ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี
Group Blog
 
All Blogs
 
ล่่าอสูร........The 2 Swords 3

ล่าอสูร......The 2 Swords
บทประพันธ์ของ วายุอัสนี
3.
หนุมานถวายแหวน


ยอดวิ่งตามอย่างกระชั้นชิดจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่งห่างออกไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าอาคารชุดหลังหนึ่งเงาดำนั้นก็หายไป ยอดกวาดสายตาไปทั่วเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่หลังโต๊ะพิธีบูชาซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องเซ่นไหว้ ธูปเทียน ชามเหล้า น้ำเต้าและกระดาษยันต์สีเหลืองโดยชายในชุดเสื้อคลุมยาวสีเหลืองมีรูปยันต์แปดทิศอยู่ที่หน้าอก เขาสวมหมวกแบบนักพรต สะพายย่ามผ้าสีเหลือง กำลังกวัดแกว่งกระบี่ไม้ไปมาอย่างคล่องแคล่ว มือซ้ายสั่นระฆังเล็กเสียงดังก้อง ยอดเดินเข้าไปใกล้ขึ้น
“จงออกมา จงออกมา ผีร้ายเอ๋ย!” เสียงนักพรตหนุ่มตะโกนออกมา
แสงสว่างจากเทียนเล่มใหญ่บนโต๊ะทำให้เห็นใบหน้าของเจ้าของเสียงได้ชัด เขาคือ หม่าหยง หนุ่มจีนซึ่งยอดเพิ่งรู้จักไม่นานนี่เอง
เสียงระฆังในมือของหม่าหยงดังเสียดโสตประสาทของปีศาจร้ายฟางจงซึ่งแฝงตัวเร้นกายในเงามืดซอกตึกหนึ่งไม่ห่างไปนัก ทำให้ปีศาจร้ายตนนี้กระสับกระส่าย มันสูดหายใจลึก ควันสีขาวลอยกระจายออกจากปาก
“ระฆังเรียกวิญญาณรึ?” ปีศาจร้ายฟางจงครางในลำคอ
ทันใดนั้นลมแรงพัดมาวูบใหญ่ หมอกควันกระจายไปทั่วทำให้ผู้คนตกใจมาก ยอดยืนมองประหลาดใจกับเหตุการณ์เบื้องหน้า บรรยากาศเย็นยะเยือกลงฉับพลัน กลุ่มคนเหล่านั้นต่างสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงนี้
ยอดสามารถสัมผัสกลิ่นไอวิญญาณร้ายที่แฝงมากับสายลมนั้นได้อย่างชัดเจน
“กลิ่นไอปีศาจ!” หม่าหยงพูด พลางสูดกลิ่นเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
ในกลุ่มหมอกปรากฏเงาหญิงสาวในชุดสีขาว ผ้าบางเบาพลิ้วไหวไปตามแรงลม ร่างนั้นลอยลงมายืนตรงหน้า
“ท่านพี่ ทำไมต้องเรียกนักพรตมาทำร้ายข้าด้วย” ปีศาจสาวพูดด้วยเสียงเยือกเย็นจับใจ ดวงตามองไปที่ชายหนุ่มหน้าตาซีดเซียวคนหนึ่งซึ่งพนมมือไหว้ ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“เธอเป็นผีแต่พี่เป็นคน เราไม่สามารถอยู่ร่วมชีวิตกันได้ ขอให้ปล่อยพี่ไปเถิดอย่ามารังควานพี่เลย” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หม่าหยงในชุดนักพรตพูดเสียงดังว่า “คนอยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี หากไม่ยอมเลิกรังควานคงต้องเจอไม้แข็งแน่”
“ท่านนักพรตได้โปรดเมตตาด้วย ข้ากับท่านพี่เป็นเนื้อคู่กันมานาน อย่าพรากเราจากกันเลย” ปีศาจสาวพูดอ้อนวอน
“มันเป็นเรื่องของชาติก่อน หากเจ้ายังอยู่กับเขา จักทำให้เขาอายุสั้นลง” หม่าหยงตอบ
“ไม่เห็นรึ เขาซีดจนเผือกเรียกพี่แล้ว” หม่าหยงพูดขึ้น พลางหันไปมองหนุ่มคนนั้น ซึ่งมีใบหน้าซีดเผือด ขอบตาดำคล้ำ ดูไร้ชีวิตชีวา เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้นักพรตหนุ่ม หากมองระยะใกล้เขาดูคล้ายผีตายซาก
หม่าหยงสะดุ้งสุดตัว พลางร้องอุทานเสียงดัง “เอ่อ! ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ได้ เจ้าดูหน้าตาเหมือนผีมากกว่าเขาเสียอีก” นักพรตหนุ่มตกใจใบหน้าของหนุ่มตกอับ พลางชี้ไปทางปีศาจสาวหน้าตาสะสวยเพื่อเปรียบเทียบ
“เจ้านักพรตบ้า! ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น” ปีศาจสาวบอกเสียงกร้าว พลางสะบัดชายแขนเสื้อทั้งสองข้าง ผ้ายาวพุ่งเข้าจู่โจมนักพรตหนุ่มในพริบตา
หม่าหยงในชุดนักพรตปราบมารรีบยกกระบี่ไม้ขึ้นปกป้องรับชายผ้าที่พุ่งเข้ามา กระบี่ไม้ถูกพันด้วยผ้ายาวจากปีศาจสาว ทันใดนั้นชายแขนเสื้อสะบัดตัวอย่างแรง ส่งผลให้หม่าหยงถูกดึงข้ามโต๊ะบูชาเข้าสู่การต่อสู้

นักพรตหนุ่มตวัดกระบี่รวดเร็วทุกกระบวนท่าคล่องแคล่วและต่อเนื่อง กระนั้นปีศาจสาวสามารถหลบรอดได้และตอบโต้กลับจนกระทั่งกระบี่ไม้หัก หม่าหยงสามารถหลบการโจมตีจากอีกฝ่ายได้อย่างเฉียดฉิว
“เจ้านักพรตบ้า หากไม่อยากตายรีบไสหัวไป!” ปีศาจสาวตะโกนขึ้น เมื่อขณะนี้หล่อนกำลังได้เปรียบ
“คิดว่าแค่นี้จักชนะข้าได้รึ” หม่าหยงพูดขึ้น
นักพรตหนุ่มล้วงมือเข้าไปในย่ามแล้วหยิบเหรียญจีนโบราณหลายสิบอันไว้ในกำมือ
“เดี่ยวจะให้รู้ฤทธิ์ข้าบ้างล่ะ” หม่าหยงคำรามเสียงดัง
นักพรตหนุ่มโยนเหรียญทั้งหมดในมือขึ้นไปในอากาศ มือขวาคว้าเหรียญหนึ่งในอากาศอย่างรวดเร็ว ส่วนเหรียญอื่นๆก็รวมตัวกันเป็นกระบี่เหรียญอาคมอยู่ในมือนักพรตหนุ่มทันที
“วิชาเหมาซานรึ!” ปีศาจฟางจงพึมพำ ขณะแฝงตัวมองดูเหตุการณ์อยู่ในเงามืด มือกำที่หัวใจซึ่งเคยมีแท่งไม้ปักไว้
กระบี่เหรียญกวัดแกว่งรวดเร็วพลิ้วไหวดังสายลม ปีศาจสาวปัดป้องสลับล่าถอยไม่เป็นกระบวน สถานการณ์ของหม่าหยงพลิกกลับเป็นต่ออย่างชัดเจน
ปีศาจสาวใช้วิชา “มายาแยกร่าง” ปรากฏเป็นปีศาจสาวอีกสี่ตนล้อมนักพรตหนุ่มไว้ การต่อสู้หนึ่งต่อห้าจึงเกิดขึ้น แม้หม่าหยงจะมีกระบี่ที่ไวเพียงใด ก็ไม่อาจต้านทานการบุกจากทุกทิศได้ ไม่ช้าหนุ่มจีนก็ถูกชายผ้าตวัดจนล้มกลิ้งบนพื้น
“ฮึม..... ร้ายนักนะ” หม่าหยงพูด พลางล้วงมือเข้าไปหยิบของในย่ามอีกครั้ง ปีศาจสาวทั้งห้ายืนล้อมนักพรตหนุ่มไว้
คราวนี้เป็นกระดาษสีเหลืองยาวมีอักษรจีนสีแดงเขียนอยู่ มันคือยันต์เหมาซานนั่นเอง เมื่อคลี่ออกก็ปรากฏเป็นยันต์ห้าใบ หม่าหยงร่ายคาถาอย่างรวดเร็วแล้วโยนยันต์ทั้งหมดขึ้นฟ้า
“วายุอัสนี..... กระบี่ข้าไม่ปราณี!” หม่าหยงตะโกนขึ้นพร้อมกับร่ายรำกระบี่เหรียญตวัดไปมา ทันใดนั้นยันต์ทั้งห้าพุ่งจู่โจมไปยังปีศาจสาว เมื่อยันต์สัมผัสร่างกายทำให้ปีศาจสาวเจ็บปวดยิ่งนัก ร่างปีศาจจำแลงทั้งสี่จางหายเป็นอากาศธาตุ เหลือเพียงร่างจริงที่เจ็บปวดจากการถูกยันต์ทำร้าย
หม่าหยงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป เขาพุ่งกระบี่เหรียญจู่โจมทันที เมื่อกระบี่ใกล้ถึงตัวปีศาจสาว ร่างนั้นพลันหายวับไป หม่าหยงประหลาดใจมาก พลางมองไปรอบกาย แต่ไม่เห็นปีศาจสาวแล้ว หม่า
หยงยังได้กลิ่นไอปีศาจ จึงรู้ว่าปีศาจสาววนเวียนอยู่ใกล้ๆ
พื้นดินรอบกายของหม่าหยงยกตัวเป็นแถบยาวพุ่งเข้าหานักพรตหนุ่มราวกับระลอกคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่ง หม่าหยงตวัดกระบี่เพื่อปัดป้อง บางครั้งไม่อาจหลบได้ทันเขาถูกกระแทกหลายครั้งจากการโจมตีครั้งนี้
เมื่อตั้งหลักได้หนุ่มจีนปักกระบี่เหรียญไว้ที่พื้นพร้อมกับประสานมือทั้งสองเข้าหากันแล้วร่ายมนต์เหมาซานอย่างรวดเร็ว
“วิชาตาทิพย์!” นักพรตหนุ่มตะโกนขึ้น แล้วแยกฝ่ามือทั้งสองออกจากกัน เขาลืมตาขึ้นมองไปรอบกาย บัดนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถหลุดรอดสายตาของหม่าหยงได้อีก
ปีศาจสาวจู่โจมจากด้านขวา หม่าหยงใช้เท้าซ้ายเตะตวัดกระบี่เหรียญเหรียญที่ปักอยู่บนพื้นพุ่งเข้าหาปีศาจตนนั้นอย่างรวดเร็ว กระบี่ปักกลางหน้าอกของมันพอดี ด้วยแรงของกระบี่ทำให้ร่างปีศาจสาวพุ่งถอยหลังไปติดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มันไม่อาจขยับหนีได้อีกต่อไป
เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของปีศาจสาวดังสะท้านใจ ควันลอยออกมารอบกระบี่เหรียญแสดงถึงฤทธิ์เดชของกระบี่เหรียญได้เป็นอย่างดี
“จงไปสู่สุคติเถิด” หม่าหยงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางนำกระดาษยันต์แผ่นหนึ่งไปติดที่หน้าผากของปีศาจสาว ส่งผลให้ร่างนั้นสลายเป็นควันสีขาวและจางหายไปในที่สุด
หม่าหยงพับกระดาษยันต์ไปมาจนมีขนาดเล็กแล้วเดินไปหยิบน้ำเต้าบนโต๊ะบูชา เปิดฝาออกแล้วใส่มันเข้าไปข้างใน
“เรียบร้อยแล้ว” นักพรตหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงพอใจในผลงานครั้งนี้ “ขั้นต่อไปข้าแค่ทำพิธีสวดส่ง
วิญญาณเก้าวัน ถือเป็นอันหมดเรื่อง นางจะได้ไปผุดไปเกิดเสียที”
ทุกคนรู้สึกโล่งใจ เมื่อได้ยินคำยืนยันจากนักพรตหนุ่ม
“อืม..... ไม่นึกว่าหมอนี่ ก็มีดีเหมือนกัน” ยอดพึมพำ เขายืนดูห่างออกไปไม่ไกล
“ในนามของตัวแทนชาวบ้านย่านนี้ ต้องขอขอบคุณท่านนักพรตหม่าอย่างมากที่ช่วยปราบปีศาจร้ายให้เรา” เสียงชายสูงอายุท่าทางเป็นที่นับถือของชาวบ้านดังขึ้น ทุกคนตบมือให้หม่าหยง
“ไม่เป็นไรๆ ขอทิปแรงๆหน่อยก็แล้วกัน” หม่าหยงพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง สายตาเหลือบไปเห็นยอดซึ่งยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มคนเหล่านี้
“ยอดใช่ไหม!” หม่าหยงตะโกนถาม พลางเดินเข้าไปหาหนุ่มไทย
“นายเก่งจริงๆ ถ้าไม่เห็นกับตา คงไม่เชื่อว่านายมีฝีมือขนาดนี้” ยอดกล่าวชื่นชม “ตอนแรกฉันคิดว่านายกำลังหลอกชาวบ้านอยู่หรือเปล่า เพราะตอนเช้าเป็นมัคคุเทศก์ ตอนเที่ยงเป็นซินแสดูฮวงจุ้ย ตอนเย็นก็มาเป็นหมอผีอีก ไม่คิดว่าจะมีอะไรจริงสักอย่าง แต่พอได้เห็นกับตา จึงรู้ว่านายปราบผีได้จริงๆ”
“ไม่ใช่หมอผี! แต่เป็นนักพรตปราบมารต่างหาก” หม่าหยงพูดแย้ง พลางยื่นนามบัตรอีกใบให้ยอด “นี่เป็นนามบัตรของฉัน”
“อันที่จริงฉันเป็นเจ้าสำนักเหมาซานรุ่นที่สามร้อยหกสิบเก้าเชียวนะ ไม่อยากจะโม้” หนุ่มจีนคุยโอ่ต่ออีก ท่าทางอารมณ์ดี “เพียงแต่ช่วงนี้ปีศาจน้อยลงเลยหากินลำบาก กราฟรายได้ตก จึงต้องทำงานเสริมอย่างอื่นช่วยอีกทางหนึ่ง”
“อีกหน่อยฉันคงมีนามบัตรของนายเป็นสิบใบแน่ๆ” ยอดยิ้มเล็กน้อย
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่แปดเก้าใบ ก็คงจักได้” หม่าหยงพูดหยอก
“ไม่คิดว่าจะยังมีทายาทเหมาซานหลงเหลืออยู่อีก” ปีศาจฟางจงซึ่งซ่อนในเงามืดพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แล้วขยับตัวถอยห่างออกไป
การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของปีศาจร้ายฟางจงทำให้ยอดและหม่าหยงรับรู้สิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืดและกำลังหายไป
“นั่นใคร!” หม่าหยงตะโกนขึ้น พลางปากระดาษยันต์ใบหนึ่งไปที่เงามืดในซอกตึก แต่กลับมีเพียงแมวดำวิ่งออกจากที่นั่น
“ที่แท้ก็แมว” หม่าหยงพูดขึ้นพลางถอนหายใจ เมื่อหันกลับมาจะคุยกับยอด แต่หนุ่มไทยได้หายไปแล้ว

ชายผ้าของปีศาจฟางจงสะบัดพลิ้วไหวพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใบไม้ปลิวไปมาตามแรงลม ร่างสูงใหญ่ของปีศาจจีนตนนี้หยุดลงกระทันหันเมื่อเบื้องหน้าปรากฏมีร่างคนๆหนึ่ง มือขวาถือห่อผ้าคลุมวัตถุยาวยืนขวางทางไว้ เจ้าของร่างนั้นก็คือ ยอด นั่นเอง
“กลิ่นไอปีศาจ” ยอดพึมพำ สายตามองร่างอันใหญ่โตของชายสวมเสื้อคลุมสีดำท่าทางน่าสงสัยเบื้องหน้า
“ระวังนะ! มันเป็นปีศาจที่ร้ายกาจมาก” เสียงเด็กชายกระซิบเบาๆ ที่แท้เป็นวิญญาณเด็กผู้ชายไว้ผมจุกอยู่กลางศีรษะ ดวงตากลมโตน่ารักแต่งชุดไทยโบราณ ยืนหลบอยู่ด้านหลังยอด สายตามองปีศาจร้ายด้วยความกลัว
“หลบไปก่อนเดี๋ยวจะถูกลูกหลง” ยอดพูดเตือนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น วิญญาณเด็กน้อยถอยหลังแล้วจางหายไป
ปีศาจร้ายฟางจงยืนจ้องนัยน์ตายอดจากใต้ผ้าคลุมศีรษะที่ปกปิดใบหน้าไว้ ปีศาจจีนเริ่มเดินไปซ้ายขวาอย่างช้าๆเพื่อหยั่งเชิง ขณะที่ยอดมองไม่ละสายตา มันเป็นการประกาศแน่ชัดว่าการต่อสู้คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว
ปีศาจฟางจงหยุดเดินแล้วหันมองยอดตาเขม็ง จากนั้นก็ย่อตัวตั้งท่า “ขี่ม้า” อันเป็นท่ามวยจีนทันทีซึ่งเป็นการท้าต่อสู้ ยอดตอบรับด้วยการปักดาบคู่ที่ห่อด้วยผ้าขาวม้าไว้กับพื้นดิน จากนั้นขยับกายเข้าหาปีศาจฟางจง หนุ่มไทยยกมือสองข้างขึ้นแล้วกำหมัดซ้ายขวาตามแบบมวยไทย ยอดชิงจู่โจมก่อนด้วยการวิ่งเข้าหาแล้วกระโดดถีบ ปีศาจร้ายฟางจงหลบได้พร้อมกับเตะตวัดโต้ตอบ หนุ่มไทยยกแข้งขึ้นรับได้ทัน แต่ด้วยแรงที่เหนือมนุษย์ของปีศาจพันปีทำให้ยอดจำต้องถอยมาตั้งหลัก ปีศาจร้ายรุกต่อด้วยฝ่ามือทั้งสองที่พุ่งเข้าหาเป็นพัลวัน ยอดโยกตัวหลบไปมาอย่างคล่องแคล่ว พลางใช้ท่อนแขนปัดไว้เป็นระยะ ด้วยพละกำลังที่เหนือกว่าของปีศาจร้ายฟางจง หนุ่มไทยจำต้องถอยสลับตอบโต้
“ข้าจะขยี้เจ้า!” ปีศาจฟางจงคำรามเสียงดัง แล้วรุกจู่โจมรุนแรงขึ้น ฝ่ามือที่ปล่อยออกไปแม้ยอดจักหลบได้อย่างเฉียดฉิว แต่พลังนั้นสามารถทำลายวัตถุที่ขวางทางได้อย่างง่ายดาย เสื้อของหนุ่มไทยถูกกระแสพลังนั้นฉีกขาดเป็นริ้วๆ ปีศาจร้ายฟางจงตวัดเท้าเตะสูง ยอดยกท่อนแขนทั้งสองขึ้นป้องกัน แล้วผงะถอยหลังไปหลายก้าว หนุ่มไทยรู้สึกปวดแขนอย่างมากราวกับกระดูกจะหักเสียให้ได้
ยอดรู้ว่าปีศาจร้ายตนนี้มีพละกำลังมหาศาลและไม่อาจเอาชนะได้ หากไม่ใช้วิชาที่ได้รับสืบทอดจากบรรพชน เขาจึงพนมมือขึ้นร่ายคาถาอาคม ทันใดนั้นรอยสักอักขระโบราณสีทองปรากฏขึ้นและลอยออกมาทั่วตัว ยอดยกเท้าซ้ายขึ้นสูงเพื่อจดมวยอีกครั้ง พลางกระทืบเท้าไปข้างหน้าเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ พื้นดินสั่นสะเทือน เท้าจมลงดินไปหนึ่งนิ้วด้วยแรงมหาศาลที่กระแทกลงไป ยอดชกหมัดออกไปซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว แต่ละหมัดส่งลมกระแทกออกไปไกลทำให้อากาศแปรปรวน ปีศาจจีนร่างยักษ์หยุดชะงักชั่วครู่

ยอดสืบเท้าเข้าหาปีศาจร้ายอย่างไม่เกรงกลัว การปะทะครั้งนี้รุนแรงยิ่งเมื่อปีศาจฟางจงตวัดฝ่ามือไปมายอดโยกตัวหลบแล้วโต้ด้วยหมัดเหวี่ยง ปีศาจร้ายก้มต่ำหลบหมัดได้ หนุ่มไทยรุกตามด้วยการม้วนตัวตีศอกกลับไปที่ใบหน้าของปีศาจฟางจงอย่างแม่นยำ ปีศาจจีนถอยไปหลายก้าว ยอดกระโดดฟันศอกคู่ไปที่ศีรษะเต็มแรง ปีศาจร้ายล้มทรุดลงทันที แต่มันใช้เท้าเตะและถีบยอดจนต้องถอยห่างออกมาเช่นกัน เมื่อลุกขึ้นได้ปีศาจฟางจงวิ่งเข้าหาหนุ่มไทยแล้วรุกด้วยการเตะ ยอดก้มตัวหลบแล้วถีบขาพับของปีศาจร้ายจนล้มลงด้วยท่านาคามุดบาดาล หนึ่งในลูกไม้มวยไทย ปีศาจร้ายฟางจงกระโดดขึ้นสูงจู่โจมด้วยฝ่ามือ ยอดปัดฝ่ามือนั้นแล้วโต้ด้วยหมัดตรงเข้าหน้าด้วยท่าดับชวาลา ปีศาจพันปีพยายามตอบโต้อีกครั้งด้วยการเตะ แต่ถูกหนุ่มไทยจับขาไว้ได้แล้วแทงศอกไปที่ต้นขาอย่างแรงด้วยท่าหักงวงไอยรา ปีศาจร้ายผงะถอยหลังไปหลายก้าวและร้องด้วยความเจ็บปวด ยอดไม่ทิ้งโอกาสบุกต่อเนื่องด้วยการวิ่งกระโดดขึ้นแทงเข่าใส่ปีศาจเบื้องหน้าอย่างแรงจนมันกระเด็นไปไกล ทันใดนั้นเงาคนกระโดดข้ามศีรษะของยอดอย่างรวดเร็วมาจากด้านหลัง
“วายุอัสนี..... กระบี่ข้าไม่ปราณี!” เสียงหม่าหยงตะโกนลั่น แล้วกระโจนขึ้นกลางอากาศ พลางซัดกระดาษยันต์หลายแผ่นไปที่ปีศาจร้ายฟางจง เสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อยันต์สัมผัสร่างปีศาจร้าย มันร้องด้วยความเจ็บปวด
ปีศาจฟางจงเห็นท่าไม่ดีเนื่องจากมีศัตรูฝีมือเยี่ยมถึงสองคน มันยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับทั้งสอง จึงใช้พลังฝ่ามือทั้งสองกระแทกไปที่พื้นดินเบื้องหน้าจนสามารถพลิกแผ่นดินขึ้นเป็นแผ่นลอยไปหาสองหนุ่ม
หม่าหยงในชุดนักพรตรีบหยิบยันต์สองใบออกจากย่ามแล้วประกบเข้ากับฝ่ามือ เมื่อแยกมือออกก็กระแทกฝ่ามือทั้งสองออกไปที่ปีศาจร้ายสลับไปมา
“วายุอัสนี..... กระบี่ข้าไม่ปราณี!” หม่าหยงตะโกนขึ้น บังเกิดเป็นแรงอัดรุนแรงกระแทกแผ่นดินที่ลอยมาจนระเบิดเป็นจุณ เศษดินและฝุ่นกระจายไปทั่ว
“เราต้องได้เจอกันอีกแน่ พวกเหมาซาน” เสียงปีศาจร้ายดังขึ้นก่อนเงียบหายไป
ยอดและหม่าหยงต้องใช้มือปัดฝุ่นเป็นพัลวัน เมื่อกลุ่มควันจางลงก็ไม่เห็นปีศาจร้ายตนนั้นอีก ความเงียบในความมืดกลับมาครอบคลุมอีกครั้ง
“นายมาทำอะไรที่นี่” ยอดเดินเข้าไปถามหม่าหยง
“ก็มาช่วยนายไง” หนุ่มจีนตอบ “เมื่อครู่นี้ฉันยังคุยไม่เสร็จ นายก็หายไปเสียแล้ว ฉันรู้สึกแปลกๆก็เลยตามมาดู”
“ขอบใจที่ช่วยเหลือนะ”
“ไม่นึกว่านายก็มีฝีมือเหมือนกัน” หย่าหยงพูดชมปนทึ่งใจ พลางมองอักขระแปลกๆบนท่อนแขนของหนุ่มไทย “รอยประหลาดนี้ฉันเคยเห็นเมื่อวานนี้”
หม่าหยงเอากระบี่เหรียญตีเบาๆที่แขนของยอดสองสามที รอยสักอักขระโบราณสีทองปรากฏชัดขึ้น
ยอดพยักหน้ารับ “มันเป็นรอยสักที่คอยปกป้องฉันมาตั้งแต่เด็ก”
“นายรู้ไหมว่าปีศาจตนนี้ไม่ธรรมดา” หม่าหยงพูดขึ้น “มันเป็นปีศาจพันปี ฉันได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา”
“นายคนเดียวรับมือมันไม่ไหวหรอก” หนุ่มจีนพูดต่อ พลางทำท่าลำพองใจ “มันต้องฝีมืออย่างฉัน”
“ขี้โม้!” เสียงวิญญาณเด็กน้อยดังขึ้น
“เสียงใคร ออกมาเดี๋ยวนี้!” หม่าหยงคำรามเสียงดัง กวาดสายตาไปทั่ว
เงาเด็กชายปรากฏออกมาที่ด้านหลังของยอด พลางชำเลืองมองนักพรตหนุ่มแล้วแลบลิ้น
“ปีศาจเด็กนี่นา!” หม่าหยงเห็นก็รีบดึงยันต์ในย่ามออกมา
ยอดใช้มือขวางไว้ พลางพูดขอร้องว่า “ผีเด็กเป็นญาติของฉันเอง อย่าทำร้ายเขาเลย”
หม่าหยงมีสีหน้าสงสัยกึ่งระแวงใจ ยอดพูดชี้แจงต่อ “เขาเป็นวิญญาณที่ถูกผนึกเอาไว้ จึงไม่สามารถไปเกิดได้ในขณะนี้ จำต้องอยู่กับฉันไปอีกพักใหญ่”
“มิน่าเล่า ฉันถึงได้กลิ่นแปลกๆจากตัวนายมาตลอด” หม่าหยงยิ้ม เมื่อคลายข้อสงสัยได้
“นายชื่ออะไร” หนุ่มจีนถามวิญญาณเด็กน้อย
“เรียกเขาว่า กุมารทอง เถอะ” ยอดตอบ พลางถามเปลี่ยนเรื่องไปว่า “นายรู้ไหมว่าปีศาจตนนี้เป็นใคร”
“ไม่รู้เหมือนกัน” หม่าหยงส่ายหน้า คิ้วขมวดแน่น “บอกตามตรง ฉันก็ไม่เคยเห็นปีศาจสูงระดับเช่นนี้มาก่อน”
“มันพูดว่าอะไรก่อนหายไป ฉันฟังไม่ไม่เข้าใจ” ยอดถามเมื่อนึกบางอย่างได้
“มันบอกว่า เราต้องได้เจอกันอีกแน่ พวกเหมาซาน” หม่าหยงตอบ
“มันมีความเจ็บแค้นอะไรกับนายอย่างนั้นรึ” ยอดถามต่อ
“ไม่รู้สิ” สีหน้าของหนุ่มจีนบอกความสงสัยชัด
ยอดหันไปถามผีเด็ก “นายรู้ไหมว่าปีศาจนั้นเป็นใคร”
“รู้สิ! เขาเป็นปีศาจจากเมืองจีนอดีตเป็นหัวหน้าโจรร้าย เมื่อวานนี้เขายังนอนอยู่ในงานจัดแสดงที่พี่ยอดทำงานอยู่เลย” กุมารทองตอบ พลางก้าวมายืนเบื้องหน้า
“ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกปล่อยให้เรางมโข่งอยู่ตั้งนาน เดี๋ยวจับยัดน้ำเต้าถ่วงน้ำเลย” หม่าหยงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว ดวงตาจ้องวิญญาณเด็กน้อยด้วยสายตาเกรี้ยวกราดจนทำให้เด็กน้อยตกใจวิ่งไปหลบหลังยอดอีกครั้ง
“นึกว่ากลัวรึ” กุมารทองทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนหม่าหยง แล้วจางหายไป
“หนอย..... ล้อเลียนรึ” หม่าหยงวิ่งไปด้านหลังยอด พบแต่ความว่างเปล่า
“เอาเถอะๆ อย่าถือสาเด็กเลย” ยอดพูดปลอบ รอยยิ้มเย็น “อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าปีศาจตนนี้เกี่ยวกับงานจัดแสดงที่ฉันทำงานอยู่”
“มันน่าจะเกี่ยวกับข่าวที่มัมมี่จีนหายไป” หม่าหยงให้ความเห็น คิ้วขมวดแน่นยามฉุกใจคิดถึงบางอย่าง “หัวหน้าโจรรึ”
“ฟางจง!” ชื่อที่หม่าหยงไม่อยากจะคิดถึงผุดขึ้นมาในสมองของเขา
“ถ้าอยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร พรุ่งนี้เราต้องไปที่งานจัดแสดงกัน” ยอดพูดชวน
“ตำรวจไม่ให้เข้าข้างใน ไม่ใช่หรือ?” หนุ่มจีนถามข้องใจ
“ใช่..... แต่ก็ต้องมีหนทางบ้างล่ะ” ยอดตอบ แววตาครุ่นคิดหนัก

************โปรดติดตามตอนต่อไป***************



Create Date : 04 มกราคม 2555
Last Update : 4 มกราคม 2555 23:59:52 น. 0 comments
Counter : 587 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

arbel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add arbel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.