Group Blog
 
All blogs
 
[Web]Lead 『MOVIES4』 Official Interview PART1

Lead 『MOVIES4』 Official Interview PART1
จากเพลง 「Giragira Romantic」ในปี 2009 มาจนถึงเพลง「My One」ในปี 2015 ทั้งหมด11ผลงาน และเป็นการออก 「MOVIES」ซึ่งเป็นการออกในรอบ ระยะเวลา 7ปี Music Video
ก้าวผ่านช่วงเวลาอันตรายที่ไม่อาจจะสามารถผลิตMusic Videoออกมาได้、 ข้ามผ่านปีที่เดบิวครบรอบ 10 ปี、 หัวหน้าวงนาคาโดอิ ฮิโรกิ ลาออกจากวงการบันเทิง、 เริ่มบทที่2ในการเป็นLead 3 คน……จนสามารถพูดได้เลยว่ามีการเคลื่อนไหวแบบรุนแรงมาก ในช่วงระยะเวลา 7ปี
สมาชิกในวง ทานิอุจิ ชินยะ ฟุรุยะ เคตะ และคากิโมโตะ อากิระที่จะมานั่งย้อนอดีตและห้สัมภาษณ์


――ก่อนอื่นเลยก็ถามความเห็นตรงๆตอนเวลาที่ได้ย้อนกลับไปดูMusic Videoของระยะเวลาราวๆ 7 ปีแบบรวดเดียวว่าเป็นยังไงกันบ้าง
A  ก่อนที่จะได้ไปอัดเสียงบรรยายนั้น ก็ได้ไปดูกันที่บ้านพร้อมกันทั้ง3คนมาแล้วก่อนรอบนึง ถ้าจะให้พูดถึงความรู้สึกเลยแบบตรงๆแล้วล่ะก็…เป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ(หัวเราะ) มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในเวลา 7 ปี กับ 11ผลงาน เพราะว่าได้ผ่านสิ่งเหล่านั้นแล้วถึงได้มีพวกเราที่เป็นรูปร่างแบบในตอนนี้
S เมื่อก่อนก็จะ ทำตัวหยิ่งๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นความหยิ่งในความหมายในทางด้านที่ดีแล้วยังเอามาอ้างด้วย
A ก็แสดงออกมาได้ทางสีหน้าเลยเนอะ ?
S คิดว่าเป็นช่วงที่แสดงออกไปในช่วงปี 2009ครับ เป็นช่วงที่ไม่รับ ไม่ฟังคำแนะนำของคนรอบๆตัวเลย แต่ว่าหลังจากนั้นมาหน้าตาถึงจะดูค่อยๆอ่อนโยนขึ้นมาเรื่อยๆก็เถอะ (หัวเราะ)
A ใช่แล้วล่ะ เพราะงั้นพอได้ไปดูพวกภาพวีดีโอเก่าๆแล้ว ก็คิดกับตัวเองว่า「น่าจะทำแบบนี้ไว้ให้มากกว่านี้ !」
K ก็เพราะว่าในตอนนี้นั้น ก็ได้ จัดการกับแต่ละผลงงานอย่างรู้ทิศทาง วางเป้าหมายไว้แล้วไงล่ะนะ ตอนนั้นเองก็ยังเด็กอยู่ ยังอยู่ในช่วงวัยเลขสิบมีอารมณ์คึกคะนองแบบ 「ลุยไปเลย !」 แล้วก็มี ความความรู้สึกแบบ「นี่ มองฉันเอาไว้ให้ดีนะ !」แต่เป็นในทางด้านความหมายที่ดีด้วย แต่ก็เพราะคิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เลยทำให้รู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้วก็สามารถที่จะทำได้ไปหมดแล้ว

―― ในฤดูใบไม้ผลิปี 2013 ได้มีการประกาศลาออกจากวงการบันเทิงของหัวหน้าวง นาคาโดอิ ฮิโรกิ แล้วผลงานสุดท้ายที่เป็นผลงานของทั้ง 4 คนก็คือเพลง「Still」 ผลงานต่อมากับเพลง「Upturn」ที่กลายเป็น 3 คน อย่างผลงานเหล่านั้นเองก็ได้มีรวมอยู่ในดีวีดีนี้ด้วยนะ
S เป็นอีกครั้งนึงที่ทำให้คิดพอได้มาดูรวมเดียวแล้วว่าก็เป็น 7 ปีที่มีความหมายอันใหญ่หลวงมากสำหรับ Lead ครับ

―― ถ้างั้นแล้ว จะขอถามถึง ส่วนที่ควรจะต้องจับตามองของในแต่ละผลงานด้วยละกัน ก่อนอื่นก็เพลง 「Gira Gira Romantic」(8/2009)
A Music Videoเพลงนี้ ก็มีเหล่าเด็กผู้หญิงที่ถ่ายด้วยกันเป็นเมนครับ(หัวเราะ)
K ก็มีพลังแบบประมาณว่า ฉันนี้แหละเป็นที่ 1 !(หัวเราะ) ในบรรดานั้นแล้ว ผมก็ชอบออร่าทีมีความเป็นเฉพาะตัวของฮิโรกิแบบ “คุณครูโรงเรียนอนุบาล”ครับ
A ก็มีซีนที่เด็กๆมารวมตัวกันทางฮิโรกิ เหมือนแบบว่า ทุกๆคน มารวมตัวกันตรงนี้เร็ว!(หัวเราะ)
S เป็นซีนที่ทำให้เห็นอิมเมจของแต่ละคนออกมาแบบชัดเจนเลยเนอะ ของผมก็เป็นทำหน้าแบบเศร้าๆอยู่…แต่ก็เอาเถอะ มันก็เป็นบรรยากาศของตัวผมในตอนนั้นมันเป็นแบบนั้น ไม่ได้ฝืนทำอะไร…(หัวเราะ)

――ในเพลง 「SPEED STAR★」(7/2010)ก็มีลักษณะเด่นตรง CGที่ใช้ในนั้นเนอะ
K ก็เป็นท่าเต้นจาก KEIคุง ที่ตอนนี้เองก็ยังได้ร่วมงานกันอยู่ ได้มาทำการออกแบบท่าเต้นให้เป็นครั้งแรกครับ ตั้งแต่ตอนนั้นเลยเป็นท่จับตามอง แล้วก็เป็นครั้งแรกด้วยที่ได้นำการเต้นที่เรียกว่าเป็นแบบนิวสคูลเข้ามาใช้เป็นครั้งแรก ก็มีความยากแบบที่ทำให้ต้องคิดว่า การเคลื่อนไหวแบบนี้นี่มันอะไรกันน่ะ?ด้วย คิดๆว่า ลำบากจังเลยนะ~ แล้วก็ต้องจำท่าเต้นไปครับ
S ก็ต้องรับมือกับมามาน่ะนะ ฉากที่มีการเอาอโครแบติคมาใช้ก็มีด้วยเหมือนกันครับ
A ท่าเต้นในท่อนแร็พเองก็ไม่ได้เอามาใช้ในไลฟ์เลยซักครั้งนึงจนมาถึงตอนนี้นะ
K นันมันก็น่าสนใจดีเนอะ
A เป็นเพราะพวกเราต้องถือไมค์ไว้ในมือตลอด ที่จะเอาท่าเต้นตรงนั้นมาใช้อีกก็ทำให้ทำไม่ได้เลย เพราะงั้นแล้วก็เลยไม่เคยได้เอามาใช้อีกเลยครับ
S แต่ว่าตั้งแต่ทัวร์ฤดูร้อนของปีที่แล้วก็ได้เริ่มเอาเฮดเซ็ตเข้ามาใช้แล้วก็สามารถที่จะเอาท่าตรงนั้นมาเต้นได้นะ แล้วท่าเต้นที่ทำมือ“วาดเป็นรูปดาว”ที่อากิระเป็นคนคิดก็เป็นส่วนที่ต้องจับตาดูครับ
A ถึงรูปร่างของดาวที่ทุกๆคนทำออกมาจะดูแตกต่างกันออกไปก็เถอะนะ(หัวเราะ)
SK (หัวเราะ)
A แต่ถ้าเป็นตอนนี้ทุกๆคนก็ทำออกมาให้เป็นรูปร่างเหมือกันเป๊ะๆได้แล้วนะ! เป็นเพราะทุกทีเวลาเคตะวาดรูปดาวลงบนกระดาษเองก็วาดได้ไม่มีเหมือนกันไงล่ะ
K ก็วาดรูปดาวไม่เก่งนี่…(หัวเราะ)

―― ผลงานที่เป็น Music Videoตั้งแต่ เพลง「SPEED STAR★」(8/2010)ไปจนถึงเพลง 「Wanna Be With You」(3/2012)ก็ได้เว้นช่วงไปปีครึ่ง แต่ว่าก็ทำให้คิดได้ว่าเป็น 2 ผลงาน ที่ได้เห็นบรรยากาศของทุกๆคนที่เหมือนเปลี่ยนไปเป็นเหมือนคนละคนเลย
K ความชอบในเรื่องภาพของแต่ละคนก็ต่างกันไป แล้วก็สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวของพวกเราเองก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้งเชิงด้วยเหมือนกัน
S ตั้งแต่เพลง「Wanna Be With You」เป็นต้นมา ก็สามารถที่จะพูดความเห็นของพวกเราออกมาได้ แล้วก็เป็นผลงานที่ได้สะท้อนถึงสิ่งนั้นออกมาได้ด้วยครับ

―― ในปี 2011ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้มีผลงานอะไรออกมาเลย แต่ก็มีเพลง ถึงเพลง(「24HRS」「CAN’T STOP」「Wanna Be With You」)ที่ได้เปิดให้โหลดกัน แล้วก็มีซิงเกิ้ลที่ 18th「HURRICANE」ออกมาด้วยสินะ
K ที่เป็นMusic Videoแล้ว เพลง「HURRICANE」ก็ไม่ได้มีออกมาให้ได้เห็นแต่ก็เป็นผลงานที่อัดแน่นไปด้วยความนึกคิดของพวกเราครับ แต่ว่าก็ได้อยู่ในสถานการณ์แบบหน้าสิ่วหน้าขวาน จนถึงขั้นไม่อาจจะสามารถทำการถ่ายทำMusic Video ออกมาได้ เมื่อกี๊เองก็ได้พูดถึงสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราไปอยู่เหมือนกัน แต่ว่า ในช่วงเวลานั้นเอง ก็ได้รับคำแนะนำเข้ามาว่า「เพื่อที่จะเป็นใหญ่เป็นโตให้ได้มากกว่านี้แล้ว ก็ต้องเปลี่ยนให้ได้ 」 ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มากครับ แต่ว่าพวกเราเองก่อนข้างที่จะทำตัวเขื่องๆไม่ฟัง ปล่อยมันผ่านไปมั่งล่ะ แบบถึงไม่พูดก็รู้อยู่หรอกน่า!เป็นช่วงที่มีแต่ความขุ่นเคือง คัดค้านอยู่เต็มไปหมดครับ จนอาจจะทำให้โดนคิดได้แบบว่า 「ไอ้เจ้าพวกเด็กนี่มัน!」ก็เป็นได้ (หัวเราะ) แต่ว่า ก็เป็นเพราะยังมีคนที่ไม่ยอมแพ้ แล้วก็ยังพูดแบบนั้นอยู่ต่อมาเรื่อยๆ เพราะงั้นแล้วเลยคิดว่า เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางด้านการแสดงออกทางด้านของสีหน้าเองก็เลยอาจจะทำให้ได้เห็นกันอยู่บ้างเหมือนกัน แล้วถ้าพูดถึงเรื่องของอารมณ์ความตื่นเต้นแล้วล่ะก็ มันก็ต่างจากก่อนหน้านี้ออกไปโดยสิ้นเชิงด้วย
A แต่ว่า ด้วยความรู้สึกเศร้า เจ็บใจที่ไม่อาจจะได้ถ่ายทำMusic Video เพลง「HURRICANE」เป็นจุดเริ่มต้น ก็เลยทำให้พวกเรานั้นคิดได้ว่าจะต้องทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ได้มีการถ่ายทำMusic Videoให้ได้

―― แต่ถ้าว่าได้ทำMusic Videoออกมาแล้วจะออกมาเป็นแบบประมาณอารณ์ไหนเหรอ?
S ก็อยากจะเอาลมเข้ามาใช้นะ
A ใช้รันเวย์ ลานบินก็ดีเนอะ
K ก็เพราะมีอิมเมจของเบสบอล ก็เลยอยากจะเอาภาพลักษณ์ของทีมเบสบอลมัธยมปลายมาใช้ดูนะ

―― ที่ได้ผ่านเลยช่วงเวลาแบบนั้นมาแล้ว เพลง「Wanna Be With You」ที่เคยได้เปิดให้ทำการโหลดกัน ก็ได้มีหมายกำหนดการให้ได้ออกมาเป็นในรูปแบบ CD สมาชิกในวงเองก็ได้ทำการเปลี่ยนเขียนเนื้อเพลงส่วนนึงขึ้นมาใหม่ แถมยังได้เริ่มเปิดOfficial Channelทาง YouTube และมีการลองอัพโหลด Music Videoททั้งหมดแบบเต็มๆลงไปด้วย กับเรื่องนี้มีอะไรที่รู้สึกเปลี่ยนไปมั่ง?

S  ทั้งเรื่องที่ได้ลองนึกดูถึงทุกอย่างที่ได้ผ่านมาเอง แต่ละคนๆต่างก็มีแต่การที่พึงนึกคิดอยู่เสมอว่า ตัวเองก็คือตัวเอง ตัวใครตัวมันอยู่สูงมาก แต่ว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกๆคนก็เริ่มต่างตั้งใจหันหน้าเข้าหากัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แล้วก็มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะสร้างผลงานออกมาครับ
K ใช่แล้วล่ะ ตอนี่พอมานั่งคิดดูว่า จุดแข็งของ Leadคืออะไร ยังไงๆแล้วก็คงจะเป็นเรื่องของการเต้น ที่พร้อมเพรียเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้างั้นแล้ว จะทำยังไงเพื่อที่จะให้ได้เห็นการเต้นนั้น แล้วก็ทำให้ได้เห็นถึงการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันครับ
A ก็ได้เริ่มทดลองทำดูตั้งแต่ Dance Cornerครับ ก็ได้มีการพูดคุยกันว่าจะเอา Dance Cornerไปใช้ในที่ตรงไหนดี
K อย่างYouTubeเอง ก็ได้เริ่มจากเป้าหมายที่ว่า เพื่อที่จะดึงดูดสายตาคนก็เลยค่อนข้างที่จะใส่แรงลงไปในการทำออกมาอยู่
S ก็มีช่วงที่ได้เอาอโครแบติคใส่ผสมลงไปด้วยนะ ไว้อยากจะทำแบบนั้นอีกจัง
A ก็ได้มีการพูดคุยเรื่องโครงการที่จะทำแบบนั้นอยู่บ้างพอสมควรนะ ก็เพราะว่าเป็นPerformance Groupก็เลยสามารถที่จะทำแบบนั้นได้ แล้วก็อยากจำเรื่องที่น่าสนใจๆ

―― ผลงานต่อมาก็เป็นอัลบั้ม『NOW OR NEVER』(7/2012 )กับเพลง「Stand and Fight」
A ในMusic Videoเพลงนี้ก็มีอิมเมจเป็นสีแดงและสีดำ ในไลฟ์เองก็ได้ทำให้เป็นออกมาเหมือนกัน พูดถึง“สตาร์ไฟท์”แล้วยังไงๆก็ต้องเป็นสีแดงกับดำใช่มั้ยล่ะ ก็เลยได้นำแสงสีแดงเข้ามาใช้ด้วยครับ
K ถ้าพูดถึงเรื่องคุณภาพแล้ว อันนี้อาจจะทำให้คิดว่ามาเป็นอันดับเลยก็ว่า1ได้มั้ง แล้วก็ชอบด้วย
S พื้นที่ที่ให้พวกเราได้ใช้เต้นนั้นก็ทำให้ได้เห็นว่า ลึกแล้วก็กว้าง แต่นั่นก็เป็นเพราะใช้แสงช่วยด้วยครับ อัดแน่นไปด้วยไอเดียและเทคนิคของทางสต๊าฟครับ
K ใช่แล้วล่ะ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจในส่วนนั้นอยู่เหมือนกัน คิดว่าทำให้รู้สึกได้ถึง“การต่อสู้ ” เหมือนได้ร้องเพลงอยู่ท่ามกลางตรอกคอนกรีต
S นอกเหนือจากตอนเปิดที่มีการเต้นแบบอโครแบติคแล้ว ในช่วงของทำนองเพลงเองก็ได้การลองเอาอโครแบติคเข้าไปเต้นร่วมด้วยเป็นครั้งแรก ก็ลำบากอยู่เหมือนกันล่ะ
K ในตอนไลฟ์เอง การที่มีชินยะทำอโครแบติคเองก็เป็นเหมือนอะไรที่จะต้องทำอย่างเป็นประจำไปแล้วด้วยนะ สิ่งนั้นเองก็ยังส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ ก็คิดว่าดีแล้วล่ะที่ได้ทำแบบนั้น
S ตั้งแต่เพลง 「Wanna Be With You」มา 4ผลงาน ก็ได้นักทำเพลงจากต่างประเทศมาทำเพลงให้ เรื่องของซาวน์เองก็เลยตะค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ เช่นกัน ตอนที่ทำการตัดต่อMusic Videoเองก็เริ่มที่จะได้ไปดูขั้นตอนของการตัดต่อ ก็เลยไม่ใช่แค่ว่า อยากที่จะให้ได้ถ่ายทำในแบบไหน แต่เป็นการใส่ใจในเรื่องของเนื้องานขึ้นมาด้วยครับ。
A หลังจากที่รู้สึกแย่กับเพลง 「HURRICANE」ไปแล้ว แล้วสามารถที่จะกลับมาได้ถ่าย Music Videoอีกครั้งนึง ก็ได้ตั้งใจทำมันออกมาจริงๆครับ แน่นอนว่าก็ไม่ใช่ความคิดที่เป็นเพียงแค่ของพวกเราออกมา แต่ก็เป็นไอเดียที่ได้ออกมาร่วมกันกับคนมากมายแล้วก็สำเร็จออกมาเป็นผลงานครับ

―― ผลงานในชุดนั้น ก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจอันแรงกล้าของทั้ง 4 คนเลยล่ะ
K ข้อสรุปล่วงหน้าเลยก็คือ“กรารสื่อสาร”แต่ว่า ถ้าทุกๆคนไม่ได้มีความรู้สึกในแบบเดียวกันแล้วก็ไม่อาจที่จะสื่อออกไปได้ สิ่งที่รู้สึกขึ้นมาได้หลังจากในช่วงนั้นแล้วมันก็ได้สานต่อมาจนถึงในทุกวันนี้
ทำให้รู้สึกได้ว่า สิ่งที่ได้เริ่มต้นขึ้นใน “Wanna be” ได้เป็นหลักอยู่ในตัวของพวกเราแล้ว
A แล้วการเต้นหลังจากนั้น ก็เริ่มทำให้คิดว่า “ถ้าหยุดไปเพียงแม้แต่วินาทีเดียวก็ไร้ค่า” เลยจะไม่หยุด แล้วก็จะเต้นต่อไปเรื่อยๆ
S  ยังไงแล้วก็ได้ให้ความใส่ใจกับเรื่องสิ่งที่ได้อัดลงไปอยู่ในนั้นเป็นพิเศษครับ
A ก็อยากจะสื่อผ่านไปถึงคนที่ได้ดูรายการชาร์ตเพลง หรือรายการเพลงตอนที่ได้เห็นMusic Videoถึงเพียงจะแค่พริบตาเดียวว่า Leadน่ะเต้นแบบราวๆนี้นะ เพราะงั้นแล้ว ท่าเต้นของในคอรัสที่1และคอรัสที่2 นั้นก็แตกต่างกันหมดเลย แบบว่าถึงจะดูต่อไปเรื่อยๆยังไงก็ไม่มีทางเบื่อ
S โดยพื้นฐานแล้ว ก็จะมีส่วนที่ซ้ำๆอยู่เยอะ แต่ว่า พวกเราก็ได้ใส่ใจลงไปในส่วนนั้น ให้ดูเหมือนราวกับว่ากำลังได้ดูDance Cornerอยู่เลย โดยเฉพาะ ที่ให้ความรู้สึกว่าสดใหม่นั้นได้จบลงไปใน หนึ่ง หนึ่งเพลง … แต่ในส่วนที่กว่าจะทำออกมาได้แบบนั้นแล้ก็ค่อนข้างที่จะใช้เวลาไปมากอยู่ ไม่ใช่แค่ว่าจะทำส่งๆออกมา ก็มีทำซ้ำบ้างในช่วงที่คิดว่าดีก็มีเหมือนกัน
A ถ้ามาคิดดูในตอนนี้แล้ว ถ้ารวม K-POPเข้าได้ด้วย ก็เป็นช่วงที่Dance Vocal Unitนั้นมีเพิ่มขึ้นมาเยอะเลย แล้วพวกเราเองก็คงจะคิดว่าพวกเราก็ต้องยืนยัน ทำให้ได้เห็นถึงจุดยืนที่ชัดเจนของพวกเราด้วย

―― การที่ใครก็ได้ จะสามารถได้เห็น ได้ดู Music Videoทาง YouTubeได้แบบง่ายๆนั้นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่สินะ
S ก็เพราะว่าเป็นแบบนั้นแล้ว ส่วนที่ยากมันก็มีเหมือนกันไงครับ เพราะว่าในสมัยก่อนมีโอกาสที่จะทำให้หาดูกันได้น้อย ก็เลยทำให้ของแถมของ CDนั้นมีคุณค่า แต่พอใครก็ได้นั้นสามารถดูได้แล้ว ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของทางด้านคุณค่า
A แต่ก็เพราะเป็นว่า ทำให้มีคนได้เห็นกันมากมาย ในทางกลับกันเลยทำให้มีความคิดที่ว่าไม่อาจที่จะเอาของที่ทำได้แค่แบบครึ่งๆกลางๆออกมาให้เขาได้ดูกันได้

―― Music Videoที่เมื่อก่อนดูทางโทรทัศน์ ก็ได้กลายเป็นยุคที่เริ่มเอาไปดูกันทางโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนกันไปแล้วนะ
S ในปี2009ยังใช้โทรศัพท์มือถือแบบฝาพับอยู่เลย พอมาคิดๆดูถึงกระแสแบบนั้นแล้วก็เป็น 7 ปีที่สุดยอดไปเลยนะ
K ในช่วงสมัยเพลง 「SPEED STAR★」 สมาร์ทโฟนก็ยังเป็นแค่เรื่องโกหก ที่ผมทำท่าเอานิ้ววาดเป็นรูปดาวน่ะ ยังไงซะ ก็ต้องหันมาใส่ใจในเรื่องของยุคสมัยต่อไปกันได้แล้วล่ะ(หัวเราะ)

―― การเคลื่อนไหวนั้นก็เป็นอิมเมจของสมาร์ทโฟนที่เรียกว่า “flick”นี่
A ถึงเคตะในตอนนั้นก็ยังคงใช้โทรศัพท์มือถือแบบฝาพับต่อเนื่องมาซักระยะนึงก็เถอะ(หัวเราะ) ถ้าพูดถึงของการเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ในเพลง 「Wanna Be With You」แล้ว พวกเราก็ได้เขียนเนื้อเพลงของเพลงซิงเกิ้ลเองด้วยนะครับ
S ไม่ใช่แค่เพลงหลักที่เป็นเพลงซิงเกิ้ล ก็มีเพลงแถมด้วยนะ
A ในทางความหมายที่ดี พวกเราก็สามารถนำเอาตัวเองออกมาเสนอได้แล้วอยากจะเอาความนึกคิดของพวกเราเปลี่ยนออกมาเป็นคำพูด เพราะแบบนั้นแล้วจึงเกิดความคิดที่อยากจะเขียนเพลงด้วยตัวของพวกเราเองออกมาอย่างแรงกล้าเลยล่ะ
S ผมเองก็ได้เขียนเนื้อท่อนแร็พเพลง 「SPEED STAR★」อยู่ แต่ก็คิดว่าตัวเองนี่แย่จังนะ(หัวเราะ)
A วิธีการเขียนเนื้อเพลงท่อนแร็พของชินยะเปลี่ยนไปเนอะ

―― ต่อเนื่องจากนั้นก็อยากจะถามถึงเพลง「Still」(12/2012) จากเรื่องผลงานประสปความสำเร็จแล้ว ผลานนี้จะต้องเป็นผลงานสุดท้าย ของทั้ง 4นี่นะ ตอนนี้พอได้มานั่งนึกย้อนดูแล้ว มีคามคิดยังไงบ้างเหรอ?
A จริงๆแล้วก็มีช่วงที่คิดว่าซิงเกิ้ลนี้จะไม่ได้เป็นผลงานสุดท้ายของทั้ง4คนอยู่เหมือนกันครับ กับชื่อเพลง ที่ว่า Still= ยังคงดำเนินต่อไป นั้นก็มีความนึกคิดของฮิโรกิอัดแน่นอยู่ในนั้นด้วยเหมือนกัน
S ก็ได้ฟังความต้องการของฮิโรกิอยู่เหมือนกัน แต่ว่าในตอนนั้นก็เพราะว่ายังไม่ได้มีเรื่องของการลาออกจาวงการอย่างเป็นเรื่องเป็นราวออกมา ก็อยากที่จะเชื่อมั่นว่า ถ้าพวกเรานั้นเปลี่ยนแล้ว ความรู้สึกนั้นเองก็คงจะเปลี่ยนด้วยเหมือนกันล่ะมั้งนะ
ที่มีความคิดแบบนั้นแล้ว ก็คิดมาตลอดๆว่า ยังไงซะ ในเรื่องของการเป็นกลุ่มเป็นก้อน หรือเรื่องส่วนตัวแต่ละบุคคลแล้วถ้ายังไม่เปลี่ยน ก็คงจะไม่ได้
K ผมเองก็เหมือนกันนะ สิ่งที่ฮิโรกิได้แบกรับภาระเอาไว้มาจนถึงตอนนั้น มันช่างใหญ่หลวงซะเหลือเกิน แต่ผมก็กลับทำตัวอิสระเสรี ทำในสิ่งที่ชอบที่อยาก แล้วก็คิดว่าภาษลักษณ์ของตัวเองเป็นแบนั้นก็ดีแล้วนี่ แต่ว่าฮิโรกินั้น ต้องคอยแบกรับหน้าที่รับผิดชอบมาโดยตลอด พยายามทำแทนสิ่งที่ผมทำไม่ได้ (ไม่เก่ง) ตัวผมในตอนนี้นั้นก็เข้าใจถึงสิ่งนั้นซะจนเจ็บปวดได้เลยล่ะ
S ทั้งในส่วนที่สามารถเห็นได้ แล้วก็ในส่วนที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยเหมือนกัน ก็เพราะว่ามีเรื่องมายมาเหลือเกินที่คอยแบกรับเอาไว้แทน
K เพราะงั้นแล้ว ผมก็เลยคิดที่จะอยากทำอะไรก็ได้ถึงจะเป็นสิ่งที่เล็กๆน้อยๆก็ตาม แต่ก็อยากที่จะทำให้ฮิโรกิรู้สึกสบายขึ้น
แล้วก็มีความรู้สึกที่ เพราะว่าตัวผมเองก็อยากที่จะพยายามให้ได้มากขึ้นด้วย ทำให้ฮิโรกิได้เห็น ยังไงซะ ก็อยากจะเปลี่ยนแปลง อยากที่จะเปลี่ยน เอาแต่พูดว่าอยากจะเปลี่ยน อยู่แบบนั้นซ้ำๆ
S ผมเอง ก็ได้ใส่ใจ พยายามอยู่เสมอว่า เรื่องนี้ถ้าเป็นฮิโรกิแล้วล่ะก็ ฮิโรกิจะต้องทำแน่ๆ ผมก็จะเป็นคนทำเอง อยู่ด้วย
A พอคิดว่า ยังจะเป็น 4คนอยู่ใช่มั้ย? พวกเราก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง จะต้องทำอะไรให้จริงจังกว่านี้…ไม่งั้นแล้ว ฮิโรกิเอง ก็จะไม่อาจะเดินหน้าต่อได้ ความคิดทั้ง 2 อย่างนั้น ก็ได้มีเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน อาจจะไม่ใช่สุดท้าย แต่ก็มีความรู้สึกแบบตรงไปตรงมาว่าอยากที่จะทำต่อไป

―― สำหรับLeadเอง หรือแฟนๆเองก็ตาม ก็มีหลายๆผลงานกับหลายๆความทรงจำ Music Videoนี่เป็นสิ่งที่วิเศษไปเลยนะ
A ผมเองก็ชอบที่มันเป็นแบบนั้นมากเหมือนกันครับ
S สุดท้ายแล้ว ก็ยังคงมีความหวัง แต่ก็มีเพลงที่ได้แสดงออกถึงความอ่อนแอไป ด้านเสื้อผ้าเอง ก็มี2สี คือสีขาวและสีดำ เป็นแบบเรียบๆง่ายๆทั้ง2แบบ และได้แสดงความเชื่อมโยงไปถึงเนื้อเพลงที่ได้เปลี่ยนจากสีดำ ไปจนไปถึงเป็นสีขาวด้วย ผลงานนี้รวมถึงเรื่องของCamera Workเข้าไปด้วยแล้วก็ชอบมากๆครับ

―― “ยามเช้า”ที่ได้ใช้ถ่ายทำไปนั้น ก็เป็นแสงตอนเช้าของจริงด้วยสินะ?
A ใช่แล้วครับ (หัวเราะ) ถึงจะจัดแสงให้ดูเป็นแบบนั้นก็ได้อยู่ แต่ว่า พวกเราเองก็คิดว่าการที่ใช้แสงในตอนเช้าที่เป็นแสดงจริงจากธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่สำคัญครับ
S ของที่ทำให้เหมือนได้นั้นมันก็สามารถที่จะทำออกมาได้ แต่ยังไงมันก็จะยังเป็นได้แค่สิ่งที่ทำขึ้นมาให้เหมือนแค่นั้น ยังไงแล้วคิดว่า ไม่มีอะไรที่จะดีเท่าของจริงไปได้ครับ
K ในวันนั้นก็ได้เริ่มถ่ายตั้งแต่ภาพหน้าปก ต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ เพราะงั้นแล้ว กว่าแสดงตอนเช้าจะมานั้น ตานี่ก็หยีๆกันไป แล้วก็รอให้ข้ามคืนกันครับ(หัวเราะ)

―― ท่าเต้นก็เป็น ของ KEIซังกับLeadที่ต่อเนื่องมาจากเพลง 「Stand and Fight」

A ส่วนตัวผมแล้วมันก็เป็นท่าเต้นที่ชอบที่สุดตั้งแต่เคยมีมาเลยครับ
S โดยภาพรวมทั้งหมดแล้วผมเองก็ชอบท่าเต้นเพลงนี้มากเหมือนกัน
A  ตอนที่คิดท่าเต้น ก็มีช่วงวินาทีที่เป็นแบบ นี่ไง มาแล้ว!อยู่แต่ว่า จากท่าเต้นทั้งหมดที่มีมาในตัวเองมาจนถึงตอนนี้แล้ว ก็ชอบเป็นที่ 1 จนรู้สึกได้เลยครับ ถ้าจะให้ยกขึ้นมาเป็นพิเศษเป็นเพลงเดียว ก็คงจะต้องเป็นเพลงนี้เลย
S ที่มีมาจนถึงตอนนี้ ช่วงทาเต้นโซโลของการเต้นนั้น ส่วนมากก็จะเป็นฟรีแดนซ์ แต่ว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ได้ถ่ายทำแบบกำหนดว่าจะให้ใครเต้นไปเป็นโซนๆ แล้วตอนที่ทำการตัดต่อเองก็ไม่ได้มีการตัดออกหรือย่ออะไรออกไปเลยก็ชอบตรงนั้นล่ะครับ
K ถ้ารวมเรื่องที่ว่าเป็นMusic Videoสุดท้ายของทั้ง 4 คนเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ เป็นการถ่ายทำที่ไม่อาจจะลืมไปได้ตลอดชีวิตเลยครับ


◆ต่อ Lead 「MOVIES 4」 Interview PART2

Credit: //lead.tv/special/2566/
Thai-Translated by Kagimoto Y.y 13052015






Create Date : 13 พฤษภาคม 2558
Last Update : 20 พฤษภาคม 2558 19:50:39 น. 0 comments
Counter : 505 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kagimoto Y.y
Location :
Tokyo-->Ibaraki Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




follow me @KagimotoYy
facebook: Thai Leaders
メラメラสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539メラメラ
ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด

☆*゚ ゜゚*☆*゚ ゜゚*☆*゚ ゜゚*☆*゚ ゜゚*
New Comments
Friends' blogs
[Add Kagimoto Y.y's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.