All Blog
|
อคิระกับวัยเจ็ดเดือน
เดือนที่ 7 มกราคม
เดือนนี้อคิระมีนัดตรวจตา เนื่องจากเปลือกตาข้างซ้ายของหนูต่ำกว่าปกติ สามารถเห็นได้จากรูปถ่าย หรือเวลาหนูง่วงนอน พอไปตรวจการมองเห็น สายตาของหนูปกติดีทุกอย่าง มีแค่กล้ามเนื้อเปลือกตาเท่านั้น ที่ขี้เกียจทำงานว่างั้นเถอะ ผลสรุปคือ หนูต้องได้รับการผ่าตัด ตอนอายุประมาณเกือบสองขวบ หนูยังผ่าตัดตอนนี้ไม่ได้ เพราะหนูยังเล็กเกินไปหน่อย... แต่ยังไงก็น่าสงสาร เมื่อนึกภาพว่าหนูต้องผ่าตัด พอปลายเดือนมีนัดไปตรวจสุขภาพตามปกติ และตรวจการได้ยินด้วย... น้ำหนักขึ้นมาจิ๊ดเดียว ส่วนสูงขึ้นกระจึ๋งนึง แต่คุณป้าพยาบาลบอกว่าไม่น่าเป็นห่วง อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะพ่อกับแม่ตัวไม่โต หากลูกโตกว่านี้ เดี๋ยวพ่อสงสัยแย่ อิอิ ....แล้วก็มาถึงช่วงระทึกใจ เมื่อคุณป้าพยาบาลตรวจการได้ยินของหนู หนูยังมัวแต่เล่นของเล่น ไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น คุณป้าแกเลยเปรย ๆ มาว่า หู อาจจะไม่ได้ยินนะ... แป่ววววว ทั้งพ่อและแม่ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่ลูกเราจะหูตึง ไม่ได้ยิน และพูดไม่ได้ หรือนี่??????? อ๊ะ ยัง ยังไม่ต้องตกใจ อาจจะเป็นช่วงที่อคิระยังให้การตอบสนองไม่ดีมาก ไว้รออีกสักเดือน เดือนหน้านัดมาตรวจใหม่ล่ะกัน หากไม่ได้ขึ้นยังเป็นอย่างนี้อีก ก็จะส่งตัวไปให้หมอที่โรงพยาบาลดู และทดสอบด้วยเครื่องทดสอบหูอีกที.... ยังไงพ่อแม่ต้องคอยกระตุ้น พูดคุย และสังเกตอาการของลูกด้วย ระหว่างนี้ก็ใจจดใจจ่อ ทดสอบการได้ยินของหนูกันเกือบทั้งเดือน วันถัดมาก็ต้องไปฉีดวัคซีนปัองกันวัณโรคสำหรับเด็กลูกครึ่ง หรือเด็กสวีดิชเองที่พ่อแม่เคยไปอยู่ต่างประเทศมานาน ๆ หรือเด็กสวีดิชที่พ่อแม่จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ ฉีดวัคซีนคราวนี้ หนูร้องไห้จ้า เพราะคุณป้าพยาบาลต้องอุ้มหนูเอง ไม่ยอมให้พ่อแม่อุ้มให้ และคุณป้าก็เล่นกอดรัดหนูซะแน่ะ หนูร้องจ๊ากก่อนเข็มจะจิ้มหนูซะอีก สงสารหนูจัง นาน ๆ หนูจะร้องไห้อย่างนี้ซะที... ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องให้หนักใจในเรื่อง ตา หู แต่ก็ยังมีเรื่องน่ายินดีที่พอหนูคว่ำและหนูก็หมุนไปรอบ ๆ ไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แล้ว เวลาพ่อแม่ หรือย่าจับนั่ง หนูก็สามารถนั่งได้นานขึ้น เวลาจะล้มก็ล้มอย่างช้า ฟันหนูก็เริ่มขึ้นให้เห็นรำไร เป็นฟันล่าง แรก ๆ แม่เห็นเป็นฟันเล็ก ๆ 4 ซี่ แต่พอมันโตขึ้นมา ทำไม๊ มันเป็นฟันซี่โต ๆ สองซี่ แต่มีกลีบของฟัน มองแล้วเหมือนกีบม้า ซะงั้น ครึ่งขวบปีแรกกำลังจะผ่านไป...
...มีพัฒนาการอะไรบ้างหนอ...คราวนี้แม่ต้องมานั่งบันทึกย้อนหลังความทรงจำ ด้วยสมองอันน้อยนิดของแม่ รอยหยักมันขึ้นยากแล้วลูกเอ๋ย อยู่มาสามสิบกว่าปีนี่ รอยหยักสมองแม่หายไปเรื่อย ๆ (ไม่ได้พัฒนาขึ้นเล้ยยยย)
เดือนที่ 1 กรกฏาคม เดือนนี้หนูอคิระนอน กิน อึ ฉี่ เอ แปร่ง ๆ แหะ กิน นอน อึ ฉี่ ดีกว่า อิอิ.... ผิวหนูแตกลอกเป็นขุย ๆ ร่วงเต็มที่นอนไปหมด อาบน้ำก็ลำบากต้องใส่โลชั่นในอ่างน้ำ ที่นี่เวลาอาบแม่ก็ต้องระวัง เพราะลื่นมาก กลัวหนูจะหลุดมือตกน้ำอยู่เรื่อย ๆ เวลาอาบน้ำที แม่ต้องมีแบ็กอัพ คือ พ่อ และคุณย่า ม่ายงั้นไม่ไหว (อันนี้เกิดจากแม่กลัวเอง) อ้อ หนูนอนเยอะมาก จนบางทีพ่อต้องคอยมาเขี่ย ๆ ว่าหนูยังหายใจดีอยู่หรือเปล่า ตอนกลางคืนบางทีก็ลุกตื่นมาดู หรือไม่ก็เตือนแม่ให้คอยดูลูกว่าหายใจหรือเปล่า ที่หนักกว่านั้น ป้าของหนูมีลูกสาวสามคน ส่วนใหญ่ตอนเค้าเป็นเบบี้เค้าจะร้องงอแงกันตลอดเวลา แต่มาเจอหนู หนูเงียบและเฉยมาก จนป้าและพ่อโทรไปถามที่โรงพยาบาลว่าหนูผิดปกติหรือเปล่า (อันนี้แม่ว่าไม่ป้ากับพ่อหนูนั่นแหละผิดปกติ อิอิ) เดือนที่ 2 สิงหาคม หนูเริ่มอวบ แก้มเป็นพวงยุ้ย ๆ ฉายแววเด็กสมบูรณ์ให้แม่ได้เห็น คือว่าเดือนแรกแม่นึกว่าหนูจะไม่อวบขึ้นซะแล้ว ก็พี่สาวหนูน่ะ เค้าไม่สบายตั้งแต่เกิด จนกระทั่วเค้าเสีย เค้าไม่เคยอวบให้แม่เห็นเลย แม่ก็เลยเป็นห่วงหนูน่ะ กลัวว่าหนูจะผอมไป ที่ไหนได้หนูเล่นพองลมซะแม่เกือบจะอุ้มไม่ไหวแน่ะ อิอิ .....เดือนนี้หนูเริ่มคอแข็ง ชันคอได้นิด ๆ ย่าหนูจับฝึกคว่ำบ่อย ๆ จนหนูเก่งเลยล่ะ หนูเป็นเด็กดีไม่งอแง จนใคร ๆ ก็รักและชอบหนูกันทั้งนั้นเลย เดือนที่ 3 กันยายน เดือนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แม่พาหนูไปเดินเล่นที่สวนใกล้ ๆ บ้านบ่อย ๆ อากาศเริ่มเย็น ๆ แม่ได้เดินออกกำลังกาย ส่วนหนูก็ได้อากาศบริสุทธิ์ ว่าง ๆ แม่ก็พาหนูไปเดินในเมืองบ้าง ไปช้อปปิ้งกับแม่ด้วย ....หนูเริ่มยิ้มปากกว้าง ๆ ให้พ่อแม่ได้เห็นกันเป็นครั้งแรกก็เดือนนี้แหละ เริ่มรู้เรื่องมากขึ้น แต่หนูก็ยังไม่งอแงไร้สาระเหมือนเดิม เวลาหนูจะร้องทีหนูต้องหิวมาก ๆ แต่แม่ไม่เคยปล่อยให้หนูหิวเลย แม่ดูเวลาเสมอว่าหนูกินไปตอนกี่โมง หลังกินเสร็จหนูนอนไปแล้ว ตื่นมาแม่จะต้องป้อนนมให้หนูเสมอ แม่กลัวว่าลูกจะหิวน้ำ เพราะแม่ไม่ให้หนูกินน้ำเลย ให้กินนมอย่างเดียวเต็ม ๆ เดือนที่ 4 ตุลาคม เริ่มจะหนาวแล้ว กิจกรรมเดินสวนเริ่มห่างหาย ไม่มีอะไรให้ดูแล้วที่สวน ดอกไม้ใบหญ้าเริ่มเป็นน้ำแข็งไปแล้วอ่ะ แม่เลยเปลี่ยน พาไปเดินในตลาดซะส่วนใหญ่ แต่หนูไม่ค่อยชอบเวลาแม่จะดูของนาน ๆ เดือนนี้ในรถเข็นของหนูแม่ต้องปูด้วยผ้าขนแกะที่คุณป้าให้ยืมมา ทำให้หนูอุ่นและหลับสบายในรถเข็น เหอ เหอ แม่อยากเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ และลงไปนอนอย่างนั้นบ้างจัง เดือนนี้หนูเริ่มไม่ค่อยอยากจะนอน เวลาง่วงมาก ๆ หนูจะส่ายหัวไปมา จนแม่นึกว่าหนูไม่ปกติ (อีกแล้ว) เดือนที่ 5 พฤศจิกายน กลาง ๆ เดือนหนูเริ่มคว่ำได้แล้ว หนูเริ่มคว่ำแหลก คว่ำตลอดเวลาที่หนูตื่นมา ตอนนี้หนูอยากจะนอนคว่ำ แต่แม่ พ่อ และย่า กลัวว่าหนูนะนอนทับจมูกตัวเองจนหายใจไม่ได้ ก็ต้องคอยผลัดกันนั่งเฝ้า เวลาหนูนอนหลับในท่าคว่ำ เดือนนี้เดือนเกิดของพ่อและแม่ด้วยล่ะ แถมวันเกิดพี่โจฮันนา พี่ฟรีด้า โห กินเค้กกันไม่หวาดไม่ไหว ....หนูเริ่มพูดคุยโต้ตอบ ส่งเสียงดังบ้าง ยิ้มก็เก่ง หัวเราะก็เก่ง หากมีคนเล่นด้วย เริ่มรู้มากว่างั้นเถอะ อ้อ เดือนนี้ เป็นเดือนที่เข้าหน้าหนาว แม่เริ่มเหงา แม่เลยถ่ายรูปหนูเป็นเด็กถูกหมากัดไปลงพันทิพ ปรากฎว่ามีคนเข้ามาดูหนูกันตรึมเลย แต่บ่นแม่กันใหญ่ว่าไม่น่าทำให้ตกใจ อิอิ แต่น่ารักดี แม่เลยได้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่น่ารักเต็มไปหมด ได้รู้วิธีการเลี้ยงลูก จนแม่ตัดสินใจทำบล๊อกนี้ขึ้นมาด้วยนั่นแหละ เดือนที่ 6 ธันวาคม เดือนแห่งเทศกาลคริสมาสต์ อคิระเริ่มทำอะไรได้หลายอย่างแล้ว ยังคงคว่ำแหลก แต่ไม่คืบไปไหน มีหมุนไปมาเล็กน้อย ยังส่ายหัวอยู่บ้างเวลาง่วงนอน นอนหลับตลอดทั้งคืน ตื่นมาจุ๊บ ๆ นมแม่เล็กน้อยแล้วก็หลับต่อได้อีก เดือนนี้แม่พาอคิระออกซื้อของขวัญวันคริสมาสต์กันบ่อยหน่อย นัดเจอคุณย่าในตลาด พากันเดินซื้อของบ้าง กินกาแฟกันบ้าง ใคร ๆ ก็ว่าหนูน่ารัก ไม่กวนไม่งอแงเวลาแม่กับย่านั่งจิบกาแฟกัน ลูกแม่ช่างประเสิรฐกับแม่จริง ๆ ไม่รู้ว่าพัฒนาการลูก หรือว่าพัฒนาการเลี้ยงของแม่กันแน่ เอาเป็นว่า อคิระมีพัฒนาการตามลำดับของเด็กทารกแรกเกิดจนถึงหกเดือนเป็นปกติดีค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง น้ำหนัก ส่วนสูง สัมพันธ์กันดีไม่อ้วนเกินไป ถึงแม้ว่าแก้มป่อง ๆ จะทำให้ดูอวบไปหน่อย แต่เค้าไม่อ้วนค่ะ ร่าเริงแจ่มใส แค่มองหน้าทำหน้าตลกก็หัวเราะงอหายแล้วล่ะ (บ้าจี้หรือเปล่าไม่รู้) ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ เราเลี้ยงเค้ารอดมาครึ่งปีแล้ว อีกไม่นานก็จะได้หนึ่งขวบ ตอนนั้นคงไม่เรื่องเล่าเยอะแยะมากมายขึ้น (แต่จะมีเวลาอัพเดทบล๊อกมั้ยนี่) บันทึกการตั้งชื่อของลูก
เด็กชายอคิระ เลโอพอล์ด ซานด์สเตริม
โจทย์ที่มาสำหรับการตั้งชื่อของลูก คือ ชื่อไทย (พ่อคิด) แต่คนสวีดิชสามารถออกเสียงได้ถูกต้อง (แม่คิด) มีความหมายที่ดีทั้งภาษาไทย ภาษาสวีดิช หรือตามหลักสากล (พ่อและแม่คิด) แต่หลักการหาชื่อทั้งหมดนั้นเป็นหน้าที่ของแม่ พ่อคอยเช็คว่าเหมาะสมไหม ถูกต้องหรือเปล่า ออกเสียงแบบพ่อแล้วจะแปร่ง ๆ ไปไหม โอ๊ยยยย ทำไมตั้งโจทย์มาให้ตัวเองคิดยาก และวุ่นวายขนาดนี้ แต่เอาน่ะมีลูกคนเดียว และจะมีอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ ต้องตั้งให้ดี ตั้งให้เท่ห์ ตั้งให้ใช้ได้ ตั้งให้ลูกไม่อายใคร ตั้งไว้เผื่อลูกดังได้อีก อิอิ วันที่เราได้เจอหน้ากัน
กำหนดการเกิดของลูกนั้น วันที่ 7 กรกฎาคม 2549 แต่หนูทนไม่ไหวแล้ว มาก่อนดีกว่า แล้วก็หนูก็มาในวันที่ 1 กรกฎาคม 2549 หนูเลือกวันดีจริง ๆ เป็นวันเสาร์ พ่อไม่ต้องไปทำงาน รอดูอาการแม่อย่างเดียว เพราะแม่แสดงอาการเจ็บเตือนตั้งแต่เมื่อวาน วันศุกร์แล้ว และยังเป็นวันที่รัฐบาลที่นี่เพิ่มเงินสำหรับคุณแม่ที่ไม่มีงานทำ จะได้เงินขั้นต่ำของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจาก 80 คราวน์ เป็น 180 คราวน์ โชคดีจริง ๆ
วันนี้ที่แม่เริ่มปวดท้องถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนประมาณ 5 โมงเย็นแม่บอกพ่อ ไปโรงพยาบาลกันเถอะ ท่าทางจะใกล้แล้ว เพราะปวดถี่ทุก ๆ 5 - 7 นาทีแล้ว (อันนี้แม่ กับพ่อ มีกระดาษจดระดับความถี่ไว้เลย ยังเก็บไว้ด้วยล่ะ) เมื่อพ่อกับแม่ไปถึง พ่อก็ไปแจ้งชื่อ และก็มีคุณพยาบาลมาพาไปที่ห้องสำหรับตรวจความถี่ของการบีบตัวของมดลูก ซึ่งปรากฎว่าถี่จริง ๆ คราวนี้ไม่หลอกแล้ว เพราะเมื่อวันวานนี้มาที่หนึ่ง ตรวจคล้าย ๆ กัน ปรากฎว่าโดนหนูหลอก เหอ เหอ หลังจากที่นอนรอในห้องรอคลอดประมาณเกือบชั่วโมงได้ ระหว่างแม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นของโรงพยาบาล และตรวจว่าเปิดได้กี่เซ็นต์แล้ว หลังจากเช็ค และคุณป้า Barnmorska ก็บอกให้ย้ายห้องไปอีกห้องคลอดได้ ซึ่งอุปกรณ์ครบครัน เป็นห้องเดี่ยว ระหว่างรอ ก็อยู่กันแค่สองคนพ่อแม่ ไม่ค่อยประหม่าเท่าไหร่ เพราะตอนท้องหนูได้สัปดาห์ที่สามสิบเอ็ด พ่อแม่เข้าคอร์สอบรม และได้ชมห้องแต่ละห้อง ขั้นตอนการทำคลอดต่าง ๆ (ฟังเฉย ๆ) ซึ่งทำให้พ่อแม่ลดความระทึกใจไปได้ในระดับหนึ่ง พอย้ายมาห้องคลอด แม่ก็เจ็บท้องเรื่อย ๆ แต่ยังมีอารมณ์ให้พ่อเอากล้องมาถ่ายรูป แต่ละรูปแม่หน้าเย้ที่สุด ไว้เก็บให้หนูดูอ่ะ ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน แต่ส่วนใหญ่แม่โชว์ให้ใครดู มีแต่เค้าขำกลิ้ง หัวเราะงอหาย (ขำไรกัน คนเจ็บจะตาย) อ้อ มีคุณป้า Barnmorska ชุดเก่าก็เปลี่ยนเวรออก มีชุดใหม่เข้ามาแทน ก็ต้องจับมือทักทายกันอีก คุณป้า Barnmorska ชุดใหม่ก็น่ารักมาก มาชวนคุยกันตลอดเวลา ทำให้รู้สึกดี และคุ้นเคยกัน ไม่ต้องเกร็งกันมาก แต่คุณป้าก็บอกว่าระหว่างการทำคลอดขอใช้แต่ภาษาสวีดิช เพราะปะกิตไม่แข็งแรง เอ้า เอา ไม่ว่ากัน แม่ก็ลองทั้งไทย สวีดิช อังกฤษ มั่วไปหมด โอ้วววว เริ่มปวดขึ้นเรื่อย ๆ จนคุณป้า Barnmorska ก็ตรวจกันอีกทีก็เห็นว่าเปิดมา 8 เซ็นต์แล้ว ใกล้แล้ว ๆ แต่รออีกจิ๊ดหนึ่ง แต่แม่ว่าไม่ไหวแล้ว ปวดมาก ปวดข้างหน้า หน้าท้องเนี่ย คุณป้า Barnmorska เลยแนะนำให้ใช้พวกยาระงับปวด ซึ่งแนะนำไอ้ตัวฉีดน้ำเข้าหนังหน้าท้อง ระหว่างนั้นก็ถามว่าเจ็บไหม มีอันตรายอะไรหรือเปล่า ก็ได้รับการเคลียร์คำถาม ว่าเจ็บเหมือนผึ้งต่อย เออ เอา ๆ อะไรก็ได้ตอนนี้ (ตอนนั้นไม่อยากรมแก็สหัวเราะ) คุณป้าก็เตรียมกันเลย เห็นพ่อหนูเล่าให้ฟังว่า มันเป็นสี่เข็มแท่งยาว ๆ (แม่มองไม่เห็นน่ะ) แล้วต้องแทงเข้าเฉพาะหนังท้องด้านหน้าพร้อมกัน ทั้งสี่เข้ม แต่คุณป้าพยาบาลสองคน และต้องพร้อมกับตอนที่มดลูกบีบตัว โอ๊ยยยยยยยยยยยย เจ็บบบบบบบบบบ ปวดดดดดดดดดดดดด Hurt hurt hurt Ont ont ont (อ่านว่า อุ้นท) แม่ร้องซะลั่นสามภาษาเลย เพราะไม่รู้จะบอกเค้ายังไงว่ามันเจ็บมาก เจ็บที่สุด เจ็บยิ่งกว่าตอนหนูจะคลอด เจ็บเหมือนผึ้งหลวงหนึ่งรังใหญ่ ๆ มาต่อยก็ไม่ปาน (ไม่เคยโดน แต่คิดว่าคงประมาณนั้น) แล้วคุณป้า Barnmorska ยังมีหน้ามาเล่าให้พ่อฟังว่า ไอ้ยาระงับปวดตัวเนี้ย ไม่ค่อยมีคนใช้กันหรอก เคยมีบุรุษพยาบาล จะเกษียณ แกขอลองเล่น ๆ แบบว่าอยากรู้ว่ามันเจ็บยังไง พอโดนเข้าไป เค้าว่าเค้าจะไม่ออเดอร์ตัวนี้ให้ใครเด็ดขาด โห แล้วเพิ่งมาบอก แถมไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยย ไอ้ยาตัวนี้ มันระงับปวดหน้าท้อง ไล่ไปด้านหลังแทน และที่น่ารำคาญที่สุด แม่อาเจียนตลอดเวลาเลยอ่ะ สุดท้ายแม่เลยต้องพึ่งแก็สหัวเราะ แต่ระดับที่แม่รมนั้น ยังไม่ถึงทำให้หัวเราะ แค่ขำ ๆ ก็ขำพ่อหนูนั่นแหละ มาช่วยเบ่ง มาบอกรัก มาบอกว่าแม่เก่งมาก มาบอกอะไรไม่รู้มากมาย แต่แม่เหม็นกลิ่นกาแฟจากพ่อ (พ่อกินแต่กาแฟ ระหว่างรอในห้องคลอด) แม่ได้กลิ่นแล้วจะอาเจียนทุกครั้ง ในที่สุด เวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อแม่มีลมเบ่ง และเบ่งอยู่ประมาณเกือบสิบครั้ง และลองเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงขวา เอามือซ้ายชอนใต้ขา มือขวาจับมือพ่อหนูไว้ แล้วเบ่งสุดใจ พ่อบอกว่าเห็นหัวหนูแล้ว มีผมดำ ๆ เต็มไปหมด (ระหว่างนั้น แม่ยังนึก เฮ้ย ลูกมาค้างอยู่เปล่าหว่า) ต้องรีบรวบรวมพลังลมปราณอีกทีหนึ่ง ไม่ได้ ให้ลูกค้างอยู่ไม่ได้ เดี๋ยวหน้าไม่สวย เท่านั้นแหละ แม่ก้ได้หนูออกมา โฮ้ยยยย แทบขาดใจแน่ะ และแม่เป็นคนแรกที่เห็นหนูเป็นผู้ชาย สมใจนึก แม่แอบเห็นอะไรกลม ๆ เป็นลูก ๆ อยู่หว่างขาหนู นึกในใจไม่พูดดีกว่า รอให้คุณป้า Barnmorska ประกาศบอกพ่อหนูดีกว่า ว่าหนูเป็นผู้ชาย เหมือนในหนัง แต่ไม่แฮะ ไม่เห็นบอก จนคุณป้าเอาหนูมาวางบนอกแม่ ถามหาหมวกมาปิดหัวหนูไว้ เอาผ้าห่มมาทับตัวหนู เหอ เหอ ตัวหนูสีม่วง ๆ คล้ำ ๆ อุ่น ๆ หนูไม่ร้องซักแอะ แต่ เอ ทำไมคุณป้าเค้าไม่ทำให้หนูร้องนะ แต่คุณพ่อบอกว่า คุณป้าควานปากแล้ว ตรวจดูแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรค้างอยู่ หรือจุกในปาก และพ่อก็ถามคุณป้าว่า เอ่อ ลูกผม ผู้หญิง ผู้ชายครับ คุณป้าหัวเราะกันใหญ่ โห มัวแต่ตื่นเต้น ลืมดูไปเลย แล้วมาเปิดดูก้นหนู บนตัวแม่ แม่ก็ได้แต่ขำในใจ และคุณป้าได้ให้พ่อทำการตัดสายสะดือ พ่อหนูทำได้ทุกอย่างที่คุณป้า Barnmorska บอกให้ทำเลยอ่ะ หลังจากนั้นหนูก็อยู่บนอกแม่ตลอดที่คุณป้าเย็บแผลให้แม่ด้วย ระหว่างที่แม่เบิ่งหนู แม่ง่วงนอนมาก มันเหนื่อย มันเพลียไปหมด แต่พอเห็นออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าแม่ไปดื่มเครื่องดื่มให้พลังงานตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ตื่นเต้น ไม่ง่วงนอน สดใสขึ้นมาทันทีทันใด ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ ก่อนหนูจะเกิดมาเป็นมนุษย์ตัวน้อย ๆ
บันทึกเรื่องราวตอนเริ่มมีหนูก่อนดีกว่า...
|
Lilla Mamma
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เป็นแม่ที่ตัวเล็ก เป็นแม่ของไอ้ตัวเล็ก โดนรักพาตัวมาอยู่ประเทศสวีเดน คิดถึงเมืองไทยใจจะขาด โดยเฉพาะอาหารไทย การท่องเที่ยวเมืองไทย ครอบครัวที่เมืองไทย Custom Clocks from BlingPixie.com
Friends Blog Link |