In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 

ข้อควรคิดก่อนลงมือต่อเติมบ้าน

บ้านเหมือนสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่จะต้องเติบโตและแก่เฒ่าชราไป ดังนั้นการต่อเติมบ้าน เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้นได้

แต่มีข้อคิดที่น่าสนใจ เมื่อลงมือต่อเติมบ้านจะทำอย่างไร

-หากมีงบประมาณที่แน่นอนจงวางแผนที่จะใช้เงินนั้นเพียง 70% ของเงินที่มี เพราะการต่อเติมบ้านอาจพบกับปัญหา การบานปลายได้ง่ายกว่าการสร้างบ้านใหม่

-ตรวจเช็คว่าการต่อเติมนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ และหากจำเป็นต้องขออนุญาตต่อทางราชการ ก็ดำเนินการเสีย

-ระวังปัญหาโครงสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อโครงสร้างเก่ากับโครงสร้างใหม่ เพราะอาคารใหม่ กับอาคารเก่า จะทรุดตัว ไม่เท่ากันแน่นอน เกิด "อาคารวิบัติ" ได้ หรือท่อแตก สายไฟขาด อันเนื่องจากการทรุดตัว ไม่เท่ากัน

-ตรวจเช็คประปา-ไฟฟ้า สำหรับส่วนที่ต่อเติมว่าจะเอาจากไหนมาใช้ และอย่าต่อโดยไม่รู้เรื่อง เช่นดึงสายไฟเล็ก ๆ จากบ้านเก่า มาเข้าบ้านใหม่ ทั้งหลัง สายไฟอาจช๊อตและเกิดไฟไหม้ได้

ข้อมูลโดย สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์

//www.posttoday.com/บ้าน-คอนโด/สารพันปัญหา/7997/ข้อควรคิดก่อนลงมือต่อเติมบ้าน




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 11:33:13 น.
Counter : 504 Pageviews.  

กระจกสำหรับบ้านพักอาศัย

ส่วนประกอบในบ้านที่สำคัญอย่างหนึ่งที่จะขาดเสียไม่ได้ คือกระจก ซึ่งนับวันจะยิ่งมีการใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการออกแบบของอาคารสมัยใหม่ ซึ่งเน้นทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้กว้างไกล และการนำแสงสว่างเข้ามาใช้ในอาคารมากขึ้นเพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน

ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการการผลิต ทำให้มีกระจกหลากหลายให้เลือกใช้ เช่น กระจกทำความสะอาดตัวเอง กระจกที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ กระจกเปลี่ยนสี กระจกเรืองแสง กระจกลดแสงสะท้อน กระจกกันเสียง กระจกกันกระสุน และกระจกป้องกันไอน้ำ เป็นต้น

กระจกในบ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ที่เราใช้กันทั่วไปก็จะเป็นกระจกใสธรรมดา (Float Glass) ความหนา 6 มม. บ้าง 8 มม. บ้าง แล้วแต่ขนาดของประตูหน้าต่าง เรามักจะเลือกใช้กันเฉพาะสีบางสีเป็นพิเศษเท่านั้น เช่น สีเขียวใส สีดำใส เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วการเลือกกระจกอาจดูจากคุณสมบัติของกระจก เช่น

- กระจกที่มีแผ่นฟิล์มใสอยู่ตรงกลาง (Laminated Glass) เหมือนกับที่ใช้ในกระจกหน้าของรถยนต์ ราคาอาจจะแพงกว่ากระจกธรรมดาหลายเท่า แต่ไม่ต้อง เสียเงินมาติดเหล็กดัดให้ดูรกหูรกตาอีกต่อไป เพราะกระจกประเภทนี้ทุบให้ขาดออกจากกันยาก เนื่องจากมีแผ่นฟิล์มอยู่ตรงกลาง สามารถเลือกความหนาของแผ่นฟิล์มได้

หากค่าใช้จ่ายสูงเกินไป อาจเลือกใช้เฉพาะจุดที่เสี่ยงต่อหัวขโมยเท่านั้นก็ได้ เช่น บริเวณชั้นล่าง หรือระเบียง อีกทั้งแผ่นฟิล์มที่อยู่ตรงกลางยังช่วยลดแสง UV ที่จะทำให้เครื่องเรือนและวัสดุอื่นๆ ในบ้าน มีสีซีดจางหรือเหลืองได้ กระจกประเภทนี้สังเกตได้ง่ายๆ ผู้ผลิตจะมีการแสตมป์ตัวอักษรสีขาวไว้ที่มุมกระจกด้านใดด้านหนึ่ง และหากเราลองเอาเหรียญเคาะดู กระจกจะมีเสียงแน่น ไม่เป็นเสียงใสเหมือนเคาะแก้วน้ำ ทั้งนี้เพราะมีฟิล์มอยู่ตรงกลางนั่นเอง

- กระจกนิรภัย (Tempered Glass) ซึ่งมักใช้สำหรับห้องอาบน้ำครับ เพราะหากเราลื่นหกล้ม ชนกระจก กระจกจะแตกเป็นเม็ด และไม่เป็นอันตรายต่อเรามาก ความหนาที่เหมาะสมอยู่ที่ 10-12 มม. แนะนำให้ใช้สำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือในโรงเรียนอนุบาล เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ การดูกระจกประเภทนี้ ผู้ผลิตจะมีการแสตมป์ตัวอักษรสีขาวไว้ที่มุมกระจกด้านใดด้านหนึ่งเช่นกัน หรือหากเรามองกระจกนี้ในมุมเอียงๆ เราจะเห็นแสงสะท้อน 7 สีรุ้ง และคล้ายๆ รอยไหม้ที่ผิวกระจก เนื่องจากกระจกได้ผ่านกรรมวิธีการอบด้วยความร้อนมา

- กระจกเงา คือการนำกระจกใสธรรมดามาเคลือบสารต่างๆ เช่น เงิน ทองแดง และเคลือบสารอื่นๆ อีกหลายขั้นตอน ข้อควรระวังก็คงเป็นเรื่องความชื้นที่อยู่ด้านหลังกระจก หากมีการป้องกันความชื้นด้านหลังที่ดี เช่น การรองด้วยแผ่นไม้อัด ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของกระจกได้นานหลายสิบปี

- กระจกกันเสียงและกันความร้อน Double Glass หรือ Insulated Glass กระจกประเภทนี้ราคาสูงมากแต่ป้องกันความร้อนและเสียงได้ดีมาก ผลิตโดยการนำกระจกสองแผ่นมาประกบกันแต่ให้มีระยะห่างระหว่างกัน 1-1.5 ซม. แล้วทำให้ช่องว่างนั้นเป็นสุญญากาศ กระจกประเภทนี้เหมาะสำหรับห้องนอนเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งคนที่ต้องการความเงียบสงัดในการนอนและนอนเปิดแอร์ตลอด กระจกประเภทนี้จะช่วยลดการเกิดไอน้ำเกาะที่กระจกด้วย มักจะนำมาใช้มากในการทำตู้แช่ หรือตู้ในซูเปอร์มาร์เก็ต

กระจกบางชนิดราคาต่างกันมากกว่า 10 หรือ 100 เท่าก็มี ดังนั้นการเลือกใช้กระจกให้เหมาะสมกับห้องต่างๆ ในบ้านจึงจะช่วยให้ท่านประหยัดงบประมาณการก่อสร้างและการใช้พลังงานได้อย่างแท้จริง

โดย...สมภพ มาจิสวาลา
//www.posttoday.com/บ้าน-คอนโด/สารพันปัญหา/8774/กระจกสำหรับบ้านพักอาศัย




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 12:30:03 น.
Counter : 510 Pageviews.  

ฮวงจุ้ยคอนโด ซื้อเพื่อให้เช่า

เปิดฮวงจุ้ยคอนโดมิเนียมซื้อเพื่อให้เช่า ฮวงจุ้ยแบบใด ถึงจะปล่อยเช่าได้ ปล่อยขายดี ทำกำไรตามเป้า

เศรษฐกิจในยุคนี้หาใช่ไม่มีอะไรน่าลงทุน ถ้ามีเงินอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ใช้อะไรแล้วไม่รู้จะลงทุนอะไร ฝากธนาคารก็ไม่คุ้มดอก ลงทุนต่างๆ นานาก็มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาอย่างละเอียด

ถ้าเป็นเช่นนั้น ลองมองหาที่อยู่อาศัยประเภท “คอนโดฯ ซื้อเพื่อให้เช่า” ดูสิครับ

จากดวงเมืองดาวเสาร์กำลังจะเข้าภพอริในปีนี้ นั่นหมายความว่าราคาของอสังหาริมทรัพย์จะ “ชะลอตัว” ถึง 2 ปีเป็นอย่างน้อย

สาเหตุที่ผมเชียร์คอนโดฯ มากกว่าอสังหาริมทรัพย์ชนิดอื่น เพราะว่าคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยที่ “ถูกจริต” ของคนเมืองที่มีฐานะอยู่ในชนชั้นกลางมากที่สุด

การลงทุนไม่สูงมากนัก สามารถวางแผนการลงทุนระยะสั้นและระยะยาวได้ และยังสามารถลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงได้อีก

แต่การเลือกซื้อคอนโดฯ ต้องควรจะรู้หลัก “ฮวงจุ้ย” ด้วย เพื่อเอาไว้เป็นหลักในการพิจารณา ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าฮวงจุ้ยในการเลือกซื้อคอนโดฯ ให้เช่า

ต่างกับการเลือกคอนโดฯ เพื่ออยู่อาศัยเล็กน้อย คืออยู่เองจะเอาที่ตัวเราเองชอบ แต่ถ้าเพื่อการลงทุนต้องเลือกในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ชอบ

กฎข้อแรก คือ พิจารณา “ชี่”

“ชี่” หมายถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหว หมายถึงถนน รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน แม่น้ำ สนามบิน ในยุคสมัยนี้ต้องพิจารณาที่ “รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน”

เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีเงินลงทุนสักก้อนที่มากพอ คุณอาจจะเลือกคอนโดฯ ที่ๆ ใกล้รถไฟฟ้าก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ควรมองทำเลใกล้รถไฟฟ้าสายที่กำลังจะเกิดในอนาคตไว้ด้วย

เพราะถ้าซื้อคอนโดฯ โครงการดีๆ ในตอนนี้ ราคาจะถูกกว่าตอนที่คุณเริ่มเห็นเขาขุดถนนและเห็นตอหม้ออยู่มากพอสมควร

และไว้ใจได้เลย ว่ารถไฟฟ้าสายต่างๆ ในอนาคตต้องเกิดอย่างแน่นอนเพราะเป็นเรื่องทางการเมือง เพราะใครขึ้นเป็นรัฐบาลต้องเร่งโครงการรถไฟฟ้า เพื่อได้คะแนนเสียงจากคนกรุง และได้ค่าต๋งอีกต่างหาก อย่างนี้แหละรัฐบาลไทย
ไม่ใช่ว่ารถไฟฟ้ากลางเมืองเท่านั้นที่น่าซื้อไว้ให้เช่า คอนโดฯ ที่ไกลหน่อย อย่างเช่น แถวบางกะปิ ก็น่าสนใจ เพราะมี “ชี่” จากคลองแสนแสบ “อุปถัมภ์”

กฎข้อแรก คือ พิจารณา “ทิศ”

ทิศ ในที่นี้ไม่ใช่ทิศตามธาตุของเจ้าของ แต่เป็นทิศที่เป็นกลางสามารถเข้ากับทุกคนได้ ผมมักเจอคำถามทองเกี่ยวกับคอนโดว่า “เลือกห้องทิศไหนดี”

ทิศที่ดีสุดของคอนโดฯ ไร่ลำดับ คือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้

ทิศตะวันออกจะได้แสงแดดธรรมชาติในตอนเช้า เพื่อใช้แสงสว่างและตากเสื้อผ้า และในช่วงบ่ายจะไม่ร้อนมาก มีแต่ลมเข้า

ทิศตะวันตกจะได้แสงธรรมชาติตอนบ่าย ในช่วงเช้าถึงก่อนเที่ยงไม่ร้อนนัก และจะร้อนมากตอนบ่ายๆ มีลมจากทางตะวันตกพัดเข้าเป็นบางฤดู

ส่วนทางทิศเหนือทิศใต้ แม้จะไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน แต่มักมีปัญหาเรื่องแสงแดดที่ไม่ตกถึงห้อง ทำให้ห้องเกิดเชื้อราได้ง่าย ระบายอากาศได้ไม่ดีนัก

ส่วนเคล็ดลับอีกข้อที่ผมหวงมากที่สุดนั้น คือ ฤกษ์ยามในการนัดลูกค้ามาดูห้อง ไม่ใช่เรื่องของดวงดาว แต่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ล้วนๆ

ห้องอยู่ในทิศตะวันออก ควรนัดลูกค้ามาดูห้อง ในช่วงบ่ายสองเป็นต้นไป เพราะว่าเป็นช่วงที่ห้องเริ่มจะเย็น ไม่ต้องเปิดแอร์อากาศก็สบายๆ และยังพอมีแสงสว่าง

ห้องอยู่ในทิศตะวันตก ควรนัดลูกค้ามาดูห้อง ในช่วงเช้าก่อนเที่ยง เป็นช่วงที่แสงแดดจากทิศตะวันตกยังไม่ตกกระทบมาที่ห้อง ห้องจะยังรักษาความเย็นสบาย

ส่วนทางทิศเหนือทิศใต้ ควรนัดลูกค้ามาดูห้องในเวลา 10.00-15.00น เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่มีแสงมาก ทำให้ห้องดูมีแสงแดดและระบายอากาศดี

ทั้งนี้ทั้งนั้นหากจะเลือกลงทุนคอนโดฯ เพื่อการเช่า ควรเลือกลงทุนในโครงการที่ไว้ใจได้ ...

โดย : กฤษณนัยย์ พิรยารังสรรค์
//www.bangkokbiznews.com/home/detail/property/fungshui/20100116/95709/ฮวงจุ้ยคอนโด-ซื้อเพื่อให้เช่า.html




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2553 14:13:11 น.
Counter : 592 Pageviews.  

รู้ไว้ก่อนจะรื้อถอนบ้าน

เรื่องที่ควรรู้ รื้อถอน บ้าน ตัวเอง ต้องบอกใครหรือไม่ วันนี้กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ มีคำตอบให้ที่นี่

กว่าจะสร้างบ้านสักหลัง คุณต้องทำการบ้านมากมายเพื่อจะได้บ้านในฝัน และคงจะไม่ดีนัก ถ้าไม่รู้ขั้นตอนในการติดต่อกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานเขต ยกตัวอย่างเรื่อง "รื้อถอน" ที่คนส่วนใหญ่มักจะบอกต่อกันปากต่อปากว่าให้รื้อถอนไปเลยไม่ต้องแจ้งจะได้ไม่เงิน เสียเวลา

หลายคนคงสงสัยตัดสินใจไม่ถูกว่า ควรดำเนินการอย่างไรดี?

ดังนั้นเพื่อความชัดเจนเราลองมาฟังคำตอบจากปากของผู้ที่ดูแล เรื่องนี้โดยตรงกันเลยนะคะ

"ศิริชัย จงตระกูล" วิศวโยธา 7 วช. หัวหน้าฝ่ายโยธา สำนักงานเขตวังทองหลาง เล่าให้ฟังว่า ปกติผู้ที่สร้างบ้านจะต้องขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร มี 2 กรณีหลักๆ กรณีแรกคือ เป็นที่ดินว่างเปล่า สามารถขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร ได้เลย กรณีสอง คือ มีอาคารเดิมอยู่ มีความประสงค์จะรื้ออาคารเดิมก็ต้องขออนุญาต โดยเอาใบอนุญาตขอรื้ออาคารเดิมไปขอที่ทะเบียนเพื่อแจ้งรื้อถอนว่าบ้านเลขที่นี้จะรื้อถอนอาคารเดิม แต่ขอคงไว้ซึ่งบ้านเลขที่เดิม หรือจะขอเลขที่ใหม่ก็ได้

แต่หากไม่แจ้งทะเบียนแล้วไปรื้อถอน พอขออนุญาตสร้างบ้านใหม่ เจ้าหน้าที่ก็สวมทะเบียนเดิมที่เป็นบ้านเก่าที่มูลค่า สมมุติว่า 1 แสนบาท ทั้งๆ ที่บ้านใหม่ราคาหลายล้านบาท ฉะนั้นจึงควรแจ้งรื้อถอนที่ฝ่ายทะเบียนเพื่อจะได้ลบข้อมูลเก่าออกแล้วใส่ข้อมูลใหม่เข้าไปแทน เนื่องจากอนาคต ถ้าต้องการใช้บ้านเป็นหลักทรัพย์คำประกันจะไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง

ศิริชัย ยังแนะนำอีกว่า กรณีรื้อถอน โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อนจะถูกดำเนินคดีย้อนหลัง เพราะตามกฎหมายต้องดำเนินการขออนุญาตก่อน ฉะนั้นเมื่อผิดกฏหมายก็ต้องส่งดำเนินคดีต่างหากฉะนั้น การที่คนเข้าใจว่า ให้ผู้รับเหมารื้อถอนบ้านโดนไม่ขออนุญาตก่อนที่จะขออนุญาตปลูกสร้างบ้านใหม่ ข้อมูลมันจะค้านกันเอง ทำให้เสียสิทธิ และผิดกฎหมายด้วย

"ถามว่า คุ้มไหมระหว่างอนุญาตทำก่อนกับต้องมาแก้ปัญหาภายหลัง ผมว่าไม่คุ้ม เพราะกรณีที่ส่งปรับต้องผ่านคณะกรรมการอาจจะต้องเสียค่าปรับเต็มๆ 6หมื่นบาทตามบทลงโทษ ที่ระบุไว้ว่า ถ้าไม่ได้รับอนุญาตรื้อถอน จะถูกปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำคุกไม่เกิน 3เดือน ตามมาตรา 65 ของพรบ.ควบคุมอาคาร 2522 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 2535 ที่ใช้ทั่วประเทศ"

หัวหน้าฝ่ายโยธา ย้ำว่า การสร้างรื้อถอนบ้านโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ถือเป็นการทำลายเอกสารทางราชการ เพราะมีระเบียบข้อกำหนดระบุชัดเจนให้เจ้าของที่ดินต้องแจ้งก่อน ที่จะดำเนินการสร้างบ้านใหม่ เปรียบเหมือนกับคนที่แต่งงานแล้วถ้าจะแต่งงานใหม่ต้องเซ็นใบหย่าก่อนที่จะไปจดทะเบียนสมรสใหม่

มิเช่นนั้นถือว่า "ผิด" กฎหมาย

สำหรับระยะเวลาการอนุมัติไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ส่วนค่าธรรมเนียม รื้อถอนไม่คิดค่าธรรมเนียมตรวจแบบ แต่คิดค่า
ใบอนุญาต 20 บาทเท่านั้น

ด้านปัญหาที่พบบ่อยๆในการขออนุญาติรื้อถอน ศิริชัย บอกว่า มี 3 เรื่อง คือ
1. ผู้เขียนแบบไม่ศึกษาข้อบัญญัติ หรือข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงผังเมือง
2. เอกสารไม่ถูกต้อง ขัดกันไม่สัมพันธ์กัน
3. เอกสารบางครั้ง ต้องให้อำนาจศาล เป็นผู้ชี้ขาด เช่นที่ดินเป็นของเด็กอายุไม่ถึง 20 ปีต้องให้ศาลเท่านั้นเป็นผู้ชี้ขาด

เอกสารที่ใช้ยื่นขออนุญาตรื้อถอน มีดังต่อไปนี้

1. เขียนแบบบ้าน มาโดยคร่าวๆ ประกอบไปด้วย (ไม่กี่พันบาท)
1.1 ) แบบแปลน ทุกชั้น
1.2 )รูปด้าน 2รูป
1.3 ) รูปตัดอย่างน้อย 2 รูป เหมือนผ่ารถยนต์
1.4 ) รายการประกอบแบบ (ลอกตามแบบราชการ) วัสดุที่ใช้ของอาคาร กรรมวิธีในการรื้อถอน ตามกม .ตามหลักการรื้อถอนอาคาร ไม่เกิน 45 วัน (ทางกฎหมาย) แต่ใช้เวลาหนังสือกว่างานตรวจ 1-2 วัน เร็วสุดไม่เกิน 10
วันขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา
2. คำร้อง ( ข.1)
3. บัตรประชาชน
4. ใบยินยอมที่ดิน กรณีไม่ใช่ที่ของเขา
5.บัตรทะเบียนบ้านเจ้าของที่ดิน
6.สำเนาโฉนด

ที่เหลือจะ เป็นใบเกี่ยวกับข้องวิศวกรโครงสร้าง, สถาปนิก ที่เขียนแบบให้กับเจ้าของบ้าน ส่วนอื่นๆ ขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะของแต่ละราย

โดย : บุษกร ภู่แส
//www.bangkokbiznews.com/home/detail/property/property/20100207/97336/รู้ไว้ก่อนจะรื้อถอนบ้าน.html




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2553 13:19:49 น.
Counter : 720 Pageviews.  

การเลือกซื้อบ้านมือสอง (ตอนที่ 4)

วิธีตรวจสอบเสาและ ส่วนประกอบอื่นๆ ที่จะเป็นตำแหน่งสำคัญช่วยบ่งชี้ว่าโครงสร้างของบ้านมือสองมีปัญหาหรือไม่

วิธีการเลือกซื้อบ้านมือสองที่กล่าวไว้ใน 3 ฉบับที่ผ่านมา มีเนื้อหาเกี่ยวกับการ พิจารณาทำเลที่ตั้ง แบบก่อสร้าง สภาพทั่วไปของบ้าน และส่วนโครงสร้างของบ้าน ซึ่งได้กล่าวถึงการตรวจดูพื้นและคานไปแล้ว ฉบับนี้จะเป็นเรื่องของเสาและ ส่วนประกอบอื่นๆ ที่จะเป็นตำแหน่งสำคัญช่วยบ่งชี้ว่าโครงสร้างของบ้านมีปัญหาหรือไม่

- เสา ควรตรวจดูเสาบ้านว่ามีรอยแตกร้าวหรือมีลักษณะโก่งงอหรือไม่ ถ้ามีรอยแตกร้าวควรพิจารณาลักษณะของรอยแตกร้าวและตำแหน่งรอยร้าวนั้นๆ โดยทั่วไปลักษณะและตำแหน่งของรอยร้าวพอจะบอกสาเหตุได้ดังนี้

- รอยร้าวลายงา รอยร้าวประเภทนี้มักเกิดจากการยืดหดตัวของคอนกรีต เป็นผลจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง และอาจเกิดจากการสูญเสียน้ำหรือมีปริมาณน้ำ ไม่เพียงพอสำหรับปฏิกิริยาเคมีในช่วงที่คอนกรีตกำลังแข็งตัว ส่วนมากรอยร้าวประเภทนี้จะเกิดบริเวณผิวเสา ไม่แตกร้าวลงลึกถึงแกนกลางเสา และอาจเกิดเฉพาะที่ผิวปูนฉาบ หากกะเทาะปูนฉาบออกแล้วอาจไม่พบรอยแตกที่เนื้อเสาเลย

การแก้ไข ทำได้ง่ายด้วยการกะเทาะบริเวณที่เป็นรอยแตกแล้วฉาบปิดใหม่ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมไม่มาก และช่างปูนทั่วไปก็สามารถแก้ไขได้

- รอยร้าวแนวดิ่ง รอยร้าวประเภทนี้จะพบเห็นบริเวณมุมเสาเป็นส่วนใหญ่ อาจเป็นรอยแตกร้าวที่เกิดเพียงมุมเดียวของเสาหรือทั้งสี่มุม และมักจะเกิดที่โคนเสาล่างมากกว่าปลายเสาด้านบน รอยร้าวเช่นนี้เกิดจากเหล็กเสริมในเสาสัมผัสกับความชื้นและอากาศในลักษณะซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นสนิม เมื่อเหล็กเสริมเป็นสนิมจะบวมตัวและดันให้คอนกรีตเปิดผิวแตกออก รอยแตกจึงเกิดในทิศทางตามแนวยาวขนานกับเหล็กเสริมที่เป็นสนิม

ด้วยเหตุที่เหล็กเสริมหลักในเสาเป็นเหล็กแนวตั้งและอยู่ที่มุมเสาทั้งสี่มุม เราจึงพบรอยแตกแนวดิ่งที่บริเวณมุมเสา รอยร้าวประเภทนี้จะเกิดกับเสาที่อยู่ใกล้กับน้ำหรือความชื้น เช่น เสาพื้นชั้นล่าง เสาที่อยู่ใกล้ต้นไม้หรือหญ้าที่ต้องรดน้ำบ่อยๆ เสาบริเวณห้องน้ำ เป็นต้น

การแก้ไข สำหรับรอยร้าวประเภทนี้ต้องแก้ปัญหาเรื่องเหล็กที่เป็นสนิมก่อน หากทำการฉาบปูนปิดผิวรอยแตกทันทีจะแก้ปัญหาไม่จบ รอยแตกจะยังคงเกิดขึ้นซ้ำตำแหน่งเดิมอีก วิธีแก้ไขที่ดีควรกะเทาะผิวปูนออกแล้วขัดสนิมออกให้หมดแล้วจึงฉาบปูนปิดทับ

หากเหล็กเป็นสนิมลงลึกมากไม่สามารถขัดออกได้ ควรแก้ไขด้วยการเสริมเหล็กเส้นใหม่ และในบางครั้งอาจต้องเสริมเหล็กรูปพรรณประกบเสาในกรณีที่พบว่ามีสนิมเกิดในเสาเป็นปริมาณมาก และการเสริมโครงสร้างเช่นนี้ควรปรึกษาวิศวกรก่อน ทุกครั้ง

- รอยร้าวแนวนอน ตรวจดูว่าเสามีรอยร้าวแนวนอนบ้างหรือไม่ รอยร้าวแนวนอนที่ควรสนใจก็คือรอยร้าวที่แตกห่างกันเป็นช่วงๆ เมื่อมองแล้วมีลักษณะเป็นปล้องๆ รอยร้าวแนวนอนนี้จะไม่แตกโดยรอบเสา แต่จะแตกเพียงด้านใดด้านหนึ่งของเสาเท่านั้น สาเหตุของรอยแตกประเภทนี้มักจะเกิดจากการทรุดตัวของฐานรากที่แตกต่างกัน เสาซึ่งอยู่บนฐานรากที่ทรุดตัวน้อยกว่าจะถูกดึงให้โก่งงอ พฤติกรรมการโก่งงอจะคล้ายกับนำไม้บรรทัดพลาสติกมาจับดัดจะเกิดรอยแตกลักษณะเดียวกัน

การแก้ไข หากท่านพบว่าเสาบ้านแตกเป็นปล้องๆ แนวนอน ควรหาช่างมาสำรวจสภาพการทรุดตัวให้ทราบแน่ชัดก่อนว่ามีปัญหาการทรุดตัวหรือไม่ ทั้งนี้จะได้ทราบว่าต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเผื่อสำหรับการซ่อมเสริมฐานรากด้วยหรือไม่ แต่โดยทั่วไปถ้าพบว่าบ้านมีปัญหาทรุดตัวก็ควรจะหลีกเลี่ยงไม่ซื้อก็ถือว่าเป็นการดีที่สุด

แต่ถ้าจำเป็นต้องซื้อเพราะเหตุอื่นใดก็แล้วแต่ การแก้ไขด้วยการเสริมฐานราก ก็สามารถทำได้ และมีความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมเสริมฐานรากจะสูงมากกว่าการซ่อมเสริมโครงสร้างในส่วนอื่นๆ ท่านควรสอบถามราคาค่าซ่อมแซมให้แน่นอนก่อน

โดย...ธเนศ วีระศิริ อ.พิเศษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
//www.posttoday.com/บ้าน-คอนโด/บ้านมือสอง/8775/การเลือกซื้อบ้านมือสอง-ตอนที่-4-







 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 19:28:34 น.
Counter : 580 Pageviews.  

1  2  3  4  

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.