1983 & 1984 กำเนิดเจ็ดสุดยอดนักเตะทัพอัศวินสีส้ม [2]
ต่อจากตอนที่แล้วครับ มาติดตามชมเจ็ดสุดยอดนักเตะของฮอลแลนด์กันต่อครับ
คนที่ 5 : อาร์เยน ร็อบเบน
Arjen Robben | | Date of Birth: | Jan 23, 1984 (Age 29) | Place of Birth: | Bedum | Nationality: | Netherlands | Height: | 183 cm. | Weight: | 75 Kg. | Position: | Midfielder | อาร์เยน ร็อบเบน ปีกที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นปีกที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดคนหนึ่งของโลก ร็อบเบนเริ่มต้นการค้าแข้งด้วยการเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสรโกรนิงเก้น โดยเขาติดทีมชุดใหญ่ของโกรนิงเก้นในฤดูกาล 1999-2000 แต่ได้ลงสนามครั้งแรกในปลายปี 2000 ในวัยเพียง 16 ปี ในฤดูกาลแรกแบบเต็มตัวของร็อบเบนกับโกรนิงเก้น เขาทำประตูได้ถึง 6 ลูก ทั้งๆที่เล่นในตำแหน่งปีก จนกระทั้งแมวมองสโมสรพีเอสวี เห็นแววในตัวเขา ดึงไปร่วมทีมในฤดูกาล 2002-2003
ร็อบเบนแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เขาทำประตูได้ถึง 12 ประตูในฤดูกาลแรกที่ย้ายมา จนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมร่วม ( PSV co-player of the year ) ร่วมกับ มาเตย่า เคซมัน ในฤดูกาลนั้น จนในที่สุด ฤดูกาล 2004-2005 เขาจึงได้ย้ายไปร่วมทีมสโมสรดังในยุโรป โดยเริ่มต้นจากเชลซี เขาทำผลงานได้อย่างสุดยอดในอังกฤษ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บ ทำให้เขาได้เล่นไม่สม่ำเสมอเท่่าไรนัก จากนั้นเขาได้ย้ายไป รีล มาดริด และตามด้วย บาเยิร์น มิวเนิค คือสโมสรล่าสุดของเขา
สไตล์การเล่นของร็อบเบน เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของปีกในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เขามีคุณสมบัติครบทุกข้อที่ปีกในยุคนี้ต้องมี ประกอบด้วย สกิลการเลี้ยงบอลขั้นเทพ ความเร็วสูง ยิงไกลหรือทำประตูได้ และแน่นอนว่าหนึ่งในโค้ชที่ทำให้เขาประสปความสำเร็จได้ในทุกวันนี้ก็คือ โฆเซ่ มูริณโญ่ ที่สามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ ร็อบเบนถนัดเท้าซ้าย แต่มูริณโญ่จับร็อบเบนไปในตำแหน่งปีกขวา และให้เลี้ยงตัดมาเพื่อสอดเขามาทำประตู ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของปีกในยุคปัจจุบันนั่นเอง
คนที่ 6 : คลาส แยน ฮุนเตลาร์
Klaas-Jan Huntelaar | | Nickname: | The Hunter | Date of Birth: | Aug 12, 1983 (Age 29) | Place of Birth: | Drempt | Nationality: | Netherlands | Height: | 186 cm. | Weight: | 78 Kg. | Position: | Striker | คลาส แยน ฮุนเตลาร์ เริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอล ด้วยการเป็นนักฟุตบอลฝึกหัดของสโมสร เดอ กราฟชาป ในวัยเพียง 11 ขวบ โดยในช่วงแรกนั้นเขาลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย จากนั้นจึงโยกมาเล่นตำแหน่งกองหน้าเต็มตัว และทำประตูได้มากมายในลีกเยาวชน จนทำให้เขาได้ย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ด้วยวัยเพียง 17 ปี
ฮุนเตลาร์ไม่สามารถแจ้งเกิดกับสโมสรพีเอสวีได้ ตลอดเวลา 2 ปีของเขากับสโมสรนี้ เขาถูกปล่อยยืมตัวออกไปหาประสปการณ์กับทีมเล็กๆทั้งสองฤดูกาล จนในที่สุดฤดูกาล 2004-2005 ฮุนเตล่าร์ได้ย้ายไปร่วมทีมฮีเรนวีน ซึ่งเป็นสโมสรที่แจ้งเกิดของเขาได้อย่างเต็มตัว ก่อนที่เขาจะถูกสโมสรยักษ์ใหญ่ของประเทศอีกทีมอย่าง อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม คว้าตัวเขาไปร่วมทีมหลังจากนั้นอีก 2 ฤดูกาล ถัดจากสโมสรอาแจ๊กซ์ ก็เป็น รีล มาดริด , เอซี มิลาน และก็เป็น ชาลเก้ ที่เป็นสถานีสุดท้าย ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดพีคที่สุดของอาชีพการค้าแข่งของฮุนเตล่าร์ ซึ่งฮุนเตลาร์ได้เป็นดาวซัลโวของบุนเดสลีกาในฤดูกาล 2011-2012 อีกด้วย
ด้วยความที่เป็นกองหน้าที่มีจุดเด่นอยู่ที่การจบสกอร์ สไตล์การเล่นของเขา ถูกนำไปเปรียบเทียบกับนักเตะรุ่นพี่อย่าง รุด ฟานนิสเตลรอย และ มาร์โก ฟานบาสเท่น ฮุนเตลาร์เป็นกองหน้าที่มีสามารถทำประตูได้ทั้งเท้าซ้าย เท้าขวา รวมทั้งลูกกลางอากาศก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เขามักจะอยู่ถูกที่ถูกทางอยู่เสมอ แต่ข้อเสียของฮุนเตลาร์ก็คือ เขาเป็นกองหน้าที่รอปิดบัญชีอยู่เพียงหน้าปากประตูคู่แข่งเท่านั้น ไม่สามารถที่จะพาบอล หรือสร้างสรรค์เกมด้วยตัวคนเดียวได้
คนที่ 7 : โรบิน ฟานเพอร์ซี่ย์
Robin van Persie | | Date of Birth: | Aug 6, 1983 (Age 29) | Place of Birth: | Rotterdam | Nationality: | Netherlands | Height: | 183 cm. | Weight: | 71 Kg. | Position: | Striker | โรบิน ฟานเพอร์ซี่ย์ เป็นนักเตะของสโมสร เอ็กเซลซีออร์ ตั้งแต่วัยอนุบาล 5 ขวบเท่านั้น จากนั้นอายุ 15 ปี เขาได้ย้ายไปร่วมทัพเฟเยนูร์ด ซึ่งฟานเพอร์ซี่ย์ก็ทำผลงานได้น่าพอใจกับทีมเยาวชนของสโมสรเฟเยนูร์ด จนในที่สุดช่วงปลายฤดูกาล 2001-2002 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ฟานเพอร์ซี่ย์ได้ขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของเฟเยนูรด์ได้สำเร็จ แต่ประตูแรกที่เขาทำได้ในทีมชุดใหญ่นั้นก็ต้องรอไปถึงฤดูกาล 2002-2003 ซึ่งเป็นปีที่เขาแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวกับสโมสรแห่งนี้ ฟานเพอร์ซี่ย์ได้ลงสนามไปทั้งสิ้น 28 นัด ทำไปได้ 9 ประตู
ฟานเพอร์ซี่ย์ ได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของเฟเยนูร์ดได้เพียงสองฤดูกาล ความสามารถของเขาก็ไปเข้าตาแมวมองของสโมสรอาร์เซน่อล อาร์แซน เวนเกอร์ คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในวัยเพียง 20 ปี ด้วยค่าตัว 2.75 ล้านยูโร โดยในช่วง 6 ปีแรกของเขากับอาร์เซน่อล เขารับบทเป็นกองหน้าตัวต่ำ ฟานเพอร์ซี่ย์ทำประตูในพรีเมียร์ลีกรวมทั้งหมด 48 ประตูเท่านั้น แต่ในช่วง 2 ฤดูกาลสุดท้ายของเขาอาร์เซน่อล เขาถูกจับมาเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า และทำประตูในพรีเมียร์ลีกในสองฤดูกาลนี้ได้ถึง 48 ประตู ก่อนที่เขาจะได้ย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ และก็ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงแรกเริ่มของ โรบิน ฟานเพอร์ซี่ย์ เขารับบทเป็นกองหน้าตัวต่ำ จุดเด่นของเขาคือการสร้างสรรค์เกม และการทำประตูจากแถวสอง ฟานเพอร์ซี่ย์ถูกนำไปเปรียบเทียบกับรุ่นพี่ในทีมชาติและยังเป็นรุ่นพี่ในสโมสรอาร์เซน่อลอย่าง เดนนิส เบิร์กแคมป์ จนกระทั่งในช่วงที่อาร์เซน่อลขาดแคลนกองหน้าตัวเป้า อาร์แซน เวนเกอร์ปรับระบบการเล่นจาก 4-4-2 มาเป็น 4-3-3 โดยให้ฟานเพอร์ซี่ย์รับบทเป็นกองหน้าตัวเป้า ซึ่งฟานเพอร์ซี่ย์เป็นกองหน้าที่สามารถจบสกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นจากเท้าซ้าย เท้าขวา ลูกกลางอากาศ ลูกยิงไกล หรือแม้แต่ใช้เทคนิคเลี้ยงหลบกองหลังไปทำประตูก็ทำได้ ด้วยความสามารถที่ครบเครื่องของเขา รางวัลดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกในสองฤดูกาลล่าสุด จึงไม่เป็นที่กังขาแต่อย่างใด
ในฟุตบอลปี 2014 ที่กำลังจะถึงนี้ พวกเขาทั้งเจ็ดคน จะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 30 ปี ซึ่งด้วยวัยเท่านี้ ฟุตบอลครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเขาบางคน แน่นอนครับว่าถ้าหากฟุตบอลครั้งนี้ทีมชาติฮอลแลนด์ทำผลงานได้น่าผิดหวังเหมือนกับทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2012 ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าทีมชาติฮอลแลนด์คงจะต้องรอความสำเร็จไปอีกหลายปี จนกว่าจะได้นักเตะ โกลด์ เจนเนอเรชั่น แบบนี้เกิดขึ้นมาอีกครั้งครับ
Create Date : 18 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 9 กันยายน 2556 15:57:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 927 Pageviews. |
|
|