.. ครูเกษียร หาเรื่องมาเขียนให้เด็ก ๆอ่าน ..

คิดถึงนราธิวาส

สมัยหนุ่มๆหลังจากเรียนจบจาก วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ได้มุ่งหน้าลงใต้สุดของประเทศไทย เพื่อบรรจุเป็นครูตามความตั้งใจ เพราะตั้งใจว่าเรียนจบแล้ว จะขึ้นเหนือสุดคือแม่สาย หรือลงใต้สุดคือสุไหงโลก หลังจากใช้เหรียญโยนหัวโยนก้อย ตกลงตามเหรียญคือไปเป็นครูที่สุไหงโลก

มีรุ่นพี่อยู่หนึ่งคนเป็นผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัดนราธิวาสสมัยนั้น ได้ลามาศึกษาต่อที่วศ.ประสานมิตร เลยไดไปพักบ้านท่าน แล้วสอบบรรจุ ก็ได้บรรจุสมความตั้งใจ การสอบสมัยนั้นยังไม่ยากเหมือนเดี๋ยวนี้ ทางการประกาศรับสมัคร 15 ตำแหน่ง แต่ที่นราธิวาส กลับมีผู้สมัครสอบเพียง 4 คน ผมสอบได้ที่หนึ่งเลยมีสิทธิเลือกโรงเรียน ก็เลยเลือกโรงเรียนบ้านสุไหงโกลก อำเภอสุไหงโกลก ไปรายงานตัวต่อศึกษาธิการอำเภอสุไหงโกลก ท่านขอให้ไปช่วยราชการ ที่โรงเรียนเปิดใหม่ ยังไม่มีครูมีนักเรียน มีแต่อาคารเรียน ชื่อโรงเรียน"บ้านลูโบ๊ะซามา" อาคารเรียนอย่าคิดว่าเป็นตึกเป็นอาคารนะครับ เป็นอาคาร หลังคาสังกะสี พื้นเป็นดิน มีฝาเตี้ยๆสูงประมาณ 1 เมตร นอกนั้นไม่มีอะไรเลย

ผมเองมิใช่คนในพื้นที่ แต่ทางศึกษาธิการอำเภอจัดครูให้อีกคน เป็นคนอำเภอตากใบ โดยแต่งตั้งผมเป็นครูใหญ่ ส่วนครูอีกคนก็จำเป็นต้องเป็นครูน้อย
ผมเองก็ตกใจ เพราะอยู่ดีๆ เป็นครูใหญ่ ทั้งๆที่ทั้งชีวิต ไม่เคยผ่านชีวิตครูมาเลย นอกจากตอนฝึกสอน ไม่เคยทราบว่าการเป็นครูจริงๆต้องทำอะไรบ้าง แต่ก็ตกกะไดพลอยโจน รับไป อ่อลืมบอกอายุตัวเองไป ช่วงนั้นอายุเพียง 20 ปีกับ 8 เดือน เป็นครูใหญ่แล้ว

"โรงเรียนบ้านลูโบ๊ะซามา" เป็นโรงเรียนในชนบท ห่างจากตัวอำเภอไปประมาณ 10 กม. สมัยนั้นการคมนาคมยังไม่สะดวก ผมปั่นจักรยานไปโรงเรียนได้ระยะทาง 7 กม. แล้วต้องฝากจักรยานไว้ เดินต่ออีก 3 กม.ถึงโรงเรียนบ้านลูโบ๊ะซามา เป็นหมู่บ้านชาวมุสลิมล้วนๆ ไม่มีไทยพุทธเลย และภาษาพูดใช้ภาษายาวีทั้งหมู่บ้าน มีบางคนที่พอพูดไทยได้บ้าง แต่กระท่อนกระแท่น ผมเองก็พูดภาษายาวีไม่ได้เลย แต่โชคดีครูอีกคนที่ไปอยู่ด้วยกันพูดได้ เลยเป็นล่ามให้ผมในระยะแรกๆ และขณะเดี่ยวกันก็สอนผมพูดไปด้วย

วันแรกที่เปิดรับสมัครนักเรียนสนุกมาก มีนักเรียนมาสมัครเรียนทั้งหมด 50 กว่าคน จำตัวเลขได้ไม่แม่นเพราะผ่านมานานแล้ว เลยแบ่งกันสอนกับครูอีกคน คนละครึ่ง ช่วงแรกๆขณะสอน มีผู้ปกครองมามุงดูรวมถึงชาวบ้านทั่วไปด้วย เพราหมู่บ้านไม่เคยมีโรงเรียนมาก่อน ยังกะมุงดูการแสดง ข้าวปลาอาหารชาวบ้านใส่ปิ่นโตมาให้ รับประทานกันไม่หมด บางคนเชิญไปรับประทานที่บ้าน ชาวมุสลิมเอื้อเฟื้อมีน้ำใจมาก จะลำบากช่วงถือบวช ที่เขาไม่รับประทานอาหารตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น จนดวงอาทิตย์ตก พวกเรา(ครู 2 คน) ก็เลยต้องอดอหารไปด้วย

การเป็นครูครั้งแรกยากจนมาก เพราะไม่กล้าขอเงินจากพ่อแม่แล้ว เพราะเรียนจบแล้ว เงินเดือนก็ประมาณ 3 - 4 เดือนจึงจะตกเบิก ไปโรงเรียนจักรยานก็ต้องยืมเขา(เจ้าของจักรยานที่ให้ยืม ก็กลายมาเป็นแม่ของลูกผมในปัจจุบัน)
จะเข้าเรียน พัก เลิกเรียน นาฬิกาก็ไม่มี ต้องใช้ไม้ปักเอาไว้ ดูเงาอาคารเรียน ถ้าเงาถึงไม้ก็เข้าเรียน ถึงไม้อีกอันก็พัก ถึงอีกอันก็เลิก วันไหนฝนตก หรือมีเมฆ ก็ ประมาณเอา ก็สนุกไปอีกแบบ

ชาวบ้าน เป็นคนมีน้ำใจ น่ารัก เอื้อเฟื้อ เคารพและนับถือมผมมาก ช่วงหลังเวลาไปโรงเรียนต้องเอากระสอบไปด้วย เพราะเขามีของฝากทุกวัน เช่น เงาะ ทุเรียน ลองกอง ตอนเย็นเลิกเรียนแล้วต้องแบกกระสอบกลับ มารับประทานที่บ้าน พร้อมฝากเพื่อนบ้าน ที่หน้าโรงเรียนมาร้านกาแฟ เจ้าของร้านผมเรียกว่า "กานิ" ซึ่งแปลว่า"พี่สาว" ในช่วงที่ผมไม่มีเงินเดือน ท่านก็ให้กินฟรีบ้าง ให้เซ็นต์ไว้บ้าง

พูดถึงร้านกาแฟ ในภาคใต้ขอบอกว่า เป็นที่รวมของประชาคมในหมู่บ้าน คนใต้ชอบดื่มกาแฟมาก และร้านกาแฟ เป็นที่พบปะสังสรรค์ของคนในหมู่บ้าน สารสุขทุกข์ดิบ ข่าวสารบ้านเมือง ข่าวสารในชุมชน ปัญหาในชุมชน จะมานั่งถกกันที่ร้านกาแฟ ผมเองก็ลยติดกาแฟตั้งแต่นั้นจนบัดนี้

ที่ภาคภูมิใจคือผมสอนนักเรียนไปประมาณหนึ่งเดือน นักเรียนก็ร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีได้ แม้เนื้อร้องและทำนองจะเพี้ยนไปบ้าง แต่ก็เป็นผลงานที่ภูมิใจมาก

บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าชาวบ้านพูดภาษาไทยไม่ได้ รวมทั้งลูกศิษย์ผมด้วย จะมีเพียงหนึ่งคน ที่พอจะพูดได้บ้าง เพราะอายุมากกว่าเพื่อน (ลืมบอกไปว่าเปิดเรียนเฉพาะชั้น ป. 1 เท่านั้น) ชื่อนาย"ดาโอ๊ะ" ช่วยเป็นล่ามกระท่อนกระแท่น สือสารระหว่างครูกับศิษย์ ขณะที่ผมสอนภาษาไทย ให้กับนักเรียน นักเรียนก็สอนภาษายาวีให้กับผมด้วย

ไปโรงเรียนตอนเช้าผมจะผ่านโรงเลื่อย(สมัยนั้นยังมีโรงเลื่อยอยู่) ผมก็จะขอเศษไม้เศษกระดาน จากโรงเลื่อย แล้วเอาผูกติกกับจักรยาน จากโรงเลื่อย เอาไปโรงเรียน เท่าจะเอาไปได้ วันละเล็กละน้อย ไปถึงก็ยืมขอเลื่อย ฆ้อน จากชาวบ้านมาประกอบเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ให้นักเรียน รวมถึงโต๊ะของครูด้วย ต่อมาเมื่อผู้ปกครองมาเห็น ก็ไปช่วยขนไม้มาให้ และช่วยกันทำ ไม่กี่วันนักเรียนผมก็มีโต๊ะเก้าอี้นังทุกคน โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณทางราชการ นอกจากผมเองต้องตัดใจควักเงินอันไม่ค่อยจะมี ซื้อตาปู ไปเอง เงินนั้นหรืออย่าว่าจะซื้อตาปูเลย จะซื้อข้าวกินยังเกือบไม่มี เพรามาได้เงินเดือนตกเบิกหลังจากเป็นครูไปแล้ว 3 - 4 เดือนตามที่กล่าวแล้ว อยู่ได้ด้วยน้ำใจของชาวบ้าน

การพัฒนาโรงเรียนก็ช่วยกันกับครูอีกคนนักเรียน ผู้ปกครอง เช่นไปตัดไม้ในป่ามาทำเสาธง ทำห้องน้ำห้องส้วม ทำรั้วโรงเรียน ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ จนเริ่มเป็นโรงเรียน การเรียนการสอนก็ราบรื่นไปด้วยดี จนอยากบอกว่าดีมาก เพราะหนึ่งปีผ่านไป นักเรียน อ่านออกเขียนได้ทุกคน ผมเองก็พูดภาษายาวีได้

พอเริ่มเปิดเรียนปีที่สอง มีนักเรียนมาเข้าเรียนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง ก็แยกเป็น ป.2 นักเรียนประมาณ 50 กว่าคน ผมสอนเอง ส่วนนักเรียน ป.1 ที่เข้ามาใหม่ ให้เพื่อนครูอีกคนสอน ตอนนี้ผมมีเงินซื้อจักรยานยนต์แล้ว เป็นรถรุ่น ซุปเปอร์คับ ไปโรงเรียนก็สะดวกขึ้น แต่รถก็ต้องล้างทุกวัน เพราะถนนเป็นโคลนเยอะ บางครั้งก็ต้องเข็น แต่ดีกว่าขี่จักรยาน กับชาวบ้านก็รู้จักกันหมดทุกคนในหมู่บ้าน หน้าผลไม้ก็ต้องหากระสอบใหญ่ขึ้นขนกลับบ้านเช่นเดิม

พออยู่โรงเรียนนี้ประมาณ 1 ปีกับ 6 เดือน ทางราชการสมัยนั้น ก็ได้โอนโรงเรียนประถม ไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผมเองเป็นครูกรมสามัญศึกษา ที่ไปช่วยราชการ ก็ต้องกลับสังกัดเดิม ต้องจากโรงเรียน "บ้านลูโบ๊ะซามา" มาด้วยน้ำตา ทั้งศิษย์ ผู้ปกครอง และตัวผมเอง

ที่เล่ามาถึงเรื่องนี้ เพราอยากให้เปรียบเทียบกับเหตุการในปัจจุบัน ผมไม่เคยคิดเลยว่า จะมีเหตุการสามจังหวัดภาคใต้เช่นในปัจจุบัน อะไรที่ทำให้คนในพื้นที่ที่มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อ มีความโอบอ้อมอารี สถานการณ์จึงเป็นไปได้ถึงขนาดนี้
ขอฝากความระลึกถึงชาวบ้าน ผู้ปกครอง ศิษย์ ทุกคน ในบ้าน"ลูโบ๊ะซามา" ว่าผมคิดถึง เป็นห่วง และไม่เคยลืม ความดีของทุกคน อยากกลับไปเยี่ยม อยากกลับไปดูความหลัง อยากกลับไปดูโรงเรียน แต่ด้วยสถานการณ์ ก็เลยรั้งรออยู่ แต่สักวันหนึ่ง "ครูจักลับไป"




Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2551 14:05:40 น. 11 comments
Counter : 774 Pageviews.  

 

ผมก็คนนึงที่ทำงานในพื้นที่ อ.ระแงะ ตั้งแต่ปี2516

สังกัดกระทรวงเกษตรฯ ส่งเสริมให้เจ้าของสวนยางปลูกยาง

พันธุ์ดี ทำงานกับคนไทยมุสลิมประมาณ 99% ทำงานสนุก

มากเจ้าของสวนมีน้ำใจเอื้อเพื้อมาก ช่วงหน้าผลไม้กินกันไม่

ทัน ไปทำงานขึ้นเขาลงห้วยก็มีแต่ความปลอดภัย ผิด

กับปัจจุบันตั้งแตปี2547เป็นต้นมา ก็เปลี่ยนจากหน้ามือ

เป็นหลังมือ มีแต่ความหวาดกลัวและหวาดระแวง ซึ่งคง

เป็นความประสงค์ของคนบางกลุ่มที่ต้องการอำนาจอยาก

เปนใหญ่เป็นโตทางลัดในพื้นที่ ถ้ารัฐบาลไม่ทันเกมส์คง

เสร็จพวกมันแน่



โดย: คนนราฯ IP: 203.113.77.41 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:58:31 น.  

 
นู๋ก็เคยคิดเหมือนกันค่ะว่า

จะไปอยู่ต่างจังหวัดบ้าง ถ้าได้บรรจุครู

แต่ตอนนี้ ยังบรรจุมิได้ซักที

อิอิ


โดย: mojigirl วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:20:38 น.  

 
แวะมาอ่านครับ อยากให้บรรยากาศแบบวันเก่าๆอย่างสมัยพี่ไปทำงานภาคใต้กลับมาจังเลยนะครับ



โดย: joblovenuk วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:28:25 น.  

 
เป็นคนโกลกคะ เข้ามาอ่าน อยากบอกท่านว่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้มันไม่ใช่ฝีมือมุสลิมส่วนมาก มันคือผลประโยชน์ไม่รู้จบของคนบางกลุ่ม ท่านเคยอยู่ย่อมรู้ดีว่ามุสลิมชาวบ้านที่นี้น่ารัก มีน้ำใจแค่ไหน อย่ามองว่านี้คือการแบ่งแยก ส่วนน้อยคะ มันเป็นผลประโยชน์ที่มากมายสำหรับคนบางคน ชาวบ้านที่นี่ซื่อ ใจดี คงไม่คิดทำอะไรแบบนั้น มันจะได้อะไร ขอให้คุญครูกลับมาเยี่ยมบ้างนะคะ


โดย: ฟาติน IP: 222.123.150.147 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:57:06 น.  

 
ถ้าครูบรรจุและสอนที่โรงเรียนบ้านสุไหงโกลก ผมคงเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งแน่ ปัจจุบันผมอยู่กรุงเทพฯ แต่ก็ยังแวะไปหาเพื่อนๆ ที่โกลกเป็นบางครั้งบางคราว และโทรศัพท์ไปคุยเสมอ ช่วงสงกรานต์นี้ตั้งใจว่าไปเยี่ยมแม่ที่ยะลา แล้วเลยไปหาเพื่อนๆ ที่โกลก และเยี่ยมคุณครูที่สอนและเคยสอนอยู่โรงเรียนบ้านสุไหงโกลก


โดย: คุณไมตรีฯ IP: 203.113.0.222 วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:11:55:14 น.  

 
มาลงชื่อค่า


โดย: ส่งเสียน้องออส IP: 61.7.142.230 วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:07:50 น.  

 
นั่นสิคะครู อะไร ทำให้พวกเขาเปลี่ยนไปคะ


โดย: เจ้าป้ามหาภัย IP: 124.157.176.128 วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:7:32:25 น.  

 

สวัสดีค่ะครู


โดย: ใกล้ชิด วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:10:11:26 น.  

 
คิดถึงเพื่อนๆสมัยเรียนจัง อยากเจอเพื่อนๆคุยกันเดียวนี้คงมีแมลกันทุกคนเนอะ คิดถึงจัง ออ เข้าเรียนตั้งแต่ ป1-ป6 เข้าเรียนตอนปี2516-17 นะเท่าที่จำได้ ตอนนี้ก็ 41 ปีแล้ว อิอิ คิดถึงจัง เข้ามาปีนี้แอ็ดคุยกัน ได้ นะครับ mickey9591@hotmail.com


โดย: เชาวฤทธิ์ IP: 124.121.160.44 วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:13:12:20 น.  

 
สวัสดีค่ะอาจารย์ที่เคารพ
หนูได้อ่านบล็อกของอาจารย์แล้วรู้สึกประทับใจมาก
หนูคนหนึ่งเป็นคนที่บ้านลาแลซึ่งไม่ได้ห่างจากโรงเรียนที่อาจารย์สอนมาก ตอนนี้หนูกำลังจะเรียนจบทางด้านครุศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ หนูจะกลับไปทำหน้าที่ครูให้ดีที่สุดเพื่อน้องหลานๆจะได้เป็นกำลังสฎคัญของประเทศชาติต่อไป


โดย: น้องมีน IP: 203.144.144.165 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:11:36:26 น.  

 
สวัสดีครับทุกคน

ผมเป็นคนที่จบจากโรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลกตั้งแต่

ป1-ป6 และเรียนที่ ส.ก.แต่ไม่จบเลยมาเรียนที่เดิม

ที่โรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลกต่อจนจบ ม.6 ใช่เวลาเรียน

3 ปี ตอนที่เขายังเปิดภาคค่ำและผมยังเป็นรุ่นสุดท้าย

ที่ได้เรียนศึกษาผู้ใหญ่ภาคค่ำที่นั้น รุ่นที่ผมอยู่มีการทำ

กิจกรรมไปปลูกป่าและทำเสื้อขึ้นมา เป็นเสื้อที่สกินว่า

ก.ศ.น.เรารักป่า คิดว่าคนที่เรียนปีนั้นคงจำกันได้.......

และตอนนี้ผมอยากจะขอบคุณอาจารย์ทุกคนที่ทำให้ผม

มีวันนี้วันที่ผมโตเป็นผู้ใหญ่และเข้าสู่วัยทำงานขอบคุณครับ

แล้วตอนนี้ผมทำงานที่...สนามบินสุวรรณภูมิครับ

และสุดท้ายผมขอขอบคุณ อ.สินธุ ที่เป็น อาจารย์ที่

สอนภาษาอังกฤษ ที่ ส.ก. ขอบคุณครับ

จาก เด็ก ก.ศ.น. โก-ลก


โดย: wat IP: 58.137.137.78 วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:15:54:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ครูเกษียร
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อาชีพ เป็นครูประมาณ 10 ปี ภายหลังเปลี่ยนสายงานเป็นผู้บริหารการศึกษา แต่ปัจจุบันเกษียณแล้ว ช่วงเป็นผู้บริหารการศึกษา ย้ายไปหลายจังหวัดตั้งแต่นราธิวาส ไปเรื่อยๆ เกษียณที่จังหวัดอุบลราชธานี
[Add ครูเกษียร's blog to your web]