• ฟุตบอล
• คอมพิวเตอร์

ตอนนี้ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า "ขาดลูคัสไป เหมือนขาดใจ" สถิติของเทพลูคิอัส ลงสนามในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 12 นัด โดยที่ทุกนัดออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมด ผลงานของทีมมีดังนี้     Liverpool 1 - 1 Sunderland        Arsenal 0 - 2 Liverpool     Liverpool 3 - 1 Bolton          Stoke 1 - 0 Liverpool   Tottenham 4 - 0 Liverpool     Liverpool 2 - 1 Wolves        Everton 0 - 2 Liverpool  ( เปลี่ยนตัวออก นาทีที่ 87 ตอนที่นำอยู่ 2-0 )     Liverpool 1 - 1 Man Utd ( เปลี่ยนตัวออก นาทีที่ 56 ตอนที่เสมอกัน 0-0 )  West Brom 0 - 2 Liverpool     Liverpool 0 - 0 Swansea        Chelsea 1 - 2 Liverpool     Liverpool 1 - 1 Man City                                                จำนวน  ชนะ  เสมอ แพ้  คะแนน  แต้มต่อนัด นัดที่มีลูคัสลงเป็นตัวจริง             12       6       4      2      22         1.83 นัดที่ไม่มีลูคัสลงเป็นตัวจริง          21      6       6      9      24         1.14 เฮ่ย! จะบอกว่าขาดลูคัสเหมือนขาดใจก็ไม่ผิดนักนะครับ เพราะถ้าพิจารณาจากเกม 12 เกมที่ลูคัสลงสนามแล้ว แตกต่างกับไม่มีลูคัสอย่างสิ้นเชิง  และที่สำคัญ 12 เกมที่ลูคัสลงสนามนั้น เป็นการเจอกับ 6 ใน 7 ทีมที่อันดับสูงกว่าหงส์แดงในตอนนี้เลยนะครับ ( แมนซิตี้ แมนยู เชลซี อาร์เซน่อล สเปอร์ส เอฟเวอร์ตัน ) และถ้าหาก 33 เกมที่ผ่านมาของลิเวอร์พูล ลูคัสลงสนามทุกนัด ลิเวอร์พูลคาดว่าจะมีคะแนนอยู่ที่ 33 x 1.83 = 60 คะแนน อยู่ในอันดับที่สี่ของตารางเลยทีเดียว ต่อไปมาดูสถิติการเสียประตูของทีมในยามที่มีลูคัสคอยช่วยคุมเกมรับกับตอนไม่มีลูคัสอยู่กันบ้างครับ                    จำนวนนัด      นาที         ได้    เสีย   เวลาที่เสียต่อประตู นัดที่มีลูคัส        12            1043        15     10           104.3 นัดที่ไม่มีลูคัส    21            1927         25     26            74.1 ขอย้ำอีกทีว่า 104.3 นาที ต่ิอการเสียหนึ่งประตู เป็นการลงสนามเจอกับทีมใหญ่ๆหลายนัดเลยนะครับ ทีนี้ทุกคนก็คงจะเชื่อกันแล้วว่า "ขาดลูคัสไป เหมือนขาดใจ" เป็นความจริงที่มิอาจปฎิเสธได้จริงๆครับ   Create Date : 11 เมษายน 2555     Last Update : 11 เมษายน 2555 21:12:04 น. Counter : 785 Pageviews.   1 comment Share Tweet

ทำไมอาร์เจนติน่าถึงไม่มีคนดำ? ในเกมฟุตบอล ประเทศจากทวีปอเมริกาใต้จะเป็นทีมที่มีศักยภาพสูงและผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก รอบลึกๆ ได้สม่ำเสมอและมีถีง 3 ประเทศที่ได้ครองแชมป์ฟุตบอลโลกในอดีต ถ้าสังเกตดูนักเตะแต่ละชาติมักจะมีคนสีผิวเข้มอยู่ในทีมแทบทุกชาติ ทำไมคนเชื้อสายแอฟริกาถึงมีตัวตนอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ต้องย้อนกลับศตวรรษที่ 15-16 สมัยที่เจ้าอาณานิคมอย่างสเปนและโปรตุเกสยังครองอำนาจ ทั้งสองชาติได้นำทาสผิวดำเข้ามาสู่ทวีปอเมริกาใต้ จนหลังยุคอาณานิยมทาสเหล่านี้ก็ยังตั้งรกรากอยู่ตามประเทศต่างๆ ในอเมริกาใต้ร่วมกับชาวพื้นเมืองอินเดียนที่อยู่มาตั้งแต่แรก และอดีตเจ้าอาณานิคมที่เป็นชาวยุโรปผิวขาว ผ่านมา 4 ศตวรรษทั้ง 3 ชนชาติได้ถ่ายโอนวัฒนธรรมและสิบทอดลูกหลานมาถึงทุกวันนี้ ทำให้การมีประชากรที่เกิดจากพ่อ-แม่เชื้อชาติต่างกันหรือลูกครึ่งเป็นสิ่ง ที่เกิดขึ้นได้ ทำให้เกิดคำศัพท์เฉพาะในเรื่องประชาชนที่เป็นลูกครึ่งในลาตินอเมริกา เช่น Mulatto ใช้เรียกลูกครึ่งคนผิวดำกับคนผิวขาว Zambo ใช้เรียกลูกครึ่งคนผิวดำกับคนอินเดียนพื้นเมือง และ Mestizoใช้เรียกลูกครึ่งคนอินเดียนพื้นเมืองกับคนผิวขาว เป็นต้น ลองนึกถึงหน้าของตำนานฟุตบอลอย่าง Diego Maradona และ Pele หรือ Adriana Lima นางแบบชื่อดัง ต่างมีความเป็นลูกครึ่งแบบลาตินอเมริกาอยู่ไม่มากก็น้อย เข้าเรื่องถึงคนเชื้อสายแอฟริกาในอาร์เจนตินา ทำไมอาร์เจนตินาถึงแทบไม่มีคนผิวดำหรือลูกครึ่งผิวดำอยู่เลยหรือน้อยมาก เทียบกับประเทศอื่นๆ การปฎิเสธการมีตัวตนของคนเชื้อสายแอฟริกาในอาร์เจนตินามีมาตั้งแต่ในต้น ศตวรรษที่ 19 ในอเมริกาใต้ ในอดีตอาร์เจนตินามีคนผิวดำอยู่เช่นกัน ทั้งหมดเป็นทาสจากแอฟริกาตะวันตก (คองโก, อังโกล่า, โมซัมบิค) ที่ถูกนำเข้ามาโดยสเปนเจ้าอาณานิคมของอาร์เจนติน่าในศตวรรษที่ 17 ทาสผิวดำถูกนำมาเป็นแรงงานในภาคเกษตรกรรมหรือการทำเหมืองแร่จนถึงปี 1853 จึงมีการประกาศเลิกทาส ในการสำรวจจำนวนประชากรในปี 1778 แสดงให้เห็นว่าในบัวโนส ไอเรส นครหลวงมีประชากรเชื้อสายแอฟริกาถึง 30% แต่ในปี 1887 เป็นต้นมามีการตัดประเภทประชากรเชื้อสายแอฟริกาออกจากการสำรวจจำนวนประชากร ซึ่งว่ากันว่ารัฐบาลในสมัยนั้นต้องการสร้างภาพอันบริสุทธิ์ของชาติพันธุ์ นั่นเหมือนบอกเป็นนัยว่าประชากรเชื้อสายแอฟริกาได้สาบสูญไปจากประวัติศาสตร์ ของอาร์เจนตินาแล้ว แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนเชื้อสายแอฟริกาในช่วงเวลานั้น สิ่งนั้นคือการลดจำนวนลงประชากรผิวดำในอาร์เจนติน่าอย่างมาก เนื่องจากในช่วงเวลาสงครามกลางเมืองกับปารากวัย (1865-1870) รัฐบาลก็ส่งประชากรผิวดำไปเป็นทหารเกือบทั้งหมดซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็สูญเสียกำลังพลไปค่อนข้างมาก และการเกิดโรคระบาด ไข้เหลืองในปี 1871 คร่าชิวิตผู้คนไปมากมาย รวมถึงประชาชนผิวสีซึ่งมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากอยู่แล้วก็ถูกปล่อยให้จับ กลุ่มอยู่ในสภาพที่ไม่มีสุขอนามัยที่ดีและไม่มีการเข้าช่วยเหลือ คนอาร์เจนติน่าเชื้อสายแอฟริกาบางส่วนก็อพยพไปสู่บราซิลและอุรุกวัยเพราะ ประเทศเหล่านั้นให้สิทธิในทางการเมืองที่ดีกว่า รวมถึงเข้ามาจากผู้อพยพชาวยุโรปผิวขาวอย่างมหาศาลในช่วงปี 1880 ถึง 1950 ตามนโยบายของรัฐบาลได้เพิ่มจำนวนประชากรชาวอาร์เจนติน่าขึ้นอีกเท่าตัว แต่ถ้าอ้างถึงบุคคลที่อิทธิพลอย่างสูงในการกวาดล้างชาวอาร์เจนติน่าเชื้อสาย แอฟริกาให้หมดไปนั้นก็คือ อดีตประธานาธิปดี Domingo Sarmiento ที่ครองอำนาจในช่วงปี 1868-1874 ท่านผู้นี้ผลักดันนโยบายทุกอย่างที่จะจำกัดสิทธิ์และผลักดันคนผิวสีออกจาก อาร์เจนติน่าให้หมดสิ้น เรียกได้ว่าใกล้เคียงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) แบบเยอรมันทำคนยิวก็คงได้ และท่านผู้นี้เองที่สั่งให้ ยกเลิกการสำรวจประชากรเฉพาะผิวดำในปี 1887 ซึ่งในเวลานั้นประชากรผิวดำในอาร์เจนติน่าลดลงเหลือเพียง 1.8% จากจำนวนประชากรทั้งหมด และประชากรเหล่านั้นจะไม่ได้ลงทะเบียนในสำมะโนประชากรอีกต่อไป แต่สิ่งตกทอดมาถึงชาวอาร์เจนติน่าในปัจจุบัน นั่นคือการเหยียดผิว ที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งเกิดขึ้นปกติธรรมดาในการดำเนินชิวิตของสังคมชาว อาร์เจนไตน์ไปแล้ว ยกตัวอย่างคำว่า "ไอ้ดำ", "ไอ้หัวดำ" ใช้เรียกคนมี่สถานะทางสังคมต่ำกว่าเช่น คนงาน โดยไม่เกี่ยวข้องกับสีผิวแม้แต่น้อย และการแสดงการเหยียดผิวอีกอย่างที่เรียกว่าอยู่ในเทอมเดียวกับการถูกเรียก ว่าไอ้ดำที่เห็นได้ในอาร์เจนติน่าคือ การเลือกปฎิบัติต่อคนที่มีเชื้อสายอินเดียนพื้นเมืองและคนเชื้อสายอื่นที่ อพยพเข้ามาอาศัยในอาร์เจนติน่า อีกหนึ่งการเหยียดผิวที่เกืดขึ้นเป็นประจำคือในสนามฟุตบอล การร้องเพลิงเชียร์ทีมหรือแซวทีมคู่แข่งมักมีการใส่ถ่อยคำดูถูกเชื้อชาติ อยู่ด้วย สุดท้าย ในประเทศที่ไม่ค่อยให้ความเสมอภาคเรื่องสีผิวอย่างอาร์เจนติน่า ก็ยังมีชุมชนชาวอาร์เจนติน่าเชื้อสายแอฟริกาหลงเหลืออยู่ และกลุ่มคนเหล่านี้ได้จัดตั้งเป็นองค์กรชื่อว่า "Africa Vive" นำโดย Maria Lamadrid ในปลายยุค 1990s เพื่อต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมต่อชาวอาร์เจนติน่าผิวสีที่ถูกเลือกปฎิบัต ิร่วมกับการแสดงตัวตนว่ากลุ่มคนเหล่านี้ยังคงมีอยู่และเป็นชาวอาร์เจนติน่า เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในประเทศ Maria มีชิวิตในวัยเด็กที่น่าเศร้า เกิดมาเป็นคนผิวสี ยากจน และได้รับการศีกษาน้อย สุดท้ายต้องมาลงเอยกับการเป็นแม่บ้าน อาชีพที่คนจนๆ ในอาร์เจนติน่าเขาทำกัน ในตลอดชีวิตที่ผ่านมา Maria ต้องเผชิญกับการเหยียดผิว อันที่จริงเมื่อเธอได้มีอากาศไปเที่ยวประเทศปานามาในปี 2002 เมื่อถึงจุดตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน เจ้าหน้าที่ขอดู passport ของเธอ บอกเธอว่านี่มัน passport ปลอม อีกทั้งยังยืนกรานกับเธออีกว่า "ที่อาร์เจนติน่าไม่มีคนผิวดำ" เป็นบทความที่ผมชอบครับ เอามาจากที่นี่ //cishyp.blogspot.com/2010/12/blog-post.html   Create Date : 21 พฤษภาคม 2554     Last Update : 10 พฤษภาคม 2556 17:46:45 น. Counter : 2944 Pageviews.   13 comment Share Tweet

เปรียบเทียบเงินรางวัลของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกกับถ้วยยูโรป้า ในฤดูกาลที่แล้ว อินเตอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ฟาดเงินไปอย่างมหาศาลอยู่ที่ 54 ล้านยูโร ขณะที่ บาเยิร์น ซึ่งเป็นรองแชมป์ ก็ฟาดเงินไปไม่น้อยเช่นเดียวกันอยู่ที่ 47 ล้านยูโร ขณะที่แชมป์ยูโรป้าลีกอย่าง แอตเลติโก มาดริด ที่ได้ลงแข่งทั้งสองรายการ ได้รับเงินรางวัลจากถ้วยใหญ่ไป 15.3 ล้านยูโร และได้เงินรางวัลจากถ้วยเล็กไป 6.5 ล้านยูโร รวมเบ็ดเสร็จ 21.8 ล้านยูโร ขณะที่รองแชมป์ ฟูแล่ม ได้รับเงินจากถ้วยเล็กเพียวๆไปเพียง 10.6 ล้านยูโร เงินรางวัลที่ได้จากการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรป จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.เงินรางวัลจากผลงานของทีม 2.เงินรางวัลจากการถ่ายทอดสดทางทีวี เริ่มจากเงินรางวัลที่ได้จากผลงานของทีมก่อนครับ ... << UEFA Champions League >> ได้เข้ารอบแบ่งกลุ่ม รับไปก่อน 3.8 ล้านยูโร แข่งแต่ละนัด จะได้นัดละ 550,000 ยูโร รวมทั้งหมด 6 นัด จะได้ไป 3.3 ล้านยูโร สรุป เข้ารอบแบ่งกลุ่มจะได้รับเงินอย่างต่ำที่สุดคือ 7.1 ล้านยูโร [ โบนัส ] ชนะในแต่ละนัด รับไป 800,000 ยูโร เสมอในแต่ละนัด รับไป 400,000 ยูโร เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย รับเพิ่มไปอีก 3 ล้านยูโร เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย รับเพิ่มไปอีก 3.3 ล้านยูโร เข้ารอบรองชนะเลิศ รับเพิ่มไปอีก 4 ล้านยูโร เข้ารอบชิงชนะเลิศ รับเพิ่มไปอีก 5.2 ล้านยูโร ได้แชมป์ รับเพิ่มไปอีก 3.8 ล้านยูโร ทำให้ทีมที่เป็นแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว อินเตอร์ รับไปจากส่วนนี้ถึง 29 ล้านยูโร << UEFA Europa League >> ได้เข้ารอบแบ่งกลุ่ม รับไปก่อน 600,000 ยูโร แข่งแต่ละนัด จะได้นัดละ 50,000 ยูโร รวมทั้งหมด 6 นัด จะได้ไป 300,000 ยูโร สรุป เข้ารอบแบ่งกลุ่มจะได้รับเงินอย่างต่ำที่สุดคือ 900,000 ยูโร [ โบนัส ] ชนะในแต่ละนัด รับไป 120,000 ยูโร เสมอในแต่ละนัด รับไป 60,000 ยูโร เข้ารอบ 32 ทีมสุดท้าย รับเพิ่มไปอีก 180,000 ยูโร เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย รับเพิ่มไปอีก 270,000 ยูโร เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย รับเพิ่มไปอีก 360,000 ยูโร เข้ารอบรองชนะเลิศ รับเพิ่มไปอีก 630,000 ยูโร เข้ารอบชิงชนะเลิศ รับเพิ่มไปอีก 2 ล้านยูโร ได้แชมป์ รับเพิ่มไปอีก 1 ล้านยูโร ทีมที่เป็นแชมป์ จะได้รับเงินจากส่วนนี้ประมาณ 6 ล้านยูโร ถ้าดูเฉพาะเงินรางวัลที่ได้จากการทำผลงานของทีม จะเห็นได้ว่า ตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกได้เงินรางวัลมากกว่าเป็นแชมป์ยูโรป้าลีกอีกครับ   Create Date : 02 พฤษภาคม 2554     Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 14:07:12 น. Counter : 5846 Pageviews.   0 comment Share Tweet

การคิดคะแนนสัมประสิทธิ์ของยูฟ่า ในการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกและฟุตบอลยูโรป้าลีกในแต่ละรอบนั้น จะต้องมีการจัดทีมวางเอาไว้ เพื่อไม่ให้ทีมใหญ่ๆได้เจอกันเองตั้งแต่รอบแรกๆ ซึ่งการเลือกทีมวางนั้น ทางยูฟ่าจะพิจารณาจากผลงานการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปทั้ง 2 ถ้วยที่ว่าไป โดยจะนับเฉพาะผลงานใน 5 ฤดูกาลล่าสุด และคิดคะแนนออกมาซึ่งเรียกว่า "ค่าสัมประสิทธิ์" การคิดค่าสัมประสิทธิ์ของสโมสร คะแนนจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ผลงานเฉลี่ยของทีมที่มาจากลีกเดียวกัน 2.ผลงานของสโมสรนั้น จะเห็นว่าฤดูกาล 09-10 สเปอร์สไม่ได้แข่งฟุตบอลถ้วยยุโรป แต่ว่ามีค่าสัมประสิทธิ์อยู่ 3.585 ซึ่งนั่นมาจากผลงานของทีมอื่นๆในลีกที่มีสิทธิ์ลงแข่งฟุตบอลถ้วยยุโรป ( 3.585 คิดยังไง ผมก็ยังไม่ได้หาคำตอบครับ ) ส่วนวิธีการคิดค่าสัมประสิทธิ์ของสโมสรนั้นเพียวๆ ขอแยกออกเป็น 2 กลุ่มครับ กลุ่มแรก ทีมที่ได้ลงเล่นในถ้วย UEFA Champions League << คะแนนทั่วไป >> ตกรอบคัดเลือกรอบแรกได้ 0.5 คะแนน ตกรอบคัดเลือกรอบสองได้ 1 คะแนน ตกรอบคัดเลือกรอบสามและรอบเพลย์ออฟ จะได้รับสิทธิ์ในการแข่งขัน UEFA Europa League และคิดคะแนนจากถ้วยนั้นแทน ชนะแต่ละนัดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นไป ได้นัดละ 2 คะแนน เสมอแต่ละนัดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นไป ได้นัดละ 1 คะแนน ** ถ้าเป็นรอบน็อกเอาท์จะไม่นับในช่วงต่อเวลา ** << คะแนนโบนัส >> เข้ารอบแบ่งกลุ่ม +4 คะแนน เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย +5 คะแนน เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย +1 คะแนน เข้ารอบรองชนะเลิศ +1 คะแนน เข้ารอบชิงชนะเลิศ +1 คะแนน ขอยกตัวอย่างทีมขวัญใจมหาชนอย่างแมนยูละกัน 1.ผลงานเฉลี่ยของทีมที่มาจากลีกเดียวกัน 3.585 คะแนน 2.ผลงานของสโมสรนั้น - เข้ารอบแบ่งกลุ่ม ได้ไป 4 คะแนน - ในรอบแบ่งกลุ่ม ชนะ 4 เสมอ 1 ได้ไป 9 คะแนน - เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ไป 5 คะแนน - ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะมิลานทั้งเหย้าเยือน ได้ไป 4 คะแนน - เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ได้ไป 1 คะแนน - ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ชนะบาเยิร์นในบ้าน ได้ไป 2 คะแนน รวมคะแนนเบ็ดเสร็จ ได้ไป 28.585 คะแนน กลุ่มสอง ทีมที่ได้ลงเล่นในถ้วย UEFA Europa League << คะแนนทั่วไป >> ตกรอบคัดเลือกรอบแรกได้ 0.25 คะแนน ตกรอบคัดเลือกรอบสองได้ 0.5 คะแนน ตกรอบคัดเลือกรอบสามได้ 1 คะแนน ตกรอบเพลย์ออฟได้ 1.5 คะแนน ชนะแต่ละนัดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นไป ได้นัดละ 2 คะแนน เสมอแต่ละนัดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นไป ได้นัดละ 1 คะแนน ** ถ้าเป็นรอบน็อกเอาท์จะไม่นับในช่วงต่อเวลา ** *** ไม่ว่าทีมที่ตกรอบแบ่งกลุ่มจะเก็บคะแนนได้น้อยแค่ไหน แต่ก็จะมีแต้มการันตีคือคะแนน 2 คะแนน เพื่อจะได้ไม่น้อยกว่าทีมที่ตกรอบเพลย์ออฟ *** <<คะแนนโบนัส >> เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย +1 คะแนน เข้ารอบรองชนะเลิศ +1 คะแนน เข้ารอบชิงชนะเลิศ +1 คะแนน ขอยกตัวอย่างทีมที่มีความเชื่ออย่างลิเวอร์พูลละกัน ยกตัวอย่างทีมเดียวได้ทั้ง 2 ถ้วยเลย เจ๋งมั้ยล่ะ ! 1.ผลงานเฉลี่ยของทีมที่มาจากลีกเดียวกัน 3.585 คะแนน 2.ผลงานของสโมสรนั้น คิดแบบกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก - เข้ารอบแบ่งกลุ่มได้ไป 4 คะแนน - ในรอบแบ่งกลุ่ม ชนะ 2 เสมอ 1 ได้ไป 5 คะแนน คิดแบบกลุ่มยูโรป้าลีก - ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย ชนะยูนิเรียทั้งเหย้าเยือน ได้ไป 4 คะแนน - ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะลีลล์ในบ้าน ได้ไป 2 คะแนน - เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ได้ไป 1 คะแนน - ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ชนะเบนฟิก้าในบ้าน ได้ไป 2 คะแนน - เข้ารอบรองชนะเลิศ ได้ไป 1 คะแนน - ในรอบรองชนะเลิศ ชนะแอตเลติโกในบ้าน ได้ไป 2 คะแนน รวมคะแนนเบ็ดเสร็จ ได้ไป 24.585 คะแนน   Create Date : 29 เมษายน 2554     Last Update : 29 เมษายน 2554 20:03:41 น. Counter : 4160 Pageviews.   2 comment Share Tweet

Football Manager 2005 เกมนี้เป็นเกมแนวฟุตบอลที่ผมเล่นเป็นเกมแรกครับ ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่าเป็นเกมแรกที่เล่นอย่างจริงๆจังๆมากกว่า ถ้าก่อนหน้านั้นก็เป็นเกมพวก FIFA , Pro Evolution Soccer , Total Club Manager ภาคที่ออกมาประมาณปี 2004 ตอนนั้นก็เพิ่งจะเริ่มดูบอลไปด้วยครับ พอมาเล่นเกมนี้ทุกอย่างเลยลงตัว .. ประโยจน์จากการเล่นเกมนี้ ใครว่าไม่มีล่ะ มีหลายข้อเลย 1.ฝึกภาษาอังกฤษ ในกรณีที่ไม่เล่นเวอร์ชันภาษาไทยนะครับ 2.รู้จักทีมฟุตบอลมากขึ้น นักฟุตบอลมากขึ้น 3.ใช้เวลาว่างไม่ให้เกิดประโยชน์ ( ยังไงกันแน่วะเนี่ย ) ด่อไปจะพูดถึงรายละเอียดของเกมนี้ครับ สำนักข่าวอีนิวส์ –Sports Interactive เมื่อเอ่ยถึงทีมงานนี้ก็ต้องนึกถึงเกมวางแผนฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก นั่นคือ CM หรือ Champion Manager แต่เมื่อทาง SI ได้แยกทางใส่คอนเวิร์ทกับ Eidos แล้วก็เลยหันมาพัฒนาเกมโดยใช้เอนจิ้นของ CM แต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น Football Manager 2005 และทาง Eidos ก็ได้ชื่อ CM ไปผลิตเกมแนวเดียวกันนี้เช่นกันแต่ไม่ดัง โดยล่าสุดทาง SI ได้ออกเดโมของเกมผู้จัดการทีมบอลภาคใหม่นั่นคือ Football Manager 2006 หรือ FM2006 ตัวเกม FM2006 นั้นได้ทางค่าย Sega มาช่วยขายอีกที และตอนนี้มีข่าวดีมากๆ สำหรับผู้ที่เป็นสาวกเกมผู้จัดการทีมฟุตบอล เพราะมีตัวเดโมให้โหลดกันแล้ว และค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว โดยตัวเดโมนี้มีให้เลือกหลายเวอร์ชันมากครับ ก็เลือกดูตามความสามารถในการดาวน์โหลดข้อมูลของคุณละกัน สำหรับภาคนี้หากคุณๆ คิดว่าตัวเกมก็คงไม่ต่างจากภาคที่แล้วล่ะก็คิดผิด เพราะตัวเกมได้เพิ่มเติมส่วนใหม่ๆ เข้าไปเพียบเลย ตอนนี้ได้รับการเปิดเผยมาแล้วว่าคุณจะมีนักเตะให้เลือกถึง 275,000 คน และทีมงาน Staff ให้เลือกอีก 277,385 พร้อมทีมฟุตบอลจากทั่วโลกมากถึง 5,000 ทีม ให้คุณเลือกกุมบังเหียนใน 50 ลีกด้วยกัน มันเยอะมากเลยนะเนี่ย ระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือคุณสามารถใช้งานเมนูต่างๆ ในเกมได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว คุณสามารถค้นหานักเตะที่อัดแน่นอยู่ในเกมได้โดยใช้เวลาน้อยนิด ระบบการโหลดในเกมก็เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก และถ้าหากคุณเป็นผู้จัดการทีมมือใหม่ และเพิ่งเคยสัมผัสเกมในชุดนี้ ตัวเกมก็ยังมี Tutorial หรือมีประโยคบรรยายให้คุณได้เข้าใจกับคำสั่ง และสถานะต่างๆ ของเกมได้อย่างง่ายดาย คุณจะพบกับรูปแบบของการวางหน้ากราฟิกเมนูใหม่ ที่จะทำให้คุณไม่เบื่อกับการมานั่งดูค่าความสามารถต่างๆ ของนักเตะ หรือข้อมูลอื่นๆ ของนักเตะ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบค่าความสามารถของนักเตะได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย และยิ่งภาคนี้มีการเพิ่มข้อมูลนักเตะที่ละเอียดขึ้น เช่น ส่วนสูงและน้ำหนัก หรือคุณจะตรวจสอบสถานะทางการเงินของทีม หรือดูข้อมูลต่างๆ ของทีมก็สามารถทำได้ง่าย และไม่ยุ่งยาก โดยคุณจะเข้าใจค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายมาก การสร้างแทคติคหรือการเปลี่ยนระบบการเล่น หรือวางแผนการเล่นทำได้ดีขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แถมยังละเอียดกว่าเดิมโดยคุณสามารถเข้าไปสั่งการนักเตะได้เป็นรายตัวเลยทีเดียว ทางด้านกราฟิก 2D หรือ 2D Pitch ในเกมนี้ถูกทำขึ้นมาใหม่โดยมีการเพิ่มในส่วนของซุ้มม้านั่งสำรองเข้าไปด้วย พร้อมกันนี้ยังใส่รายละเอียดเช่นเครื่องหมายผู้เล่นบาดเจ็บไว้ที่ตัวนักเตะที่เจ็บ เพื่อบอกสถานภาพของนักเตะในเวลานั้นด้วยนอกจากนี้การเซฟเกมนั้นไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะกินพื้นที่มากมายมหาศาล ตัวเกมนั้นจัดเก็บเซฟเกมที่มีขนาดเล็กกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ช่วงพักครึ่งเวลาคุณยังสวมได้สวมบทบาทกระตุ้นลูกทีม หรือจะสวมบทโหดแบบท่านเซอร์เฟอร์กี้ก็ได้ ไม่ว่ากัน พร้อมกันนี้ตัวเกมมาพร้อมสกินใหม่ 2 แบบ คือ Chameleon และ Cappuccino ที่ต้องขอบคุณทางด้านนาย Kev Radestock และ Gavin Thomson ที่สร้างมันขึ้นมา พ่อสองหน่อนี้เป็นแฟนเกม FM ตัวยง ตัวเกมนั้นมีกำหนดวางจำหน่ายหลายระบบ ตั้งแต่ Xbox360, PSP, MAC และ PC โดยของระบบ PC และ MAC จะวางตลาดให้เล่นกันแบบเต็มๆ ในวันที่ 4 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้แล้ว อ้างอิงจากเว็บนี้ : //www.projector.co.th/itnews/movement.asp?id=3736&cid=4&search= แต่ประเด็นสำคัญที่ผมจะพูดถึงก็คือ datdabase ( ฐานข้อมูลของเกมนี้ ) เป็นอะไรที่สุดยอดมากครับ ประเมินความสามารถของนักฟุตบอลออกมาเป็นค่าพลัง และสามารถบอกได้ว่านักฟุตบอลคนนี้ในอนาคตจะเก่งหรือไม่ นักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของโลกที่อายุไม่มากก็มีหลายคนครับ เช่น Fernando Torres , Robinho , Cristiano Ronaldo , Zlatan Ibrahimovic , Wayne Rooney ล้วนแต่เป็นพวกที่ดังตั้งแต่อายุยังน้อยครับ ไม่แปลกที่ FM จะใส่ค่าพลังได้แม่นยำตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็มีนักเตะหลายคนที่อยู่กับทีมสโมสรที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก และไม่ได้มีชื่อเสียงมาก แต่ว่าเกมนี้ได้มองเห็นศักยภาพของคนๆนั้นที่จะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหนได้ เช่น Vincent Kompany , Igor Akinfeev Link Download ( FM 2005 Full ) : //forumcmmaster.forumcommunity.net/?t=2069695   Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2553     Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2553 18:25:59 น. Counter : 3696 Pageviews.   0 comment Share Tweet

ค้นหาเพลง

• Hermy
• Webmaster - BlogGang

• เว็บไซด์ดูบอล
• เว็บบอร์ดเกม FM
• BlogGang.com