Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •    
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
รีวิว ครีมกันแดดหน้าเนียน Veedaa ทาแล้วหน้าเนียนใสทันที




สวัสดีจ้า สำหรับบลอคนี้เราจะรีวิวกันแดดจาก Veedaa (วีด้า)
ซึ่งเป็นครีมกันเเดดที่ทาแล้ว หน้าเป๊ะ เนียนในทันดี  ใช้แล้วเป็นอย่างไร เราไปดูกันเลยดีกว่า





สำหรับครีมกันแดดตัวนี้ เบื้องต้นเลยจะมีสาร
SPF 50 PA+++ 

และหน้ากล่องยับอกอีกว่าเป็นครีมกันแดดที่ทาแล้วจะ Cover Matte 
ซึ่งก็คือจะได้ผลหลังจากการทาเป็นเนื้อแมท
ใครที่ชอบกันแดดที่ทาแล้วไม่มันเยิ้มย้อย  ครีมกันแดดตัวนี้น่าจะตอบโจทย์
โดยเฉพาะคนผิวมันมากๆ อย่างเช่นเราเป็นต้น








ลักษณะของตัวแพคเกจจะมาเป็นกระปุกแก้วใสๆ ดูหรูดูแพง
ในปริมาณ 10 กรัม ต่อ1กระปุกจ้า







ในส่วนของการกันแดด ถ้าเราดูจากส่วนผสม กันแดดตัวนี้จะใช้
Titanium Dioxide เป็นตัวชูโรงที่ช่วยในการหวังผลเรื่องของการกันแดดของVeedaa

ซึ่ง Titanium Dioxide  จะสามารถช่วยในการป้องกันแสงแดดได้ทั้ง UVA และ UVB
หลักการทำงานของเจ้าตัว Titanium Dioxide  ก็คือ 
เมื่อแสงแดดตกกระทบผิวของเรานั้น  ตัว Titanium Dioxide  
จะทำการสะท้อน และบล็อครังสียูวีจากแสงแดดออกไปนั่นเอง 
ซึ่งข้อดีของเจ้า Titanium Dioxide
นั่นคือ มีความคงทนต่อแสงแดดสูง เมื่อระยะเวลาผ่านไป
จึงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทาซ้ำๆ ต่อวัน และมีการระคายเคืองต่อผิวค่อนข้างน้อย
เนื่องจากเป็นสารกันแดดที่ถูกจัดอยู่ในประเภท Physical 
แต่ถ้าเป็นสารกันแดดประเภท Chemical จะมีโอกาสระคายเคืองผิวมากกว่า







สำหรับครีมกันแดดของ Veedaa นั้นเค้าจะมีด้วยกันสองสี
ดังภาพเลยจ้า






ใครที่ผิวขาวก็เลือกเบอร์1  สำหรับใครผิวแทน หรือผิวคล้ำหน่อยก็เลือกเบอร์ 2
เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพสีผิวเลยเนาะ สำหรับเราใช้เบอร์ 1 จ้า

เดี๋ยวเรามาใช้ให้ดูกันเลยดีกว่าวา่ใช้แล้วเป็นอย่างไร





ภาพบนนี้ เป็นภาพที่ทาให้เห็นกันก่อนครึ่งหน้า 
หน้าฝั่งซ้ายในภาพ เป็นฝั่งที่ได้ทาครีมกันแดด Veedaa เรียบร้อยแล้ว
ส่วนฝั่งขวาในภาพ ยังไม่ได้ทาครีม

จะเห็นได้ว่าผิวหน้าขาวขึ้น กระจ่างใสมากขึ้น
และครีมกันแดดของเค้ายังทำให้รูขุมขนดูตื้นขึ้นด้วย







เมื่อเทียบกันชัดๆ จะเห็นถึงความต่างระหว่างฝั่งที่ทาแล้วและยังไม่ได้ทา
จะสังเกตุว่าครีมกันแดดทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น รูขุมขนตื้นขึ้นแต่ว่า
เนื้อของครีมกันแดดนั้น ไม่ได้หนาหนักมาก  จะสังเกตุเห็นจากรอยดำบนผิวหน้า
ว่ายังคงมองเห็นรอยต่างๆเหล่านั้นอยู่






เมื่อซุมเข้ามาชัดๆ จะสังเกตุเห็นได้ว่า
เนื้อของครีมกันแดดจะไม่หนาหนัก
ยังคงเห็นผิวจริงของเราอยู่   ครีมกันแดดสามารถใช้แทนเบส หรือใช้แทนรองพื้นได้เลย
สามารถใช้ครีมกันแดดและทาแป้งได้เลย สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการแต่งหน้าหลายขั้นตอน

และจะสังเกตุเห็นว่าผิวหน้าไม่มีความมันเยิ้มจากครีมกันแดด 
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทาแป้งต่อหลังจากทาครีมกันแดดไปแล้วก็ตาม
ซึ่งใครที่ผิวหน้ามัน ไม่ต้องการครีมกันแดดที่ทาแล้วหน้าเยิ้มระหว่างวัน
 หรือ ต้องการครีมกันแดดที่ทาแล้วหน้าดูใส
ไม่ต้องทารองพื้นต่อ ตัวนี้จะตอบโจทย์มากๆเลย






สำหรับผู้ที่สนใจครีมกันแดด Veedaa (วีด้า)
ราคาจำหน่าย 650 บาท


สามารถหาซื้อได้ที่ 

ซื้อผ่านตัวแทนที่มีบัตรตัวแทนเท่านั้น
สอบถามบัตรตัวแทนได้ที่
https://line.me/ti/p/~pmb_mali
LineID: @pmb_mali
Tel.02-060-8848


#Official line : https://line.me/ti/p/%40veedaaFB: bo vanda sahawong
FB: pmb_official
FB: veedaa_official
IG: veedaaofficial_thailand
IG: pmb_official











Create Date : 06 ธันวาคม 2560
Last Update : 9 ธันวาคม 2560 10:26:15 น.
Counter : 31065 Pageviews.

12 comment
รีวิว cleansing bioderma










รีวิว Cleansing จาก Bioderma






สำหรับแบรนด์ Bioderma เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว
กับ Cleansing water ที่ดังมากในบ้านเรา   ฉะนั้นบลอคนี้เราจะขอรีวิวกันสำหรับ cleansing ตัวนี้กันหน่อยน๊ะจ๊ะ


Bioderma เป็นเวชสำอางจากประเทศ "ฝรั่งเศส"   
ที่กำเนิดมาตั้งแต่ปี 1977  (รวมๆเกือบ 50 ปีแล้วล่ะคุ๊ณ ฉันยังไม่เกิดเลยจ้าา)











Bioderma สูตรที่เราจะนำมาทำการรีวิวในบลอคนี้
เป็นสูตร Sensibio H2O  สูตรสีชมพู
เป็นสูตรที่ ใช้ได้ในทุกสภาพผิวอ่อนโยน 
ใช้ได้แม้ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ทั่วใบหน้ารวมถึงรอบดวงตาและริมฝีปาก
ง่ายๆว่า ใช้ได้ทั้งหน้าเลยล่ะเธอ  ตัวเดียว จบ ครบทุกเมคอัพ














สำหรับแบรนด์ Bioderma ตัว Cleansing ขอเค้าเป็นสูตร
Micellar  ซึ่งจะว่าไปในบ้านเราช่วงนี้ มีหลายแบรนด์มากที่ผลิต 
Cleansing สูตร Micellar ออกมาวางขาย แต่ทาง Bioderma เค้าทำขายมาก่อนเป็นเจ้าแรก
ที่นำเทคโนโลยีMicellar Water มาใช้ในเวชสำอางของเค้า 

เจ้านวัตกรรม Micellar   นี้คืออะไร??? 

สิ่งนี้คือ นวัตกรรมที่ช่วยดึงสิ่งสกปรกออกจำกผิวได้อย่ำงล้ำลึก
 ด้วยโมเลกุลที่มีลักษณะคล้ำยโมเลกุลของผิว จึงอ่อนโยนต่อผิว
 ไม่ก่อให้เกิดอำกำรแพ้ หรือระคายเคือง ฉะนั้นคนผิวแพ้ง่าย
 ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะแพ้  ผื่นขึ้น สิวขึ้น  ตัวนี้ใช้ได้แน่นอน














เรามาดูสิ่งที่เค้าเคลมเอาไว้ตรงหน้าขวดกันดีกว่า
นอกจากที่เค้าบอกว่า เหมาะสำหรับผิว Sensitive Skin แล้ว
เห็นตรงที่ขีดเส้นใต้แดงๆนั้นไหม  ตัวแรกเลยคือ 

- Non Rinse    คือเค้าบอกว่า 
สามารถใช้สำลีเช็ดทำควำมสะอำดผิวหน้ำ รอบดวงตา และริมฝี ปาก สะอาดหมดจดโดยไม่ต้องล้างน้ำซ้ำ
เช็ดจนกว่าแผ่นสำลีจะขาวสะอาด   สามารถใช้เป็น Make-up remover เช็ดออกได้แม้แต่เครื่องสำอางกันน้ำ

อ้าววว แล้วอย่างนี้มันจะสะอาดเหรอ มันจะมีความ cleansing หลงค้างบนผิว แล้วจะสะอาดจริงมั้ย?
คือจากที่ได้ทดลองใช้มาหลายขวด  คือ  เรื่องของความสะอาด ไม่ต้องพูดถึงว่าสะอาดจริงๆแน่นอน
แต่มันจะมีเรื่องของความ awareness ความกังวลเกี่ยวกับสารเคมีใน cleansing
 คือ  ถ้าเป็นบางยี่ห้อที่เราเคยได้ลองใช้นะ
เช็ดเสร็จแล้วต้องไปล้างน้ำออกอย่างเร็ว เพราะเค้าจะมีความแอลกฮอล์ก ความน้ำหอม  ความกลิ่น 
ที่ผสมมาใส่ cleansing แล้วรู้สึกไม่สบายผิว  รู้สึกมีความเคมีอยู่บนผิว
แต่ตัวนี้ ไม่เลยจ้าาา  รู้สึกถึงความ pure เหมือนเอาน้ำเปล่ามาเช็ดผิวเลย   
เช็ดหน้าเสร็จ clean หน้าเสร็จ แล้วไปนั่งดูทีวี ไปกินข้าว เล่นคอมต่อได้เลย ไม่ต้องรีบไปล้างน้ำเปล่าต่อไป 


 - Paraben Free คือ ไม่มีสารกันเสียที่ผสมมาในผลิตภัณฑ์


 - hypoallergenic คือ  ใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้  
ตรงนี้คือ ทางแบรนด์เค้าได้ทำการวิจัยเอาไว้แล้วว่า

ผลทดสอบโดยสถำบันวิจัย BIODERMA ที่ประเทศฝรั่งเศส ปี 2009 
ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ำย จ ำนวน 30 หลังเช็ดหน้ำด้วย Sensibio H2O เช้ำและกลางคืนเป็นเวลำ 7 วัน พบว่า 100% ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

และนอกจากนี้คือ เจ้าตัว Cleansing ของ Bioderma เค้า มีค่ำ pH 5.5 ใกล้เคียงกับ pH ตำมธรรมชำติของผิว
 อ่อนโยนต่อผิว จึงไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง  นอกจากนี้ก็ยังไม่ทำให้ผิวแห้ง และไม่รบกวนกลไกการปกป้องตนเองตำมธรรมชาติของผิว


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องทดลองใช้ด้วยตัวเองน๊ะจ๊ะ เพราะเรื่องของอาการแพ้นี้พูดยาก
ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วย  เหมือนกับว่า เราจะไม่รู้เลยว่าเราจะแพ้ยาตัวไหน ถ้าเรายังไม่กินยาเข้าไป










ฝาขวดก็จะเป็นฝาเปิดสีชมพูแบบนี้เลย 


เมื่อใช้ ก็เปิดฝาบีบผลิตภัณฑ์ใส่สำลีเลยจ้า









เรามาทำสอบประสิทธิภาพกันหน่อยดีกว่าเนอะ







จะทดลอง 3 อย่างคือ รองพื้น   บลัชออน  และ ลิปสติก







โดยใช้สำลี 2 แผ่นนะ กับปริมาณการหยด cleansing ของทั้งสองแผ่นเท่าๆกัน
จากนั้นเราจะแปะไว้บนผิว พร้อมคลึงๆสัก 10 วินาที และเช็ดออก






ครั้งที่ 1 ผ่านไป  
คราบเครื่องสำอางหลุดไปประมาณ 80 %  ยังคงหลงเหลือร่องรอยอยู่นิดหน่อย

อ่ะเดี๋ยวเรามาลองอีกครั้งหนึ่ง กับการหยด cleansing ลงบนสำลีอีกรอบหนึ่ง






รอบที่่ 2 นี้ สะอาดหมดจดเลยจ้า  ไม่หลงเหลืออะไรอยู่บนผิวเลย 
ทุกสิ่งทุกอย่าง ลงมากองกันอยู่บนสำลีหมดแล้ว







ความรู้สึกหลังการใช้

จากที่ใช้มาคือจะไม่มีความรู้สึก เคมี  ความน้ำหอม ของตัว cleansing เลย
ไม่มีกลิ่นใดๆทั้งสิ้น  เสมือนการเอาน้ำเปล่ามาเช็ดผิวเลยทีเดียว

และ ไม่ทำให้หน้าแห้งตึงจริงๆ ตรงนี้คอนเฟิร์ม 
หลังใช้กับผิวหน้่า  ให้ความชุ่มชื่นกับผิวด้วย
ผิวจะมีความนุ่มๆ เย็นๆ คลีนๆ  โดยที่ไม่รู้สึกหน้ามันเยิ้ม เมือกๆ หรือเหนอะหนะ
จนทำให้รู้สึกน่ารำคาญแต่อย่างใด




อ่ะ คราวนี้เรามาลองแต่งหน้าแบบจัดเต็มกันหน่อยดีกว่า
แล้วมา Clean ผิวกันแบบเน้นๆทุกส่วนของใบหน้าเลย





ก่อนที่เราจะคลีนผิวกัน เราต้องงถอดเครื่องทรงบางอย่างออกก่อน
อาทิ วิกผม  - ขนตาปลอม และ คอนเเทกเลนส์ 

ก็จะได้หน้าโล้นๆระดับหนึ่ง ดังภาพ







จากนั้นเรามาเริ่มในส่วนของตากันก่อน






ในส่วนของตา ใช้การคลีน 2 รอบ  รอบแรก หยดลงสำลี และคลึงๆไว้สัก 10 วินาทีเเละเช็ดออก
ก็จะหายแทบทั้งหมดเลย เหลือเพียงอายไลเนอร์ข้างบนนิดหน่อย

และคลีนครั้งที่ 2  คราบเครื่องสำอางบนตา ก็ถูกลบออกหมดไม่เหลือแล้ว  
คลีนง่ายมากจริงๆ









ต่อมาปาก  ปากนี้ต้องบอกก่อนว่าใช้ลิปสติกเนื้อแมท ลงไปก่อนและใช้ลิปกลอส ลงทับอีกทีหนึ่ง
ซึ่งปกติลิปเนื้อแมท จะล้างงออกยากมาก ต้องขัดและถู แต่อันนี้แค่เเปะสำลีลงไป และคลึงๆเบาๆ
ก็สะอาดหมดจดแล้ว   ไม่ต้องขัดถูปากเลย มันง่ายมาก







ต่อมาเช็ดผิวหน้ากัน  งานผิวหน้า งานรองพื้น งานแป้ง ใช้การคลีน 3 รอบ จนสำลีสะอาดจริงๆน๊ะจ๊ะ
ก็จะได้หน้าสะอาดๆ เพียวๆ  แอบสะพรึงแบบนี้เลย


ขอแนะนำอีกสูตรหนึ่ง 
ตัวนี้จะเป็นสูตร  Sebium H2O

ฝาสีเขียว น้ำสีฟ้า 





เจ้าตัวนี้จะเหมาะหรับปัญหำผิวหน้ำมันมีสิว รูขุมขนอุดตันแพ้ง่าย และระคายเคือง
ใครผิวมันลองใช้สูตรนี้ดูน๊ะจ๊ะ

ส่วนราคานั้น เท่ากับตัวแรกเลยจ้า






#เพื่อผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
 #1stmicellarwater 
#SensibioH2O 
#Biodermathailand 




Create Date : 20 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2559 16:18:23 น.
Counter : 4964 Pageviews.

0 comment
รีวิว ครีมไข่มุก ทาผิวขาวในทันที Emma1997 Pearl Whitening Body Cream





สวัสดีจ้าทุกท่าน
บลอคนี้เราจะขอรีวิวเป็น 
ครีมไข่มุก ทาผิวขาวในทันที  
จากแบรนด์ " Emma 1997 " Pearl Whitening Body Cream





ซึ่งเค้าเคลมเอาไว้ว่า ทาแล้ว ผิวขาวขึ้นภายใน 10 วินาทีกันเลยทีเดียว
เป็นครีมทาผิวขาวที่ถูกออกเเบบขึ้นเพื่อคนเอเชียโดยเฉพาะ 
ทาแล้วเกลี่ยง่าย ดูดซึมผิวเร็ว ไม่ติดเสื้อผ้า ไม่เลอะเทอะให้กวนใจ










ซึ่งเป็นครีมที่ทาแล้วผิวขาวขึ้นทันที แต่ถ้าใช้ไปเรื่อยๆ
จะช่วยในการบำรุงผิวให้ขาวขึ้นในระยะยาวได้อีกด้วย







เรามาดูส่วนผสมกันบ้างดีกว่า ว่าเค้ามีอะไรกันบ้าง

ตัวเนื้อครีม จะมีส่วนผสมหลักคือน้ำ ซึ่งเนื้อครีมตัวนี้มีน้ำเป็น WaterBase 
ฉะนั้น เมื่อทาแล้วจะไม่เหนอะหนะผิวแน่นอน ตรงนี้คอนเฟริ์ม

โดยส่วนผสมที่จะช่วยให้ผิวขาวขึ้นแบบถาวร ไม่ใช่แค่ทาแล้วขาวเลย 
นั่นก็คือไข่มุก และ  เทรนซามิก

และยังมีส่วนผสมจาก Syn-coll (Palmitoyltripeptide-5) 
ตัวนี้จะช่วยในการป้องกันการเสื่อมสลายของคอลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง
ทำให้ผิวดูกระชับมากยิ่งขึ้น

Shea Butter , Macadamia Ternifolia Seed oil 
จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน









สำหรับผลิตภัณฑ์แบรนดนี้
เค้าเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศไต้หวัน
 ซึ่งผ่านอย. และมีใบรับแจ้ง จากประเทศเราแล้วจ้า
มั่นใจได้เลยว่าสินค้าปลอดภัยแน่นอน






ปริมาณ  180 มิลลิลิตร 
ซึ่งบรรจุมาให้ขวดขนาดไม่ใหญ่มาก
สามารถใส่กระเป๋าพกพา เพื่อไปใช้นอกบ้านได้
โดยที่ไม่กินเนื้อที่กระเป๋ามากเกินไป









เรามาดูตัวเนื้อครีมกันบ้างดีกว่า
เนื้อครีมเค้าจะมีสีขาวเลย ซึ่งอย่างที่บอกว่า
ส่วนผสมหลักคือ น้ำ เป็นตัวในการทำละลาย

เมื่อทาไปแล้ว เค้าจะเหลว เเละลื่นๆ
อย่างในภาพด้านบนคือ บีบครีมแล้วตั้งแขนขึ้น  
เค้าจะค่อยๆไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกเลย








เมื่อทาไปแล้ว ขณะเกลี่ยจะมีความเย็นๆ ฉ่ำๆผิว มีความเป็นน้ำๆบนผิว
ทาง่ายมาก ไม่หนืด ไม่เหนียว ไม่ต้องออกแรงงถูแขนเลย
และเค้ายังมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วยนะ แต่กลิ่นไม่แรงมาก
เมื่อทาแล้ว ถ้าอยากได้กลิ่นจริงๆ ต้องเอาแขนขึ้นมาดม
ถึงจะได้กลิ่น







ทาเสร็จแล้ว ไม่เป็นคราบขาวๆ ติดมือให้มือเปื้อนสกปรก
จนต้องวิ่งไปล้างมือแต่อย่างใด  ตรงงนี้คือดีมาก

เพราะส่วนตัวเคยใช้ครีมทาผิวขาวมาหลายแบรนด์
หลายตัวเมื่อทาเสร็จแล้ว ฝ่ามือเป็นสีตามเนื้อครีม ต้องไปล้างออก
พอล้างออก ต้องใช้ cleansing ช่วยล้างด้วย
เพราะมันติดมือมากๆ แย่จัง สำหรับตัวนี้
ไม่ต้องกังวลเลย







เมื่อทาเสร็จแล้ว เนืื้อสัมผัสบนผิวจะแห้งไปเลย
ไม่มีความเหนียว หรือ เหนอะ เเม้แต่นิดเดียว
สบายผิวากๆ เหมือนไม่ได้ทาอะไรมา และที่สำคัญคือ
ไม่ติดขนเลย




เรามาดูผลลัพท์ชัดๆกันดีกว่า



















จากภาพที่เห็น เมื่อทาแล้ว ผิวจะขาวขึ้น
แต่ว่าไม่ได้ขาวขึ้นจนดูวอก ลอย มากจนเกินไป
เค้าจะช่วยให้ผิวดูขาวขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ
ไม่ใช่ขาวแบบพอกครีม  


จะช่วยปรับผิวเหลืองๆ ให้ดูขาวขึ้นและอมชมพูขึ้น
ในภาพจากฝั่งที่ทาแล้ว คือต้องบอกว่า ทาค่อนข้างเยอะ
เพราะต้องการเห็นผลลัพท์ว่า ทาเยอะแล้วหนามั้ย? ทาเยอะแล้วจะวอกลอยดูพอกครีมมั้ย?
ตรงนี้บอกได้เลว่า " ไม่  " 

ความแตกต่งกันระหว่างสองแสงที่ถ่ายภาพให้ชม
ถ้าคุณอยู่ในเเสงไฟบ้าน  จะดูเนียนมาก จนแทบดูไม่ออกเลยว่าทาครีมมา
แต่ถ้าอยู่ในแสงเเดดธรรมชาติ ถ้าทาเยอะมากๆ  แล้วมองชัดๆ ไกล้ๆมากๆอาจจะดูเห็นเนื้อครีมขาวๆบ้างนิดหน่อย
แต่ถ้าไม่สังเกตุจริงจัง ก็จะมองไม่เห็นนะ


ในส่วนของคนที่ผิวคล้ำ ถ้าถามว่าใช้ตัวนี้ได้ไหม?
ตอบได้เลยว่า ใช้ได้ ไม่มีปัญหา เพราะครีมเค้ามีความเป็นธรรมชาติมากๆ
ทาแล้วไม่ต้องกังวลว่า ผิวจะดูปลอม


แต่ ถ้าใครต้องการครีมทาแล้วผิวขาว โดยที่เปลี่ยนสีผิวชัดเจน เนื้อครีมเม็ดสีแน่นๆ
ตัวนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์น๊ะจ๊ะ


ถ้าถามเรื่องความคงทน คือไม่ได้ไปตากฝน หรือเปียกน้ำเล่นสงกรานต์
ตรงนี้บอกเลยว่า ไม่หลุดไม่หาย อยู่คงทนอยู่ได้ทั้งวัน 
นอกจากว่าเอามือขัดๆถูๆแรงๆหลายๆรอบถึงจะหลุดออก
แต่ก็ไม่ได้หลุดออกมาเยอะมากน๊ะ 

คือได้ทดลองโดยการเอาสเปรยน้ำแร่ฉีดใส่ผิว แล้วเอามือถูไปเรื่อยๆจนน้ำหายหมด
ก็ยังมีครีมติดอยู่บนผิวหนัง
แต่สิ่งหนึ่งที่ได้ค้นพบจากการฉีดน้ำลงไปนั่นคือ

เมื่อผิวที่เปียกน้ำ คุณจะเห็นความวิ๊งของผงไข่มุกที่ผสมมา ผิวจะดูวาวๆสวยดีด้วยล่ะคุณ


สรุป

ครีมปรับผิวขาวตัวนี้ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ครีมที่ทาแล้วบางเบาผิว ไม่หนัก
ผิวไม่เหนอะ ได้ผิวที่แห้งๆ เหมือนไม่ทาอะไรลงมา  และไม่ขาวลอยวอกจนเกิดไป
ไม่ได้ช่วยในการเปลี่ยนสีผิวที่หนักหน่วง  ตัวนี้จะตอบโจทย์มากๆเลยจ้า


สนใจผลิตภัณฑ์ ติดต่อได้ที่นี่เลยจ้า 

ขนาด 180 ML.  1,480 บาท
ขนาด 60 ML. 580  บาท

ติดต่อแบรนด์ได้ที่

//www.emma1997thailand.com/
facebook page: Emma1997 TH
inbox: //m.me/emma1997TH
line id: @emma1997th
Tel: 06-2345-4252 / 06-2981-5821




Create Date : 01 ตุลาคม 2559
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2559 13:00:03 น.
Counter : 1895 Pageviews.

0 comment
รีวิว สกินแคร์จาก อีฟโรเช 4ชิ้น





สวัสดีน๊าาทุกคน สำหรับบลอคนี้เราก็จะรีวิวผลิตภัณฑ์ 4 ชิ้นจากแบรนด์
"Yves Rocher"

ซึ่งเป็นแบรนด์ชื่อดังที่เชื่อว่า ผู้ที่ใช้เครื่องสำอาง
ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว 

แต่ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักแบรนด์ให้มากกว่านี้กันก่อนที่เราจะไปเติ่มต้นรีวิวผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ชิ้นกันดีกว่า






Yves Rocher
(อีฟ โรเช)

 เป็นแบรนด์จากประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสกินแคร์ที่มีส่วนผสมจากพืชพฤกษาพรรณธรรมชาติ
โดยทางแบรนด์ ได้กำเนิดตั้งแต่ปี 1959 และได้มีการพัฒนาการศึกษา วิจัยอย่างต่อเนื่อง 
พร้อมทั้งปรับปรุงพัฒนาสูตรส่วนผสม ให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น
และยังให้ความเคารพในธรรมชาติ และ ร่วมรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม 
ซึ่งทางแบรนด์ที่ผลิตเครื่องสำอางที่เน้นส่วนผสมจากพืชพรรณธรรมชาติเป็นหลัก
ทางแบรนด์ จะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นส่วนผสม ลงในเครื่องสำอางกว่า 92
เครื่องสำอางจะปราศจากสีสังเคราะห์ , mineral oil (น้ำมัน)  , paraben (สารกันเสีย)
และผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น ได้ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังเรียบร้อยแล้ว
ฉะนั้น มั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์จาก Yves Rocher นี้ ปลอดภัยแน่นอน


และสำหรับบลอคนี้ เราจะรีวิวผลิตภัณฑ์ด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ
กลุ่ม Serum Vegetal Wrinkles & Radiance
และกลุ่ม Sebo Vegetal



ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Serum Vegetal Wrinkles & Radiance (สีเเดง)













จะเน้นหลักๆในเรื่องของ การช่วยให้ผิวของเราดูกระจ่างใส และช่วยในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย

โดนผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ จะเน้นสารสกัดที่เรียกว่า "Ice Plant"  หรือ "Life Plant"




ซึ่งตัว Ice Plant นี้ มีเเหล่งกำเนิดมาจากทะเลทรายในแอฟริกา โดยจะนำมาใส่เป็นส่วนประกอบหลัก
ที่จะช่วยในเรื่องของ  
- การกักเก็บน้ำให้ผิว  
- การดูดเก็บสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว
- ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ 



และผลิตภัณฑ์กลุ่ม Sebo Vegetal (สีเขียว)







ในผลิตภัณฑ์ของกลุ่มนี้ จุดเด่นของส่วนผสมที่เค้าเน้นก็คือ
" Baikal  powder "
จะช่วยในการรักษาสมดุลในการทำงานของต่อมไขมันในผิวของเรา ให้เป็นปกติ

และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ จะเหมาะกับคนที่ผิวมันอย่างเรามากๆ
เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องของการควบคุมความมันแล้ว
เค้าจะช่วยในเรื่องของการลดการอุดตันในรูขุมขน  , ลดการอุดตันของต่อมไขมัน  
ช่วยในการกระชับรูขุมขน  และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว



นี่ก็คือข้อมูลคร่าวๆของผลิตภัณฑ์ทั้งสองกลุ่ม
เอาเป็นว่า เรามาเจาะลึกถึงผลิตภัณฑ์ทีละชิ้นกันเลยดีกว่า






Serum Vegetal Wrinkle & Radiance Night Cream


คำเคลมจากทางแบรนด์

" ครีมบำรุงผิวสำหรับตอนกลางคืนที่ช่วยลดริ้วรอยช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้กับผิว  

พร้อมช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าและลดการอุดตันของรูขุมขน ช่วยฟื้นฟูผิวในยามค่ำคืน ด้วยเนื้อบาล์มเข้มข้น " 








ตัวแรกนี้จะเป็นครีมบำรุงผิว ที่ใช้สำหรับทากลางคืน
จะเป็นตัวแรกที่เราจะพูดถึงกันในบลอคนี้









ลักษณะของเนื้อครีม ถ้าดูเผินๆก็เหมือนกับเนื้อครีมทั่วๆไป
แต่ทว่าไป  เนื้อครีมของเค้ามีความเข้มข้นมาก
ถ้าสังเกตุจากในภาพ  จะเห็นได้ว่า กระปุกที่ถูกวางแบบตั้ง
โดยเนื้ัอครีมด้านในนั้น ยังเกาะตัวแข็งกันอยู่ ไม่ไหลไม่ย้อยแต่อย่างใด









ในตัวของเนื้อครีมเองนั้น เมื่อเราควักออกมาจากกระปุก 
ซึ้งถ้าใช้วิธีการเอานิ้วแตะๆเบาๆเฉยๆ  เนื้อครีมไม่ติดนิ้วขึ้นมาน๊ะจ๊ะ 
ต้องใช้การควักขึ้นมา  เพราะครีมเค้าเข้มข้นมากๆ  และเมื่อนำมาทาลงบนผิวเราแล้ว

ตอนก่อนใช้รู้สึกว่า จะต้องเป็นครีมที่ทาแล้ว หนาๆ หนักๆ เยิ้มๆ 
ลักษณะเหมือนกับครีมที่มีtexture แบบนี้ทั่วๆไป

แต่ผิดคาดนะ  เมื่อเราเกลี่ยครีมจนซึมเข้าผิวแล้ว  
จะมีความมันนิดหน่อย เหมือนกับครีมทั่วๆไป
แต่เมื่อปล่อยระยะเวลาผ่านไปสักครู่
ใช้เวลาแค่ประมาณ 10 วินาทีเอง ความมันของหายไปจนหมดสิ้น
จะผิวไม่เหลือความมันแต่อย่างใด
แถมครีมยังให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้ดีอีกด้วย
 ซึ่งตรงนี้ตอบโจทย์กับคนที่สภาพผิวมันอย่างเรามากๆ


ซึ่งจากที่ได้ทดลองใช้ดูแล้ว เนื้อครีมสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวจริงๆ
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนผิวแห้ง , ผิวผสม หรือ ผิวมัน สามารถใช้ได้หมด
ในคนที่ผิวมัน เหมือนกับเราเป็นต้น สามารถใช้ครีมได้โดยที่หน้าไม่มีความมันอยู่บนผิวแต่อย่างใด
และคนที่ผิวแห้ง  อาจจะกลัวว่า จะช่วยในเรื่องของความชุ่มชื่นกับผิวไม่ไหว กลัวว่าหน้าจะเป็นขุย
ตรงนี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะเนื่องจากเนื้อครีมเค้าทาไปแล้วไม่มีความมันหลงเหลือนบนผิวก็จริง
แต่ภายในผิว ไม่รู้สึกถึงความแห้งในผิวแต่อย่างใด ฉะนั้นคาดว่าคนผิวมันก็ใช้ได้ ไม่มีปัญหาเช่นกัน








ซึ่งเจ้าครีมตัวนี้เค้าเคลมเอาไว้ว่า จะช่วยในเรื่องของผิวกระจ่างใส และ ช่วยลดเลือนริ้วรอย
ในส่วนของส่วนผสมที่ช่วยในเรื่องของความกระจ่างใส อาทิเช่น

Glycine Soja Oil - สารสกัดจากถั่วเหลือง จะช่วยลดการเกิดเม็ดสีของผิวได้
       และยังช่วยลดการอักเสบของผิวได้อีกด้วย ซึ่งใส่มาในอันดับที่ 5
ต่อจากพวกสารพื้นฐานในครีมทั่วๆไป ซึ่งก็สามารถคาดหวังผลในเรื่องของ
ความเปล่งปลั่งกระจ่างใสของผิว ได้จากส่วนผสมนี้



สารที่ช่วยในเรื่องลดริ้วรอย และ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หลักๆเลยจะมีดังนี้

hydrogenated coconut oil - ตัวนี้จะเป็นสารสกัดที่เรียกง่ายๆว่า น้ำมันมะพร้าว 
คือ เอาง่ายๆเลยจากประสบการณ์ที่เคยใช้น้ำมันมะพร้าวเพียวๆทาบำรุงผิวหน้า
ทาแล้วหน้าจะอิ่ม จะฟู จะดูเปล่งปลั่ง จะช่วยในเรื่องของริ้วรอยได้เช่นกัน

butyrospermum parkii butter - ตัวนี้เป็นส่วนผสมหนึ่งที่ดีมากๆ มันคือ SHEA BUTTER
ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีเยอะมาก อาทิเช่น ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นของผิว
เรื่องริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิว , การอักเสบของผิว , ผื่นคัน และอีกมากมาย

centaurea cyanus flower water - ช่วยในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว 
ป้องกันการอักเสบ และลดการละคายเคืองของผิว


จะแอบมีข้อเสียนิดหน่อยค่อ ตัวเนื้อครีมจะมีกลิ่นหอมๆอ่อนๆ เป็นกลิ่นของน้ำหอมที่ผสมมาในตัวเนื้อครีม 
(มีส่วนผสมของ Parfum ตรงบรรทัดที่5)  ถ้าใครที่ไม่โอเคกับส่วนผสมของน้ำหอม อาจจะไม่เเฮปปี้ในตรงนี้ได้






Serum Vegetal Wrinkle & Radiance Fluid Day Cream


คำเคลมจากแบรนด์

"ครีมบำรุงผิวสำหรับตอนกลางวันที่ช่วยลดริ้วรอยช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้กับผิว  พร้อมช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าและลดการอุดตันของรูขุมขน "




ตัวต่อมา  ตัวนี้จะเป็นเซรั่ม
ที่เน้นในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย และ ดูดซับความมันส่วนเกินออกจากใบหน้า

อ่ะ น่าสนใจอีกแล้วสำหรับคนผิวมันอย่างเราๆ












เนื้อเซรั่มจะถูกบรรจุมาในหลอดสีขาว
ที่มีหัวปั๊มสีแดงดังภาพ  ในปริมาณ 40 ml.














เนื้อครีมก็จะเป็นครีมเนื้อสีขาวใสๆ ที่พอเกลี่ยแล้วจะเกลี่ยง่าย ซึมง่ายมาก ไม่ต้องเสียเวลาในการเกลี่ยมาก
และ เมื่อซึมลงผิวแล้ว  ไม่ทิ้งความมันลงบนเผิวเลย ซึ่งตรงนี้ตอบโจทย์กับคนผิวมันมากๆ


ดังคำเคลมที่เค้าบอกว่า ช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้
ถามว่าตรงนี้จริงมั้ย  เอาจริงๆจากที่ใช้ก็ช่วยได้จริงนะ
แต่ว่า อย่าคาดหวังผลว่าจะช่วยคุมความมันได้
เทียบเคียงกับ Cosmetic ที่ใช้ในการแต่งหน้า
อย่างเวลาเราใช้แป้ง  รองพื้น หรือ ไพรเมอร์  
ที่เน้นการคุมมันโดยเฉพาะ อันนั้นก็ดูจะคาดหวังผลมากเกินไป



จากสภาพผิวหน้าของเรา อย่างผิวเราเป็นคนผิวมันมากๆ
ปกติแล้ว ต้องซับหน้าทุก 1 ชั่วโมง ในกรณีที่ทาแค่สกินแคร์ทั่วๆไป แล้วไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ทาแป้ง
แต่ถ้าใช้ครีมตัวนี้ จะช่วยยืดระยะเวลาในการเกิดความมันบนใบหน้าได้มากยิ่งขึ้น
จากที่เทสกับหน้าตัวคือได้สักประมาณ 2 ชั่วโมง - 2 ชั่วโมงครึ่ง ถึงจะต้องซับหน้าครั้งหนึ่ง
ถือว่า โอเคย์ในระดับที่ดีอยู่สำหรับการช่วยในการคุมความมัน
ของครีมบำรุงผิว 



แต่สิ่งหนึ่งสำหรับครีมตัวนี้ที่ส่วนตัวไม่ค่อยเเฮปปี้คือ ในเรื่องของกลิ่น
กลิ่นเค้ามาแน่นมากๆ  ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นของครีมทาผิวหน้านี้อาจจะไม่เหมาะกับคุณก็เป็นได้ 







เรามาดูส่วนผสมสำคัญของเจ้าครีมตัวนี้กันดีกว่า 

sesamum indicum seed oil - ตัวนี้จะเป็นน้ำมันงา ช่วยให้ผิวขาวขึ้น และ ชุ่มชื่น

centaurea cyanus flower water - ช่วยในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว 
ป้องกันการอักเสบ และลดการละคายเคืองของผิว (เหมือนกันกับตัวข้างบน)

brassica campestris seed oil  คือ  สารสกัดจากดอกไม้บราซิคาเลีย จะช่วยในการทำให้ผิวกระจ่างใส 
สามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวที่ทำให้เกิดฝ้า กระ 

inositol  ช่วยในการเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ให้ผิวแข็งแรงขึ้น  ลดการระคายเคืองของผิวได้

zinc gluconate สารตัวนี้จะช่วยในการดูดซับความมันส่วนเกิน ดังคำเคลมของแบรนด์ไว้

tocopheryl acetate  / retinyl palmitate 
สองตัวนี้จะช่วยในการป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระบนผิว สามารถปกป้องผิวจากริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้

hamamelis virginiana leaf extract  -  ช่วยในการกระชับรูขุมขน 


เมื่อดูจากส่วนผสมที่ทางแบรนด์ใส่มาแล้ว ก็จะพบว่า
มีสารที่ช่วยในการบำรุงผิว  ที่คาดหวังผลได้
ตามคำเคลมเบื้องต้นที่ทางแบรนด์เคลมเอาไว้  ในเรื่องของการควบคุมความมัน การช่วยลดเลือนริ้วรอย
และนอกจากนี้ยังสามารถช่วยในเรื่องของการเพิ่มความกระจ่างใสของผิวได้อีกด้วย






 Sebo Vegetal  PoreMinimizing Serum 

คำเคลมจากทางแบรนด์
"  เซรั่มสูตรเข้มข้น มอบสัมผัสบางเบา สดชื่นสบายผิว ช่วยลดความมันส่วนเกิน กระชับรูขุมขน เผยผิวเรียบเนียนกระจ่างใส " 











สำหรับตัวนี้ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นที่ 3 ที่เราจะรีวิวกัน
จะเป็นเซรั่มบำรุงผิว ที่บรรจุมาในขวดหัวปั๊ม
และได้เคลมสรรพคุณไว้ที่หน้าขวดว่า จะช่วยในเรื่องของการกระชับรูขุมขนได้อีกด้วย













สำหรับเนื้อผลิตภัณฑ์ จะเป็นเนื้อเจลใสๆ
ที่เวลาเกลี่ยแล้ว จะซึมลงผิวเร็วมากๆ  ย้ำว่า "เร็วมากๆ"
และขณะทาผิว จะมีความเย็นๆของตัวเนื้อเซรั่มด้วย

พอทาเสร็จแล้ว จะไม่ทิ้งความหนัก  ไม่ทิ้งความมัน หรือความเหนอะลงบนผิวเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งตรงนี้ตอบโจทย์กับคนที่ผิวหน้ามัน ไม่อยากได้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีความมันแต่อย่างใด

ในส่วนของความชุ่มชื่นนั้น ตัวเซรั่มมีความชุ่มชื่นอยู่ในตัวเมื่อทาลงไป
แต่ว่า จะไม่ได้ช่วยในเรื่องความชุ่มชื่นได้ดีเท่ากับเจ้าสองตัวแรกที่เราได้รีวิวไป
ถ้าอยากได้ความชุ่มชื่นเพิ่ม  จะหาครีมบำรุงมาทาต่อจากตัวนี้ก็ได้เช่นกัน

ในเรื่องของกลิ่น  เจ้าตัวนี้มีกลิ่นเหมือนกัน  จะเป็นกลิ่นน้ำหอมที่มีความแอลกฮอล์กหน่อยๆ 
ซึ่งกลิ่นค่อนข้างจะชัดเจน แต่ว่าเป็นกลิ่นที่เราพอรับได้ กลิ่นไม่แรงเท่ากับเจ้าตัวที่สองที่เรารีวิวไป







ทีนี้เรามาดูส่วนผสมกันบ้างดีกว่าว่า มีส่วนผสมอะไรที่ช่วยบำรุงผิวกันบ้าง


zea mays (corn) starch - สารสกัดจากข้าวโพด ให้ความชุ่มชื่นกับผิว

malic acid -  ช่วยให้ผิวแข็งเเรง เพิ่มการสังเคราะห์ของคอลาเจน 
เติมเต็มร่องรอยให้ผิวหน้าเนียนเรียบ

centaurea cyanus flower water - ช่วยในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว 
ป้องกันการอักเสบ และลดการละคายเคืองของผิว

zinc gluconate  เป็นธาตุสังกะสี โดยปกติแล้วจะช่วยในการรักษาสิว หรือช่วยในการ
ปรับสมดุลของต่อมไขมันให้เป็นปกติ


aphloia theiformis leaf extract   เป็นสารสกัดจากว่านหางจระเข้ จะช่วยให้ผิวพรรณดูมีน้ำมีนวล
ช่วยลดอาการอักเสบ การติดเชื้อ สลายเชื้อโรคเมื่อผิวมีบาดแผล 
กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่

scutellaria baicalensis root extract - สารสกัดจากพืชสมุนไพร รากสกิวลาเลีย ช่วยปลอบปะโลม ลดการอักเสบของผิว
ช่วยลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย - จุดด่างดำที่เกิดจากรังสีในแสงแดด  




ซึ่งหลักๆก็จะมีสารในการบำรุงผิวดังนี้ ที่จะช่วยในการคาดหวังผลกับผิวเราได้


Sebo Vegetal Purity Mask







เจ้าตัวสุดท้ายที่จะพูดถึงกัน ตัวนี้จะเป็นมาร์คโคลนดินขาว 
ที่ใช้สำหรับมาร์คผิวหน้าของเรา










เจ้ามาร์คตัวนี้จะช่วยในการทำความสะอาดผิว
ขจัดสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่ภายในรูขุมขนของเรา ให้ผิวสะอาดมาขึ้น
จะได้ไม่ก่อให้เกิดสิวเสี้ยนบนหน้าของเรา ที่เราอาจจะ
ล้างหน้าทำความสะอาดคราบสกปรก มลภาวะ เครื่องสำอาง และอื่นๆออกไม่ไหมด











เนื้อของมาร์คเค้าก็มีลักษณะเป็นสีขาวๆดังภาพ
ตอนแรกที่ทาเนี่ย เหมือนเราทาครีมทั่วๆไป 
แต่ว่า พอเราทิ้งไว้สักพัก มาร์คเค้าจะค่อยๆแห้ง
โดยที่ไม่แห้งช้าจนเกินไป ไม่ต้องรอนานมากจนน่ารำคาญ
เค้าก็เริ่มแห้งแล้ว พอแห้งแล้วไม่รู้สึกว่าหน้าตึง เหมือนถูกดึงผิวเเต่อย่างใด
รู้สึกสบายผิวมากๆ และอีกอย่างที่เริ่ดสำหรับมาร์คที่ทาแล้วแห้ง นั่นก็คือ

มาร์คของเค้าไม่แตก ไม่ปริออกมาเป็นผุยๆ ออกมาเป็นแผ่นๆ 
ไม่หลุดไม่ร่วง  ตรงนี้คือโอเคย์มากๆ  

พอมาร์คหน้าเสร็จแล้ว แน่นอนว่า มาร์คเค้าเน้นในเรื่องของ
การทำความสำอาดผิวล้ำลึกถึงรูขุมขนขนาดนี้ แน่นอนว่าช่วยได้จริงๆ
พอล้างหน้าแล้วรู้สึกเลยว่าหน้าคลีนล้ำลึกสุดๆมากๆ 
 ผิวหน้าจะนุ่มๆ ละมุนๆด้วยล่ะ 

ข้อดีนอกจากจะทำให้สิวอุดตัน , สิวเสี้ยนไม่ขึ้นแล้ว
การมาร์คหน้าที่คลีนล้ำลึกแบบนี้ จะช่วยให้เราลงครีมบำรุงผิวต่อไป
ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะว่าไม่มีอะไรที่ไปตกค้าง ไปอุดกั้น
ระหว่างผิวของเรา กันสิ่งสกปรกที่ยังติดค้างอยู่ในผิวของเรา
ทำให้ครีมบำรุงผิวที่เราทาต่อไป ได้ผลดียิ่งขึ้น







ส่วนประกอบหลักๆที่ช่วยในการทำความสะอาดผิว
นอกจากโคลนดินขาว ที่ช่วยในการดูดซับน้ำมันส่วนเกินได้ ก็ยังจะมี
 Kaolin   ช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินบนผิวหน้าเรา และทำให้ผิวเนียนนุ่ม
Salicylic Acid  ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว
Zeamays corn starch   สารสกัดจากข้าวโพด ให้ความชุ่มชื่นกับผิว


สำหรับการรีวิวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากแบรนด์ 
Yves Rocher ทั้งหมด 4 ชิ้น
ก็ประมาณนี้จ้า
ใครสนใจอยากลองใช้ สามารถไปหาซื้อได้ที่ร้าน Yves Rocher 
ตามห้างชั้นนำได้ทุกที่เลยจ้า


สุดท้ายนี้ทาง Vyes Rocher เค้าจัดกิจกรรมอยู่ด้วย
สามารถไปลองตรวจสภาพผิวได้ฟรีที่เคาเตอร์ของ  Vyes Rocher พร้อมรับผลิตภัณฑ์สำหรับทดลอง
สำหรับ 7 วันไปใช้กันฟรี ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 16 พ.ค.2559  ได้ทุกสาขา
สามารถดูสาขาทั้งหมดได้ที่ 


และสามารถติดตามกิจกรรมได้จากแฟนเพจของทางแบรนด์เลยจ้า
https://www.facebook.com/yvesrocherthailand





Create Date : 19 เมษายน 2559
Last Update : 4 พฤษภาคม 2559 12:55:49 น.
Counter : 20630 Pageviews.

0 comment
พรีวิว สกินแคร์ญีุ่ปุ่น แบรนด์ Kohaki hada

Kohaku Hada
(โคฮะคุ ฮาดะ)

เครื่องสำอางค์แบรนด์ญี่ปุ่น



สวัสดีจ้า ก่อนอื่นเลยนั้น ใครเปิดเข้ามาเจออาจจะรู้สึกว่า
อุ้ย อุ้ย  อันนี้คือแบรนด์อะไร อย่างไร 
แน่นอนว่าเป็นแบรนด์น้องใหม่จากญี่ปุ่น นำเข้าโดย บริษัท เอ็ม.เอส. ฮานาโซโน (ประเทศไทย)
นำเข้ามาขายในบ้านเรา

Kohaku คืออะไร?

โคฮะคุ ก็คือ อำพัน 
ซึ่งทางแบรนด์เลือกใช้เป็นส่วนผสมหลักที่ช่วยในการบำรุงผิว
เค้าบอกว่า 
โคฮะคุ หรือ อำพัน เป็นอัญมณีเพียงประเภทเดียวที่สามารถสกัดมาจากพืชโบราณที่ถูกฝังลึกเป็นเวลานานกว่า 50 ล้านปี
จนเกิดปฏิกิริยาจนกำเนิดเป็นฟอสซิล 
จนกระทั่งประมาณ 10 ปีมาแล้วนักวิจัยได้ค้นพบว่าสารสกัดจากอำพัน (Kohaku Extract)
 นี้ให้ผลลัพธ์แห่งความงามกับผิวของเรา 
ด้วยสูตรที่คิดค้นมาเพื่อความอ่อนเยาว์ ผิวคุณจะค้นพบอานุภาพของ Kohaku Hada 
กับผิวที่ดูกระชับและชุ่มชื้น

ซึ่งหลักๆเลย ทางแบรนด์เคลมเอาไว้ว่า จะช่วยในเรื่องของความอ่อนเยาว์ของผิว
และการเติมความชุ่มชื่นของผิว


ซึ่งแน่นอนว่าส่วนผสมหลักที่เป็นตัวชูโรงคือตัว Kohaku Extract 
ซึ่งเป็นตัวที่เค้านำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์  มาดูกันว่าเจ้าตัวส่วนผสมนี้ มีดีอย่างไร

1. ผิวที่เนียนนุ่ม ด้วยน้ำมันสกัดจากพืชถึง 3 ชนิดที่มีอยู่ใน Kohaku Hada 

จะซึมซาบลงสู่ผิวให้ความชุ่มชื้น ให้ผิวคุณรู้สึกเนียนนุ่ม

2. กักเก็บส่วนผสมแห่งอำพันไว้ในผิว Ceramide ที่มีส่วนประกอบเสมือนกับของเหลวที่ไหลเวียนระหว่างเซลล์ผิวแต่ละเซลล์ 

ซึ่งทำหน้าที่ ในการช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นดุจสัมผัสแห่งไหมที่ช่วยให้สารสกัดจากอำพันบำรุงผิวจากภายใน

3. ช่วยการไหลเวียนของสารสกัดจากอำพันดียิ่งขึ้น เมื่อส่วนผสมสามารถไหลเวียนในผิวได้ดีขึ้น 

สารสกัดจากอำพันจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อช่วยส่งเสริมกระบวนการผลิต 

Hyaluronic acid และ ช่วยการการผลัดเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ





และทางแบรนด์เค้าได้เคลมถึงผลิตภัณฑ์เค้าเอาไว้ ดังนี้


* เอกลักษณ์ครั้งแรกของโลกกับส่วนผสม Double Kohaku (Kohaku extract, Kohaku powder) เพื่อมอบอานุภาพเพื่อผิวแลดูกระชับและอ่อนเยาว์

* สูตรที่ซืมซาบบำรุงได้ล้ำลึก เพื่อความชุ่มชื้นที่คุณยังรู้สึกได้ในเช้าวันต่อมา

* เปี่ยมด้วยส่วนผสมจาก Collagen, Placenta, Ceramide 3 ชนิด และ Soybean Extract ส่วนผสมที่ถูกขนานนามว่าเป็นส่วนผสมแห่งความงาม

* น้ำมัน 3 ชนิดเพื่อความชุ่มชื่นที่เปี่ยมประสิทธิภาพด้วย Olive Oil, Jojoba Oil, Macadamia nut Oil

* ปราศจาก สารกันเสีย (Paraben), Alcohol, น้ำหอม, และ สีผสม





เอาเป็นว่า เรามาดูกันทีละตัวกันเลยดีกว่า

ตัวแรก







KOHAKUHADA Lotion Very Moisture ขนาด 220 มล. ราคา 480 บาท

สองตัวนี้จะเป็นโลชั่นน้ำตบ ที่ใช้หลังจากล้างหน้าเสร็จเพื่อเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว

ซึ่งแตกต่างกันคือ ตัวสีดำ (ตัวล่าง) จะเข้มข้นกว่าตัวสีส้มด้านบน
ซึ่งเป็นสูตรที่เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวมากเป็นพิเศษ 
และนอกจากเค้าจะช่วยในการเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวแล้ว
เค้ายังช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวอีกด้วย 




ตัวต่อมาเป็น KOHAKUHADA Milky Lotion ขนาด 150 มล. ราคา 480 บาท
ตัวนี้จะต่างจากตัวบนคือ
ตัวบนจะเป็นโลชั่นน้ำตบใสๆธรรมดา แต่ตัวนี้จะเป็นเนื้อน้ำนม สีขาวๆ จะมีความเข้มข้นกว่า
มีความหนักในเนื้อผลิตภัณฑ์  และมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย 

ตัวนี้จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื่น และ สารจากอำพันไว้ในผิว 
ทำให้ตื่นเช้ามารู้สึกได้ว่าผิวหน้ากระชับ



KOHAKUHADA Lotion Refreshing ขนาด 220 มล. ราคา 480 บาท

ตัวต่อมาจะเป็นโทนเนอร์ ใช้หลังจากทำการล้างหน้าแล้ว
ใช้โทนเนอร์ตัวนี้หยดใส่สำลี แล้วเช็ดหน้า เพื่อเป็นการเตรียมผิว
เจ้าตัวนี้เค้าบอกไว้ว่า ไม่ใส่สารกันเสีย   น้ำหอม และสีผสมด้วย





KOHAKUHADA Mask Cream ขนาด 50 กรัม ราคา 570 บาท

ตัวนี้ไม่ใช่ครีมบำรุงผิว แต่ว่าจะเป็นมาร์คครีม
วิธีใช้ของเค้า จะใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

สำหรับการบำรุงในตอนเช้า หลังบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงแล้ว
 ใช้มาส์กครีมขนาดประมาณไข่มุกแล้วลูบไล้ลงบนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนแต่งหน้า 

สำหรับการบำรุงในตอนกลางคืน หลังบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงแล้ว
 ใช้มาส์กครีมพอกไว้ที่ใบหน้าเสมือนใช้มาส์กแผ่นทั่วไปบำรุงผิว
 หลังจากทิ้งไว้สักครู่ให้ใช้สำลีเช็ดออกโดยไม่ต้องล้างน้ำ ผิวจะรู้สึกเรียบเนียนและกระจ่างใส





KOHAKUHADA Cosmetic Cleansing Wash ขนาด 140 กรัม ราคา 350 บาท

ตัวนี้เป็นโฟมล้างหน้าที่ปราศจากน้ำหอม  สีผสม และ สารกันเสีย
สามารถใช้เป็น make up remover หรือ cleanser ได้ โดยใช้ปริมาณประมาณ 2 ซม. 
สำหรับการล้างเครื่องสำอาง หรือ 1 ซม. สำหรับการล้างหน้าปกติ 
ผสมเนื้อโฟมกับน้ำเล็กน้อยบนฝ่ามือ 
ใช้นิ้วนวดผลิตภัณฑ์ให้เกิดเป็นโฟมแล้วทำความสะอาดหน้าอย่างเบามือ 
จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด



ในส่วนของตรงนี้เป็นเพียงแค่การพรีวิวเท่านั้น ยังมิได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แต่อย่างใด
ถ้าใช้แล้วตัวไหนได้ผลอย่างไร จะแจ้งผลหลังใช้อีกทีจ้าา

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ https://www.facebook.com/kohakuhadathailand/?fref=ts




Create Date : 08 มกราคม 2559
Last Update : 8 มกราคม 2559 16:36:23 น.
Counter : 5918 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  

lepommz
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 287 คน [?]







 photo E2A0E070E270E190_zpsf35f0ca3.jpg Counter Start on 30 NOV. 2012
New Comments