|
เลเซอร์กำจัดสิวเสี้ยน
ผู้หญิงเคยรู้สึกเช่นนี้ทุกคน ความรู้สึกที่เจ็บ... แต่ก็สนุก จะอะไรเสียอีก บีบสิวเสี้ยนไง บีบกันทุกคน บีบจนจมูกช้ำแดงอับเสบ หายช้ำ จมูกยังคล้ำเป็นจ้ำ ๆ บีบทุกวันช้ำทุกวัน จะจัดการกับสิวเสี้ยนยังไง
สิวเสี้ยนมาจากไหน
มาจากไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าผุดขึ้นมาอยู่ปลายจมูก แก้มข้างจมูก และคาง ตั้งแต่เริ่มเป็นสาว ไม่หายไปสักที มีทั้งหัวดำหัวขาว ชนิดหัวขาว บีบจะเห็นไขขาว ๆ จากต่อมไขมันรวมอยู่กับเศษเซลล์ผิวที่ค้างอุดตันอยู่ในรูขุมขน (รูขุมขนจะมีต่อมผลิตไขมันอยู่ข้าง ๆ) ส่วนที่เห็นเป็นจุดดำก็เนื่องจากมีขนเส้นเล็ก ๆ รวมอยู่ด้วย
"ถ้าส่องสิวเสี้ยนด้วยแว่นขยาย จะมีขนเส้นเล็ก ๆ ตั้งแต่ 5-50 เส้นรวมอยู่บนเซลล์ผิวหนังรอบ ๆ รูเปิดของต่อมไขมัน" พญ.กุหลาบ จิตต์มิตรภาพ แพทย์ผิวหนังอธิบาย
"สิวเสี้ยนจะเห็นชัดแค่ไหน ขึ้นอยู่กับจำนวนผมเส้นเล็ก ๆ ที่ไปกระจุกอยู่ในรูขุมขน และมีเซลล์ผิวหนังที่เรียก ขี้ไคล สะสมอยู่มากหรือน้อย" คุณหมอยังบอกด้วยว่า สิวเสี้ยนไม่ได้ขึ้นเฉพาะที่ปลายจมูก แก้ม บางรายอาจขึ้นที่หน้าผาก หลัง เนินไหล่ ต้นคอ และต้นแขน
สิวเสี้ยนเป็นภาวะที่พบได้บ่อย พบได้กับคนทุกเพศทั้งชายหญิงตั้งแต่อายุ 17-60 ปี วิธีรักษาสิวเสี้ยนส่วนใหญ่จะเพียงบรรเทาปัญหา ไม่ใช้วิธีรักษาให้หายขาด
1. ทายาละลายสิวเสี้ยน
มียา 2-3 ชนิดที่นิยมใช้รักษาสิวเสี้ยน มี AHA, BHA และสารในกลุ่มกรดวิตามินเอ จำพวกทริตินอล (Tretinol), เรตินเอ (Retin A) หรือสตีวาเอ (Steiva A)
"สารเหล่านี้ ช่วยให้การก่อตัวอุดตันของเซลล์ผิวหนังในท่อรูขุมขนเกิดภาวะหลอมตัวและละลายหลุมออกมา" พญ.วิไล ธนสารอักษร อธิบาย
เธอเป็นแพทย์ผิวหนัง กำลังทำวิจัยประสิทธิภาพของไลโพโซมบริสุทธุ์ในการแก้ปัญหาผิวแห้ง อักเสบ และเป็นผื่นแพ้ มีประสบการณ์ด้านสิวเสี้ยนมานาน "ใช้ยาพวกนี้ 3-4 อาทิตย์ สิวเสี้ยนจะค่อย ๆ หายไป แต่หยุดยาสัก 3-4 สัปดาห์ สิวเสี้ยนใหม่อาจจะเกิดขึ้นอีก ยาเหล่านี้เพียงประทังแค่ชั่วคราว"
สารเหล่านี้อาจจำหน่ายทั้งในของรูปของยา ซึ่งแพทย์ผิวหนังจะเป็นผู้สั่งจ่ายแก่ผู้มีปัญหาสิว หรือไม่ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องสำอางดูแลผิว ถ้าอยู่ในรูปเครื่องสำอางจะผสมให้เข้มข้นที่ต่ำกว่าในรูปยา
"ข้อเสียของสารในกลุ่มกรดวิตามินเอ พบว่าอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองแก้ผิวได้" คุณหมอวิไลกล่าวต่อว่า "สารชนิดนี้อาจทำให้ผิวหน้าลอกได้ อาจต้องทาวันเว้นวัน และหมอมักแนะนำคนไข้ที่ใช้กรดวิตามินเอว่า ให้ทาตอนผิวแห้งสนิท เนื่องจากมีปฏิกิริยาระหว่างกรดวิตามินเอกับน้ำ ทำให้ชั้นผิวลอกขึ้นมาได้มากขึ้น"
"มีเครื่องสำอางที่ผสม AHA หรือกรดวิตามินเอจำพวกเรตินอลในท้องตลอกหลายยี้ห้อ พวกนี้ใช้ส่วนผสมเปอร์เซ็นค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว โอกาสลอกจะน้อย อาจรู้สึกยิบ ๆ นิดหน่อย ซึ่งต่างจากในรูปจองยาที่หมอใช้ ที่ส่วนผสมมีเปอร์เซ็นสูง โอกาสลอกมีมากกว่า แต่หมอดูแลอยู่ถ้าใช้ในรูปเครื่องสำอางแล้วผิวยังลอก ควรหยุดใช้ดีกว่า"
2. กดหรือดูดสิวเสี้ยน
กิจกรรมสวยต้องห้ามประจำของผู้หญิงหลายคน บางคนไม่มีสิวเสี้ยน ยังแตะแง้ว ๆ ขอบีบสิวเพื่อนแทน ใช่เพื่อนจะยอมให้บีบง่ายทๆ ต่างหวงเอาไว้บีบเอง ตามสถานเสริมความงามจะมีเครื่องดูดสิวเสี้ยนในรูปจุกแก้ว เวลาดูดคล้ายผิวจะถูกจูบดังจุ๊บ ๆ แพทย์ผิวหนังเองก็อาจจะสั่งให้ใช้ที่กดสิวกดสิวเสี้ยนออกในบางจุดที่หลวมตัวอ่อนลงหลังจากทายาไปประมาณ 3-4 อาทิตย์แล้ว
3. ขัดผิว
"หมอเองไม่ค่อยแนะนำให้คนไข้ขัดผิว" คุณหมอวิไลแย้งการกำจัดสิวเสี้ยนด้วยวิธีดังกล่าวนี้ เนื่องจากเม็ดขัดผิวจะขูดผิวให้เป็นแผลเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็น "วิธีนี้เป็นการทำลายเซลล์ผิว สิวเสี้ยนอาจจะหลุดออกมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้หลุดเกลี้ยงออกมาทั้งหมด"
4. มาสก์ผิว
วิธีคลาสสิกที่คุณยายสอนคุณแม่ คุณแม่สอนคุณลูก คงไม่มีวิธีไหนเกินการใช้ไข่ขาวทาที่จมูก แล้วใช้สำลีแห้ง ๆ ปะลงไข่ขาว ทาไข่ขาวทับสำลี ปะสำลีทับไปอีกที ทำเช่นนี้ 3-4 ชั้น ปล่อยไว้จนแห้งกรังก็ดึงออก
"เคยมีคนไข้ทำมาส์กไข่ขาวมาให้หมอดู" คุณหมอวิไลเล่าด้วยน้ำเสียงขำ ๆ "เป็นแผ่นแข็งออกมาเป็นรูปหน้ากากเลย สิวเสี้ยนติดออกมาเต็ม"
"อีกวิธีที่ค่อนข้างจะอันตราย มีคนไข้ใช้กาวตราช้างทาที่จมูก แล้วใช้เทปพลาสเตอร์ปะลงไปบนนั้นแล้วกระชากออก ถ้าดึงในจังหวะที่เหมาะสม สิวเสี้ยนก็ออกมาหมด แต่ถ้าดึงออกไม่ทัน กาวแห้งกรัง กาวจะแห้งติดอยู่ที่จมูกนานมาก และกาวพวกนี้เป็นสารเคมีที่รุนแรง มีโอกาสทำให้สิวอักเสบตามมา"
5. แวกซ์
วิธีนี้อาจไม่เก๋าเท่ามาส์กไข่ขาว เป็นการลอกสิวเสี้ยนตามบริเวณต้นคอ หลัง หรือไหล่ด้วยแวกซ์แวกซ์ขนที่สิว (Depilatory Wax) ซึ่งมีให้เลือกทั้งแวกซ์แบบร้อนและแวกซ์แบบเย็น เปิดให้บริการตามร้านเสริมสวยชั้นนำ หรืออาจหาซื้อแวกซ์มาทำเองที่บ้านก็ได้
"ได้ผลพอควร" คุณหมอกุหลาบแสดงความคิดเห็น แต่ก็อยากเตือนว่า "เวลาที่แวกซ์ร้อน ถ้าหากเนื้อแวกซ์มีอุณหภูมิสูงไปนิด ผิวไหม้ได้ ยิ่งไหม้สาวผิวดำ ผิวบริเวณที่แวกซ์อาจถลอก บางทีทำให้ดำยิ่งกว่าเดิม"
6. แผ่นลอกสิวเสี้ยน
ฮิตมากช่วงหนึ่ง สาว ๆ จะลูบน้ำปะจมูกเปียก ๆ ก่อนปิดแผ่นลอกสิวเสี้ยนทิ่งไว้ 10-15 นาที แล้วลอกออก
"ก็เห็นดังอยู่พักใหญ่" คุณวิไลกล่าว และเตือนต่อว่า "สารเคมีที่ใช้อาจระคายรูขุมขน ทำปฏิกิริยาให้นรูขุมขนอักเสบและเกิดสิวเห่อตามมา กรณีนี้ไม่เกิดขึ้นทุกรายที่ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน เราพบบ้างประปรายที่หลังจากสิวเสี้ยนหายแล้ว ก็กลายเป็นสิวอักเสบแทน"
7. เลเซอร์กำจัดสิวเสี้ยน
การใช้เลเซอร์กำจัดสิวเสี้ยนเป็นวิธีค่อนข้างใหม่ ใช้ได้ผลดีกับสิวเสี้ยนหัวดำ ที่จุดดำ ๆ เกิดจากไขมันผสมกับคราบไคลอุดตันอยู่ในรูขุมขน
"แต่สำหรับกรณีสิวเสี้ยนที่เป็นเพียงไขมันผสมคราบไคลอุดตันอยุ่ กลุ่มนี้เลเซอร์จะไม่ช่วย ควรต้องใช้ทายาประเภท เรติโนอิค แอซิด (กรดวิตามิน)" คุณหมอกุหลาบผู้ริเริ่มการรักษาสิวเสี้ยนด้วยเลเซอร์อธิบาย
เลเซอร์จะช่วยได้เฉพาะที่เป็นขนกระจุกอยู่ ปกติ ไม่มีใครเคยนำเลเซอร์มาใช้รักษาสิวเสี้ยน แต่ตัวหมอคิดว่าพยาธิสภาพของสิวเสี้ยนกลุ่มหนึ่ง มาจากขนเส้นเล็ก ๆ อุดตันรูขุมขน จึงริเริ่มใช้เลเซอร์สำหรับกำจัดขนเส้นเล็กชนิด Non-Q-Switch Ruby Laser ยิงเพื่อรักษาสิวเสี้ยน ครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน ยิงปุ๊บ สิวเสี้ยนหายไปหมด แรก ๆ ทำการรักษาคนไข้ 2-3 คนและคอยติดตามผลคนไข้อยู่ 1 ปี พบว่า อาการข้างเคียงไม่มี และสิวเสี้ยนหายขาด
จากการติดตามดูคนไข้ที่ใช้เลเซอร์รักษาสิวเสี้ยนจำนวนหลายร้อยคน พบว่า ได้ผลดีพอควร ถึงดีขึ้น 60-70 เปอร์เซ็น จากการรักษาแค่ 1 ครั้ง ถ้าทำมากกว่า 1 ครั้ง อาจได้ผล 70-80 เปอร์เซ็น ข้อดีของวิธีนี้ คือ ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้ยาทา และผลข้างเคียงไม่พบเลย ยกเว้นคนที่ผิวคล้ำมาก ๆ อาจมีสะเก็ดบาง ๆ พอสัก 3-7 วันก็หายไป แต่ผิวคนไทยโดยทั่วไป หลังยิงเลเซอร์แล้วจะไม่มีรอยใด ๆ เลย
หลังจากยิงเลเซอร์ ขนเส้นเล็ก ๆ จะหายไป รากขนถูกกำจัดไปด้วย เมื่อไม่มีขน รูขุมขนจะเล็กลงทันที หลังทำสังเกตได้เลย หมอติดตามคนไข้สิวเสี้ยนที่รูขุมขนกว้าง 3 ปี พบว่าดีขึ้น และผิวก็เนียนขึ้นด้วย ผิวที่มีขน เวลาทาแป้ง แป้งก็จะไปติดอยู่ที่ขน ไม่ค่อยเนียน พอเอาขนออกก็จะทำให้ผิวเนียนเรียบขึ้น
From: Lisa
| Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
| Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 22:43:58 น. |
| Counter : 1533 Pageviews. |
| |
|
| |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [