รูปถ่ายจากเพื่อนใหม่






สวัสดีค่ะ พอดีวันนี้หยุดเลยว่างมีเวลาเช็คเมล์ โอ๊ะ โอ เพื่อนใหม่ที่เลขาฯ ได้มาจากการเดินทางส่งเมล์มาอวยพรปีใหม่กันหลายคนเลย อิอิ ช้ามากๆ เลย ที่เพิ่งเปิดเช็ค แต่ก็ดีใจที่เพื่อนเหล่านั้นยังคงระลึกถึงเรา และเราก็ยังระลึกถึงพวกเค้า

และเพื่อนใหม่อีกคนหนึ่งที่เป็นหนุ่มสวิสฯ ตาคนนี้เป็นนักบินค่ะ ของสายการบินในเอเชียสายหนึ่ง ก็เลยเอามาลงไว้ เป็นบันทึกประจำวันของเรา ว่าวันนี้เราได้รับเมล์จากเพื่อนใหม่คนนี้ค่ะ

ส่วนอีกคนจากหนุ่มญี่ปุ่น ที่เพิ่งเริ่มทำงาน ก็บ่นๆ มาว่างานหนัก แม้ว่าสิ้นปีก็ไม่ได้หยุด เพราะทำงานเป็น reporter ของ NHK ยุ่งจริงๆ แต่เลขาฯ กะพ่อหนุ่มน้อยคนนี้ ก็ติดต่อกันเสมอๆ แม้จะนานๆ ทีก็ตาม สนุกดีค่ะ กะเพื่อนใหม่ๆ

นักบินใน cockpitch



แอ๊คท่าถ่ายรูปเชียว






แล้วว่างๆ จะมาอัพบล็อคใหม่นะคะ







Create Date : 17 มกราคม 2551
Last Update : 17 มกราคม 2551 23:18:05 น.
Counter : 533 Pageviews.

0 comment
เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้








ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์มา และก็ได้ไอเดียว่า จะนำมาลงเป็นบล็อครับปีใหม่
เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตค่ะ


เมื่อทรงพระเยาว์

1. ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2. นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
3. พระนาม”ภูมิพล”ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4. พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
5. ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6. ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่
โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า “H.H Bhummibol Mahidol”หมายเลขประจำตัว 449
7. ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า”แม่”
8. สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9. แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผัก
มาปลูกเพิ่ม
10. สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้ง
หนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
11. สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า”บ๊อบบี้”
12. ทรงฉลองพระเนตร (แว่นสายตา) ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกต
เห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13. สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะ
ทรงต่อรอง 3 ที มากเกินไป 2ทีพอแล้ว
14. ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์ โดยระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทย
กับสมเด็จย่าเสมอ
15. ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก”การให้”โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า”กระป๋องคน
จน”หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก”เก็บภาษี”หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือน
สมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด
มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
16. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน
สมเด็จย่าก็ตอบว่า”ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก
ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน”
17. กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์
เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
18. ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง


พระอัจฉริยภาพ

19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก”การเล่น”สมัยพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่น
อะไร ต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระเชษฐาซื้อชิ้นส่วนวิทยุที
ละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
20. สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้
โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็น
จิ๊กซอว์
21. ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่
ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
22. ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300
ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
23. ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
24. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ”แสง
เทียน” จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
25. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรง
เกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลาย
เป็นเพลง”เราสู้”
26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วน
พระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวม
ทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง”นายอินทร์”และ”ติโต” ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่
พระมหาชนก ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
29. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคย
ได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น”กีฬา
ซีเกมส์”) ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่งตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับ
เข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้
เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
31. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกลเติม
อากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ “กังหันชัยพัฒนา” เมื่อปี 2536
32. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊ส
โซฮอล์, ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20ปีแล้ว
33. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วัน
ที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของ
ประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง


เรื่องส่วนพระองค์

34. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามา
ธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
35. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระ
บรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า”น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่า
จะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
36. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษก
สมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความใน
สมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
37. หลังอภิเษกสมรส ทรง”ฮันนีมูน”ที่หัวหิน
38. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม
2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
39. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
40. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำ
เป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
41. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยก
เว้น นาฬิกา
42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้าง
วัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
43. หลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏ
รอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
44. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า
แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์
แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยู่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่
ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง


งานของในหลวง

45. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
46. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง
(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
47. ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่
เข้าเฝ้าฯถวายงาน
48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมา
ถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็น
ดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน
49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่าง
ประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
50. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73 บาท ซึ่ง
ได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆ เติบโตเป็นโครงการพัฒนามา
จนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
51. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯ สวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯ ลงมา
อธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า
“ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูง
เหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
53. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5
ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้
เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน


ของทรงโปรด

54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย
56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
57. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระ
ตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
58. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
59. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศสของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
60. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที่ จส.100 ด้วย โดย
ใช้พระนามแฝง
61. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุก
ฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
62. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อ
ในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ
จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด
3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่อง
พยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
64. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกล
กังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว


รู้หรือไม่?

65. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
66. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า “นายหลวง” ภายหลัง
จึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
67. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
68. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆ ทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ
ของพระองค์ว่า “ทำราชการ”
69. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์
สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมี
อายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุข
ประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
70. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็น
แซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า”อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนัก
มาก ยกไม่ไหวหรอก”
71. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
72. หัวใจทรงเต้นไม่ปกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อ
ไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
73. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์
จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
74. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ
60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6 ล้านคน
75. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่า
เสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000
ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
76. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
77. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่ง
รวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด





ขอบคุณ forward mail ที่ทำให้อ่านข้อความดีๆ นี้ค่ะ





Create Date : 01 มกราคม 2551
Last Update : 1 มกราคม 2551 0:41:53 น.
Counter : 555 Pageviews.

3 comment
Orchesta with Janis Vakarelis & Hikotaro Yazaki
Yesternight, I got free concert ticket for BSO (Bangkok Symphony Orchesta by Hikotaro Yazaki and Janis Vakareles (Piano) from Cherry; my friend.

It was one I interested to see but I'd forgot to find out ticket but finally I was able to attend.

Prince Siriwanwaree had joined this concert too then the concert staffs had tried to ask us to find the seat early.

There were 3 nice songs, starting with the Forest Dance that I don't know about this song but I heard the a guy besides me tht it's inspired from the poliics.

The second song was the song I wanna listen; Rachmaninove : Piano Concerto No. 2, Op. 18 in C Minor. Janis is the solo artist. He's very great. We clapped our hands till he had to paly Encore.

Afterthat it's the Intermission for 15 minutes.

And the last song is Petrouchka by Stravinsky.

It's very big and full symphony band. and worth to attend. ^_^



Create Date : 07 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2550 16:46:04 น.
Counter : 472 Pageviews.

0 comment
Orchresta “HOMAGE TO HIS MAJESTY”
Orchresta “HOMAGE TO HIS MAJESTY”


LOVE LIGHT IN THAIS' HEART”


ได้มีโอกาสได้ไปเสพดนตรีที่ความท่วงทำนองไพเราะ (เพลงอื่นๆ ก็เพราะนะคะ แต่แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคนไป) งานที่เป็นส่วนหนึ่งของงานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐

ด้วยความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งนานาประเทศ ที่ร่วมส่งการแสดงเพื่อน้อมเฉลิมพระเกียรติองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชา พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย ในโครงการที่ว่า

“เอกศิลปินน้อมในถวายพระพรชัย”


โครงการนี้ เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่เลขาฯ เพิ่งจะได้สนใจหลังจากดูซีรี่ส์ญี่ปุ่นเรื่องนึง แต่ก็นับเป็นแรงผลักดันที่ดีมาก ทำให้ได้ซึมซับดนตรีในอีกแนวนึง ที่ไม่คิดว่า ตัวเองจะฟังได้ และชื่นชอบ

“คีตราชนิพนธ์ ดนตรีในดวงใจ”


แต่คอนเสิร์ตครั้งนี้ออกจะพิเศษตรงที่เป็นการบรรเลงของวงออเครสต้า Bangkok Symphony Orchresta ที่อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์มาแสดง
เพลงประราชนิพนธ์หลากหลายของในหลวงท่านนั้น เลขาฯ เองก็ชื่นชอบมาฟังเสมอมา แถมบางเพลงยังร้องได้ และออกจะเป็น My Favorite Songs ด้วยซ้ำไป

คอนเสิร์ตวันนี้ต้องขอบอกว่า “สุดยอด” มากค่ะ หลายๆ อย่างมาผสมกลมกลืนกัน เพื่อบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่า ทั้งวง BSO ที่มีวาทยากรอย่าง Mr. Ward Stare วาทยากรหนุ่ม รูปหล่อ แถมด้วยรอยยิ้มหวานๆ (อ้าว เลขาฯ เทอไปดูไรเนี่ย) วง Quardtet และวง Quintet ที่เล่นแนวแจ๊ส ของ ดร. เด่น อยู่ประเสิรฐ

เปิดการแสดงด้วย “แผ่นดินของเรา” เพลงที่เลขาฯ ฟังที่ไร รู้สึกถึงอารมณ์คิดถึงบ้านขึ้นมาทุกทีค่ะ

ต่อด้วยการไวโอลินเดี่ยวพร้อมวง ในเพลง “Dream of Love, Dream of You” โดย Mr. Wolfgung David ที่เดี่ยวได้หวานเหมือนอยู่ในความฝันจริงๆ ค่ะ

และครั้งนี้ได้มีโอกาสชื่นชมไวโอลินเก่าแก่เกือบ 300 ปี ที่เดี่ยวนำโดย Mr. Wolfgung David ที่ให้อารมณ์ของเพลงอย่างยอดเยี่ยม เสียงไวโอลินก็นุ่มสมกับเป็นไวโอลินเก่าแก่ โดยAustrian National Bank เป็นผู้ให้ Mr. David ยืมเพื่อใช้ในการแสดงค่ะ

มีการเดี่ยวเปียโนนำของนักเปียโนสาวไทย ณิชาพัชร วลัยพัชรา ในชุดต่อมา Kinnari Suite

แล้วก็เป็นวง Oboe และ Quardtet บรรเลงเพลง “ค่ำแล้ว” ซึ่งเป็นเพลงกล่อมนอน ชวนเคลิ้มหลับจริงๆ ค่ะ

แล้ว Mr. David ก็ออกมานำเดี่ยวไวโอลิน อีก ๒ เพลงรวดค่ะ ในเพลง “Somewhre, Somehow” และ เพลง “No Moon” ก่อนที่จะพักการแสดง

มากลับจากพัก ก็จะมีวง Quintet ของ ดร.เด่นมาตั้งเด่นหน้าวง BSO แล้วก็บรรเลงเพลง “มหาจุฬาลงกรณ์” อันเป็นเพลงประจำสถาบันของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเพลง "แสงเทียน” ที่ให้อารมณ์เพลงแจ๊สสนุกสนาน (ตรงนี้ สงสารนักดนตรีออเครสต้ามากๆ ค่ะ มานั่งอยู่ทำไมเนี่ย ไม่ได้เล่น) แต่ผู้เป่าแซ็กซ์ กะทรัมเป็ต ก็สุดยอดจิงๆ ค่ะ แซ็กซ์ดูเก๋า และขลังมากเลยค่ะ

เพลงต่อมามีการขับร้องด้วย โดย คุณสุรุจ ปรีดารัตน์ พลังเสียงมหัศจรรย์มากค่ะ ในเพลง “สายฝน” ซึ่งเป็นการบรรเลงผสมผสานระหว่างวงออเครสต้าและวงควินเท็ด

แล้วก็มาเพลง “ยามเย็น” และ “ศุกร์สัญลักษณ์” ที่ในหลวงทรงแต่งสำหรับการเล่นกับวิทยุ อส. ทุกเย็นวันศุกร์ ตรงนี้ออกแนวแจ๊สกะบลูค่ะ มือกลองชุดมันส์มาก ไม่ได้ยินเสียงเครื่องสายของออเครสต้าที่เล่นสนับสนุนให้เลย
เลขาฯ ออกจะหงุดหงิดกับเสียงกลองชุดของวง Quintet ที่ตีแรงและดังไป แถมมีไมค์อีกตะหาก ทำให้กลบเสียงเครื่องสายของวงออเครสต้าที่เล่นสนับสนุนให้ เข้าใจว่าแจ๊ส สามารถมันส์ในอารมณ์ได้ แต่ว่า ตอนนั้นมันคือการผสมผสานอ่ะ และแถมกลองชุดมาอยู่ด้านหน้าวง BSO อีก ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ว่าจะดังกว่าเขาอยู่แล้ว

ต่อมาเป็นเพลง “แว่ว” ที่ได้ คุณสุรุจ มาขับกล่อมอีกครั้ง ตามด้วย เพลง “เกาะในฝัน” โดย มิ้นท์ จิรวดี เพลง “Still in My Mind” โดย คุณวิทูร ศิลาอ่อน และเพลง “Old Fashion Melody” โดย คุณรัดเกล้า

ทั้ง ๔ บทเพลงข้างต้น เป็นเพลงที่ในหลวงของเราทรงประพันธ์ทั้งเนื้อร้องภาษาอังกฤษและทำนองค่ะ คราวนี้วง Quintet ไม่ได้เล่นด้วยแล้วค่ะ เลยฟังสบายๆ ใจไงก็ไม่รู้

ต่อมาเป็นเพลง ”When” ร้องกันหมดทั้ง ๔ เลยค่ะ แต่เพลงนี้เลขาฯ ไม่เคยได้ยิน สงสัยต้องไปรื้อแผ่นหม่ามี๊มาฟังเสียหน่อยค่ะ

เพลงสุดท้าย ยอดเยี่ยมมากค่ะ “ความฝันอันสูงสุด” โดยนักร้องทั้ง ๔ ท่าน ให้ความรู้สึกรักชาติ และอยากหวงแหนมันไว้ตราบนานเท่านานจริงๆ ค่ะ


พอจบก็มีการมอบช่อดอกไม้พระราชทานแก่ผู้เล่นและคณะค่ะ


งานนี้ต้องขอขอบพระคุณพี่สะไปร๊ท์ สดใสซาบซ่าจริงๆ ค่ะ ที่เป็นธุระเรื่องบัตรให้ เจ๊ยอดมากกกกกกก แต่แถว E ตรงกลางด้วยอ่ะ





*********************************************

I had a great chance to listent to the Orchresta Concert in the project of "A Tribute to The Supreme Artist by Great Artists of the World" - Homage to His Majesty, Love Light in Thais' Heart Concert at The Thailand Cultural Centre on last Sunday.

This was performed by Bangkok Symphomy Orchresta and conducted by Mr. Ward Stare.

It was the very good chance for me to hear and see the great violin that made almost 300 years by the good violin player, Mr. Wolfgung David.

The Royal composition songs by the King are aslo my favarite songs that I can sing with the vocalists. But some songs, I didn't heard it, then I have to find out more from my mom's cds.

Thank U, P'Sprte who gave me this great chance kha. U R Sugoiiii....







Create Date : 22 ตุลาคม 2550
Last Update : 22 ตุลาคม 2550 17:01:03 น.
Counter : 638 Pageviews.

1 comment
ออเครสต้า บัลเล่ต์ และเปียโนคอนเสิร์ต
เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา เจ๊ก้อยกริ๊งกร๊างมาชวนไปดูออเครสต้าจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็น หนึ่งในโปรเจ็คท์ดนตรีเฉลิมพระเกียรติองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ครบ แปดสิบพรรษา

ผลพวงในการเริ่มฟังเพลงคลาสสิค คงต้องยกความดีความชอบให้กับซีรี่ส์ญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า Nodame Contabile ตอนที่ตัดสินใจหนังเรื่องนี้มาดู เพราะความที่ชอบหนังญี่ปุ่นอยู่แล้ว และนางเอกเราก็รู้จักจากเรื่อง Pride และอ่านเรื่องย่อที่ท่าทางสนุก

แล้วก็ตัดสินใจไม่ผิด เพราะดูไปเกือบห้ารอบ (รอบที่ห้า ยังไม่จบดี เพราะมีเหตุว่าการงานยุ่งเหยิง และหนังในสต็อคอีกเพียบบบบบ)

การที่ดูละครเรื่องนี้ ทำให้เห็นความพยายามของนักดนตรี การขยันฝึกซ้อม และความพร้อมเพรียง รวมถึงคุณค่า ที่ดูจะมากกว่าเพลงในปัจจุบัน (แต่ก็ยังตัดใจจากคอนเสิร์ตนักร้องใหม่ๆ ไม่ขาดสักที) แต่การได้เริ่มลิ้มรสดนตรีดีๆ อย่างนี้ ก็นับเป็นก้าวที่ก้าวมาข้างหน้าแล้วนี่เนอะ

วันนั้นที่ไปชมออเครสต้า เป็นวันที่ ยี่สิบหก กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ความสัมพันธ์ครบร้อยยี่สิบปี ของไทยกะญี่ปุ่น นานดีเนอะ

ตอนแรกกลัวว่าจะหลับ แต่กลับไม่หลับเลย ใครที่ไม่เคยลองฟัง ลองไปหาฟังกันบ้างนะคะ


***********************************************************************************

บัลเล่ต์ร่วมสมัย กะบทประพันธ์เชคสเปียร์

A Mid-Summer Night Dream บทประพันธ์เรื่องนี้ เป็นวรรณกรรมของเชคสเปียร์ที่ค่อนข้างเสียดสีสังคมยุคนั้น และก็เคยได้ร้บเลือกมาสร้างภาพยนต์ไปแล้ว บางคนไปดูแล้วไม่เข้าใจ แต่ก็นั่นแหละ ยุคสมัยและวัฒนธรรมมันต่างกัน

คณะบัลเล่ต์ซูริคของสวิส นำมาแสดงผสมกับการเล่นละครเวที โดยมีฉากที่ใช้กระจกและเป็นลูกเล่นของการแสดงที่ทุ่มทุนดี คุ้มค่าที่เบี้ยวนัดอัมพวากะเจ๊ก้อย ไปดูกะบิ๊กและจ๋า

ชอบกลุ่มคนที่แสดงแบบละครเวที การโปรเจ็คท์เสียงดีมาก ดังก้องไปทั้งฮอลล์ โดยไม่ต้องใช้ไมค์ ผิดกะนักแสดงไทย ที่ห้องนิดเดียวก็ต้องใช้ไมค์เสียแล้ว สุดยอดค่ะ

ขอบคุณน้องบิ๊กที่อภินันทนาการบัตรมาให้นะจ๊ะ


***********************************************************************************

เปียโนคอนเสิร์ต

แชเมล์มาชวน ตอนแรกว่าจะไม่ไป คาดว่างานยุ่งมาก แต่เจ๊ก้อยก็บิ้วท์ซะก็เลยตัดสินใจไป แต่แล้วเจ๊ก็เบี้ยว เพราะไม่สบาย แต่ได้จอยมาเสียบแทน

ดีนะที่ตัดสินใจไป อย่างน้อยก็ได้พักผ่อนจากงานที่ยุ่งเหยิงมาฟังเพลงแบบสุนทรีย์กันบ้าง

แม้จะหลับไปบ้างบางช่วง (ก็เหนื่อยอ่ะ วิ่งวุ่นทั้งวัน โทรศัพท์ สามเครื่องดังไม่ได้ขาด) แต่ก็ถือว่าคุ้มกะสองร้อยบาทที่เสียไป แถมเป็นการทำบุญให้บ้านอุ่นรัก สำหรับเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อ HIV จากพ่อแม่อีก สองต่อเลย

ชอบน้องธีรนัยคนสุดท้ายที่สุด น้องเขาดูเป็นเด็ก nerd แต่ว่าเล่นเก่งและเทคนิคดี นิ้วเรียวยาว ตัวสูง (อิจฉาอ่ะ) แต่ก็จบด้วยความประทับใจ แถมตอนเบรคก็มีอาหารว่างที่หนับหนุนโดยผู้ปกครองของน้องๆ อีกด้วย ใจดีจังค่ะ ก็หวังว่าจะมีเด็กไทยเก่งๆ เพิ่มขึ้นอีก ไม่ว่าจะด้านไหนนะคะ




Create Date : 11 ตุลาคม 2550
Last Update : 11 ตุลาคม 2550 23:12:06 น.
Counter : 540 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

เลขาตัวซน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เลขาตัวซน ทำงานเป็นเลขาฯ
บวกความซนอันมีมาแต่กำเนิด
เป็นลูกสาวคนเล็ก แม้จะมีน้องชายหนึ่งหน่อ
เลยค่อนข้างเอาแต่ใจ ออกจะใจร้อนตามป๊ะป๋า
แต่ก็เป็นคนตรงและจริงใจนะ
ที่สำคัญเป็นคนรักอิสระอย่างแรง


อาจทำอะไรเหมือนเอาแต่ใจ
...แต่ไม่เคยไร้เหตุผล
ในบางเรื่องอาจไม่มีความอดทน
...แต่ไม่เคยเป็นคนอ่อนแอ
บางเวลาอาจท้อแท้
...แต่ไม่เคยยอมแพ้ต่อสิ่งใด
อาจจะเฉยชาเกินไป
...แต่ไม่เคยทรยศต่อความตั้งใจของตัวเอง
โดย เฉกชนม์




All Blog