Group Blog
All Blog
|
ข่าวน้ำหอมออกใหม่ต้นปีหน้า ความร่วมมือระหว่าง 1 นักปรุงน้ำหอม และ 1 เชฟแห่งร้านขนมหวานชื่อดังในฝรั่งเศส
 ข่าวน้ำหอมออกใหม่ต้นปีหน้า แอบกรี๊ดมากเลยค่ะ อิอิ กับ Nina Ricci La Tentation de Nina (Limited Edition) กลิ่นของขนม Macaroon แสนหวาน ที่จะทำให้คุณเคลิ้มไปกับความน่าอร่อยนี้ถูกปรุงขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างคุณ Olivier Cresp นักปรุงน้ำหอมผู้ให้กำเนิดน้ำหอมกลิ่นสุดน่ารักอย่าง Nina และ Limited Edition ของ Nina Ricici Nina รุ่นต่างๆ รวมทั้งน้ำหอมดังๆ อย่าง Thierry Mugler Angel/Dior Midnight Poison/D&G Light Blue/Valentina by Valentino และอื่นๆ อีกมากมาย กับคุณ Vincent Lemains เชฟฝีมือเยี่ยมแห่งร้านขนมหวานชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส Laduree ทั้งคู่จับมือร่วมกันคิดค้นเป็นเวลานานเพื่อที่จะปรุงน้ำหอมกลิ่นที่หอมหวานจนคุณแทบอยากจะกินมันเข้าไป เรามาดูส่วนผสมสำเร็จของขนม ไม่สิ! น้ำหอมขวดนี้กันดีกว่าค่ะ ^^ Nina Ricci La Tentation de Nina (Limited Edition) จัดอยู่ในกลุ่ม fresh floral fruity and gourmand (แค่ตระกูลที่อยู่ก็เข้าทางอยากลองแล้วค่ะ ) กลิ่นหอมของขนม Marcaroon สูตรพิเศษนี้คุณเชฟแห่งร้าน Laduree และนักปรุงน้ำหอมกลิ่นนี้ให้ชื่อว่า Nina Macaroon ที่มีทอปปิ้งชั้นบนสุด หอมหวานราวกับกลิ่นของแยมราสเบอร์รี่ ประดับด้วยกลีบกุหลาบ Bulgarian และเลมอนฝานบางๆ ชิ้นเล็กๆ เพิ่มความกลมกล่อมด้วยวานิลานุ่มๆ กลิ่นหวานมันครีมๆ ของอัลมอนด์ white musk และ sandalwood (เป็นครั้งแรกที่เขียนพรีวิวแล้วหิวค่ะ อิอิ) *Top notes: bergamot *Heart: Nina macaroon (raspberry, almond, Bulgarian rose, lemon) *Base: vanilla, sandalwood, musk บรรจุอยู่ในขวดรูปแอปเปิ้ลสีชมพูฟูเซีย ประดับด้วยจุกน้ำหอมและใบไม้สีทอง กำหนดวางจำหน่ายเดือนมกราคม 2014 ในขนาด 50ml. แบบ eau de toilet ชิฟฟอนคาปูชิโน่ เรียบเรียงจาก //www.beautyscene.net/fragrances-for-women/nina-ricci-la-tentation-de-nina/ //www.nstperfume.com/2013/11/26/nina-ricci-la-tentation-de-nina-new-fragrance/ ประวัติแบรนด์ : Guerlain "ผลผลิตชั้นดีงาม อย่าคิดลดหย่อนในคุณภาพ"
 รวมรวมมาให้อ่านย่อ ๆ ละกันนะคะ เพราะเกียรติประวัติยาวนานน่าเพลิดเพลินใจมาก สิริรวมอายุนับจากปี คศ.1882 จนถึงคศ. 2013 ปัจจุบันที่กำลังเรียบเรียงอยู่ ก็ 185 ปีเข้าไปแล้ว กับน้ำหอมกว่า 200 กลิ่น และเป็นไม่กี่แบรนด์ที่ยืนหยัดอย่างสง่างามในเอกลักษณ์ของตัวเอง เป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นสูงที่คนรักน้ำหอมทั่วโลกจับตามองอยู่ตลอดตราบจนทุกวันนี้ ณ จุดเริ่มปี 1828 ปิแอร์-ฟรองซัวส์-ปาสกาล เกอร์แลง ได้เปิดร้านเกอร์แลงขึ้นเป็นครั้งแรกบนถนนริโวลิ กรุงปารีส เขาได้ปรุงและผลิตน้ำหอมตามสั่งจากลูกค้า ซึ่งไม่เพียงแต่โด่งดังแค่ในฝรั่งเศส ทว่าชื่อเสียงของเกอร์แลงนั้นยังขจรขจายไปทั่วโลก สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างก็คือเขาได้ทำลายกำแพงต่าง ๆ ในโลกของน้ำหอมยุคนั้นที่ส่วนใหญ่จะสกัดมาจากกลิ่นดอกไม้เดี่ยว ๆ ไม่กี่ชนิดเช่นกุหลาบ ลาเวนเดอร์ ซึ่งไม่ได้ให้ความเย้ายวนใจในเชิงเซ็กซี่แต่อย่างใด (ถือเป็นของต้องห้ามด้วยซ้ำในยุคนั้นอย่างเช่นสารสกัดจาก musk ที่ได้จากต่อมของกวางตัวผู้ที่ให้ความหอมดึงดูด) เกอร์แลงค์ไม่ได้ใส่ใจว่าส่วนผสมต่าง ๆ จะหายากเพียงใดขอแค่หรูหราแปลกใหม่และมีคุณภาพดีที่สุด :) เช่นกลิ่นของดอกกระดังงาจากหมู่เกาะโคโมรอส (Comoros islands) และกลิ่น Vanila ซึ่งถือว่าทันสมัยมาก ๆ ในสมัยนั้น รายชื่อต่อไปนี้คือน้ำหอมที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์ของวงการน้ำหอมที่น่าจดจำของเกอร์แลงค์ อาจมีตกหล่นไปบ้างนะคะ หาข้อมูลมารวมไว้ 3 วันก็ไม่จบจริง ๆ ค่ะแบรนด์นี้ อลังการงานสร้างมาก  Jicky ปี ค.ศ 1889 น้ำหอมกลิ่นแรกของวงการอุตสาหกรรมน้ำหอม ที่มีการพัฒนา 3 ชั้นแบบปิรามิด คือค่อย ๆ คลี่คลายความหอม กลิ่นต้น กลิ่นกลาง และกลิ่นฐานออกมา (top note,heart note,base note)  Mitsouko ปี ค.ศ. 1919 น้ำหอมที่มาจากแรงบันดาลใจจากหนังสือนิยายรักต้องห้าม กลิ่นหอมที่ท้าทายให้ลิ้มลองจากเปลือกพีชสุกฉ่ำ ซึ่งถือเป็นส่วนผสมที่ค้นพบขึ้นใหม่แห่งยุค ช่างจับใจสุภาพสตรีหลังสงคราม  Shalimar ปี ค.ศ. 1925 (และจนทุกวันนี้ Recreation มามากมายหลายครั้ง) เป็นปรากฎการณ์ใหม่ของน้ำหอมที่พร้อมจะสยบใจชายให้หวั่นไหว น้ำหอมกลิ่นนี้เป็นผลงานสร้างสรรค์ของ Jacques Guerlain ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบกลิ่นมาจากความรักของจักรพรรดิองค์ที่สามแห่งราชวงศ์มองโกลในอินเดีย ที่ทรงมีให้แก่พระชายาคือ พระนางมุมตัล มาฮาล ทรงมีรับสั่งให้สร้างราชอุทยาน เพื่อเป็นบรรณาการแห่งพระนางในละฮอร์ อุทยานนี้มีชื่อว่า ชาลิมาร์ (เมื่อพระนางมุมตัล มาฮาล สิ้นพนะชนม์ พระองค์ก็ทรงรับสั่งให้สร้างทัชมาฮาล์ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ความอาลัยกลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดของโลก) ให้ความรู้สึกรัก ความเร่าร้อนยวนเสน่ห์ แฝงไว้ด้วยความอ่อนหวานหวามไหว บรรจุอยู่ในขวด ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้นึกถึงศิลปกรรมโลกตะวันออก เป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งอาณาจักรของน้ำหอม  Samsara ปี คศ. 1989 มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึง การถือกำเนิดใหม่ไม่รู้จบ หรือวัฏสังสาร ตามความเชื่อในศาสนาพุทธนิกายตันตระของทิเบต โครงสร้างกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ชวนพิศวงนี้ เกิดจากการผสมผสานมะลิ กระดังงา และไม้จันทน์เทศ ได้รับการบรรจุไว้ในขวดสีแดง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ขวดน้ำหอม ขณะที่ฝาจุกเป็นตัวแทนของดวงตาพระพุทธ ความสำเร็จของปิแอร์-ฟรองซัวส์ ทะยานสู่จุดสูงสุดด้วยการได้รับเกียรติให้ปรุงน้ำหอม Eau de Cologne Imperial ถวายแด่สมเด็จพระราชินียูเจอนี ในพระเจ้านโปเลียนที่ 3 ส่งผลให้เขาได้รับการแต่งตั้งยศเป็น His Majestys Official Perfumer หรือสุคนธกร (ผู้ปรุงน้ำหอม) ในพระองค์นับแต่นั้น ซึ่งสิ่งนี้ได้นำพาเขาไปสู่การเป็นผู้ปรุงน้ำหอมถวายสมเด็จพระบรมราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ และพระราชินีอิซซาแบลลาแห่งสเปน ตลอดจนราชนิกุลต่างๆ ทั่วภาคพื้นยุโรปในเวลาต่อมา เมื่อปิแอร์-ฟรองซัวส์-ปาสกาล เกอร์แลง ถึงแก่กรรม เอเม่ และกาเบรียล เกอร์แลง สืบทอดกิจการต่อจากผู้เป็นพ่อ โดยเขาได้ฝากมรดกทางความคิดว่า ผลิตผลงานชั้นดี อย่าคิดจะลดหย่อนผ่อนปรนในคุณภาพ ที่เหลือก็คือ การยึดติดอยู่กับแนวคิดเรียบง่าย แล้วนำมาใช้อย่างพิถีพิถัน ปิดท้ายด้วยสาขาของ Guerlain ในประเทศไทย เดอะมอลล์บางกะปิ เซนทรัลชิดลม เซนทรัลลาดพร้าว เซนทรัลพระราม 3 เซนทรัลปิ่นเกล้า ดิเอ็มโพเรียม สยามพารากอน และเซนทรัลบางนา   //www.fragrantica.com/designers/Guerlain.html //www.slapiton.tv/feature_guerlain_history.html //www.manager.co.th/celebonline/viewnews.aspx?NewsID=9550000142144 About Me : เมื่อเราตัดสินใจเปิดร้านน้ำหอมจิ๋ว Miniature Perfumes
ถ้าเราได้แต่ฝัน มันก็จะเป็นแค่ความฝัน ร้านเราเริ่มต้นขึ้นจากความหลงใหลในโลกของความหอม และเป็นเบื้องหลังของรีวิวต่าง ๆ บวกกับความผิดหวังที่รูปถ่ายที่ส่งไปขายถูกตีกลับ 555 เราคงเอาดีด้านถ่ายรูปไม่รอด ^^" และเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เราได้พบกับซัพพลายเออร์ซึ่งเป็นคนที่เจ๋งมาก ๆ เราผิดหวังจากเรื่องภาพถ่ายเลยได้พบกับซัพพลายเออร์ที่ต่อมาจากลูกค้ากับแม่ค้า...เรากลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันทั้งเรื่องส่วนตัวและการค้า :) นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราได้อะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ มาก่อนเสมอ :)
ร้านเราพยายามหาความแตกต่างนั่นคือค่อนข้างแนะนำแบรนด์ดังในต่างประเทศ ที่อาจไม่ดังในไทย แต่เป็นที่รู้จักกันในระดับสากล เพื่อลูกค้าจะได้เปิดโลกทดลองอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ อีกขั้น สิ่งที่เรามีความสุขที่สุดคือการที่ลูกค้าบอกว่าเค้าชอบกลิ่นนี้นะ ถูกใจ หอม มีความสุข รวมไปถึงขวดดีไซน์สวยมาก อิอิ เหตุการณ์ประทับใจตั้งแต่เปิดร้าน มีมากมายที่เล่าไม่จบ (ลูกค้าที่ส่งขนมมาให้ทาน :) ลูกค้าที่ไปเที่ยวต่างประเทศแล้วลืมซื้อของฝาก เลยแวะมาสั่งของในร้านเราไปเป็นของฝากให้ลูกน้อง ลูกค้าเจ้าของร้านเพชรคนสวยที่บอกเราว่า เพชรกับน้ำหอมเหมือนกันตรงที่ต้องเลือกให้ถูกใจเจ้าของ) เพราะร้านเราไม่ได้เน้นขายของอย่างเดียว แต่เราเอาตัวของเราเองเข้าไปใส่ในร้าน คือมีรีวิวต่าง ๆ มีด้านที่เป็นชีวิตของเราในบางวันใส่ลงไป บางครั้งก็เล่าเกร็ดเล็ก ๆ น้อยๆ เช่นทำไม Miss Dior ของ christain dior ถึงได้ผูกโบว์ที่คอขวด :) เหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่ชวนเพื่อนเข้ามาดูสินค้าและคุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ นั่นคือสไตล์และตัวตนของร้านและของเจ้าของร้านค่ะ :) บางครั้งเราเคยดื้อกับซัพพลายเออร์เรื่องแบรนด์ที่จะเลือกเข้ามาวางในร้าน เช่น เรื่องของเรากับซัพพลายเออร์ที่รัก เรา "เค้ายังรอ Creed อยู่นะ ส่วนคาร์เทียร์ยืนยันคำเดิมเค้ารับของไว้เอง" ซัพพลายเออร์ "พวกแบรนด์หรูขายออกยากค่ะคุณพิมแน่ใจนะ" เรา "จัดมาค่ะพี่ ยืนยันคำสั่งซื้อเดิม" ซัพพลายเออร์ "ตามใจคุณพิมละกัน โอเคก็โอเคด้วย เดี๋ยวหาให้" 555 น่ารักมาก ^__^ คุณพี่คงรำคาญกับความดื้อของเราแฮะ อิอิ ก็เป็นซะอย่างนั้นล่ะ :) สุดท้ายเรื่องความต้องการอยากให้ลูกค้าได้ลองอะไรแปลกใหม่ อาจไม่ถึงขั้นน้ำหอม niche ขั้นเทพมาก ๆ แต่เป็นน้ำหอมที่อยากให้คุณได้ลองสักครั้งหนึ่งของคนรักน้ำหอม :) ปล. นอกเหนือจากน้ำหอมจิ๋ว miniature perfumes พวกนี้ของร้านเรา หากใครถามหาขวดใหญ่ หรือแบบแบ่งขาย เราก็ยินดีชี้ทางให้ไปร้านเพื่อนที่เป็นพันธมิตรกันในโลกของความหอมค่ะ ถือว่าแชร์กันไป เพราะเริ่มจากความรัก มันจะไม่ใช่การแข่งขันแต่คือการแบ่งปันข้อมูลถึงกัน ขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงตรงนี้นะคะ :) จากร้าน Pim Perfume L'Air du Temps : ความรัก เสรีภาพ และความสงบสุขหลังไฟสงคราม
 เบื้องหลังน้ำหอมคลาสสิคอย่าง Guerlain Mitsouko/Chanel No.5/Jean Patou Joy และอื่น ๆ หรือแม้แต่ Nina Ricci L'Air du Temps (ปี 1948 - ปัจจุบันนับรวมอายุ 65 ปีพอดี) ที่กำลังเขียนถึงมักมีเรื่องราวอันน่าค้นหาซ่อนอยู่ :) L'Air du Temps ถือกำเนิดขึ้นในปี 1948 โดยนักปรุงน้ำหอมคือ Francis Fabron หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รอยยิ้มของผู้คน ความสงบสุข ความหวัง และความฝันถึงสิ่งที่ดีงามในอนาคตได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ทางด้านประเทศฝรั่งเศส (Nina Ricci เป็นแบรนด์ที่เริ่มต้นจากการเป็นห้องเสื้อชั้นสูงในประเทศฝรั่งเศส) งานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ความหรูหราฟู่ฟ่า ได้กลับคืนมาราวกับการประกาศอิสระภาพจากสงคราม Francis Fabron ได้สร้าง Nina Ricci L'Air du Temps ขึ้นมาจากสิ่งที่เขานึกถึง นั่นคือกลิ่นหอมที่เขาปรารถนาจะได้กลิ่นยามจุมพิตลงบนไหล่ของหญิงอันเป็นที่รัก Francis Fabron บอกว่าเขาเป็นคนโรแมนติกและคงจะอยู่อย่างสิ้นไร้จินตนาการหากขาดความฝัน... ในปี 2008 ทาง Nina Ricci ได้ออกมาโฆษณาว่าในทุก 15 วินาที L' Air du Temps จะถูกขายได้ 1 ขวด จากทั่วโลก มันอาจฟังดูเป็นโฆษณาที่ชวนเชื่อเหลือเกินในยุคปัจบันที่มีน้ำหอมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ในอดีตนั้น L'Air du Temps คือหนึ่งในน้ำหอมที่ขายดีที่สุด ไม่แพ้ Chanel No.5 หรือ Guerlain's Shalimar :) กลิ่นของ L'Air Du Temps หอมหวานนวล ๆ ด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ จัดอยู่ในน้ำหอมตระกูล Floral โดยดอกไม้ที่เป็นกลิ่นหลักเลยก็คือดอกคาร์เนชั่น (Carnation) และดอกคาร์เนชั่นก็ซ่อนความหมายของตัวมันเองอยู่ ^__^ ในประเทศโปรตุเกสที่ Francis Fabron มานั้นดอกคาร์เนชั่นเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศอิสระภาพ ปี 1974 ที่โปรตุเกสได้เกิดการปฏิวัติระบบเผด็จการโดยการร่วมมือกันระหว่างคณะทหารสมทบและแนวร่วมประชาชน...เป็นการทำรัฐประหารที่ไม่มีเสียงปืนดังขึ้นแม้แต่นัดเดียว บนถนนเต็มไปด้วยดอกคาร์เนชั่น ที่ประชาชนพร้อมใจกันเดินถือชูออกมาปักมันไว้บนปลายปืนและเครื่องแบบของทหาร ดังนั้นในโปรตุเกส ดอกไม้ชนิดนี้จึงมีความสำคัญสำหรับพวกเขามากเพราะมันหมายถึงความหวัง ความสงบสุขและชัยชนะของพลังประชาชนอันนำไปสู่ระบบประชาธิปไตย ทางด้านขวดที่สวยงามของ L'Air du Temps อันมีนกพิราบที่สัญลักษณ์ของสันติภาพนั้น ถูกออกแบบโดยแบรนด์เครื่องแก้วชื่อดังระดับโลกคือ Lalique และเคยได้รับรางวัล Bottle of the Century สวยงามไร้ที่ติ จบแล้วหมดพลังงาน อิอิ ขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ บทความนี้เรียบเรียงรายละเอียดยิบย่อยมาจากหลายที่ ขาดตกบกพร่องอย่างไรต้องขออภัย ว่าง ๆ จะมาเขียนให้อ่านใหม่นะคะ ^__^ //www.fragrantica.com/news/L-Air-du-Temps-65th-anniversary-4636.html //www.oknation.net/blog/print.php?id=797296 รีวิว Bvlgari Classic for women : ฝันกลางวันถึงผู้หญิง 4 คน ของ Bvlgari
คราวที่แล้วเรารีวิว Bvlgari กลุ่ม Omnia อัญมณีสีสันสดใสกันไปแล้ว ครั้งนี้ขอมาที่กลุ่ม Classic for women ที่ทำให้เราชอบน้ำหอมของแบรนด์นี้โดยเริ่มจากครั้งแรกที่ได้กลิ่นของ Pour Femme ท่านที่ชอบแนวกลิ่นหอมแบบสุภาพ งามสง่า อ่อนโยน สไตล์เรียบหรูแต่ดูแพงยกให้น้ำหอมกลุ่มนี้เลยค่ะ
 บุคลิกของกลิ่นสั้นๆ หากเปรียบเทียบกับหญิงสาว 4 คน จะเป็นไปตามนี้ค่ะ Pour Femme สุภาพสตรี ที่งามสง่า ในชุดลูกไม้ราคาแพง กับบทกวีโรแมนติก Rose Essentielle สาวสวยชวนฝันในเดรสสีพาสเทลอ่อนหวาน กับสร้อยไข่มุก Jasmin Noir สาวสวยลึกลับกับหน้ากากขนนกใต้โคมไฟระย้าสไตล์วินเทจ ในงานเลี้ยงหรูหรา Mon Jasmin Noir หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาว ในสวนสวยๆ ยามบ่าย รอยยิ้มและปาร์ตี้น้ำชากับเพื่อนๆ กลิ่นที่เป็น note หลัก ๆ ของแต่ละตัวจะเป็นดอกไม้ที่ต่างชนิดกัน 1. Pour Femme กลิ่นหอมงามสง่าจากกุหลาบและไวโอเลต ที่เป็นเหมือนกลิ่นพื้นฐานให้ Bvlgari ในตระกูล classic รุ่นต่างๆ 2. Rose Essentielle หอมกลิ่นกุหลาบสีชมพู ที่แสนนุ่มนวล อ่อนโยน หรูหรา 3. Jasmin Noir กลิ่นหอมของดอกมะลิที่ซับซ้อนผสมกับกลิ่นหอมดึงดูดใจของเครื่องเทศราคาแพง ทำให้น้ำหอมกลิ่นนี้ออกมาในแนวทันสมัย หรูหรา พร้อมๆ กับความมีเสน่ห์ลึกลับที่น่าค้นหา 4. Mon Jasmin Noir เป็นกลิ่นหอมจากดอกไม้แห่งฤดูใบไม้ผลิ lily of the valley รวมเข้ากับกลิ่นหอมสดใสของดอกส้ม และความบริสุทธิ์อ่อนหวานของดอกมะลิ หาก Jasmin Noir เป็นสัญลักษณ์ของฤดูหนาวและเสน่ห์ลึกลับยามรัตติกาล Mon Jasmin Noir ก็เปรียบเหมือนแสงอาทิตย์อบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ |
ชิฟฟอนคาปูชิโน่
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?] ชอบน้ำหอมก็เลยเปิดร้านน้ำหอมมินิเป็นงานอดิเรก เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เห็นคนอื่น Happy กับกลิ่นหอมที่ถูกใจค่ะ *** สิทธิ์เป็นของผู้เขียน และผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านต่างๆ หากนำไปใช้รบกวนให้เครดิตด้วย จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณค่ะ*** ติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ wisa.p@me.com @@@@@@@@@@@@@@@@@ I Am Beautiful "ไม่สำคัญว่าใครจะมองเรายังไง แต่มันสำคัญที่ว่า เรามองตัวเองยังไง" Friends Blog
|
