:: บทเรียนที่ไม่มีวันลืม : :
สวัสดีวันต้นสัปดาห์ค่ะ วันนี้ขออนุญาตไม่เขียนเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางหรือเรื่องราวของไต้หวันหนึ่งวันนะคะ พอดีไปประสบกับเหตุการณ์ที่อยากจะเอามาแชร์มาเล่าให้กับเพื่อนๆน้องๆฟังกัน . . . ที่นี่ฝนตกติดต่อกันมาหลายวันแล้ว อยู่บ้านเบื่อๆก็เลยไปหากิจกรรมที่ไม่ต้องออกไปเดินตากแดดตากลมข้างนอก "โรงหนัง" ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดี หนังที่เราเลือกดูวันนี้ เป็นหนังที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ที่สำคัญเห็นเขาว่า special effect แจ่ม .. หมายมั่นปั้นมือมาหลายวัน ดีใจจริงๆที่ได้ดู
ตอนที่เดินเข้าไปในโรง เขาปิดไฟหมดแล้ว จะมีก็แสงจากจอหนังที่ทำให้เราพอเดินผ่านเข้าไปหาที่นั่งของตัวเองได้ หลังจากนั่งลงเรียบร้อย แอบหันไปสำรวจรอบๆตัว อืมม.. มีหลายช่วงอายุจริงๆ . . . หนังเริ่มฉายแล้ว แถวหน้าถัดไปสัก 3-4 แถวพาเด็กเล็กๆมาด้วย เสียงเจ้าตัวน้อยเริ่มงอแง อดไม่ได้ที่จะแอบรำคาญนิดๆ แต่เอาน่า เด็กยังเล็ก จะไปห้ามธรรมชาติของเขาได้อย่างไร อีกอย่างเราเองก็เคยทำแบบนั้นมาก่อนเหมือนกัน (นึกแล้วอดสงสารแม่ตัวเองไม่ได้) ว่าแล้วตั้งใจดูหนังต่อไป . . . ไม่นานก็ได้ยินเสียงคุณป้าข้างหน้าเริ่มพูดงึมงำๆ แอบคิดในใจ แกพูดกับใคร(วะ)? ลองสังเกตดู อ๋อ แกพูดกับลูกสาววัยรุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ลูกสาวก็นั่งก้มหน้าก้มตา สงสัยกำลังแชทกับแฟนผ่าน Line แน่ๆ อย่างนี้คงโดนแม่บังคับมาดูแหงๆ ยิ่งหนังเข้มข้นมากขึ้น (อี)ป้าแถวหน้าก็เริ่มพากย์หนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ฉันคนเดียวแน่ๆที่แอบรำคาญ เพราะคนข้างหน้าหลายคนเริ่มหันมาดู เสียดายที่โรงมันมืด ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นสายตาเพชรฆาตอีกหลายคู่ ยิ่งเรื่องเข้าไคลแมกซ์ ป้ายิ่งพากย์เสียงดัง จะหมูจะหมาวิ่งผ่าน ป้าบรรยายซะละเอียดยิบ ฉันเริ่มตบะจะแตก หายใจเข้า-หายใจออก นับ 1 ไม่ถึง 50 นึกถึงที่เมื่อเช้าอ่านหนังสือธรรมะก่อนออกมา เออ-- (อี)ป้า ฉันไม่เอาเรื่องก็ได้ ! แต่ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอดแกในใจ สงสัยที่บ้านไม่ค่อยมีใครคุยด้วย
. . . ผ่านไปไม่น่าจะเกิน 5 นาที มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินกลับเข้ามาจากไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างแกเดินกลับ แกเดินผ่านที่ป้านั่งพอดี น้องคนนั้นหยุดพูดกับป้า เสียงดังฟังชัด จับใจความได้ว่า "หยุดพล่ามสักที คนเขาจะดูหนังกัน ไม่เกรงใจคนอื่นเขาบ้าง พากย์อยู่ได้" ป้าแกดูเหมือนจะพยายามตอบ แต่แกอึกอักๆได้ 2-3 คำแล้วก็เงียบไป ฉันแทบจะกระโดดจากเก้าอี้เข้าไปกอดน้องคนนั้น โหย--น้อง! น้องเป็นอิสตรีผู้กล้าจริงๆ รู้สึกเหมือนถูกหวย ดีจริงๆไม่ต้องลงมือเองก็มีคนพูด(ความในใจ)แทน
. . . ท่าทางจะได้ผล เพราะหลังจากนั้นป้าก็เงียบไป ทุกคนในโรงได้ดูหนังอย่างสงบสุขสมความตั้งใจ ฉันนึกขอบใจน้องคนนั้น คิดถึงขั้นถ้าเดินผ่านจะไปจับมือแสดงความชื่นชม . . . หนังจบแล้ว ไฟค่อยๆสว่างขึ้น สว่างขึ้น ฉันไม่ชอบแย่งคนออก จึงนั่งรอให้คนซาๆลงก่อน มองไปข้างหน้า อ้าว! ป้ากับลูกสาวยังนั่งอยู่ สงสัยจะอาย ป้าลุกขึ้นเกือบจะพร้อมๆกับฉัน ลูกสาวป้าเกาะแขนแม่แล้วยืนขึ้นตามมา ไฟในโรงสว่างเต็มที่แล้ว ฉันแทบจะน้ำตาร่วง ... ภาพที่เห็นข้างหน้าคือแม่คนหนึ่งกำลังจูงลูกสาวตาบอดออกจากโรงหนัง! . . . ฉันกลับบ้านมาพร้อมกับก้อนความรู้สึกจุกอยู่ในอก ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นคนพูดเตือนให้ป้าหยุด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ฉันหยิบกระดาษโน้ตที่จดเรื่องที่อ่านจากหนังสือเมื่อเช้าออกมาจากแฟ้ม รอยปากกาสีชมพูขีดเส้นใต้ข้อความที่พยายามจะเตือนตัวเองลอยอยู่ข้างหน้า ข้อความที่คนเขียน คัดลอกมาจากเพลงเก่าๆของวงเฉลียง "อาจจะจริงเราเห็นอยู่ เผื่อใจไว้ที่ยังไม่เห็น" "อาจเลวเพราะแสนเข็ญ หยาบช้าเพราะขมขื่น" . . . ฉันเริ่มรู้สึกเข้าใจกับที่อดีตประธานาธิปดีสหรัฐ Abraham Lincoln เคยกล่าวไว้ "I don't like that man. I must get to know him better." ถ้าเราให้เวลาและพยายามเปิดใจที่จะทำความเข้าใจเหตุที่มาของเรื่องรอบตัว บางมีโลกนี้อาจจะไม่มีคนที่เลวจริงๆเลยก็ได้ แล้วเจอกันครั้งหน้าค่ะ
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2556 |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2556 9:17:46 น. |
|
0 comments
|
Counter : 453 Pageviews. |
|
|
|