จากสมุดโน้ตธรรมดาที่ ไลท์ เจอในคืนฝนตก สมุดเล่มนั้นมีวิธีใช้เป็นภาษาอังกฤษเขียนเอาไว้ ว่า D E A T H N O T E คือ บันทึกของยมทูต และ เมื่อมันตกลงมาบนโลกมนุษย์ให้มันกลายเป็นสมบัติของมนุษย์ผู้เก็บมันได้ วิธีใช้ D E A T H N O T E ก็คือ เขียนชื่อ สกุล ของคนที่ต้องการฆ่า ลงใน D E A T H N O T E โดยผู้เขียนจะต้องรู้จักหน้าตาของผู้คน ๆ นั้น D E A T H N O T E ถึงจะส่งผลให้ คนผู้นั้นตายภายใน 40 วินาที ซึ่งถ้าไม่ระบุสาเหตุการตาย คน ๆ นั้นจะตายด้วยอาการ หัวใจวาย *** มนุษย์ผู้สัมผัส D E A T H N O T E จะมองเห็นยมทูตเจ้าของ D E A T H N O T E ด้วย ***
หลังจากที่ ไลท์ เก็บ D E A T H N O T E ได้ เขาก็ใช้มันฆ่าอาชญากรทีละคนจากข้อมูลที่เขาเก็บไว้ และ สร้างรูปแบบของคดีฆาตกรรม คิระ ขึ้น เพื่อปั่นหัวกรมตำรวจ ....
ยมทูต ลุค เขาคือ ยมทูตผู้ครอบครอง D E A T H N O T E ลุค คอยติดตาม ไลท์ ตลอดเวลา ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ จนในที่สุดเขาก็พบว่า อัจฉริยะอย่าง ไลท์ มีความอำมหิตเกินกว่า ที่เขาคิดไว้
L คือ นักสืบอัจฉริยะ ผู้ปกปิดชื่อ-สกุลจริงเอาไว้ L เป็นคนแรกที่พบว่า คิระ จะฆ่าใครต้องรู้จัก ชื่อสกุล และ หน้าตา โดยในการสืบสวนคดีคิระ L ต้องทำงานร่วมกับพ่อของไลท์ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสงสัยเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่ชื่อไลท์
L ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะสัณชาติญาณบางอย่างบอกเขาว่า ไลท์ คือ ฆาตกร แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะนำ ไปสู่บทสรุปของคดีคิระ L และ ไลท์ ก็พบว่า คิระไม่ได้มีคนเดียวเสียแล้ว และนั่นหมายความว่า มี
D E A T H N O T E ในโลกนี้ถึง 2 เล่ม!!!
เกร็ดภาพยนตร์ D E A T H N O T E
-สร้างจากการ์ตูนยอดจำหน่าย 15 ล้านฉบับ!!!
-D E A T H N O T E ฉบับภาพยนตร์ ได้ทำการสร้างทีเดียว 2 ภาค โดยภาคแรกจัดฉายที่ญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน และกวาดรายได้ในวันเปิดตัวเป็นอันดับ 1 ที่ตัวเลข 3 วัน 157 ล้านบาท ล้ม The Da Vinci Code ที่ครองแชมป์ต่อเนื่องมา 4 สัปดาห์
-D E A T H N O T E ภาค 2 จะออกฉายที่ประเทศญี่ปุ่น ประมาณปลายเดือนตุลาคม 2006
-D E A T H N O T E ได้เพลง Dani California ของวง Red Hot Chili Peppers มาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์
-ทัตสึยะ ฟูจิวาระ ถูกเลือกให้มารับบท ไลท์ โดยเฉพาะ เนื่องจากโปรดิวเซอร์ติดใจการแสดงบทร้ายที่หลากหลายของเขาในเรื่อง Battle Royal