic

4. Dolly Wink Pencil Eyeliner - black

5. Urban Decay 24/7 Glide On Eye Pencil สี perversion

6. GINO McCRAY THE PROFESSIONAL MAKE UP AUTO GEL LINER

7. GINO McCRAY The Professional Make Up Eye Crayon สี Eye Envy

8. GINO McCRAY Pink Passion Diamond Forever Stick Eye Color สี 01 Obsidian


สีที่ดำเข้มสนิท ชนะเลิศ : 

GINO McCRAY THE PROFESSIONAL MAKE UP AUTO GEL LINER (1)

เนื้อที่นุ่มลื่น เขียนง่าย ชนะเลิศ : 

GINO McCRAY THE PROFESSIONAL MAKE UP AUTO GEL LINER (1)

และ TopShop Precision liner (2)


บอกเลยว่าไม่ธรรมดา! อายไลน์เนอร์ที่นุ่มสุดยอด แถมสีดำแน่น เข้มสนิทอย่างกับปากกา

ได้แชมป์ไปครองถึงสองตำแหน่งด้วยกัน 

เป็นอายไลน์เนอร์จาก GINO McCRAY (Beauty Buffet) 

อุ๊มายก้อด!! ของถูกและดีมันมีในโลกจริงๆนะตัวเธอ (สนนราคา 295 บาท)

ส่วนของ topshop ก็เขียนได้ลื่นมากเช่นกัน แต่สีดำไม่ชัดเท่าค่ะ


- ทดสอบความกันน้ำ -


กันน้ำ & การใช้นิ้วถู ชนะเลิศ : 

CLIO gelpresso pencil gel liner mini สี No.5 Gloden Black (1)

 Urban Decay 24/7 Glide On Eye Pencil สี perversion (5)

GINO McCRAY THE PROFESSIONAL MAKE UP AUTO GEL LINER (6)

 GINO McCRAY The Professional Make Up Eye Crayon สี  Eye Envy (7)


4 ตัวนี้มีความทนทานมากที่สุด คือแทบจะไม่เลือนเลย โดยเฉพาะ

GINO McCRAY THE PROFESSIONAL MAKE UP AUTO GEL LINER (6)

ส่วนน้อง topshop ผู้ชนะเลิศหัวข้อที่แล้ว มาตกม้าตายเอาตรงความติดทนเฉยเลย


- ทดสอบการเช็ดทำความสะอาด -


เช็ดออกได้สะอาดหมดจด ตัวที่ติดทนสุดๆ ก็แอบล้างออกยากไปตามระเบียบนะฮะ


สรุปในส่วนของอายไลน์เนอร์ดินสอสีดำ : 

ไปสอย GINO McCRAY THE PROFESSIONAL MAKE UP 

AUTO GEL LINER มาโล้ดดดด มันคือความดีงาม!!


= = = = = = =



BROWN (1)

1. GINO McCRAY Pink Passion Diamond Forever Stick Eye Color สี 05 Barite

2. GINO McCRAY Pink Passion Diamond Forever Stick Eye Color สี 04 Aragonite

3. GINO McCRAY Pink Passion Diamond Forever Stick Eye Color สี 03 Bronzite

4. GINO McCRAY The Professional Make Up Eye Crayon สี Eye Hope

5. In2it waterproof gel liner สี WG04 copper

6. GINO McCRAY The Professional Make Up Eye Crayon สี Eye Strong

7. SEPHORA COLLECTION Contour Eye Pencil 12hr Wear Waterproof สี 15 Flirting Game



กันน้ำ & การใช้นิ้วถู ชนะเลิศ : 

GINO McCRAY The Professional Make Up Eye Crayon สี Eye Hope (4)

In2it waterproof gel liner สี WG04 copper (5)

 GINO McCRAY The Professional Make Up Eye Crayon สี Eye Strong (6)

ถือว่าค่อนข้างทนทานมากเลยทีเดียว



สะอาดหมดจดอย่างง่ายดายทุกสีเช่นกันค่ะ <3

ตัวที่ติดทน ชนะเลิศในหัวข้อที่แล้ว ก็เช็ดออกยากกว่าตัวอื่นๆเล็กน้อยค่ะ


= = = = = = =



BROWN (2)

1. Etude Proof 10 auto pencil สี BR401

2. Urban Decay 24/7 Glide-On Shadow Pencil สี Rehab

3. In2it Waterproof Eyeliner สี 02 Dark Brown

4. Urban Decay 24/7 Glide On Eye Pencil สี Demolition

5. Majolica Majorca Cream Pencil Liner สี BR677 Cocoa Brown

6.Urban Decay 24/7 Glide-On Shadow Pencil สี  mushroom



กันน้ำ & การใช้นิ้วถู ชนะเลิศ : 

คือติดทนแทบทุกตัว

ยกเว้น  Majolica Majorca Cream Pencil Liner สี BR677 Cocoa Brown (5)



ล้างออกหมดจด จะมีตัว

In2it Waterproof Eyeliner สี 02 Dark Brown (3) และ

Urban Decay 24/7 Glide-On Shadow Pencil สี  mushroom

ที่ดูล้างออกยากมากกว่าตัวอื่นค่ะ (6)


= = = = = = =



PURPLE

1. In2it waterproof gel liner สี WG06 claret

2. Urban Decay 24/7 Glide On Eye Pencil สี VICE

3. GINO McCRAY Pink Passion Diamond Forever Stick Eye Color สี 02 Zircon

4. GINO McCRAY Pink Passion Diamond Forever Stick Eye Color สี 10 Charoite

5. Essence Stays no matter what eye pencil & shadow สี 02 powerful purple

6. 12plus Colorista Auto Eyeliner สี Purple Parade 



กันน้ำ & การใช้นิ้วถู ชนะเลิศ : 

 In2it waterproof gel liner สี WG06 claret (1)

Urban Decay 24/7 Glide On Eye Pencil สี  VICE (2)

Essence Stays no matter what eye pencil & shadow สี 02 powerful purple (5)


ส่วนเจ้าตัว  12plus Colorista Auto Eyeliner สี Purple Parade (6) ดูเหมือนจะ

มีแพนด้าลงมาเล็กน้อย แต่สียังติดคงชัดครบถ้วน



In2it waterproof gel liner สี WG06 claret (1) และ

12plus Colorista Auto Eyeliner สี Purple Parade (6)

คือทำความสะอาดยากม๊ากก ติดทนไปไหนคะคู้นน


และอันนี้แอบประทับใจ Essence Stays no matter what eye pencil & shadow สี 02 powerful purple คือทนน้ำ ทนถู (สมชื่อ Stays no matter what มาก)

แต่กลับล้างด้วยน้ำยา ออกอย่างง่ายดาย

ของถูกและดีมีคุณภาพอีกแล้วคร๊าบบบ!!


= = = = = = =



PINK

1. CLIO gelpresso pencil gel liner mini สี No.7 Bloody Angle

2. CLIO gelpresso pencil gel liner No.13 Bloody sweet

3. Urban Decay 24/7 Glide-On Shadow Pencil สี Noise

4. Majolica Majorca’s Limited Edition Perfect Automatic Liner #36

5. 12plus Colorista Auto Eyeliner สี Pink Pal

6. SEPHORA COLLECTION Contour Eye Pencil 12hr Wear Waterproof สี strawberry macaroon

7. Etoinette Tear Drop Liner Set #02 Charming Tear

8. Maybelline Hyper Glossy Run Way Pop Liquid liner สี Hot pink



กันน้ำ & การใช้นิ้วถู ชนะเลิศ : 

CLIO gelpresso pencil gel liner mini สี No.7 Bloody Angle (1)

Urban Decay 24/7 Glide-On Shadow Pencil สี Noise (3)


12plus Colorista Auto Eyeliner สี Pink Pal (5)

มีแพนด้าลงมานิดหน่อย แต่สียังติดทนชัด ไม่เลือน



CLIO gelpresso pencil gel liner mini สี No.7 Bloody Angle (1)

12plus Colorista Auto Eyeliner สี Pink Pal (5)

คือล้างออกยากไปอี๊กกก


Urban Decay 24/7 Glide-On Shadow Pencil สี Noise (3) 

ที่ทนน้ำทนถู ก็ยังออกได้หมดจดจ้า ดีงามพระราม8


= = = = = = =



BEIGE

1. Maybelline lovebag bigeyes liner สี nude beige

2. Catrice Made to Stay Highlighter Pen

3. Collection Work The Colour Eyeshadow Pencil สี vanilla sky

4. Sephora Jumbo Liner สี 05 Beige

5.SEPHORA COLLECTION Contour Eye Pencil 12hr Wear Waterproof สี 06 Blonde Ambition 



กันน้ำ & การใช้นิ้วถู ชนะเลิศ : 

Collection Work The Colour Eyeshadow Pencil สี vanilla sky (3)

Sephora Jumbo Liner สี 05 Beige (4)



เจ้าตัว Collection Work The Colour Eyeshadow Pencil สี vanilla sky (3)

แอบล้างออกยากนิดนุง แต่สุดท้ายก็หมดจดดีจ้าาา


= = = = = = =



WHITE

1. 12plus Colorista Auto Eyeliner สี Snowy White

2. Mille Superstar glittering gel liner

3. Etude Proof 10 auto pencil (จำชื่อสีไม่ได้)

4. GINO McCRAY The Professional Make Up Eye Crayon สี eye shine



กันน้ำ & การใช้นิ้วถู ชนะเลิศ : 

Etude Proof 10 auto pencil ที่ทนที่สุดน่าจะเป็นตัวนี้ 

สีข้างบนคือละลายลงมาทำร้ายเพื่อนมาก



ทุกตัวหมดจดอย่างรวดเร็ว ยกเว้น

12plus Colorista Auto Eyeliner สี Snowy White

ติดทนมากกก 12plus นี่เห็นติดทนแทบทุกตัว (ทนแบบนี้แอบกลัวล้างไม่สะอาด กรี้ส)


= = = = = = =


มาต่อกันที่สีสุดท้าย สีนี้จอยลืม test ความติดทน ต่อน้ำและการถูนะค่ะ (ฮือ ซอรี่ย์ ~)



BLUE

1. GINO McCRAY The Professional Make Up Eye Crayon สี Eye Believe

2. CLIO gelpresso pencil gel liner mini สี Deep sea blue

3. GINO McCRAY Pink Passion Diamond Forever Stick Eye Color สี 09 Larimar

4. 12plus Colorista Auto Eyeliner สี Navy Blue

5. Collection Work The Colour Eyeshadow Pencil สี denim diva

6. CLIO gelpresso pencil gel liner mini สี No.11 Jude green

7. Urban Decay 24/7 Glide On Eye Pencil สี  LSD



ทุกตัวคือล้างออกง่าย สบายบริ๋ออออ


= = = = = = =


หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะค้าา (ปาดเหงื่อรอบที่ร้อย)

อยากให้เพื่อนๆเจอสีไลน์เนอร์ที่ถูกใจ และอาจไม่จำเป็นต้องมีเยอะแบบจอย

แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะ

สำหรับวันนี้ไปแล๊ววว 







Create Date : 20 มิถุนายน 2559
Last Update : 22 มิถุนายน 2559 12:47:30 น.
Counter : 3507 Pageviews.

0 comment
[Review] ESTEE LAUDER Pure Color Crystal Baby Face Palette (limited edition)



สวัสดีค่า ช่วงนี้ฝนตกรัวๆ ระวังสุขภาพกันด้วยนะคะ
ใครกลัวฝน แต่ไม่อยากอยู่บ้าน ก็แวะช้อปปิ้งในห้างกันเน้อะ (กิกิกิ)
วันนี้จอยจะมาสร้างกิเลส เอ้ย รีวิวพาเลตลูกรักตัวใหม่ค่ะ นั่นก็คือ  

ESTEE LAUDER Pure Color Crystal Baby Face Palette (limited edition)
(1,850 บาท)

รายละเอียดผลิตภัณฑ์
พาเลตต์ที่รวมประสิทธิภาพรอบด้าน ในการมอบประกายสว่างและสร้างมิติบนใบหน้า
พาเลตต์คู่ใจสำหรับหญิงสาวชาวเอเชียนี้ออกแบบมาเพื่อใช้คอนทัวร์
และสร้างความเปล่งประกายซึ่งเหมาะกับโทนสีผิวของชาวเอเชีย
อย่างแท้จริง แต่ละผลิตภัณฑ์ในชุดช่วยขับผิวให้ระยิบระยับและสร้างมิติที่งดงามเสน่ห์และ
ความโรแมนติกของอิสตรีคือแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่น Modern Romance ที่ได้รับการ
รังสรรค์เพื่อผู้หญิงชาวเอเชียโดยเฉพาะ ด้วยลุคที่อ่อนหวานแต่ทรงพลัง
ดุจมนตร์สะกดที่ยากจะห้ามใจ สร้างพวงแก้มแดงระเรื่อราวกับดอกไม้แรกแย้มมอบ
ริมฝีปากสีชมพูและพีชที่ชวนฝัน และให้ดวงตาสดใสระยิบระยับที่แฝงไว้ด้วยประกายอันงดงาม
 แว่บแรกที่เห็นคืออยากได้มากกกก มันเลอค่ามากกก
จอยไปโดนจากเคาเตอร์พารากอน ซึ่งมันลด 10% + on top คะแนนบัตรเครดิต
ไปๆมาๆสรุปเหลือ 1,4xx มีความฟินสุดดดดด

ข้ามเรื่องราคาความเจ็บปวดไป...
หลังจากได้ลองเทสสีแล้วรักมากกก ความดีงามมมม
ลายบนตัวแป้งคือหรูมากไปไหน เหมือนคริสตัลจริงๆ เหลี่ยมๆสะท้อนแสงสวยวิ้งวับมากๆ
ตลับค่อนข้างใหญ่ แต่แบนมากๆ พกพาสะดวก กระจกที่ให้มาคือกว้างมากกกกก
เห็นทั่วทั้งหน้าแน่นอน พกไปแต่งหน้าคือสะดวกมากๆ
แถมตลับเดียว ใช้ได้ทั้งไฮไลท์ บลัชออน เฉดดิ้ง เรียกว่าสวยครบ ตลับเดียว


ความรู้สึกแรกที่สัมผัสนิ้วไปที่เนื้อผลิตภัณฑ์คือฟินสุด เนื้อนุ่มและลื่นมากๆ 
เหมือนปาดนิ้วลงไปบนเนื้อครีมนุ่มๆ เม็ดสีชัดเจน ไม่ต้องวนซ้ำ

ไฮไลท์
สวยมากกกกกกก สีเหมือนกับผิวไข่มุก ขาวๆอมเบจ ดูแพงมากกก (ซึ่งก็แพงจริง)
เป็นลักษณะเหลือบๆกับแสง ไม่ได้เป็นประกายชิมเมอร์
ปัดแล้วดูประกายเป็นธรรมชาติ เหมือนผิวอิ่มน้ำ สุขภาพดี

บลัชออน
แพ้เฉดนี้มากกก ไม่ต้องถามนะว่ามีบลัชออนสีคล้ายๆแบบนี้กี่อันแล้ว (มันเจ็บปวด)
สีชมพูอ่อนๆ มีเจือความเป็นแดงและส้มนิดๆ ชมพู coral กลีบกุหลาบแบบนี้แหละ 
#ช็อตนี้นุ้งตายยยข่ะ
ตัวนี้จอยว่าสีมันเฉดอ่อนๆ ไม่แรงเกินไป คือสีนัวๆ เหมือนมีฟิวเตอร์แก้มชมพูบางๆ
ปัดแบบหนักมือได้โดยไม่ต้องกลัวงิ้วหรือเป็นแก้มลิง
ยังปัดยิ่งสวย เบลนแล้วฉ่ำๆ คือสีมันไม่ใช่ชมพูแมต มีความวาวเล็กๆในตัว ...ปัดวนไปค่ะ!!!
*เทสกับแปรงขนกระรอกนุ่มๆ ปรากฎว่าสีบางเบามากกก
เลยปัดกับแปรงที่ขนเข็งขึ้นมาหน่อย ถึงจะได้สีที่กำลังดีค่ะ*

เฉดดิ้ง
ตัวนี้พอลองปาดกับแขนดู จะออกไปทางโทนเหลือง แอบกลัวว่าจะดูหลอก
แต่พอลองบนผิวหน้าแล้ว มันกลับดูธรรมชาติผิดคาด
คือสีเข้ากับผิว ดูเหมือนเป็นแสงและเงาที่เกิดจากธรรมชาติเลย
จอยใช้ปัดบริเวณ กรอบหน้า และไล้สันจมูก
ตัวนี้สีก็ไม่เข้มเช่นกัน ปัดได้สบายมาก ไม่ต้องกลัวจะหนักมือเกินไป
เบลนสีง่าย ไม่เป็นเส้นน้ำตาลเข้มๆแน่นอน
สังเกตุดีๆ เนื้อจะไม่ถึงกับแมต มีความเหลือบๆแสงอยู่เล็กน้อย (แต่ไม่เท่าบลัชกับไฮไลท์)
ทำให้ปัดออกมาได้ดูธรรมชาติยิ่งขึ้น ไม่ดูแบนจนเกินไป
เริศเว่อร์ๆๆๆ
ความติดทน 
ติดทนมากกก จอยปัดไปตอนเช้า ออกไปเที่ยวข้างนอก กลับบ้านมาตอนค่ำ ถูพื้นๆ เก็บกวาดห้อง
เหงื่อนนี่ไม่ต้องพูด น้ำว่าไป work out มา หน้านี่มันย่องเหมือนกระทะเตรียมทอดหมู
ลองส่องกระจกดู พบว่าแก้มยังอมชมพูอยู่ เหงื่อและความมันไม่สามารถทำอะไรนางได้ค่ะ
เฉดดิ้งไม่ค่อยเห็น อาจจะเพราะเริ่มกลืนไปกับผิว ส่วนไฮไลท์บริเวณโหนกแก้ม
ก้ยังวิ้งวาว บวกกับความฉ่ำของหน้าแล้วนั้น หน้าพุ่งไปอี๊กกก
สรุปคือชอบมากกกก
รู้สึกคุ้มค่ากับราคา เพราะคุณภาพค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว
ติดอยู่อย่างเดียว คือมันเป็นรุ่น Limited Edition ถ้าหมดไปแล้วอาจจะต้องรอ
collection หน้าเลย เพราจอยเคยไปลองเล่นรุ่นธรรมดาของบลัช Estee แล้วรู้สึกเฉยๆ



ใครจะหาซื้อ รีบไปพุ่งตัวไปค่ะ แนะนำมากจริงๆ :)))
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆคนนะค่า
แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ




Create Date : 20 มิถุนายน 2559
Last Update : 20 มิถุนายน 2559 19:04:33 น.
Counter : 2403 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

LoveBerryJoyJee
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



loveberry joyjee
See my Art work, Graphic Design