Vertigo TOO ดินเนอร์ในบรรยากาศสุดหรู มองวิวแบบ 360 องศา
ชื่อร้าน : Vertigo TOO รายการอาหาร : อาหารนานาชาติ เวลาเปิดบริการ : 17.00 01.00 น. ที่ตั้งร้าน : ชั้น 60 โรงแรมบันยันทรี ถนนสาทรใต้ สาทร, กรุงเทพมหานคร สาทร Thailand พิกัด GPS : 13° 43' 25.65" N 100° 32' 23.06" E
VERTIGO TOO BANYAN TREE BANGKOK
Rooftop Restaurant แค่ได้ยินก็ชวนให้นึกถึงบรรยากาศห้องอาหารสุดหรูบนตึกสูงระฟ้า ยิ่งเป็นห้องอาหารVertigo บนชั้นที่ 61 ของโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ ด้วยแล้วละก็ ถือว่าเป็นห้องอาหารในฝันของหลายๆ คน เพราะด้วยบรรยากาศของชั้นบนสุดสูงเสียดฟ้า ที่สามารถมองวิวของกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 สุดลูกหูลูกตา มองมาฝั่งนี้ก็จะเห็นโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงาม ส่วนอีกฝั่งก็จะเป็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองที่เรียงรายกันสวยงาม ทำให้ห้องอาหารแห่งนี้เป็นห้องอาหารที่หลายๆ คน ชื่นชอบที่จะมาดินเนอร์ในโอกาสพิเศษ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยงาม
และด้วยความยอดนิยมของ Vertigo แห่งนี้ ทำให้ทางโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ ได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยห้องอาหาร Vertigo TOO ที่บรรยากาศดีไม่แพ้ Vertigo เลยครับ เพราะห้องอาหารน้องใหม่นี้อยู่ที่ชั้น 60 แต่เป็นห้องอาหารแบบ indoor ดังนั้นนอกจากจะบรรยากาศดีแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลกับสภาพฝน ฟ้า อากาศเลยครับ ยิ่งช่วงหน้าฝนแบบนี้ด้วยแล้วละก็คาดเดาลำบากว่าฝนจะตกหรือไม่ตก ลมจะแรงหรือเปล่า ดังนั้นที่ Vertigo TOO แห่งนี้จึงตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศบนตึกสูง และบรรยากาศก็สามารถดื่มด่ำกับค่ำคืนสุดพิเศษแบบไม่ต้องกังวลด้วยครับ
ภายในห้องอาหารนั้นมีมุมให้เลือกนั่งหลายมุมเลยครับ แต่ละมุมก็มีบรรยากาศแตกต่างกันไป แต่ผมขอเลือกมุมเบาะที่นั่งยืดขาสบายๆ อยู่ริมกระจกที่มองเห็นวิวในเมืองสวยๆ ได้ชัดเจนทีเดียว สำหรับบรรยากาศภายในเมื่อดึกขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศก็จะสลัวๆ ด้วยแสงไฟเล็กๆ ที่ประดับประดาอยู่บนเพดานสูง ซึ่งมองแล้วเหมือนดวงดาวที่ส่องแสงสว่างไสวอยู่บนฟ้า ดังนั้นจึงเหมือนกับเราได้นั่งมองดูดาวอยู่บนดาดฟ้าเลยก็ว่าได้ครับ นอกจากจะนั่งมองดูวิวสวยๆ ภายนอกแล้วยังมีเสียงเพลงที่ร้องเล่นกันแบบสดๆ ขับกล่อมในช่วงค่ำคืน ทำให้อรรถรสในการทานอาหารเพิ่มขึ้นไม่เบาทีเดียว
พาไปชมบรรยากาศกันเต็มที่แล้ว ก็มาถึงเรื่องอาหารกันบ้างครับ สำหรับเมนูอาหารของที่นี่ มาจากคอนเซ็ปต์Cross-Cultural ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารหลากหลายสัญชาติ ที่เสิร์ฟในรูปแบบ Tapas ขนาดพอดีคำไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ก่อนอื่นขอเริ่มที่เครื่องดื่มกันก่อน ด้วยความที่เราสองคนไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงเลือกที่จะสั่ง mocktail แทน โดยเลือกสั่ง Faux Sins (310 บาท) ม็อกเทลสีแดงสดใส และไม่ธรรมดาเพราะเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับรางวัล Perrier Mixologist Competition Best Mocktail 2015 ที่มีส่วนผสมของ pomegranate, orange, cinnamon, black peppercorn และ Perrier รสชาติหวานซ่า ชื่นใจ ได้กลิ่นหอมของอบเชยติดจมูกนิดๆ ถือว่าเป็นม็อกเทลที่ช่วยเติมความสดชื่นได้ดีทีเดียวครับ
ส่วนอีกแก้วเป็น Apple Smoothie น้ำแอปเปิ้ลปั่นที่ได้รสชาติแอปเปิ้ลแบบแบบหวานซ่อนเปรี้ยว ช่วยเติมความสดชื่นได้ดีไม่แพ้กัน
ก่อนอาหารจะเสิร์ฟ ก็มีของว่างมารองท้องก่อน ไม่ว่าจะเป็นถั่วทอดฟักทองทอด หรือว่าจะเป็นข้าวเกรียบชาโคลที่มาพร้อมกับซอสสูตรพิเศษเฉพาะของที่นี่ ที่ถือว่าเป็นของว่างที่รสชาติดีมากๆ เลยครับ
จากนั้นก็มาถึงเมนูอาหารแบบเบาๆ ถือว่าเป็นเมนูทานเล่นก็ว่าได้กับเมนู Thai Fried Squid Legs (450 บาท) หนวดปลาหมึกทอดกรอบ ที่มีรสชาติจัดจ้านแบบลาบไทยๆ ที่เติมความเผ็ดร้อนด้วยซอส Siracha Mayonnaise ถือเป็นเมนูทานเล่น ที่อร่อย ทานได้เพลินมากๆ ครับ
ต่อด้วย Chorize Quesadillas (490 บาท) เมนูอาหารของคนเม็กซิกัน ที่นำเอาแป้งสีขาวบาง ด้านในมีไส้รสเค็มนิดๆ บวกด้วยชีสหน่อยๆ ทานกับซอสสามแบบคือ Sour Cream, Tomato Salsa และ Guacamole แต่งหน้าด้วยอะโวคาโด และผักชีสด แนะนำให้ทานตอนอุ่นๆ เพราะถือว่าเป็นเมนูที่อร่อยมากๆ เลยครับ
จากนั้นก็ตามมาด้วยเมนูที่รสชาติจัดจ้านแบบไทยๆ แต่สวยงามนั่นก็คือ Tom Yum Spring Rolls (510 บาท) ปอเปี๊ยะสดไส้กุ้งลายเสือและผักสด ที่เพิ่มรสชาติด้วยซอสต้มยำแบบไทยๆ อร่อยจัดจ้าน และจัดมาแบบพอดีคำกำลังดีเลยครับ
แล้วก็ต่อด้วย King Fish Tostadas (470 บาท) อีกหนึ่งเมนูในสไตล์เม็กซิกัน ปลาคิงฟิชที่มาบนแผ่นแป้งกรอบบาง เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนนิดๆ ด้วยพริก Jalapenos พริกของชาวเม็กซิกันที่มีความเผ็ดปานกลาง จัดเมนูมาแบบพอดีคำ รสชาติถือว่าอร่อยไปอีกแบบครับ
และก็มาถึงอีกหนึ่งเมนูที่ผมชอบมาก เพราะนอกจากความอร่อยแล้ว หน้าตายังสวยน่าทานด้วยนะครับกับเมนู Scallops Kataifi (500 บาท) เมนูที่จัดจานมาได้สวยงาม ขนาดพอดีคำ เป็นเมนูที่มีทั้งหอยเชลล์ เห็ดชิตาเกะ และ Black Truffle ตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสวยงามที่ช่วยเพิ่มความน่าทานให้กับเมนูนี้ได้ดี รสชาติถือมีทั้งรสหวาน ปนเค็มนิดๆ อร่อยเบาๆ กำลังดีเลยครับ
แล้วก็ปิดท้ายเมนูอาหารคาวด้วย Jasmine Tea-Smoked Lamb Loin (550 บาท) เนื้อแกะนุ่มสุกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำกำลังดี เสิร์ฟได้แบบแปลกตาด้วยควันหอมๆ ที่ช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อยได้ดี ทานคู่กับซอสรสเปรี้ยวนิดๆ และมันฝรั่งบด กับผักต้มต่างๆ เป็นเมนูที่น่าทานและรสชาติถูกปากสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อแกะอย่างผมเลยทีเดียว
มาถึงเมนูของหวานกันบ้างดีกว่าครับ สำหรับ Caramello (280 บาท) ถือว่าเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความหอมหวานของคาราเมลเพราะเมนูนี้จัดเต็ม ทั้ง Caramel Mousse, Almond Choux Crumble, Caramel Popcorn และ ไอศกรีมคาราเมล ทีเดียวครับ เรียกได้ว่าจัดเต็มทั้งของทานเล่น ของคาว และของหวานกันเลยทีเดียว
สำหรับคนที่ชอบห้องอาหารแบบ Rooftop restaurant น่าจะชื่นชอบบรรยากาศสวยๆ ของ Vertigo TOO ได้ไม่ยาก เพราะมาตรฐานของ Vertigo นั้นเค้าทำไว้ได้สุดยอดอยู่แล้วครับ ดังนั้นที่นี่จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการมื้ออาหารสุดพิเศษบรรยากาศแสงสียามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ที่สามารถมองได้ 360 องศาเลยก็ว่าได้ นอกจากบรรยากาศจะสุดหรู โรแมนติกแล้ว อาหารเครื่องดื่มก็ถือว่าอร่อยคุ้มค่าแน่นอนครับ นอกจากมาทานอาหารที่ห้อง Vertigo TOO แล้วเพื่อนๆ ยังสามารถขึ้นไปชมวิวที่ห้องอาหาร Vertigo ได้ด้วยนะครับ
ภาพบรรยากาศสวยๆ ของห้องอาหาร Vertigo ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของ Banyan Tree Bangkok ครับ ไว้มีโอกาสจะมารีวิวให้ชมกันอีกนะครับ
Create Date : 10 มิถุนายน 2559 |
Last Update : 10 มิถุนายน 2559 17:29:17 น. |
|
5 comments
|
Counter : 9998 Pageviews. |
|
|
น่าไปสุดๆ โหมดหมวด Food ค่า