|
เชื่อไหม ? ในชาตินี้...บางคนและผมโชคดีที่สุดอย่างน้อย 3 ครั้ง
โชคดีที่สุดอันดับแรก คือ ได้เกิดมาเป็นคนและครบ 32 ประการ (มาสว่างแล้ว แต่จะไปสว่างหรือมืด ก็เป็นไปตามที่เลือกและกระทำบาป-บุญไว้ ในชาตินี้)
โชคดีที่สุดอันดับสอง คือ ได้เกิดมาพบพุทธศาสนา (หลังจากมาสว่าง ก็ยังได้พบหนทางไปสู่ความสว่าง ในภพหน้าอีก)
โชคดีอันดับสาม คือ ได้เกิดบนพื้นแผ่นดินไทย และได้เป็นข้าพระบาทพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ (หลังจากมาสว่างแล้ว ก็ยังได้พบสิ่งที่จะได้กตัญญู จงรักภักดี เพื่อสั่งสมความดีให้ไปสู่ทางสว่างในภพหน้าอีก)
มีเรื่องเล่าอุปมาอุปไมยเกี่ยวกับการมาเกิดเป็นคน (อีกครั้งในชาติหน้า)ว่ายากลำบากแสนสาหัสมากแค่ไหน ลองอ่านดูแล้วจะรู้ว่ายากจริงๆ
ในทะเลอันกว้างใหญ่ มีเต่าตาบอดอาศัยอยู่ และในทะเลจะมีห่วงขนาดโตกว่าหัวของเต่าเล็กน้อยลอยอยู่ ว่ากันว่า ทุกๆร้อยปี เต่าจึงจะโผล่ขึ้นมาหายใจเหนือทะเล หนึ่งครั้ง ถ้าหัวของเต่ารอดห่วงได้พอดี ก็จะมีคนมาเกิด 1 คน
และมีสิ่งสำคัญมากที่สุดอีกอย่างหนึ่งที่ทุกคนควรรู้ คือ มีแต่ "คน" เท่านั้น ที่สามารถเรียนรู้ ฝึกฝน และพากพียรให้หลุดพ้นได้ ไม่ต้องมาเกิดอีกตลอดไป แม้แต่"เทวดา"ทุกองค์ ทุกชั้น ถ้าต้องการหลุดพ้น ก็ต้องจุติ (ตาย) มาเกิดเป็นคนก่อนเสมอ "สัตว์ต่างๆ" ก็เช่นกัน ถ้าต้องการหลุดพ้น ก็ต้องมาเกิดเป็นคนก่อนเสมอ เช่นกัน
ดังนั้น การเกิดเป็นคนจึงเป็นความโชคดีที่สุดอย่างแรกในชาตินี้ ยืนยันจากสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ที่ทรงแนะนำด้วยพระเมตตาว่า ก่อนที่จะหลับนอนทุกคืน ควรตั้งจิตให้มั่นว่า "ถ้าการนอนครั้งนี้และจะถึงคราวตายไป ขอให้เกิดเป็นคนทันที..." (ยังมีประโยคต่อจากนี้จะบอกให้ในลำดับต่อไป)
นี่คือ... การมาสว่าง การเกิดมาเป็นคนในชาตินี้ ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร ก็นับว่าเป็นความโชคดีที่สุด เป็นบุญอย่างหนึ่ง
ถ้ามี... สัมมาทิฏฐิ มีสติปัญญา ฯลฯ ก็จะช่วยให้ "คิดดี พูดดี ทำดี "ทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น (ส่วนรวม) เป็นการสั่งสมบุญให้มีมากขึ้นเรื่อยๆ ตามวันเวลาที่ผ่านพ้นไปตลอดเวลา
ใครที่ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าในเรื่องราวที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคต ก็ย่อมมีเวลาที่จะศึกษา หาความรู้ในธรรมะ ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบสัจธรรม (ความจริง) และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณนำมาเผยแผ่ให้สัตว์โลกทั้งหลาย ได้รับทราบและปฏิบัติตามกำลังศรัทธา
เป็นที่แน่นอน... ถ้าใครสั่งสมความดีไว้มากพอตลอดเวลา ย่อมมั่นใจ ย่อมเชื่อในบุญที่มี จึงย่อมทำให้ไม่เกรงกลัวความตาย (จากไปในชาตินี้) ที่จะมาถึง ในวันข้างหน้า และพร้อมที่จะตายเพราะรู้ว่าชาติหน้า ภพหน้า มีสิ่งดีงามมากมายรออยู่ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ถึงคราวจะสิ้นชีพ บุญก็ช่วยให้เป็นสุข"
แต่น่าแปลก... ในปัจจุบันยังมีผู้คนที่เป็น"พุทธศาสนิกชน"อีกมากมายที่แม้แต่ศีลห้า ก็ยังทำได้ไม่ครบ เช่น
บางคน...ยังชื่นชอบ หรือไม่รู้ว่าการลักทรัพย์ของผู้อื่น เป็นการทำบาป บางคน...ยังใช้โปรแกรม/เกม/เพลง/วีดีโอ/ภาพยนต์/เสื้อผ้า ฯลฯ ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ ทั้งทำด้วยตนเองและซื้อให้ลูกหลานอยู่เสมอ ฯลฯ
เมื่ออดีต... ผมก็เหมือนคนอื่นๆ เคยใช้โปรแกรม/เกม/เพลง/ภาพยนต์ ฯลฯ ไม่มีลิขสิทธิ์อยู่บ่อยๆ
ปัจจุบัน... เมื่อเริ่มคิดได้ว่าไม่ควรทำ ก็พยายามหักห้ามใจ หักห้ามกิเลส เตือนตนเองบ่อยๆ ฯลฯ ช่วยทำให้เริ่มทำบาปน้อยลงเรื่อยๆ และตั้งใจจะไม่ทำบาปในเรื่องนี้ ให้ได้ในอนาคต เช่น
ซื้อ MP3 แทนการซื้อแผ่นผีรวมเพลง
ใช้โปรแกรม Opensource Shareware ฯลฯ แทนโปรแกรมลิขสิทธิ์ ทั้งจากการบังคับของหน่วยงานและจากตนเอง
ซื้อดีวีดีภาพยนต์ที่ถูกกฎหมายหมายขึ้นเรื่อย ๆ ยกเว้นดีวีดีหนังแนว AV ที่ยังต้องซื้อจากแผ่นก๊อป
ในอนาคต...ถ้าจะเล่นเกมคอมฯ หรือจากเครื่องเล่น (Console) จะซื้อแผ่นเกมที่มีลิขสิทธิ์
เชื่อไหม !?! หลังจากที่ได้หักห้ามใจ ฝืนใจ ฝืนกิเลสบางอย่างได้บ้างแล้ว และ"ลด"การทำ"บาป" ลงเรื่อยๆ รู้สึกมีความสุขมากขึ้น ภาคภูมิใจตนเองมากขึ้น ฯลฯ เกิดความมั่นใจว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ เป็นหนทางที่ก้าวเดินไปสู่ความสว่างของชีวิตในวันข้างหน้า ในภพหน้า
ยังมีต่อ
Create Date : 30 กันยายน 2552 |
Last Update : 30 กันยายน 2552 19:23:57 น. |
|
2 comments
|
Counter : 323 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: อ้อ (sandseasun ) วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:18:16:02 น. |
|
|
|
|
Learn and Live |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
"อย่าประมาท" เพราะความประมาทคือหนทางแห่งความตาย (ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า)
"สติ" คือ ธรรมะที่มีอุปการะมาก
วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ : คนล่วงทุกข์ได้เพราะ"ความเพียร"
นตฺถิ ปณฺญาสมา อาภา : แสงสว่างเสมอด้วย"ปัญญา"ไม่มี
มรสุมบนพื้นมหาสมุทร มิได้ ทำความกระทบกระเทือนส่วนลึกของมหาสมุทร ฉันใด บุคคลที่"รู้แจ้ง"เห็นจริงในชีวิต ย่อมไม่สะดุ้งสะเทือนต่อชะตาชีวิตของตน ฉันนั้น (วิลเลียม เจมส์ บิดาจิตแพทย์ของอเมริกา)
ไม่สำคัญว่าเรามี"มาก"เท่าไหร่ แต่สำคัญว่าเรามี"ความสุข"มากแค่ไหน (ชาร์ลส สเปอร์เจียน)
เมื่อ"ความคิด"เปลี่ยน "ชีวิต"จะเปลี่ยน (อย่างแน่นอน) (นิรนาม)
"เธอจงระวัง"ความคิด"ของเธอ เพราะความคิดของเธอจะกลายเป็นความประพฤติของเธอ เธอจงระวัง"ความประพฤติ"ของเธอ เพราะความประพฤติของเธอจะกลายเป็นความเคยชินของเธอ เธอจงระวัง"ความเคยชิน"ของเธอ เพราะความเคยชินของเธอจะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอ เธอจงระวัง"อุปนิสัย"ของเธอ เพราะอุปนิสัยของเธอจะกำหนด"ชะตากรรม"ของเธอชั่วชีวิต" (หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง)
|
|
|
|