The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 

-

ความขัดแย้งของมนุษย์ส่วนใหญ่เกิดจากอีโก้ ไม่ใช่เพราะตัวความเห็นที่ขัดแย้งกันจริงๆ


เมื่อพูด "ความคิดเห็น" ออกไปแล้ว ความคิดเห็นนั้นก็เป็น "ความคิดเห็นของตู" ดังนั้นเมื่อมีถูกขัดแย้งความคิดเห็นดังกล่าว "ตู" จึงเจ็บด้วย เพราะมันเป็น "ของตู" มันผูกกับตัวตนของตู บางครั้งมันก็รวมไปถึง "ความคิดเห็นของเพื่อนตู" และ "ความคิดเห็นของกลุ่มตู"

ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร "ตู" เป็นสิ่งมีค่ามาก เพราะถ้าไม่ตระหนักความเป็นตู ตูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตูจะอยู่ยังไง แต่ไอ้ตูนี่มันก็ขัดขวางความเจริญในหลายๆ แง่ด้วย

บางคนก็รู้ตัว บางคนก็ไม่รู้ บางคนก็เหมือนๆ จะรู้ แต่บางทีความไวไม่พอ หรือสติไม่ดีตอนนั้น จึงกลายเป็นไม่รู้ 

เมื่อไรที่ตัด "ของตู" ออกไปได้ มันก็เป็น "ความคิดเห็น" ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องปกป้องมันในระดับอีโก้ (แต่บางทีอาจจะจำเป็นต้องปกป้องมันในระดับความถูกผิด)

ความขัดแย้งของคนส่วนใหญ่ไม่ไปถึงไหน ก็เพราะพยายามปกป้องอีโก้ตรงนี้ 

จริงๆ อีโก้ตรงนี้มันไม่มีจริง ตายไปแล้วก็หมด

ก็แบบนี้เอง




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2558 8:48:28 น.
Counter : 777 Pageviews.  

-

ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้
ไม่ต้องแสดงความเห็นไปทุกเรื่องก็ได้
ไม่ต้องอยากมีส่วนร่วมไปทุกเรื่องก็ได้
ไม่ได้มีความหมายจริงๆ หรอก
ไม่ได้เปลี่ยนอะไร
สิ่งที่เปลี่ยนได้คือทำสิ่งที่ทำได้
สิ่งที่ทำได้มีไม่ค่อยเยอะ
แต่ถ้าพยายามเข้าใจ
ก็คงจะได้เห็นอะไรเอง




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2558 21:20:40 น.
Counter : 805 Pageviews.  

-

ช่วงนี้ดิฉันกำลังลดโปรตีนจากเนื้อ เพราะอาจจะเป็นที่มาของอาการผื่นแพ้ที่เป็นอยู่ (นอกจากความเครียดและความร้อน)


คาดว่าคงไม่เลิกไปเลย เพราะจะทำให้มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากเกินเหตุ และทำให้ไปกินข้าวกับมนุษย์อื่นลำบากด้วย นี่ยังไม่พูดถึงว่าตูก็ยังมิได้บรรลุถึงความเปล่าดายแห่งการบำเรอผัสสะทั้งหลาย จนถึงขั้นจะวิรัติมังสาได้

ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับการกินหรือไม่กินเนื้อหรือเปล่า แต่ช่วงนี้ก็รู้สึกแฮปปี้ดี จากช่วงก่อนที่นอยด์ตัวเอง คือว่าได้ปฏิเสธงานไปหนึ่งงาน ทำให้ระยะนี้ "ว่าง" และมีเวลาที่จะเขียนหนังสือแบบเต็มเวลา แต่การที่ไม่มีอะไรทำนอกจากเขียนหนังสือ ในแง่หนึ่งก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะต้องอยู่กับมันอย่างเดียว ดังนั้นความกลัว ความนอยด์ ความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า ฯลฯ ที่มาพร้อมกับอาการเขียนไม่ออกหรือคิดไม่ออกก็จะโผล่ออกมาในระดับความแรงที่น่ากลัวมาก (ปรกติถ้ามีงาน จะเอางานกลบๆ ไว้ได้) 

ที่จริงความนอยด์นั้นเป็นนามธรรมโดยแท้ เกิดจากการมโน แต่ก็เป็นสิ่งที่อธิบายให้คนที่ไม่เคยมโนแบบนี้เข้าใจไม่ได้ (คนเรามีอาณาจักรมโนเป็นสมบัติของตัวเองเสมอ อย่าคิดว่าไม่มี) 

อนึ่ง หลังจากที่นอยด์และมโนไปพอสมควร ตอนนี้ก็เฉยๆ มาก และแฮปปี้ดีอย่างที่บอกข้างบน จะเกี่ยวกับการลดโปรตีนเนื้อหรือไม่เกี่ยวเลยก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ใจอยู่ในข้างนิ่งมาก ถ้าเขียนไม่ดีก็เขียนใหม่ เหมือนเล่นเกมแพ้ก็เล่นเกมใหม่ (มีคนบอกมาแบบนี้) 

เงินทองจริงๆ ก็หาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว คือปีที่แล้วนั่งแก้มอร์อยู่หลายเดือน เงินก็เข้าตอนนี้ การที่นอยด์ว่า "ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน" บางทีอาจจะเป็นการนอยด์ที่เกี่ยวข้องกับ "คุณค่า" ของตัวเองมากกว่าตัวเงินจริงๆ คือกุไม่ productive กุก็ไม่มีค่า (การเขียนหนังสือแม้จะทำงานทั้งวัน ก็อาจจะไม่ productive ได้ เพราะโละทิ้งหมดเบย บัยย) 

ตอนนี้ก็ไม่คิดอะไร ไม่ว่า productive หรือไม่  และพยายามไม่คิดด้วยว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกถึงตอนไหน (คงอีกสักเดือนนึง) คือถ้าใจมันอยู่ในตำแหน่งที่คิดว่า "เมื่อไหร่ก็ได้" มันก็จะค่อยๆ ไป ที่คิดไม่ออกก็จะคิดออกเอง

จริงๆ ทั้งหมดนี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่อยากบันทึกไว้ คือจู่ๆ ก็เกิดคิดว่า ถ้าการลดโปรตีนเนื้อเกี่ยวพันกับสภาพจิตใจจริงๆ  จะมีนักเขียนที่ยอมอดเนื้อเพื่อให้เขียนหนังสือออกไหม เหมือนคนที่อ้างว่าเลิกเหล้าไม่ได้ เพราะถ้าเหล้าไม่เข้าปากจะเขียนไม่ออก

การกินเหล้าเป็นการปรนเปรอตัวเอง แต่การอดเนื้อคือการบำเพ็ญ ในแง่หนึ่งก็เป็นการ deprive 

ถ้าหากคิดอย่างนี้ ก็คงต้องคิดอีกทีแล้วว่า บอกว่าเลิกเหล้าไม่ได้เพราะต้องเขียน เป็นภาวะที่จิตใจอ่อนแอจึงหาข้ออ้าง หรือเป็นความจำเป็น (หรือเป็นปมจิตวิทยาที่ลึกไปกว่านั้น  คนเรามีปมจิตวิทยาอันลึกล้ำอยู่เบื้องหลังการกระทำต่างๆ มากมาย แต่บางคนเวลาแก้ก็ใช้วิธีแกะปม บางคนก็ใช้วิธีหักดิบเอาเลย)

ก็บันทึกไว้ เพราะถ้าไม่บันทึกจะลืม




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2558 14:37:12 น.
Counter : 790 Pageviews.  

-

ช่วงนี้เรื่องที่คิดอยู่ คือการต่อสู้ของลูกผู้หญิง (มั้ง)


ซึ่งหมายถึงการจิกกัดจนถึงว่าแดกให้เจ็บปวด เสียดสีให้อีกฝ่ายน้อยเนื้อต่ำใจและเสียใจเล่น สนุกดี คนชนะคือคนที่พูดได้แรงกว่า (ไม่ใช่คนที่ทน) 

นี่เป็นเกมที่ตูเล่นก็แพ้ค่ะ คือว่าคิดช้ากว่าเขา และ "ไม่เข้าใจ" มาตั้งแต่แรกแล้ว

คือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ถ้าสมมุติว่ามีความอัดอั้นตันใจใดๆ เช่นสมมุติว่าในนิยาย อีแม่ที่มีลูกสาวอยากให้ได้กับพระเอก แต่พระเอกเสือกไปชอบนางเอก อีแม่จึงว่าแดกนางเอก เป็นต้นว่าต่ำ ไม่มีสกุลรุนชาติ ฯลฯ นางเอกถ้าเก่งก็ด่ามันแดกตอบกลับไป ถ้าไม่เก่งก็เจ็บเนื้อเจ็บใจ ถ้าเลเวลขั้นสุดก็จะวางตัวเป็นผู้ดี แล้วมีคนอื่นที่มายิงบีมปกป้องให้แ่ทนอย่างงดงาม ความสะใจของคนดูคนอ่านคืออีแม่ไหม้เกรียมกรมตัยห่าไป

ตูไม่เข้าใจแต่แรกคือ อยากได้อะไรทำไมไม่พูดตรงๆ ต้องใช้ลูกชิ่ง แม้นไม่ใช่ไปบอก ผช.ตรงๆ ว่าจงแต่งกะลูกสาวตู ก็จงใช้แผนการที่มีชั้นเชิงกว่าการว่าแดกคู่แข่งไปทีละคนได้ไหม เพราะเป็นวิธีที่ออกไปในทางคิดสั้น ไม่การันตีอะไรเลย รวมทั้งชีวิตแต่งงานที่ยืนยาวของลูกสาวตัวเองด้วย เอาจริงๆ นะ สิ่งที่สำคัญนมันไม่ใช่แต่งกับผู้ชายที่รวยและมีโปรไฟล์ดี แต่มันคือการแต่งกับ ผช.ที่เข้ากันได้ และสามารถที่จะมีความสุขที่ยืนยาวได้ประมาณหนึ่งไม่ใช่หรือ (หรือว่าขอแค่สบายก็พอแล้ว แต่สบายกายไม่เหมือนสบายใจนะ และสบายใจเป็นสิ่งที่ต้องบิวด์เองหลังแต่งงานต่างหาก)

บางทีคงเพราะคนไทยชอบอะไรเผ็ดๆ ร้อนๆ ถึงใจมั้ง ถึงได้ชอบอะไรแบบนี้ ดูจบแล้วก็จบกันไป

หรือเพราะว่าสังคมไม่อนุญาตให้ผู้หญิงทำอะไรตรงๆ ได้  หรือเพราะสังคมไม่มีความยับยั้งชั่งใจในการคิดให้ยาวๆ

สุดท้ายคนอย่างตูที่มีแนวคิดประมาณว่า คนเราแม่งน่าสงสาร อยู่เพื่ออะไรไม่รู้เดี๋ยวก็ตายแล้ว ก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้อยู่ดี บางทีนี่อาจจะเป็นการใช้ชีวิตที่ดีก็ได้นะ เพราะสามารถใช้ชีวิตไปตาม impulse ไง อยากด่าก็ด่า อยากแย่งก็แย่ง กุชนะก็พอแล้ว consequence คืออะไรคะ ไม่ต้องเข้าใจหรอก แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป

แต่เดี๋ยวก็ตายแล้วจริงๆ นะ และสิ่งที่สำคัญสำหรับความตายที่ดี ก็ไม่ใช่การเอาชนะทุกอย่างหรอกมั้ง

ไม่รู้เหมือนกัน




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 11 พฤษภาคม 2558 10:56:46 น.
Counter : 818 Pageviews.  

-

คนเราน่ะน่าสนใจนะ


ชอบคิดว่าตัวเองถูกและดี  แต่ที่จริงแล้วตัวเองมักจะทำผิดจาก principle ที่ตัวเองคิดว่าสำคัญที่สุดได้อย่างดื้อๆ เช่นข้อยนี่เอง ข้อยยึดถือมากเรื่องการดีกับคนอื่น มีเมตตากรุณา แต่ข้อยก็มีโมเมนต์ที่โหดร้ายโคตรปราศจากความเห็นอกเห็นใจได้ง่ายๆ

ถ้ารู้ตัวก็ดีอยู่หรอก แต่บางคนมันไม่รู้ตัวหรอก หรือแม้รู้ก็ไม่แยแสสนใจ โดยเฉพาะกับคนที่ตัวเองคิดว่าไม่มีราคา/สนิทกัน/ตูมีอำนาจมากกว่ามัน ตูจะทำยังไงกับมันก็ได้  ทันทีที่ตกอยู่ในสภาพที่ยั่วยวนแบบนั้น ก็จะเผลอหลุดคอนโทรลที่ตัวเองเคยคอนโทรลไว้  ว่าไปแล้ว ยิ่งคอนโทรลไว้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่ง "หลุด" ง่ายๆ ด้วย  ตัวอย่างน่ะหรือ ก็อย่างเช่นคนที่ดีน่ารักยอมคนทั้งโลก แต่กลับบ้านไปเตะเมียละมัง เมียคือกระสอบทรายไว้ระบาย

จะทำอย่างไรกับความไม่สม่ำเสมอนี่น่ะหรือ ว่ากันตรงๆ นะ ข้อยคิดว่าคนเราคอนโทรลอะไรได้โคตรน้อย พาร์ตที่คอนโทรลได้เป็นพาร์ตเล็กๆ เท่านั้นของจิตไร้สำนึกอันใหญ่โตมหาศาล 

ดังนั้นข้อยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรทำยังไง  ให้ดีที่สุดคือเป็นการแชลแนลพลังงานตรงนั้นไปไว้ในจุดอื่นให้ได้ละมัง เช่นโกรธมนุษย์โลกก็เอาแรงไปผ่าฟืน ก็ดีกว่าเอาไปผ่าคน และก็ดีกว่าเก็บกดไว้จนมันมืดมาก ท่านจะกลายเป็นผ่าคนจำนวนมากหรือผ่าตัวเองตายห่าไปโดยไม่รู้ตัว

มีวิธีเอาพลังออกมาได้เยอะแยะ ถ้าสมมุติว่า ride the wind ได้ ก็จะทรงอำนาจมหาศาลได้ง่ายๆ เลย เพราะคนเรามีพลังกดเก็บไว้ด้วยเงื่อนไขต่างๆ เยอะมาก 

แต่นั่นก็คงแล้วแต่คนละมัง

บางครั้งก็อยากหัวเราะเยาะพวกที่พูดอย่างหนึ่ง และก็ทำอีกอย่างหนึ่งให้เห็นต่อหน้าต่อตา แต่บางทีก็ควรจะหัวเราะเยาะตัวเองด้วย ตัวเองก็เป็น 

มนุษย์นี่มันน่าสมเพชเสียจริง




 

Create Date : 28 เมษายน 2558    
Last Update : 28 เมษายน 2558 13:39:06 น.
Counter : 898 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.