Life is sweet อยากให้ชีวิตมีแต่ความหวาน
Group Blog
 
All blogs
 

สวัสดีปีใหม่ที่Osaka

Happy New Year 2006 in Osaka
29 December 2005-3 January 2006

กว่าจะถึงโอซาก้าก็ดึกแล้ว ขออาศัยชายคาบ้านโคเฮสักสองสามคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นโคเฮก็พาทัวร์ปราสาทโอซาก้าก่อนเลย ใหญ่กว่านาโกย่านะคิดว่า
จริงๆข้างในเปิดให้เข้าชมได้ แต่วันนั้นโชคร้ายปิดปรับปรุง




แล้วก็นั่งรถไฟไปNambaแหล่งชอปปิ้งชื่อดังของโอซาก้าคิตะชินฉิ ชอบบรรยากาศที่นี่จัง
ถ้าเปรียบเป็นคนก็คงจะเป็นที่มนุษสัมพันธ์ดีสุดๆ ไม่รู้สิ รู้สึกคุ้นเคยยังไงชอบกล
รู้สึกสบายใจกว่าเดินที่ชิบูยะ แปลกจัง ไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง





เดินไปอีกหน่อยก็จะเห็นตลาดปลา มีร้านขายปลาเรียงรายตามสองข้างทาง
ปูตัวยักษ์ ปลิงทะเล ปลาหน้าตาแปลกๆ ปลาปักเป้าตัวเบิ้ม กุ้งหรือหอยมีทุกสิ่งให้เลือกสรร
ปลาปักเป้าแพงจัง มีพิษแล้วยังแพงอีก




แล้วก็แวะไปดูtsutenkaku通天閣หอคอยที่ออกแบบโดยศาตราจารย์ไนโตผู้ออกแบบTokyo Tower
หอคอยนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของโอซาก้าเลยก็ว่าได้
เหนื่อยแล้วล่ะ แล้วก็จบไปหนึ่งวัน



วันต่อมาแม่ของโคเฮพาไปเที่ยวUniversal studio
เครื่องเล่นสนุกกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์แต่ดูเก่ากว่า
ประทับใจอีทีโกโฮม คงเป็นเพราะเป็นหนังโปรดตอนเด็ก แล้วได้มาเจอตัวจริงก็เลยดีใจ แหะแหะ
แล้วก็จอร์ก็มันส์ดี แอบตกใจกลัวเล็กน้อยพอเป็นพิธี
โชว์ก็มีหลากหลาย ได้ดูwater wolrd,snoopyแล้วก็แก๊งผี
มีbetle juiceผีตัวโปรดด้วยไม่น่าเชื่อ
คราวนี้เล่นอะไรไม่ค่อยได้มาก เกรงใจคุณแม่โคเฮเห็นเขาเหนื่อย
คราวหน้ามาใหม่ มาเก็บให้ครบ









ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับโคเฮที่วัดtennoji
อยากจะบอกว่าเป็นปีใหม่ที่แย่มากๆ เพราะ หนาว เหนื่อย ง่วง
ไม่คิดเลยว่าจะต้องทรมานตัวเองขนาดนี้ ต้องยืนตากลมหนาวตั้งหลายชั่วโมง
ในวัดก็ไม่มีที่ให้นั่ง คนก็เยอะ หนาวก็หนาว เหนื่อยก็เหนือ่ย แถมง่วงอีกต่างหาก
10..9..8..7..6..5..4..3..2..あけましておめでとう
นึกว่าจะได้กลับบ้าน โอ้ว ต้องไปต่อแถวตีระฆังอีก แล้วก็ขอพร
"ขอให้โลกสงบสุข" "ขอให้พ่อแม่มีความสุข" "ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆคนดีๆ"
ได้กลับบ้านสักที คร่อก...ฟี่



วันต่อมาย้ายไปพักบ้านซากิ พี่สาวใจดี
ซากิพาไปเที่ยว海賊館พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ มีฉลามวาฬเป็นตัวชูโรง
มีปลาหน้าตาแปลกๆอยู่หลายตัว หน้าขำๆก็มีเยอะ ชอบจังอยู่ได้ทั้งไม่เบื่อเลย





ดูปลาจนหน่ำใจแล้ว ซากิก็พาขึ้นสู่ยอดตึกWTC Cosmo Towerไปชมเมืองโอซาก้า



ตลอดเวลาที่อยู่โอซาก้ากินโอโคโนมิยากิกับทะโคยากิเกือบทุกวัน มาถึงถิ่นต้องกินให้จุใจ




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2551 2:57:24 น.
Counter : 910 Pageviews.  

ไหว้พระพุทธรูปยักษ์ที่Kanagawa

Kanagawa in my mind
27-28 December 2005

คราวนี้เรามีที่พักฟรีอีกแล้ว โชคดีที่พี่เต้(รุ่นพี่คนสนิท)ได้มาทำงานที่นี่พอดี
พี่เต้ต้องระเห็จไปนอนห้องเพื่อนข้างๆ เพราะห้องเล็กมีเตียงเดียว(ขออภัยนะเฮียนะ)
วันแรกเฮียนำทัวร์Kamakuraเราก็เชื่อใจเจ้าถิ่นอยู่แล้ว ไปไหนไปกัน
จะว่าไปที่นี่ก็จะมีแต่วัด วัด และก็วัดเท่านั้น
จำได้ว่าขึ้นไปดูวิวเมืองคามาคุระที่วัดHasederaแล้วก็ไปอีกสองสามวัดจำชื่อไม่ได้





เหลือบไปเห็นนกยืนบนน้ำ โอ้ว แปลกจัง พอไปดูใกล้ๆ น้ำเป็นน้ำแข็งนี่เอง



และแล้วก็มาถึงเป้าหมายสำคัญของการเดินทางครั้งนี้คือวัดKotokuin
ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ยักษ์ประดิษฐานอยู่ พระพุทธรูปนี้สูงถึง13.3เมตร
ใหญ๋เป็นอันดับที่สองรองจากที่นารา แต่ก่อนไม่ได้อยู่กลางแจ้งแบบนี้ ประดิษฐานอยู่ในอาคาร
แต่อาคารนั้นถูกสินามิพัดหายไปเมื่อปลายศตวรรษที่สิบห้า แล้วก็ไม่ได้สร้างใหม่อีกเลย
เราสามารถเข้าไปข้างในพระพุทธรูปได้ถ้าทางเข้าไม่ได้ล็อค ก็ข้างในโล่งๆไม่มีอะไร



แล้วพี่เต้ก็พาไปเกาะEnoshimaซึ่งเป็นเกาะที่มีขนาดเส้นรอบวงประมาณสี่กิโลเมตร
ก็พากันไปไหว้ศาลเจ้าเอโนชิมะที่มีรูปเทพสัการะไม่ใส่เสื้อผ้า แล้วก็ชมวิวทะเล
จากที่เกาะนี้มองเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย แต่โชคไม่ดีที่หมอกลงทำให้มองเห็นไม่ชัด



กลับที่พักเตรียมตัวเดินทางต่อไปโอซาก้า




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 15:16:32 น.
Counter : 647 Pageviews.  

ครั้งแรกของฉันที่Tokyo

และแล้วก็ได้มาเหยียบโตเกียวสักที
21-26 December 2005
Winter holiday

จำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงปิดภาคเรียนฤดูหนาวสองสัปดาห์
ก็วางแผนการเดินทางเรียบร้อยเริ่มจากโตเกียวเป็นที่แรกเลย
(Tokyo-Kanagawa-Osaka-Wakayama)
แม้จะมาญี่ปุ่นเป็นเวลาพอสมควรแล้วก็ไม่เคยได้ไปโตเกียวสักครั้ง
ครั้งนี้เลยกลายเป็นครั้งแรกในโตเกียว แอบตื่นเต้นนิดนึง
ครั้งนี้ไปพักกับบ้านยูตะ(เพื่อนที่เคยมาพักที่บ้านที่เมืองไทย)
ที่บ้านยูตะมีคุณพ่อ คุณแม่ยังสาวและพี่สาวใจดี ยูตะให้นอนห้องเขาแล้วเขาก็ไปนอนกับพี่
(มาทำให้เขาลำบากอีกเรา แอบเกรงใจแต่ก็กลับตัวไม่ได้แล้ว)
บ้านที่ญี่ปุ่นไม่ใหญ่นักไม่ค่อยมีพื้นที่แต่ก็ดูอบอุ่น

เริ่มตะลุยโตเกียวกันเลยดีกว่า วันนี้ฉายเดี่ยว เริ่มจากสถานที่ชอปปิ้งชื่อดัง shinjuku
ที่นี่ดูจะเหมาะกับทุกเพศทุกวัย มีสำนักงาน ห้างร้าน โรงแรมหรูๆ ตึกสูงระฟ้ามากมาย
ดูแล้วก็ตระการตาดีสำหรับเด็กบ้านนอกอย่างเรา แหะแหะ
ก็เดินดูของ ดูคนไปเรื่อยๆ

หลังจากนั้นก็เดินหลงไปไหนไม่รู้จนเห็นป้ายบอกทาง
แอบคิดเองว่าน่าจะไปถึงharajukuได้ก็เลยเดิน เดิน เดิน
เดินไปได้สักพักใหญ่ๆๆๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองได้มายืนอยู่หน้าสถานีharajukuแล้ว
ตรงข้ามสถานีมีร้านสนูปปี้ขนาดใหญ่ พอดีเฉยๆกับสนูปปี้เลยไม่ได้เข้าไปดู
แล้วก็เดินตรงเข้าไปในถนนTakeshitaซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านสำหรับวัยรุ่น
ชอบจังเสื้อผ้าน่ารัก ของแปลกๆก็มีเยอะ เครปก็อร่อย(ต้องลอง)




เดินหมดแล้วก็เดินตามเส้นทางรถไฟไปต่อที่shibuya
เดินไปหน้าสถานีไปตามหาน้องhachiหมาน้อยยอดกตัญญูผู้จงรักภักดี
น้องหมาฮะจิมายืนรอเจ้านายที่หน้าสถานีเป็นประจำ แม้เจ้านายจะเสียชีวิตไปแล้ว
ฮะจิก็ยังมายืนคอยอยู่เสมอเป็นเวลานับสิบปี จนมีคนเห็นความกตัญญูสร้างรูปปั้นฮะจิไว้หน้าสถานี
จุดนี้กลายเป็นที่นัดพบสำคัญเรียกกันว่า ฮะจิโค ハチ公



ที่ชิบุยะนี้คนเยอะเป็นมด ไฟเขียวทีคนมาจากไหนไม่รู้เดินกันขวักไขว่เต็มถนน
เริ่มจาก109(marukyuu)แหล่งรวมเสื้อผ้าชื่อดัง แล้วก็เดินเตร็ดเตร่ไปมากินบรรยากาศ
โดยรวมแล้วชอบชิบูยะที่สุดเลย

เหนื่อยแล้วก็กลับบ้าน(ยูตะ)แม่ยูทำสุกี้ยากี้เลี้ยง โอ้ว อร่อยสุดยอด ตั้งแต่นั้นมาสุกี้ยากี้ก็กลายเป็นอาหารโปรดไปโดยปริยาย







วันต่อมา แม่ยูตะหยุดเลยพาไปเที่ยวที่ที่อยากไปที่สุดในญี่ปุ่น นั่นก็คือ......
Ghibli Museum 三鷹の森ジブリ美術館
ที่นี่จำกัดจำนวนคนเข้าชมในแต่วัน ทำให้ต้องจองบัตรก่อนไม่งั้นไม่ได้เข้า
ต้องขอบคุณยูตะและคุณแม่ยูตะมากๆที่หาบัตรมาให้และยังพาไปอีก ซึ้ง
ตัวอาคารก็มีรูปร่างแปลก สีสันสดใส สมเป็นจิบิ พอได้เข้าไปข้างในยิ่งประทับใจ
เหมือนฝันเลย เหมือนเดินๆอยู่แล้วจะได้เจอโทะโทะโระตัวเป็นๆ(บ้าคิดไปเอง)
ที่นี่ไม่ใหญ๋มาก แต่เดินได้นานให้อยู่เป็นวันก็ได้เพราะมีอะไรให้ดูนานๆเยอะ
สรุปว่าประทับใจที่สุดในโลก(ตามประสาคนบ้าจิบิ)เขาห้ามถ่ายรูปข้างในเสียใจจัง
แต่ก็แอบถ่ายไว้แล้วล่ะ ถ่ายภาพไว้ในความทรงจำ
เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ //www.ghibli-museum.jp/
หรือถ้าอยากรู้เกี่ยวกับหนังของจิบิให้มากขึ้นก็นี้เลย //www.nausicaa.net/






แล้วยูตะก็ขอตัวไปทำงานพิเศษ คุณแม่ยูตะเลยพาไปเที่ยวต่อที่ Asakusa
ที่นี่มีสัญลักษณ์สำคัญคือโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ที่ประตูมินาริของวันSenjoji
ระหว่างเข้าไปในวัดจะมีร้านค้าขายพวกของที่ระลึก ขนมต่างๆมากมาย
เดินเที่ยวกันจนเหนื่อยแล้วก็กลับบ้านไปกินเค้กแสนอ่ร่อยที่คุณแม่ยูตะซื้อให้






วันต่อมามีนัดกับพี่เต้(รุ่นพี่บ้านเปรี้ยวที่จุฬาฯ)และพี่ทราย(รุ่นพี่ที่ได้ทุนมง)และเพื่อนๆพี่เต้
ไปเดินเล่นAkihabaraแหล่งรวมเครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ เกมส์ ของเล่นต่างๆ
ดูราคาแล้วก็ไม่ได้ถูกมาก ไม่ค่อยต่างกับที่Osuใน Nagoyaเหมือนจะเน้นขายชาวต่างชาติ
จริงๆอยากลองเข้าMaid cafeดูแต่พี่ๆไม่ยอมพาเข้าก็เลยอดเลย วันหลังต้องลองเข้าไปดู
พูดถึงMaidก็อดนึกถึงOtakuไม่ได้ มีอยู่เต็มเลย สังเกตได้ง่ายๆคือ ใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อต ใส่แว่น
สะพายเป้ที่หลัง เดินดุ่มๆไม่สนใจใคร แอบน่ากลัวนิดๆ

ตกเย็นก็ไปRoppongiกับพวกพี่เต้ ไปดูไฟกัน อยู่ในช่วงใกล้ปีใหม่ก็เลยมีการประดับไฟสวยงาม
แต่หนาวมากๆถ่ายรูปไม่ค่อยได้มือสั่นหงิกๆ น่าสงสารพี่เต้ดูแกขี้หนาวมากกกก





วันสุดท้ายที่โตเกียว(สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด)
คุณแม่ยูตะหยุดงานพาไปเที่ยวสวนสัตว์Uenoซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น
เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1882 เก่าแก่จริงๆ ที่นี่มีหมีแพนด้าด้วย ไม่ต้องไปเชียงใหม่ก็ได้ดูแล้ว เย้
แต่ดูเหมือนหมีแพนด้าแปลกๆ ขนสั้นๆ ตัวเล็กๆ ไม่ค่อยเหมือนในจินตนาการ




หลังจากเดินดูรอบสวนสัตว์แล้ว คุณแม่ยูตะก็ชวนไปดูไฟที่สถานีโตเกียว
ที่นี่แหละที่ได้เจอประสบการณ์โหดจากลมหนาว ไปดูไฟเฉยๆจะไปหนาวได้ไง
หลายคนอาจคิดอย่างนี้ แต่ไอ้ไปดูไฟเนี่ยมันไม่ใช่ไปถึงปุ๊บได้ดูปั๊บนะสิน้า
พอออกจากสถานีโตเกียวก็เริ่มเห็นแถวยาวๆ แถวนี้แหละสำหรับคนที่อยากไปดูไฟ
ไปถึงสถานีเกือบหนึ่งทุ่ม ต่อแถวกับเขาไปเรื่อยๆ จนขึ้นบันไดพ้นตัวสถานีก็ยังไม่เห็นวี่แววของไฟ
ค่อยๆเดินตามเขาไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป แถวยิ่งยาวมากขึ้นแต่ก็ยังไม่เห็นไฟ
โคตะระหนาว ลมแรงผ่านมาตามช่องตึก ยืนก็เหนื่อยแล้วด้วย เมื่อไหร่จะได้ดูสักที
และแล้วก็เริ่มได้ยินเสียงเฮ สามทุ่มตรงได้เห็นไฟแล้ว เย้ เย้
แต่เอ๊ะ มันเป็นไฟแบบเดียวกันหมดทอดยาวไปตามถนนเฉยๆ ง่ะ
แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะจำไปตลอด ได้ข่าวว่าปีนั้นเป็นปีสุดท้ายที่จัดด้วยสิ




จบการเดินทางในโตเกียว พบกันใหม่ที่Kanagawa




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 14:14:24 น.
Counter : 667 Pageviews.  

เด็กหอขอไปดูใบไม้สีแดงที่Arashiyama

ใบไม้สีแดงที่Arashiyama 紅葉@嵐山

ทริปนี้เพื่อนๆที่หอลงความเห็นว่าจะไปกับทัวร์เพราะคงจะถูกกว่าไปกันเอง
ว่าแล้วก็จัดการหาทัวร์ที่คิดว่าดีที่สุดโดยเน้นหลักไม่แพงแต่ดี ไปเช้าเย็นกลับ
ก็มาตกลงใจที่Arashiyamaซื่งอยู่ในจังหวัดเกียวโต เป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสี
ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ผู้ร่วมเดินทางทั้งหมดมีแค่เจ็ดคนที่เป็นวัยรุ่นนอกนั้นคุณตาคุณยาย
เชื่อแล้วล่ะทัวร์ที่นี่มีแต่คนแก่จริงๆ

พอไปถึงที่หมายคือเมืองอาราชิยามะ ไกด์ก็ปล่อยให้เดินกันเองตามอัธยาศัย
มันจะมีถนนเส้นเดียวให้เดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็จะมีวัดให้แวะเยี่ยมชม
แล้วก็มีร้านค้ามากมาย ร้านขนมญี่ปุ่น ร้านของที่ระลึก ร้านอาหาร
ที่นี่จะมีของดองที่ขึ้นชื่อ เดินชิมได้ทุกร้าน





ในวัดสวยจัง ถ่ายรูปเก็บไว้ดีกว่า




พอเดินออกจากวัดก็เดินไปสุดถนนก็จะเห็นแม่น้ำ แล้วก็มีสะพานข้าม
ว่าแล้วก็ข้ามไปดูดีกว่ามีอะไรน้า





ก็มีร้านค้าประปรายแล้วก็มีที่ให้นั่งเรือชมวิว(มั้ง)

ดีใจที่ได้มาเก็บความประทับใจกลับไปไว้ในความทรงจำ




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2551 2:04:55 น.
Counter : 479 Pageviews.  

ตามรอยหัวจักรไอน้ำที่Nagano

ตามรถไฟไปชมใบไม้เปลี่ยนสีไป 長野へ紅葉見に行こう
29 October 2005

ทริปนี้ขอเกาะลุงๆช่างถ่ายภาพไปชมใบไม้เปลี่ยนสี(ชอบติดตามไปถ่ายรูปด้วยเสมอ)
เนื่องจากว่านุ่มมาหาที่ญี่ปุ่นก็เลยถือโอกาสขอลุงให้ติดตามไปด้วย
แล้วก็ชวนพี่หญิง(พี่คนไทยที่หอ)ไปด้วยอีกคน รวมแล้วก็เป็นหกคนพอดี
(เด็กสาววัยเกือบใสสามคน คุณลุงวัยใกล้ฝั่งสามคน)

เดินทางตั้งแต่ตีห้าไปสว่างกลางทางแวะซื้อข้าวปั้นที่เซเว่น
ที่แรกอยู่บนเขาอะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้ เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี(โคโย)
ที่จุดชมวิวนี้มีรถทัวร์มากมาย ลุงๆป้าๆมาจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด
แต่ลุงๆไม่ได้พาไปดูที่เดียว แกรู้ดีว่าที่ไหนถ่ายภาพได้สวยแกพาไปหมด
และเราก็ได้ภาพโคโยแรกของฤดุูใบไม้ผลิ






ระหว่างทางลุงก็แวะให้ชมน้ำตกอะไรสักอย่าง



และแล้วลุงก็บอกว่าได้เวลาแล้วล่ะ ไอ้เราก็ดีใจนึกว่าจะได้ไปเที่ยวไหนต่อ
ที่ไหนได้ ได้เวลารถไฟแล้ว คือไม่ได้จะไปขึ้นรถไฟหรอก ไปถ่ายรูปรถไฟเฉยๆ
เรื่องของเรื่องคือวันนี้เป็นวันที่เขาเอาหัวจักรไอน้ำที่ไม่ได้ใช้มานานเป็นรอบหลายสิบปีมาวิ่งอีก
ลุงๆก็เลยตื่นเต้นดีใจต้องไปเก็บภาพเอาไว้ ว่าแล้วก็ไปหาสถานที่ถ่ายรูป มีคนมารอถ่ายรูปเยอะมาก
ทั้งโปรไม่โปรยืนเต็มไปหมด ขนาดฝนตกปรอยๆแล้วก็ไม่มีใครหนี ยืนกลางร่มรอถ่ายกันต่อไป
ชัก ชัก จัก ฉีกฉัก ปู๊น...ปู๊น รถไฟมาแล้ว แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ เสียงกล้องรัวเต็มไปหมด
พอรถไฟผ่านไปเราก็เย้ได้กลับบ้านแล้ว แต่เปล่า ลุงหันมาบอกให้รีบขึ้นรถจะไปหาที่ดักถ่ายรถไฟต่อ
สรุปวันนั้นไม่ต้องทำอะไร ตระเวนถ่ายรูปรถไฟอย่างเดียว แอบเหนื่อยแต่ก็แอบสนุกดี
ถ้ามีกล้องดีๆกับเขาสักตัวคงจะดีไม่น้อย




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 11:29:50 น.
Counter : 488 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

กล้วยหอมรสนม
Location :
Aichi Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สิ่งต่างๆที่ได้พบ ทั้งความสุขและความเศร้า หล่อหลอมให้เป็นตัวเองในวันนี้ อยากจัดเรียงความทรงจำ ประสบการณ์ต่างๆให้เข้าที่ ปัดฝุ่นให้มองเห็นได้ชัดขึ้น ให้คนใกล้ตัวหรือคนที่เพิ่งผ่านมา ได้หวนคำนึงถึงความทรงจำไปด้วยกัน


ถ้าบังเอิญผ่านมาก็มาเป็นเพื่อนกันนะคะ
สวัสดี...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ


MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add กล้วยหอมรสนม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.