ใกล้...จนมองผ่านไป หรือว่าไกล...จนสุดมือคว้า
Group Blog
 
All blogs
 

รักไกลๆ

ความรัก...


ถ้าใกล้ไป...บางทีก็อาจจะถูกมองข้าม


เพราะใกล้มากไป บางที่ก็ทำให้เราละเลยบางสิ่งบางอย่าง ทั้งโดยตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ


ละเลย...จนอาจเหมือนต้นไม้ที่ขาดการรดน้ำดูแลไปนานๆ ที่สุดท้ายก็ขาดน้ำและเฉาตายในที่สุด


ก็เหมือนความสัมพันธ์ที่ขาดการใส่ใจซึ่งกันและกัน ลืมเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา...ผลสุดท้ายก็อาจจะต้องจบแบบเส้นขนาน


ความรักทางไกล


อุปสรรคในเรื่องความรักที่อาจเห็นได้บ่อยๆ คือระยะทาง


แน่นอน...ถ้าไกลไป...บางทีก็อาจจะเอื้อมไม่ถึง


รักไกลๆ ใครๆ ก็ว่ามันคงจบเร็ว


แต่ระยะทางเป็นต้นเหตุจริงๆ หรือเป็นแค่ข้ออ้างของคนไม่หนักแน่น?


ยังเชื่อว่า ความรัก...ขึ้นกับความรู้สึกรักของคนสองคน


ระยะทาง...ก็แค่ตัวแปรภายนอกตัวหนึ่งเท่านั้นเอง


สิ่งสำคัญจริงๆ ก็คือความรู้สึกพร้อมของคนสองคน


...ถ้าพร้อมจะเดินไปด้วยกัน

...พร้อมจะแก้ปัญหาไปด้วยกัน


รักไกลๆ ก็แค่เรื่องจิ๊บๆ 

:)


ps.ให้รักไกลๆ ทำให้รักกันมากๆ ดีกว่านะ :P




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2555 0:13:08 น.
Counter : 1010 Pageviews.  

ขอเวลาเดินเร็วขึ้น...อีกนิด

ถ้าให้เลือกระหว่าง การรับรู้อะไรบางอย่างล่วงหน้า เพื่ออย่างน้อยจะได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ กับการที่จู่ๆ ต้องเผชิญหน้ากับมันเลย ส่วนใหญ่ คงคิดว่าการรับรู้ล่วงหน้า น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า..คิดอย่างนั้นกันมั้ย?

ในสถานการณ์ปกติ ก็เห็นด้วยนะ เพราะอย่างน้อยก็มีเวลาที่จะเตรียมตัว เตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์นั้นๆ อย่างเต็มที่ ปัญหาอาการลุกลี้ลุกลนคงไม่มีมากนัก

แต่สมมติถ้าคุณเกิดต้องรับรู้อะไรบางอย่างล่วงหน้าก่อนเป็นเวลานานๆ ล่ะ จะรู้สึกอย่างไร?

หลายคนก็อาจตอบเช่นเดิมว่า ดีออกนะ ยิ่งรู้ก่อนล่วงหน้านานๆ ยิ่งจะทำให้การเตรียมตัวมีความพร้อมอย่างที่สุด

แต่สำหรับฉัน เรียกได้ว่าเป็นการทรมานจิตใจที่เจ็บปวดไม่น้อยเลยทีเดียว

ไม่อยากจะคิด...แต่ก็หยุดคิดไม่ได้

ไม่อยากจะนึกถึง...แต่แค่หลับตา ทุกสิ่งทุกอย่างก็ลอยขึ้นมา...เด่นชัด

อยากยิ้ม อยากหัวเราะ อยากผ่อนคลาย...แต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่อย่างเคย

...และก็เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่อยากจะขอให้เวลาเดินเร็วขึ้นอีกนิดจะได้ไหม?




 

Create Date : 12 มกราคม 2553    
Last Update : 12 มกราคม 2553 1:16:01 น.
Counter : 366 Pageviews.  

เรื่องเขียนสั้นๆ...แต่เรื่องฉันยาว

คืนนี้ฟ้าโปร่ง ลมเย็นในปลายฤดูหนาวพัดโชยพัดต้องผิวกาย หนาวจนสะท้านไปถึงหัวใจ เงยหน้าดูพระจันทร์ที่วันนี้ดูจะบิดๆ เบี้ยวๆ เนื่องจากมิใช่วันขึ้น 15 ค่ำ

บรรยากาศรอบๆ เงียบสงัด มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนที่แทรกผ่านความเงียบออกมาเป็นระยะๆ เท่านั้น

อากาศที่บ้านนอกปลอดโปร่ง ชวนให้สูดหายใจเข้าเต็มปอด แตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิง

ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่...เหลือเวลาอีกวันเดียวก็ต้องกลับไปเผชิญกับชีวิตเร่งรีบและเต็มไปด้วยการแข่งขันอีกครั้ง

คิดพลางก็ยิ้มขำ จริงๆ ก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่มาเกือบ 5 ปีเต็มแล้วนะ ทำไมถึงเกิดความรู้สึกเหนื่อยหน่ายแบบนี้อีก จริงๆ ก็น่าจะชินได้แล้วแท้ๆ

จะเป็นเพราะอะไรๆ ที่เปลี่ยนก็คงไม่ใช่เหตุผล เชื่อได้ว่าตลอดเกือบ 3 ปีหลังที่ผ่านมา ชีวิตได้พบเจอกับการเปลี่ยนแปลงหลากหลายรูปแบบ ทั้งดี ทั้งร้าย ทั้งหัวเราะ...และแม้แต่น้ำตา

หรือเพราะคราวนี้มันหมดแรงแล้วก็ไม่รู้

ก้มมองเจ้าแมว 2 ตัวที่วิ่งมาพันแข้งพันขาแล้วก็รูสึกอิจฉาแมวขึ้นมาตะหงิดๆ

เปลี่ยนสปีชีย์ทันมั้ยเนี่ย?!?

ลมหายใจถูกปลดปล่อยมาอีกเฮือกใหญ่ๆ...

ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้าก้มตายอมรับและเผชิญมันไป ท่องไว้ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และเวลาก็จะช่วยท่านได้เหมือนทุกๆ ครั้งนั่นแหละ


ปล.เคาะสนิม กับเรื่องสั้นๆ




 

Create Date : 09 มกราคม 2553    
Last Update : 9 มกราคม 2553 20:46:06 น.
Counter : 332 Pageviews.  

ความสัมพันธ์ของเวลากับความรัก

สายน้ำ ไหลผ่านไป ไม่มีวันย้อนกลับ

ฉันใดฉันนั้น...เหมือนเวลา ที่ผ่านไปโดยที่ไม่อาจย้อนคืน

เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ใดๆ ในอดีตได้ เพียงแต่อย่างน้อย เราก็ได้บทเรียน สำหรับนำไปใช้ในอนาคต

ความรัก อาจมีจุดเริ่มมาจากความประทับใจแม้ในสิ่งเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม อาจจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับอรรถประโยชน์ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนถึงจุดๆ หนึ่ง เมื่อความรักอิ่มตัว ความอดทนคนเริ่มสิ้นสุด รักก็คงค่อยๆ ลดน้อยถอยลงตามหลักการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม

แล้วเวลากับความรัก มันเกี่ยวกันอย่างไรเล่า?

สำหรับเรา ยามเริ่มรัก อะไรๆ ก็คงดูสดใส สวยงาม ด้วยความรักอาจบังตาและใจไม่ให้เราเห็นจุดบกพร่องของอีกฝ่าย หรือความรักอาจทำให้เราอดทนพอที่จะยอมรับอีกฝ่ายได้โดยไม่มีเงื่อนไข...หารู้ไม่ว่า การยอมโดยการฝืนใจนั้น จะเร่งการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์นั้น เมื่อเวลาผ่านไป

และในที่สุด มันก็ถึงคราวแตกหัก ผลสุดท้าย คนที่ต้องเสียใจคงไม่พ้นทั้งสองฝ่ายนั่นเอง

ทำอย่างไรเล่า มิให้รักสูญหายไปตามกาลเวลา?

มีหลายคนกล่าวว่า ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงได้รัก หาเหตุผลใดๆ มาอธิบายไม่ได้ ซึ่งเราเองก็เชื่อ บางครั้งความรักไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมีเหตุผลรองรับตามหลักวิทยาศาตร์ เพียงแต่อยากให้รักกันอย่างมีสติพอเท่านั้นเอง รวมไปถึงการปรับตัวเข้าหากันเพื่อลดช่องว่างของความแตกต่างระหว่างคน 2 คนที่เติบโตและมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน

การปรับตัว เป็นเพียงการยอมรับในตัวตนของอีกฝ่าย ในเกณฑ์ที่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการฝืนความรู้สึกของตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่า...หากจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคนไปตลอดชีวิต เราจะอยู่ได้อย่างมีความสุข

เวลากับความรัก?

หลายคนแย้งว่า เวลา ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ความรักที่ดี
คนบางคน รักกันเป็นสิบปี หากสุดท้าย เวลาสิบปีก็ไม่มีค่าเมื่อในที่สุด ต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้าย หรือบางคน ใช้เวลาไม่นานในการรัก แต่อาจใช้เวลาทั้งชีวิตในการลืม

ซึ่งก็จริงนั่นและ แต่เราก็ยังเชื่อว่า เวลาเป็นเครื่องมือในการพิสูจน์ความรักที่พอใช้ได้ตัวหนึ่งทีเดียว

อย่างที่บอกไปตอนต้น ความพอใจของคนเราย่อมลดลงได้เมื่อเรารู้สึกอิ่มตัว ความรักก็เช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปจนความเร่งของความรักค่อยๆ ลดลงจนสู่สมดุลของมัน สิ่งต่างๆ ที่เราเคยอดทนได้เพราะคำว่ารัก ก็อาจกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจทนได้อีกต่อไป
ดั่งสุภาษิตโบราณ

"ยามแรกรักน้ำผักต้ม รสขื่นขมชมว่าหวาน
รักเก่าเนาเนิ่นนาน เปลี่ยนรสอ้อยให้กร่อยลง"

แม้จะไม่ 100% แต่อย่างน้อย เวลาที่ผ่านไปพร้อมกับอรรถประโยชน์ที่แม้จะไม่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลดลง คงจะช่วยทำให้มั่นใจในความรักได้บ้างกระมัง


***ขอบคุณบทสนทนายามค่ำคืนที่จุดประกายเรื่องเวลากับความรัก




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 23:24:16 น.
Counter : 1591 Pageviews.  

รัก...วาเลนไทน์ เริ่มต้นใหม่...อีกครั้ง (จบ)



เวลา...ผ่านไปเร็วราวสายลมพัด เผลอแป๊บเดียวเท่านั้นวันแห่งความรักก็เวียนมาบรรจบอีกครั้ง
ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาหลังไปร่วมพิธีหมั้นของคนคู่นั้น จีรวดีรู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน
ที่ไม่รู้สึกทุรนทุรายยามต้องมอง ต้องเห็น และร่วมเป็นสักขีพยานในความรักระหว่างคนทั้งคู่อย่างที่เคยเป็น
หัวใจช้ำๆ ที่เคยเจ็บแปล๊บยามมองคนรักเก่ากับอดีตเพื่อนรักค่อยๆ บรรเทาลง
หลงเหลือเพียงรอยแผลเป็นเล็กๆ ทิ้งเอาไว้ให้สะกิดใจเล่น
กลัวเหมือนกันว่าจะเข็ดขยาดกับความรักจนไม่อาจเปิดใจให้กับใครอีก

ได้แต่หวังว่าอีกไม่นานแผลเป็นนี้จะสมานกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

คงเป็นอย่างที่ใครหลายคนว่ากระมั้งว่า

...คงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อรักษาหัวใจให้เข้มแข็งดังเดิม


วาเลนไทน์ปีนี้ก็เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ร้านค้าข้างทางรวมไปถึงห้างสรรพสินค้าคึกคัก
เต็มไปด้วยคู่รักที่พากันมาเที่ยวจับจ่ายซื้อของขวัญให้กันและกัน
สีแดงหรือดอกกุหลาบก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญที่จะสื่อถึงรักที่แต่ละคนมีให้กัน ก้มมองดูของในมือก็อมยิ้ม

เออหนอ...ไม่มีแฟนมาให้ดอกกุหลาบอย่างคนอื่นเค้า แต่เพื่อนร่วมงานก็แสนจะใจดี
ไม่รู้เพราะสงสารหรือเพราะอะไร ถึงได้ซื้อกุหลาบแดงมาให้ถือเล่น

ยิ้มได้สักพักท้องก็เริ่มร้องเตือนว่าหิว มองที่ข้อมือก็พบว่าเลยเวลาอาหารเย็นมามากโข
หันซ้ายหันขวาอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเดินเข้าร้านอาหารประจำของตัวเอง

ไม่คาดคิดว่าบางสิ่งที่ตามหาจะวิ่งมาอยู่ใกล้แค่เพียงเอื้อมมือ...

+++++++++++++++++


หลังกลับจากการไปเยี่ยม ‘น้องเล็ก’ ดังเช่นทุกปีที่เคยเป็นมา สรัณขับรถเรื่อยๆ เข้ามาในตัวเมือง
วันนี้รถติดเป็นพิเศษทำให้คนขับรถที่เคยเยือกเย็นอยู่เป็นนิจถึงกับออกอาการหงุดหงิด
สุดท้ายทนไม่ไหวต้องเลี้ยวเข้ามายังห้างสรรพสินค้า หวังจะหาอะไรรองท้องฆ่าเวลาระหว่างรอ
ให้ดึกกว่านี้อีกสักหน่อยเลี่ยงรถติด ร้านอาหารด้านขวาดูยั่วใจเขานัก
เพราะน้ำย่อยในกระเพราะเริ่มส่งเสียงประท้วงจึงตัดสินใจเดินเข้าไป

ร้านอาหารไทยตกแต่งอย่างไทยๆ บนโต๊ะมีโถแก้วใบใหญ่ ใส่น้ำเอาไว้ราวครึ่งโถ
กุหลาบสีขาวอมส้มลอยเด่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมันแสนจะชื่นใจ บรรยากาศดีอย่างนี้น่าเจริญอาหารนัก
เหลือบมองไปรอบๆ เห็นโต๊ะเต็มทุกโต๊ะ แถมส่วนใหญ่ก็ยังมากันเป็นคู่ๆ หรือไม่ก็ทั้งครอบครัว
อ้อ! มีอีกโต๊ะหนึ่งที่มาคนเดียว

ระหว่างรออาหารที่สั่งไปเขาเห็นคนสองคนเดินเข้ามาในร้าน ภาพประคับประคองกันและกันนั้นทำให้เขาต้องอมยิ้ม
และลงความเห็นว่ามันน่ารักอย่างที่สุด
คุณตาคุณยายวัยไม่เกินหกสิบประคองกันเข้ามาเพื่อฉลองวันวาเลนไทน์
เขาเองก็เคยคิด เขากับน้องเล็กคงจะเป็นเช่นที่เห็นในสักวันนึง...หากแต่คงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว

คุณตาคุณยายยืนเคว้งอยู่ในร้าน หากแต่โชคร้ายที่ในร้านไม่มีที่ว่างพอสำหรับอีกสองคน
เขาเห็นคุณยายหน้าเศร้าลง ท่าทางผิดหวังที่เห็นทำให้เขาลุกขึ้นตามทั้งคู่ออกไป
รู้ตัวอีกทีเขาก็ยกโต๊ะตัวเองให้ทั้งคู่ไปเสียแล้ว ไม่แคร์เลยที่ตัวเองต้องหิ้วท้องหิวกลับบ้านไปเพียงเพื่อเสียสละที่นั่งให้กับคนที่ไม่รู้จักคู่หนึ่ง
แต่เพื่อแลกกับรักที่อาจหาได้ไม่ง่ายบนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ เขาคิดว่ามันคุ้มแสนคุ้ม

แต่ก่อนจะเดินออกไปเพื่อหาร้านอาหารร้านอื่นแทน ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาดึงชายเสื้อเอาไว้
หันกลับไปดูต้นเหตุก็พลันชะงักค้าง

ผมฟูๆ แบบนี้ ตาโตๆ แบบนี้...น้องเล็ก

ก่อนจะต้องสะบัดศีรษะและตั้งสติ บอกกับตัวเองว่าไม่มีน้องเล็กอีกแล้ว
ที่เห็นตรงหน้าก็คงเป็นเพียงคนหน้าคล้ายเท่านั้น

จีรวดีรีบปล่อยมือที่เผลอดึงชายเสื้อเอาไว้ ใบหน้าแต้มไปด้วยเลือดฝาด อายนักกับการกระทำของตัวเอง
ไม่รู้ผู้ชายตรงหน้าจะคิดอย่างไรเมื่อจู่ๆ ก็เดินเข้าไปดึงเสื้อเขาไว้อย่างนี้
เธอมองเหตุการณ์อยู่นานและกำลังคิดจะยกโต๊ะให้กับคุณตาคุณยายคู่นั้นเช่นกัน
พอเห็นชายหนุ่มตรงหน้ายกโต๊ะของตัวเองให้ แต่ตัวเองกลับไม่มีโต๊ะนั่งจึงลุกขึ้นมาโดยไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง
หวังชวนให้อีกฝ่ายไปร่วมโต๊ะด้วยกันก็ได้...อย่างน้อยก็คนไทยด้วยกันนี่นา คงไม่เป็นอะไร

รวมรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมาองผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยชวนเบาๆ

“ถ้าไม่รังเกียจ จะไปนั่งด้วยกันก็ได้นะคะ”

ไม่รู้อะไรมาดลใจทำให้เขาไม่ปฏิเสธคำชวนนั้น ในที่สุดเขาก็มานั่งร่วมโต๊ะกับหญิงสาว
ที่แม้จะมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ แต่ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า

...ก็เหมือนน้องเล็กซะขนาดนั้น หากนั่นก็เป็นเพียงภายนอกที่เห็น
หลังพูดคุยกันสรัณมั่นใจว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นเพียงคนหน้าเหมือนเท่านั้น นิสัยใจคอต่างกันลิบลับ

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อ...

...ถ้าเมื่อวานเป็นเรื่องบังเอิญ วันนี้คงเป็นความบังเอิญครั้งที่สอง

“จีรวดี จากเฮิร์ป แอนด์ เฮลท์ มาติดต่องานโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชาสมุนไพรค่ะ”

ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่วันนี้บรรดาลูกน้องของเขาต่างมีงานล้นมือ
และเขาเองก็เป็นคนเดียวที่เรียกได้ว่า ‘ว่าง’ สุดๆ แล้ว เนื่องจากงานโฆษณานมยูเอชทียี่ห้อหนึ่งเพิ่งจะเสร็จสิ้นไป
เขาจึงต้องรับหน้าที่ดูแลงานชิ้นใหม่แทนด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติในขั้นตอนการติดต่อนั้นเขาเองไม่เคยลงมายุ่ง
แต่จะปล่อยให้ลูกน้องทำแทน

สรัณเห็นอีกฝ่ายชะงักไปเช่นกันเมื่อเห็นเขา ก่อนจะค่อยๆ แย้มยิ้มราวกับทักทาย

“บังเอิญจังนะคะ”

“ครับ ไม่คิดมาก่อนว่าคุณจีรวดีทำงานที่เฮิร์ป แอนด์ เฮลท์”

“ดิฉันก็ไม่คิดว่าคุณสรัณจะทำงานที่นี่ อ้อ! เรียกจี๊ดก็ได้นะคะ ดูเป็นกันเองหน่อย
เรียกจีรวดีมันยาวเกินไปยังไงก็ไม่รู้” อีกฝ่ายเอ่ยปากอนุญาต แถมยังพยักหน้ายืนยันเมื่อเห็นเขานิ่งคิด

“ได้ครับ”

รายละเอียดของงานชิ้นนี้ถือว่าไม่ยากมากนัก เพียงแต่อาจต้องทำงานหนักหน่อย
ตรงที่ว่าจะต้องแข่งขันกับตลาดชาเขียวที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม แต่เขามั่นใจว่ามันจะต้องไปได้สวยแน่ๆ
สิ้นสุดการพูดคุยด้วยการนัดหมายการประชุมในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้าเพื่อดูรายละเอียดของเนื้อหาโฆษณาและตัวผลิตภัณฑ์

“คุณจี๊ดมายังไงครับ”
สรัณถามขึ้นเมื่อเสร็จสิ้นการพูดคุย และคนตรงหน้าก็ง่วนกับการเก็บเอกสารที่กระจายอยู่บนโต๊ะให้เป็นระเบียบดังเดิม

“อ๋อ ขับรถมาค่ะพอดียังมีงานที่บริษัทอีก ยังไงจี๊ดขอตัวกลับก่อน แล้วพบกันอาทิตย์หน้านะคะคุณสรัณ”

คำลาลอยตามสายลมออกไป ทิ้งให้คนที่อยู่ในห้องอารมณ์ดีอย่างประหลาด
ชั่วขณะที่เขาคิดว่าเขาได้ดวงใจกลับคืนมา หากแต่ต้องเตือนตัวเอง

...แม้จะเหมือนกันสักปานใด มันก็แค่เหมือนเท่านั้น


ร่างบอบบางค่อยๆ เดินมายังลานจอดรถ หัวใจที่ตอนแรกเต้นแรง ค่อยๆ กลับมาเต้นในจังหวะปกติ
ถามตัวเองว่าแค่เจอกับใครสักคนที่เพิ่งบังเอิญรู้จักกันเมื่อวาน แต่หลังจากพบว่าในอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้ายังต้องเจอกัน
แถมต้องทำงานร่วมกันอีก จะทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้ขนาดนี้เชียวหรือ เธอยังสงสัย

อาการวูบวาบที่หัวใจค่อยๆ กลับคืนมาหลังจากมันหายไปเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ก็ต้องเตือนตัวเองไว้

...อย่าได้ถลำใจลงไปเชียว ก็แค่บังเอิญพบกันแล้วประทับใจก็เท่านั้น ไม่ลึกซึ้งกว่านั้นแน่ๆ

เวลาล่วงไป จนกระทั่งงานโฆษณาเสร็จสิ้นไปด้วยดี ท่ามกลางความรู้สึกที่ค่อยๆ ท่วมท้นขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างสองใจ อาจเกิดจากความชิดใกล้ในขณะที่ได้ร่วมงานกัน
หากแต่ความหลังที่ยังเป็นเสมือนแผลเล็กๆ ที่แม้จะแห้งสนิทหากแต่ยังหลงเหลือรอยให้เจ้าของยังไม่ยอมเปิดใจเต็มที่ ด้วยกลัวเจ็บซ้ำ

คนหนึ่ง...กลัวว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่นี้มิใช่รักอย่างที่เข้าใจ

คนหนึ่ง...กลัวว่าเพราะความเหมือนระหว่างคนในอดีตและคนในปัจจุบันที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว
จนอาจคิดไปเองว่ามันคือรัก

ดังนั้นแม้จะผ่านล่วงไปอีกเกือบปี ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ยังคงเท่าเดิม
แม้รู้สึกพิเศษระหว่างกัน แต่ก็ไม่กล้าจะเดินหน้าให้มันพัฒนาต่อไป.

..สาเหตุก็เพราะกลัวจะช้ำซ้ำรอยเดิม คราวนี้คงยากที่จะทำใจ

จนเมื่อวาเลนไทน์เวียนมาอีกรอบ ด้วยความที่อยากจะเซอร์ไพร์สสรัณ
ประกอบกับความร่วมมือของพนักงานในบริษัทอาร์ทแอนกราฟฟิค แอดเวอร์ไทซิ่ง ที่อยากเห็น ‘พี่รัณ’ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที
เธอจึงได้มีโอกาสเข้ามานั่งรอในห้องทำงานสุดหวงของสรัณ ตั้งใจจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่มันยังค้างๆ คาๆ อยู่ให้มันชัดเจนไปสักที
เพราะตอนนี้เธอมั่นใจเหลือเกินว่า ที่รู้สึก...มันใช่รัก หากแต่ความคิดที่จะสารภาพต้องถูกพับเก็บเอาไว้
เมื่อจีรวดีเห็นรูปถ่ายของ ‘น้องเล็ก’ แวบแรกที่เห็นก็นึกว่าเป็นรูปของตัวเอง ทั้งทรงผม ทั้งหน้าตาราวกับพิมพ์เดียวกัน
หากเมื่อพิจารณาดีๆ ก็พบว่าถึงแม้จะดูเหมือนกันมากเท่าใด แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น
เลียบๆ เคียงๆ ถามคนในบรษัทก็รู้เพียงว่า คนในภาพเป็นอดีตคนรักของสรัณที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อ 7 ปีก่อน

...ตุ๊กตาหมีน้อยที่เจ้าตัวหัดถักมาเป็นแรมเดือน ตั้งใจว่าจะให้เป็นของขวัญในวันพิเศษถูกวางไว้บนโต๊ะ
ก่อนที่คนทำจะค่อยๆ เดินออกจากห้องไปด้วยอาการหม่นเศร้า ท่ามกลางความงุนงงของเหล่าพนักงาน

เหมือนหัวใจแตกสลายซ้ำสอง ที่ผ่านมาเราเป็นเพียง ‘เงา’ เพื่อเป็นตัวแทนใครคนนั้นเท่านั้น มิใช่คนที่เขาต้องการเลยสักนิดเดียว

เจ็บ...เพราะคิดไปเองฝ่ายเดียวเท่านั้น

เจ็บซ้ำ...ที่ไม่ยอมห้ามใจตัวเอง

‘พอกันทีความรัก ไม่เอาอีกแล้ว’

ร่างสูงกระหืดกระหอบมาที่ห้องทำงานเมื่อน้องกิ๊บโทรไปตามว่ามีงานด่วนเข้ามา
บ่นอุบอิบในใจว่าทำไมวันนี้มันช่างยุ่งเสียจริงหนอ ตั้งใจจะรีบเคลียร์งานเพื่อจะได้เคลียร์เรื่องของหัวใจกับใครสักคนสักที
หลังจากทบทวนถึงความรู้สึกตัวเองมานาน หากโอกาสก็ยังไม่อำนวย แถมยังมีงานด่วนเข้ามาอีก

ตอนนี้เธอจะอยู่ไหนหนอ...จะมีงานยุ่งเหมือนเขารึเปล่า

สะดุดตากับตุ๊กตาหมีที่วางอยู่บนโต๊ะ โผล่หน้าออกมาถามลูกน้องว่าใครเอามาวางไว้บนโต๊ะ
ก็เห็นท่าทีอึกๆ อักๆ พิกล แต่ก่อนที่สรัณจะเล่นโหมดโหดน้องกิ๊บก็สารภาพ

“ของคุณจี๊ดค่ะ พวกเรากะจะเซอร์ไพร์สพี่รัณสักหน่อย ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ คุณจี๊ดก็เดินออกมาเฉยๆ แถมยังตาแดงๆ อีก”

เท่านั้นเองเขาก็ผลุบเข้าไปในห้องสำรวจโต๊ะตัวเองราวกับว่ามันจะทำให้เขาเจอผู้หญิงคนนั้น
เห็นรูปถ่ายเลื่อนออกจากที่ที่เคยเป็นก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้...

ยังไงก็ต้องบอก ต้องอธิบาย

รถญี่ปุ่นคันเล็กแล่นไปตามถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน สักพักก็แล่นมาถึงที่หมาย
ประตูรั้วสีขาวกับบ้านไม้สองชั้น ปรากฎขึ้นในสายตา เหลือบมองไปยังเบาะข้างตัวเห็นดอกไม้ช่อสวยวางอยู่
เอื้อมมือออกไปหยิบขึ้นมาก่อนจะก้าวออกจากรถ กดกริ่งเรียกเจ้าของบ้านที่เขารู้ว่าแอบอยู่ในบ้านนั่นแหละ
ก็รถสีควันบุหรี่คันเก่งของหล่อนยังอยู่ในโรงจอดอยู่เลย

ร่างบางผลุบออกมาให้เห็นชั่วแวบก่อนจะหลบหายไปแอบใจเต้นอยู่หลังผ้าม่าน ตาคู่สวยมีรอยช้ำ
คิดหนักว่าจะออกไปเปิดประตูให้คนตัวโตเข้ามาดีหรือไม่ แต่ขืนไม่ออกข้างๆ บ้านคงคว้าขวด
คว้าหม้อเขวี้ยงใส่แน่ๆ โทษฐานทำเสียงดังหนวกหู ด้วยผู้มาเยือนเริ่มกดกริ่งถี่ขึ้นราวกับจะแกล้งกัน
เจ้าของบ้านจึงจำใจต้องเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่ไม่อยากเจอหน้า...อย่างน้อยก็ตอนที่อารมณ์ของเธอยังไม่ปกติ

ใบหน้าคมแต้มรอยยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวยอมเดินมาเปิดประตูให้ ก่อนจะต้องรีบเดินตามคนที่กำลังเข้าใจอะไรผิดไป
เพราะเจ้าหล่อนเล่นเปิดประตูให้แล้วหันหลังให้กันเสียดื้อๆ เดินตามมาทันก่อนจะคว้ามือคนแสนงอนมากุมเอาไว้ น้ำเสียงออดอ้อนยามเอ่ยถาม

“โกรธอะไรครับจี๊ด”

สะบัดมือไม่หลุดเพราะคนจับจับเอาไว้เสียแน่น รู้ตัวดีว่าทำตัวไม่มีเหตุผล
คนตรงหน้าไม่เคยเอ่ยปากบอกสักนิดว่าคิดอะไรลึกซึ่ง ทั้งหมดเพราะเราคิดไปเองฝ่ายเดียว จึงได้คลายความน้อยใจลง เอ่ยเสียงอ่อน

“ไม่ได้โกรธค่ะ ปล่อยจี๊ดก่อนนะคะ”

“ไม่โกรธแล้วหนีกลับมาก่อนทำไมครับ”

“จี๊ด...”

“ไม่เข้าใจอะไร ถามกันก่อนนะครับ อย่าเพิ่งตัดสินโทษอย่างนี้เลย แค่นี้ผมก็โกรธตัวเองแทบแย่แล้ว”

คำพูดนั้นทำให้จีรวดีต้องมองหน้าคนพูดตรงๆ ตาสบตาราวกับจะค้นคว้าความจริงผ่านสายตาของอีกฝ่าย
พบแค่ความจริงจังในสายตาเท่านั้น

“โกรธตัวเองทำไมคะ คุณรัณไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย”

ร่างสูงไม่ตอบ แต่ดึงมือเธอให้ตามไปนั่งที่เก้าอี้ในสนาม ลมเย็นพัดโชยต้องผิวเนื้อ
ฟ้าเริ่มมืดและพระจันทร์ก็ค่อยๆ โผล่หน้าออกมาเยี่ยมเยือน หลังจากแอบงีบหลับไปแล้วยามเที่ยงวัน

จีรวดีก้มมองมือที่ถูกกุมไว้แน่น เบือนหน้าหลบสายตาลึกซึ้งยามจ้องมอง ท่องเอาไว้ในใจ

...แค่เงาก็เท่านั้น...

เสียงนุ่มทุ้มเอื้อนเอ่ยเรื่องราว “คนในรูปนั้นชื่อน้องเล็กครับ เธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของผมเอง
เสียชีวิตเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ผมคิดว่ารักมากที่สุด และคงไม่อาจรักใครได้มากเท่า”

มือที่ถูกกุมเอาไว้บีบแน่นเกร็ง เขากำลังจะสารภาพ...

“น้องเล็กยังอยู่ในใจผมเสมอ แต่เธอคงไม่สบายใจแน่ๆ หากเห็นผมปิดตา ปิดใจ ปิดกั้นตัวเองจากความรู้สึกดีๆ ที่คนรอบข้างมีให้ โดยเฉพาะจากจี๊ด...”

“จี๊ดทำให้ผมก้าวออกจากเปลือกที่ผมสร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นความรู้สึกของตัวเอง ทำให้ผมสามารถ ‘รัก’ ได้อีกครั้ง”

ตาคู่สวยจ้องมองคนที่กุมมือแน่นด้วยความรู้สึกเคลือบแคลง มองลึกราวกับจะให้ทะลุไปทุกอารมณ์และความรู้สึก

อีกฝ่ายยังคงย้ำหนักแน่น “จริงอยู่ที่ผมสะดุดตาจี๊ดเพราะรูปร่างหน้าตาที่คล้ายน้องเล็ก
หากแต่ที่บอกว่า ‘รัก’ มันเป็นเรื่องของใจล้วนๆ จี๊ดเป็นคนที่ผม ‘รัก’ ในขณะนี้ เวลานี้ ไม่ใช่ตัวแทนของใครอย่างที่เข้าใจ”

คำบอกเล่าที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีหยาดน้ำทิพย์ชโลมหัวใจที่แห้งผากให้กลับชุ่มชื้นขึ้นอีกครั้ง แปลกใจที่ทำไมแค่เขาบอกก็เชื่ออย่างง่ายดาย

“บอกผมที ว่าเราคิดตรงกัน อย่าให้ผมเข้าใจไปเองฝ่ายเดียวเลย”

เสียงอ้อนๆ นั้นทำให้เธออมยิ้ม หมอกมืดมัวที่เคยกดทับจิต บัดนี้ค่อยสลายไป หรือไว้แต่ความรู้สึกอ่อนหวานท่วมท้น

“ไม่รู้ว่าใช่ ‘รัก’ รึเปล่า แต่คุณรัณจะยอมพิสูจน์ไปพร้อมๆ กับจี๊ดมั้ยคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม

พิสูจน์ไปพร้อมๆ กับกงล้อของกาลเวลาที่จะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ

รอยยิ้มคือคำตอบ แม้วันนี้อาจยังเรียกได้ไม่เต็มปากเต็มคำว่ามันคือ ‘รัก’ หากแต่พวกเค้าทั้งคู่พร้อมที่จะใช้เวลาในการพิสูจน์

จุดเริ่มต้นของเรื่องราว อาจเป็นเพราะความบังเอิญครั้งหนึ่งในวันวาเลนไทน์
เสมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งคำตอบสุดท้ายของหัวใจอาจไม่สิ้นสุดที่คำว่ารัก
อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2550 0:52:29 น.
Counter : 304 Pageviews.  

1  2  3  4  

@ลูกท้อแช่อิ่ม@
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เรียกยู้ได้นะคะ

แล้วก็ลงท้ายที่ MBA
Friends' blogs
[Add @ลูกท้อแช่อิ่ม@'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.