ชีวิตในฟินแลนด์ อยู่ให้เป็น ไปต่อให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตในฟินแลนด์ ...
Group Blog
 
All Blogs
 
โรงเรียนปฐม ระดับ ป.5 ประเทศฟินแลนด์ The English School











จากภาคแรก ที่ลูกอยู่ ป.2 ตอนนี้ ป.5 แล้วค่ะ



โรงเรียนชื่อ The English School of Helsinki หรือโรงเรียนของคนชาติอังกฤษประจำเฮลซิงกิ (แปลว่า ไม่ใช่โรงเรียน ของคนฟินแลนด์ค่ะ แต่ใช้ระบบการเรียนของฟินแลนด์ + อังกฤษ)

และเป็นโรงเรียน ต้นแบบของ มหาวิทยาลัย แคมบริดจ์ ประจำกรุงเฮลซิงกิ
แปลว่า ต้องผ่านการสอบเข้า ถึงจะเรียนที่นี่ได้  (ไม่จำเป็นต้องเรียนที่นี่นะคะ ถ้าไม่อยากสอบ เรียนโรงเรียนฟินแลนด์ใกล้บ้าน ก็ดีระดับโลกนะคะ ส่วนตัวป้าลีชอบโรงเรียนของคนอังกฤษ เดี๋ยวเล่าต่อไป ว่าทำใม)

ลูกสาว อายุ 11 ปีค่ะ ณ ปัจจุบันและอยุ่ เกรด 5  แต่สมัยที่เรียน เกรด 4 ในเขตเฮลซิงกิ จะมีประเพณีปฏิบัติคือ เด็กเกรด 4 ทุกโรงเรียนจะมีงานรับเชิญ ให้ไปแสดงการเต้นร่วมสมัยกับผู้ว่าราชการจังหวัด เฮลซิงกิ ซึ่งเด็กๆ ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นงานใหญ่ของพวกเค้าเลย (ซ้อมเต้นเกือบ 2 เดือน)


ภาพนี้แม่ได้จากวันซ้อมใหญ่ค่ะ ไม่ใช่งานจริง


โดยหลักแล้วการเรียนการสอนของที่นี่ จะเป็นแนวลูกผสมของฟินแลนด์และอังกฤษ คือภาษาหลักที่ใช้ 2 ภาษา คือฟินน์ และอังกฤษ แต่ภาษาเสิรมจะแล้วแต่นักเรียนอยากเรียนอะไร
เช่น ลูกสาวเลือกเรียน ภาษาเยอรมัน มาตั้งแต่ เกรด 4
(และเรียนไปจนถึง เกรด 9 หรือ ม.3)

วิชาที่ ป.5 เรียน หลักๆ แล้ว เช่น คณิตฯ ที่นี่จะเรียนน้อยกว่ามาตรฐานเด็กไทย แต่จะเรียนมากกว่า มาตรฐานเด็กฟินแลนด์
และคณิตเวลาสอบ แยกเป็น หลายส่วน แต่ทุกครั้งจะต้องมี การแก้ไขปัญหาทางด้านคณิตศาสตร์ 



ข้อนี้เอาไข่มาฝากแม่ อ้างว่า ไม่เห็นเครื่องหมายลบในโจทย์


ข้อสอบพวกนี้ จะทวนให้เด็กๆ ในชั้นเพราะว่า มีบางกลุ่มที่ ตามเรื่องคณิตฯ ไม่ทัน ครูเลยสอนช้าๆ
แต่เด็กคนใหนไปเร็ว สามารถนั่งทำแบบฝึกหัดในเว็บไซด์ คณิตฯ ร่วมกับโรงเรียนนานาชาติของประเทศอื่นได้
(ช่วงนี้พึ่งเปิดเทอมแรก เกรด 5 การเรียนการสอนยังช้า เพื่อทบทวนอยู่ค่ะ เพราะว่าเด็กๆหลังปิดซัมเมอร์ เกือบ 3 เดือน มักจะลืม)

ส่วนวิชาภาษาฟินน์ จะเรียนทุกวัน

พละ จะมีว่ายน้ำ และกีฬาทั้งภาคฤดูร้อนและฤดูหนาวค่ะ
หน้าหนาวครูจะมีสเก็ต และสกีค่ะ ตรงนี้ป้าลีเน้นมากๆ ว่าถ้าลูกคุณๆ เล่นไม่ได้ทั้งสองอย่าง ไม่เป็นไรค่ะ ไม่สอบตก แต่จะได้แค่นั่งดูเพื่อนทำกิจกรรม
(คิดเอาเองนะคะ ว่าคำว่านั่งดูเพื่อนทำนั้น ลูกเราจะรู้สึกเช่นไร)

ส่วนด้านงานศิลปะ เทคโนโลยี เค้าจัดเต็มค่ะ อุปกรณ์ครบ
(ปกติที่นี่ใช้ระบบการเรียนร่วมกับเด็กๆ เข้าทำการบ้านในหน้าเว็บของชั้นเรียน
เช่นงานกลุ่ม ส่ง E-Book ให้ส่งทางหน้าเว็บของห้องเรียนเลย ใครรับช่วงต่อ ต้องมาเปิดต่องานของเพื่อนที่ส่งมา
ดังนั้น เด็กๆของโรงเรียนนี้จะต้องใช้คอมฯ ทุกวัน ตั้งกะ เกรด 3 )

การออกแค้มป์ หรือ ทัศนศึกษา เช่น ป. 4 ไปแค้มป์ต่างจังหวัด 2 คืน ป.5 ก็เช่นกันค่ะ
แต่ ป.6 ออกแค้มป์ที่ประเทศอังกฤษ
(โรงเรียนมีงบให้และผู้ปกครองจัดหาทุนร่วมกันเพิ่ม เช่น จัดการแสดง แล้วให้ผู้ปกครองซื้อบัตร ขายขนม ขายกาแฟ
งบถ้าขาดค่อยมาว่ากันค่ะ
ว่าป.6 แต่ละรุ่นจะจัดการร่วมกันกับโรงเรียนอย่างไรได้บ้าง)

ซึ่งตรงนี้ โรงเรียนของเด้กฟินจะไม่มี ใครอยากไปเที่ยวประเทศอื่น ต้องไปเองกับครอบครัว

สังคมคนไทยเรา ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวใหนมากนักอยู่แล้วล่ะ เรารู้กันเพราะค่าใช้จ่ายมันสูง
พวกเราต้องเก็บเงินไว้กลับเมืองไทยในแต่ละปีด้วย
ตรงนี้ คนที่อยู่ไทยไม่ค่อยเข้าใจถึงความลำบากของคนไทยในเมืองนอกมากนัก
(พอทราบ แต่ไม่เคยเข้าใจอย่างลึ้งซึ้งแน่นอน) 

 โรงเรียนนี้ จะเน้นสร้างเด็กให้มีความพร้อมเพื่อไปแลกเปลี่ยนประเทศอื่น ในช่วง เกรด 7 หรือ เกรด 6 ใครพร้อมก็ไปก่อนได้เลย
(ความพร้อมคือ คิดเองไม่ได้นะคะ ว่าลูกตัวเองพร้อม ต้องตัดสินร่วมกันกับทุกฝ่าย
ดังนั้น เราต้องเตรียมลูกทุกด้าน ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือตัวเองได้
แต่ระดับการเรียนต้องเสมอเท่าคนประเทศอื่นด้วย 
ตรงนี้เด็กฟินน์วัยเดียวกันนี้จะมีปัญหาเพราะว่าใช้ระบบการเรียนที่แตกต่างจากคนอื่น
เน้นเด็กเรียนแบบธรรมชาติ อ่านไม่ออกก็ไม่เป็นไรในตอนเด็ก โตขึ้นอ่านได้เขียนได้ทุกคนอยู่แล้ว ... )

เรื่องแลกเปลี่ยนระบบของฟินแลนด์ก็ไม่มีค่ะ ผู้ปกครองต้องทำเองจัดเองถ้าอยากให้ลูกไปแลกเปลียน



ทัศนศึกษา มีทุกเดือนค่ะ ต้องออกไปเยี่ยมชม อะไรบางอย่างในเมือง(ระบบฟิน ก็เช่นกันไปเหมือนกัน)

เช่นไปหอศิลป์ เด็กได้เรียนวาดภาพกับศิลปินระดับชาติตัวเป็นๆ
จับเครื่องมือ บอร์ดกระดาษหรืออุปกรณ์ทุกอย่างแบบของจริง ที่ไม่ใช่แค่ของเล่นจากจีน
ถ้าไม่ไปหอศิลป์ ก็ไปสปอร์ต ไปดูหนัง ดูคอนเสิร์ต เรียนดนตรีไรงี้
พวกนี้จะได้นั่งเรียนนั่งจับเครื่องดนตรีจริงจัง เพราะว่าอุปกรณ์เค้าจะพร้อมสำหรับเด็กทุกคน
(แต่ ลูกสาวเรียนบัลเล่ต์ ไม่ต้องหาชุดเองหรือแม่จ่ายค่าชุดในการแสดง ทางโรงเรียนจ่ายเองหมดแต่เล่นจริง
แสงสีเสียงจากเธียเตอร์ของเฮลซิงกิหรือ วานต้า Vantaa ซึ่งเป็นจังหวัดปริมณฑล
คือ ถ้าเป็นโรงเรียนของระบบฟิน จะแสดงกันเองที่โรงเรียนตัวเอง หรือ ตามวัดใกล้บ้าน)





ลูกสาวชอบทำกิจกรรม ชอบอ่านหนังสือเป็นที่สุด นั่งรถเมล์เลยป้ายประจำเพราะก้มหน้าอ่านมากเกินไป






ทีนี้ มาเรื่องอาหารกลางวัน ตรงนี้ ถูกใจอีแม่คนไทยหัวดำ
เพราะว่า เป็นที่ยอมรับกันทั่วหน้าว่าอาหารฟินน์ของโรงเรียนนั้น พอกินกันตาย
แต่สำหรับโรงเรียนที่นี่ งบเค้าจะเหลือเฟือกว่า เด็กกินดีอยุ่ดีกว่า

การอบรมมารยาทการกินการนั่งการเดิน การใช้ชีวิต จะเน้นที่ความเป็นอังกฤษ
ตรงนี้ คนไทยที่มีบุตรหลานในระบบฟิน จะต้องสอนลูกตัวเองเรื่องมารยาทเอาเอง  เพราะระบบฟิน ไม่ค่อยมีความยุ่งยากในด้านการดำเนินชีวิตประจำวัน คือ เอาสะดวกเข้าว่า
แต่คนอังกฤษจะไม่ใช่ ตรงข้ามโดยสิ้นเชิ้ง (คงพอเดาออกนะคะ)

คือ ความสะดวกบางทีมันก็แปลว่า มักง่ายน่ะค่ะ จะไอ จะหาว จะพูด คนฝรั่งเศสหรือเยอรมัน(หรือชาติอื่น) ไรงี้จะ ระมัดระวังมากกว่า
อันนี้โดยรวมไม่ได้แปลว่าเหมา 
มีบ้างที่ครอบครัวใหนอยู่ชนชั้นสูงหน่อย ก็จะดูแตกต่างพอสมควรในฟินแลนด์ คือมองออกชัดเจนมาก

แต่โดยมากแล้วคนที่นี่ยึดความเสมอภาค
ส่วนตัวแล้ว เสมอภาคมันก็ดีสำหรับคนรากหญ้าขึ้นมาเสมอภาคกับคนพอจะมีจะกิน
แต่คนที่พอจะมีจะกิน เค้าไม่คิดเรื่องนี้หรอกนะคะ
เช่น เห็นได้จาก สังคมกอล์ฟ คนฟิน จะให้เกียรติพวกระดับเดียวกันมากกว่าคนจนๆ 
แต่คนจนๆ ก็สบายใจหลงคิดว่าตัวเองเสมอคนอื่น
ตรงนี้ก็อยู่ที่ว่า ตัวคุณเองอยู่ส่วนใหน

ส่วนตัวป้าลี ไม่ปลื้มระบบนี้ค่ะ เพราะคิดเสมอว่า ถ้าเอาคนโง่ มาเสมอภาคกับคนฉลาด สังคมยุ่งเหยิงที่สุด 
แล้วจะรู้ได้ไงว่าใครโง่ ใครฉลาด คุณคิดว่าคุณรู้มั๊ยล่ะคะ ถ้าพูดตรงนี้
ภาวะทางสังคมมันบ่งบอก อย่ามาพยายามดราม่าเลย

ค่าเทอมเหรอคะ   เทอมละ 365 ยูโรค่ะ ปีละ สองเทอม หรือ ปีละ 700 กว่ายูโร คิดเป็นเงินไทย ก็ปีละ 30.000 กว่าบาท(ต่อปีนะคะ)

ถ้าเป็นระบบของฟินแลนด์ พ่อแม่ไม่ต้องจ่ายค่ะ (คุณแม่คนไทยหลายคนแฮปปี้ บอกว่าโง่ มีเรียนฟรีไม่เรียน จะไปเรียนให้เสีย 30.000 บาท ฮาาา)

อ้อ... เด็กที่นี่ ถ้าอายุไม่เกิน 17 จะได้เงินจากรัฐ เดือนละ 100 ยูโรโดยประมาณ
(ส่วนคุณแม่ที่มีลูกอายุแรกเกิดถึง 3 ขวบก็มีเงินเดือนประจำ หลายร้อยยูโร ต่อเดือน)


งานฝีมือนางก็ชอบ ชอบช่วยแม่ซ่อมบ้าน อย่างวันนี้ช่วยปูกระเบื้อง





ดำน้ำตื่นที่ฟลอริด้า พ.ย. 2016 นางไปใหนจะต้องสื่อสารกับคนสอนด้วยตัวเอง เพราะนางกลัว หรือ สั่งอาหารจะต้องสั่งด้วยตัวเองเพราะกินยาก หลายทริปพ่อครัวยกอาหารมาเสิรฟนางด้วยตัวเอง นางจะปลื้มที่สุดเพราะว่าได้เห็นพ่อครัวตัวเป็นๆ ใส่ชุดขาวใส่หมวก คือเด็กๆ จะปลื้มกับบางอย่างที่เค้าคิดว่าเป็นฮีโร่

พฤติกรรมตรงนี้ เด็กที่พูดอังกฤษได้จะกล้าแสดงออกมากกว่าเพราะสื่อสารภาษาอื่นได้ไม่ใช่แค่ภาษาฟินน์







Create Date : 27 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2560 1:28:25 น. 3 comments
Counter : 1677 Pageviews.

 
เข้ามาอ่านครับ ยังไม่จบตั้งใจอ่านทุกตัวเลยครับ
คือรู้สึกว่าเคยอ่านจากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ว่าฟินแลนด์
จะไม่รีบหยัดความรู้ให้เด็กๆมากนัก คือจะให้เด็กมีกิจกรรม
สนุกสนามเยอะๆ เท่าที่เคยอ่านเจอ ผมว่าดีนะครับ เพราะเด็กๆ
ไม่ควรไปซีเรียสกะเขามากเกินวัย.... ว่าแล้วก็ขอไปอ่านต่อครับ


โดย: 城市猎人 (สมาชิกหมายเลข 4149951 ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2560 เวลา:1:40:17 น.  

 
อ่านถึงมีให้เรียนฟรีด้วย ผมชอบๆครับ
ดีจังอยากไปอยู่ฟินแลนด์เลยละครับ


โดย: 城市猎人 (สมาชิกหมายเลข 4149951 ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2560 เวลา:1:45:58 น.  

 
ใช่ค่ะ ระบบฟินแลนด์ จะไม่ยัดเยียด ให้เด็กเรียนแบบธรรมชาติ ซึ่งเด้กจะแฮปปี้มากกว่าค่ะ คือในช่วงแรกเด็กๆ จะอ่านเขียนช้า เพราะไม่เน้น เช่น เด็ก ป.3 หลายคน ระบบของฟินแลนด์ ยังอ่านไม่ได้ค่ะ(ในภาษาตัวเอง) ซึ่งจะไม่เป็นที่น่าแปลกหรือปมด้อยแต่อย่างใดค่ะ

แต่ลูกสาวเรียนระบบอังกฤษ+ฟินแลนด์ ไม่ได้เรียนระบบฟินน์เต็มตัว เพราะว่า ระบบของอังกฤษ จะเรียนหลายภาษา ระดับความยากในหลายวิชาจะเริ่มเร็วว่า เช่น คณิตฯ ฟิสิกส์ การคิดงานเขียน หรือการอ่าน เด็กป.2 ของโรงเรียนนี้จะอ่านได้เยอะแล้ว เขียนหนังสือของตัวเองได้เยอะแล้ว(แต่ก็ไม่เท่าเด็กไทยนะคะ) แต่ของฟินแลนด์จะยังอ่านได้ไม่กี่คำ เพราะเค้าจะไม่เน้นเรื่องนี้เลย เด็กก็ไม่เครียดค่ะ

แต่โรงเรียนของอังกฤษตรงนี้จะไม่ทิ้งมาตรฐานของระบบตัวเอง เพราะไปอิงกับระดับความเป็น International ซึ่งมาตรฐานต้องใกล้เคียงกับประเทศอื่น เพราะเด็กๆมีการเยี่ยมเยียนกัน ลิ้งค์หากันในประเทศอื่นได้ เพราะเค้าเตรียมเด็กให้ออกไปเรียนประเทศอื่นในมาตรฐานของการแลกเปลี่ยน ซึ่งของฟินแลนด์จะไปใหนไม่ได้ ในช่วงนี้ค่ะ เพราะเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่ก็จะไปตามกันทันช่วงเด็กโตค่ะ

เรื่องการเรียนฟรีเป็นเรื่องดีมากๆ และอย่างที่เล่า นอกจากเรียนฟรีแล้ว เด็กที่นี่มีเงินเดือนทุกคน คนละ 100 ยูโร โดยประมาณจนถึง 17 ปีค่ะ


โดย: Lee Jay วันที่: 27 พฤศจิกายน 2560 เวลา:7:38:10 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Lee Jay
Location :
Nurmijärvi,Vantaa,Helsinki Finland

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 143 คน [?]




ชื่อ ลี ค่ะ เป็นป้ารุ่น เกือบ เลขที่ 5 เข้าทีมวัยรุ่น
ไม่ได้อัดบล็อกเกือบ 3ปี

pub-3852458659373246
New Comments
Friends' blogs
[Add Lee Jay's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.