|
โทษของการก่อการร้ายในบ้านเมือง
เขียนโดย ลีลา LAW
เมื่อมีสังคมอันเป็นที่อยู่ร่วมกันของคน ย่อมต้องมีคนสองประเภทเสมอ คือ คนดีกับคนชั่ว ผู้ที่เห็นด้วยกับคนที่ไม่เห็นด้วย สิ่งหนึ่งซึ่งต้องมีแฝงในสังคมคือ พวกที่ชอบต่อต้านด้วยกำลังรุนแรง ยามที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นพ้องกับความเห็นของตน วิธีการที่กลุ่มนี้มักนำมาใช้เสมอ คือ การทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม สิ่งของสาธารณะ เพื่อบีบคั้น ข่มขู่ บังคับให้ยอมกระทำตามที่ต้องการ พฤติกรรมร้ายแรงเหล่านี้ทำให้สังคมวุ่นวาย เต็มไปด้วยความหวาดระแวง ประเทศขาดความมั่นคง สุดท้าย คือ ประชาชนส่วนใหญ่ลำบากเพิ่มขึ้น บางครั้งเจตนาเดิมของคนกลุ่มนี้ยังแปรเปลี่ยนไปถึงการยึดครองประเทศของตนหรือของผู้อื่นด้วย ทำให้หลายประเทศจำต้องหันมาพิจารณาร่วมมือกำจัดกลุ่มคนเหล่านี้มิให้ก่อความเดือดร้อนในประเทศหรือข้ามไปชาติอื่นได้ ประเทศไทยจึงพยายามสกัดกีดกั้นและกำจัดปัญหาการก่อการร้ายอันเกิดจากคนไทยด้วยกันหรือจากต่างชาติซึ่งอาจเข้ามาใช้พื้นที่ในไทยสร้างความเดือดร้อนแก่ประเทศต่างๆ โดยออกกฎหมายกำหนดลักษณะความผิดฐานก่อการร้ายและกำหนดโทษหนักเพื่อป้องปรามและกำจัดกลุ่มบุคคลอันตรายเหล่านั้น ประเทศไทยจึงร่วมมือกับประชาคมโลกด้วยการออกกฎหมายเพื่อเอาโทษแก่กลุ่มผู้ก่อการร้ายทั้งคนไทยและคนต่างด้าวไว้ในประมวลกฎหมายอาญาในหมวด 4 ว่าด้วยความผิดต่อสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศตั้งแต่มาตรา 135/1 ถึง มาตรา 135/4 ซึ่งขอนำเสนอให้อ่านเข้าใจง่ายและมองภาพได้ชัดโดยสังเขปดังต่อไปนี้
ลักษณะความผิดฐานก่อการร้าย การกระทำต่อไปนี้ต้องมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือ องค์กรระหว่างประเทศให้กระทำหรือไม่กระทำการอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือ เพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน 1. ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกายหรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ ตัวอย่างเช่น การจับคนในสถานทูตพม่าหรือร.พ.ศูนย์ราชบุรี การลอบยิงตำรวจในภาคใต้ การสังหารประชาชนท้องถิ่น เพื่อแสดงอำนาจหรือผลงานของกลุ่มตนว่ามีเหนืออำนาจรัฐด้วยหวังให้ชาวบ้านไม่เชื่อใจรัฐบาล เป็นต้น 2. กระทำการใดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ ตัวอย่างเช่น การวางระเบิดทางรถไฟ ทำลายท่อส่งน้ำดิบ ปล่อยแก๊สพิษในสถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น 3. กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใดหรือต่อสิ่งแวดล้อมอันก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ ตัวอย่างเช่น การปล้นปืนในคลังอาวุธของกองทหารไทย การนำเครื่องบินชนตึกใหญ่ของอเมริกา การปั่นหุ้นซึ่งมีเป้าหมายสร้างความปั่นป่วนและความหวาดกลัวแก่ประชาชน การเผาโรงเรียนในภาคใต้ เป็นต้น
ลักษณะยกเว้นไม่ถือเป็นความผิดฐานก่อการร้าย การเดินขบวน ชุมนุมประท้วง โต้แย้งหรือเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือหรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ
โทษของผู้ก่อการร้ายและผู้สนับสนุนความผิดฐานก่อการร้าย โทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และ ปรับตั้งแต่หกหมื่นบาท ถึง หนึ่งล้านบาท
พฤติกรรมเตรียมตัวก่อการร้ายที่ต้องรับโทษอาญา กฎหมายกำหนดการกระทำต่อไปนี้ซึ่งเป็นการเตรียมตัวทำงานก่อการร้ายที่ต้องรับโทษอาญาด้วยคือ 1. ขู่เข็ญว่าจะกระทำการก่อการร้ายโดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า บุคคลนั้นจะกระทำการตามที่ขู่เข็ญจริง ตัวอย่างเช่น สมาชิกกลุ่มโจรส่งจดหมายขู่จะวางระเบิดเพื่อสนับสนุนการแบ่งแยกภาคใต้เป็นรัฐใหม่ เป็นต้น 2. สะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือยุยงประชาชนให้เขามีส่วนในการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีการก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ตัวอย่างเช่น ขอรับบริจาคเงินเพื่อซื้ออาวุธและเสบียง พูดยุยงให้สนับสนุนกลุ่มของตน ให้ที่ซ่อนตัวหรือเสบียงอาหารแก่กลุ่มก่อการร้ายทั้งก่อนหรือหลังกระทำความผิด ปกปิดข้อมูลว่าจะมีการก่อการร้าย ฝึกหรือรับการฝึกปฏิบัติการก่อการร้าย เป็นต้น
โทษของผู้เตรียมตัวก่อการร้ายและผู้สนับสนุน โทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และ ปรับตั้งแต่ สี่หมื่นบาท ถึง สองแสนบาท
ความผิดของสมาชิกกลุ่มบุคคลก่อการร้ายข้ามชาติ กฎหมายยังกำหนดให้สมาชิกของคณะบุคคลซึ่งมีมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำหนดให้เป็นคณะบุคคลที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายและรัฐบาลไทยประกาศให้ความรับรองมติหรือประกาศดังกล่าวแล้ว ต้องรับโทษอาญาเช่นกัน คือ โทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และ ปรับไม่เกิน หนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
ความผิดฐานก่อการร้ายนั้น ผู้ที่ต้องรับโทษ คือ ผู้กระทำผิด ผู้สนับสนุน และสมาชิกของกลุ่มบุคคลก่อการร้ายที่ไทยรับรองตามมติขององค์กรระหว่างประเทศตามที่ได้เขียนไว้เบื้องต้น อีกทั้งนอกจากรับโทษในไทยแล้ว ยังอาจต้องถูกส่งไปพิจารณาโทษยังประเทศผู้เสียหายได้อีกด้วยอันเป็นความร่วมมือกันของประชาคมโลกเพื่อสร้างความสงบสุข คนไทยควรตระหนักแก่ใจเสมอว่า ไม่มีคนต่างด้าวหรือคนไทยฝักใฝ่ชาติต่างด้าวคนใดจักรักประเทศไทยเท่ากับคนไทย หัวใจไทยแน่ ดังนั้น คนไทยพึงช่วยกันดูแลปกป้องมิให้กลุ่มคนต่างด้าวทำลายประเทศไทย เพราะคนเหล่านั้นมุ่งหมายจะยึดครองหรือแบ่งแยกประเทศไทยเพื่อความเชื่อหรือผลประโยชน์ในกลุ่มของตน ความสามัคคีของคนไทยคือพลังแข็งแกร่งในการป้องกันประเทศไทยที่มีอำนาจเหนือกว่าอาวุธใดๆ
*********************
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2548 |
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2548 15:03:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 854 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|