|
ผ่ามุมมอง360องศา บีโอเจผ่อนคลายการเงิน
ผ่ามุมมอง 360 องศา บีโอเจผ่อนคลายนโยบายการเงิน อัดเงินเขาระบบ-เพิ่มกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ เงินไหลบ่าเอเชีย ดันบาทแข็ง
Morning News "กรุงเทพธุรกิจทีวี" ในช่วงเช้าของวันนี้ (23 ม.ค.)สัมภาษณ์พิเศษ เบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย ผ่ามุมมองธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศผ่อนปรนนโยบายการเงิน และเพิ่มกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แบบคำต่อคำ...
ถาม เมื่อวานมีเรื่องที่ญี่ปุ่นมีมาตรการออกมา ตรงนี้มีผลกระทบมากน้อยแค่ไหนและมาตรการนี้จะเป็นอย่างไรบ้างครับ
ตอบ จริงๆ เมื่อวานการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นมีการแสดงจุดยืนออกมา 2 อย่าง อย่างแรกคือยกเป้าเงินเฟ้อขึ้นจากธรรมดาอยู่ที่ 1% เป็น 2% ต้องบอกว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่เคยเห็นเงินเฟ้อ 2% นานแล้ว ครั้งสุดท้ายที่มีเงินเฟ้อ 2% ตั้งแต่ปี 97 วิกฤติต้มยำกุ้ง ที่เงินเฟ้อของเขาอยู่ที่ 1% หรือต่ำกว่า 1% แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นให้ความใส่ใจในการพยายามสร้างเงินเฟ้อให้เกิดขึ้นในประเทศเพื่อช่วยเรื่องดอกเบี้ยและการจับจ่ายใช้สอยและการกู้ยืมในประเทศ อย่างที่ 2 ตอนนี้จริงๆ ตลาดคาดการณ์ไว้พอสมควรการปรับเป้าเงินเฟ้อแล้วธนาคารกลางญี่ปุ่นควรที่จะมีสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพิ่มเติม เมื่อวานปรากฏว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอยากอัดสภาพคล่องญี่ปุ่นเข้าสู่ระบบ แต่เป็นการอัดสภาพคล่องในเดือนมกราคมปีหน้าเลยทำให้ค่าเงินเยนแข็งขึ้น อยู่ในทิศทางที่อ่อนอยู่ สภาพคล่องเงินเยนเข้าสู่ระบบกลับค่าแข็งมา 1%
ถาม ตรงนี้การที่ออกมาตรการมา จากการที่ออกมาเดือน 13 ล้านล้านเยนและไม่มีกำหนด แบบนี้ยังไม่เพียงพอกับความต้องการในตลาดหรือครับ
ตอบ อยู่ที่ Timing ตรงนี้เขากะไว้ว่าควรจะมาปีนี้เพราะว่าเมื่อปีที่แล้วเป็นปีที่ค่าเงินเยนแข็งขึ้นมาก ปีนี้หลายๆ ฝ่ายคาดว่าเม็ดเงินตัวนี้น่าจะออกมาส่วนหนึ่งสอดคล้องกับที่ อาเบะอยากจะเห็นธนาคารกลางญี่ปุ่นมีการเข้ามาแทรกแซงค่าเงินที่ชัดเจนมากกว่านี้ นอกจากตลาดคาดการณ์ไว้ว่าควรจะมาปีนี้ แต่โดยจำนวนเงินจริงๆ ต้องบอกว่าเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างมากและก็สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ เพียงแต่มาช้ากว่าที่หลายๆ ฝ่ายอยากเห็น เลยทำให้ตลาดผิดหวังนิดหน่อยในตรงนี้
ถาม ถ้าวันหนึ่งพอไปถึงปี 57 เงินที่ออกมา 13 ล้านล้านเยน ตรงนี้จะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหนกับภายในภูมิภาคครับ
ตอบ ตัวนี้เป็นความพยายามที่จะกดค่าเงินเยนอ่อน ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเงินเยนเป็นต้นทุนการแครีเทรดเป็นเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เรากลัวกันคือกินส่วนต่างดอกเบี้ย เพราะฉะนั้นพอปีหน้ามีการใช้เม็ดเงินตรงนี้จริง 13 ล้านล้านเยน เท่ากับ 145,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เยอะกว่า QE 3 QE 4 บวกกัน ที่ธนาคารกลางสหรัฐทำประมาณ 85,000 ล้าน/เดือน ตรงนี้จะทำให้มีเงินวิ่งหาผลตอบแทนในเศรษฐกิจเต็มไปหมด ฉะนั้นส่วนหนึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทของเราแข็งขึ้นเพิ่มเติมอีกช่วงปีหน้าที่มีการทำมาตรการนี้มากขึ้น ข้อดีคือว่าปีนี้แรงกดดันค่าเงินบาทก็จะหายไปส่วนหนึ่ง
ถาม ญี่ปุ่นเองก็อยากจะมีค่าเงินเยนของเขาอ่อนค่า เพราะว่าเขาเองก็มีการพึ่งพาการส่งออกแบบนี้ถ้าเกิดว่า BOJ เลื่อนไปเป็นปีหน้า ญี่ปุ่นอาจจะมีมาตรการอะไรอื่นๆ ออกมาอีกไหมครับ
ตอบ ตรงนี้ต้องรอดู เป็นไปได้เพราะผู้ว่าการคนปัจจุบันจะหมดวาระภายในเดือนเมษายน รัฐสภาจะต้องมีการเลือกผู้ว่าการคนใหม่ เท่าที่ดูตอนนี้ตัวเลือกที่จะมาเป็นผู้ว่าการคนใหม่ได้มี 2 คน ทั้งคู่ออกไปทางที่คิดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องมีมาตรการเพิ่มเติม มูโตมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องมีการทดลองกับนโยบายแปลกๆ มากกว่านี้ คล้ายกับที่ธนาคารกลางสหรัฐเชื่อ ขณะที่ คูโรดะ บอกว่าจริงๆ แล้วเป้าเงินเฟ้อ 2% อาจจะยังต่ำด้วยซ้ำไป อาจจะต้องใช้ประมาณ 3% ในช่วงกลางปี ประมาณเดือนพฤษภาคมอาจจะมีการส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงทิศทางของนโยบายการเงินอีกครั้ง โดยเฉพาะการใส่สภาพคล่องเข้าไปสู่ระบบอาจจะมาเร็วกว่าที่คาดถ้าเกิดมีความจำเป็นช่วงกลางปี
ถาม สำหรับช่วงต้นปีนี้ที่มีการผันผวนในค่าเงินภายในภูมิภาคโดยเฉพาะค่าเงินบาท การที่ญี่ปุ่นออกมาตรการแบบนี้เลื่อนออกไปเป็นปีหน้าแบบนี้ความกดดันของค่าเงินภายในภูมิภาคน่าน้อยลงหรือเปล่าครับ
ตอบ ผมมองว่าแรงกดดันบนค่าเงินบาทน่าจะน้อยลง เพราะแรงกดดันมาจาก 2 ส่วน คือ 1.เป็นสภาพคล่องที่มาจากสหรัฐ 2.เป็นการคาดการณ์ว่าสภาพคล่องจากญี่ปุ่นที่จะมาเพิ่ม ตัวสภาพคล่องทางญี่ปุ่นเราก็รู้แล้วว่าจะเลื่อนไปปีนี้ ตอนนี้ก็จะเหลือสภาพคล่องของสหรัฐอย่างเดียว อย่างไรก็ดียังมีความพยายามของนักเก็งกำไรที่พยายามจะดันค่าเงินบาทให้แข็งมากไปกว่านี้ ถ้าไปดูตัวค่าเงินบาทจะเห็นว่าพยายามดันให้ไปถึงให้ทะลุ 29.6 อยู่เรื่อยๆ แต่ว่าปัจจุบันเหมือนนักลงทุนหลายๆ ฝ่ายมองว่า 29.6 อาจจะแข็งเกินไป เพราะเข้าไปแตะตรงนั้นมันก็จะดีดกลับมามีการเทขายเก็งกำไร เป็นการเก็งกำไรค่าเงินกลับมา เพราะฉะนั้นช่วงนี้น่าจะเหวี่ยงอยู่ที่ 29.7 โดยรวมคิดว่าโอกาสที่เงินบาทจะแข็งมากไปกว่านี้ทะลุ 29 ไปถึง 28 บาท อาจจะน้อยลง ในส่วนนี้ที่เกิดขึ้น
ถาม ทำไมในช่วงที่ผ่านมาค่าเงิบบาทถึงแข็งค่าขึ้นมากกว่าค่าเงินของประเทศอื่นในภูมิภาคครับ
ตอบ ส่วนหนึ่งค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมากกว่าค่าเงินอื่นในภูมิภาคโดยเฉพาะในปีนี้ ต้องมองย้อนกลับไปปีที่แล้ว ในปีที่แล้วค่าเงินในภูมิภาคแข็งขึ้นมาก เช่น ค่าเงินเกาหลี สิงคโปร์ คือเขาโดนเงินทุนเคลื่อนย้ายมาเก็งกำไรค่าเงินตั้งแต่ปีที่แล้ว พอช่วงปลายปีค่าเงินบาทกลับไม่วิ่งเลย ถ้าจำได้ตอนมีปัญหาหน้าผาทางการคลังค่าเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 30.7 และ 30.6 และนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ พอนักลงทุนมาดูแล้วจริงๆ ค่าเงินบาทมีโอกาสที่จะแข็งได้มากกว่านี้ ปีนี้ก็เลยมีการเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาทค่อนข้างเยอะ ตรงนี้ผมย้ำว่าเป็นการเก็งกำไร พอไปดูตัวเลขแล้วโฟลที่เราเห็นจะเป็นโฟลที่จะเล่นระยะสั้นเล่นเรื่องของผลตอบแทนบนค่าเงินมากกว่าผลตอบแทนบนดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนบนสินทรัพย์อื่นๆ ค่อนข้างเยอะ
ถาม นั่นคือว่าเป็นเพราะว่าปีที่ผ่านมาบ้านเราค่าเงินยังไม่แข็งขึ้นมาเมื่อเปรียบเทียบกับเงินอื่นๆ ยังไม่เยอะก็เลยมีช่องว่างให้นักเก็งกำไรเข้ามา
ตอบ ใช่ครับ โดยเฉพาะตั้งแต่ประกาศมาตรการ QE 3 และ QE 4 ค่าเงินบาทเรียกว่าแทบจะไม่กระดิกเลยเมื่อปีที่แล้วเลยมาเจอเยอะเมื่อต้นปีนี้ใน 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
Create Date : 23 มกราคม 2556 |
Last Update : 23 มกราคม 2556 9:35:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 771 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
สมุทรปราการ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]
|
ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น
ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
|