The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 

last night

Last night, I dreamed of a very lonely man. A man who has been living for so long. He could not die. Ancient, yet seems not to be more than fifty-five. He traveled to many, many parts of this world; and yet found no home. When at last he settled down in a mountain village, he does not and never feel at home.

He looks like a priest, a monk, a hermit. Does not care for sexual intercourse either with woman or man.

The villagers are good to him. He is always kind, polite, clever, and sad. I don't know why he has never been able to mingle with them, nor connect with them. I just know that he have not the ability and he is unbearable lonely. Nobody cannot help him. I cannot help him.

I woke up with that feeling of extreme loneliness. It has been lingering about me until now. It fades as the day progress. But I have a feeling that I will feel that chilly but warm, barren but strangely serene feeling for awhile.

Who are you? I always know that you haunt me. In my story, in my imagination. Appear in difference forms and difference dreams. Are you me? Are you my feeling? My last life?




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2555 23:29:05 น.
Counter : 533 Pageviews.  

be content

สะกดถูกไหมหว่า

จขบ.กำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับความสุข

ทำให้ตระหนักว่าที่จริงศัพท์ฝรั่งที่บ่งบอกถึงความสุขนี่มีหลายอันนะ อย่าง joy ก็แบบหนึ่ง content ก็แบบหนึ่ง (เขาเรียกว่า high-energy happiness กับ low-energy happiness)

จขบ.ไม่ค่อยมีความสุขแบบจอยเท่าไหร่หรอก แบบกรูสุขโว้ยอยากกรีดร้อง โดดดึ๋งดั๋งอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่จขบ.จะมีความสุขแบบ content มากกว่า ความสุขนิ่ง ๆ ที่เหมือนนั่งกินชา (ใส่นมเถอะได้โปรด) หรือกาแฟ อยู่กับแมวในห้องญี่ปุ่น (ทำไมต้องเป็นห้องญี่ปุ่น แต่ช่างเถอะ) ความสุขแบบว่าพอใจในตัวเอง พอใจในสภาพรอบตัวเอง ความสุขแบบที่จะ radiate รัศมีแห่งความพึงพอใจ อบอุ่น และเนิบช้าออกมา ไม่ใช่ความสุขแบบกรูดึ๋งแล้วสิ่งรอบตัวกรูจะดึ๋งไปด้วย แบบนั้นเคยแต่ได้รับจากคนอื่น

คาดว่าตูคงเป็นคนหยินมาก ไม่อย่างนั้นอีกทีก็เป็นคนท่ามาก ดึ๋งแล้วกลัวโง่ (แต่ที่จริงไม่หรอก ดึ๋งไม่เป็นจริง ๆ ถ้าดึ๋งเมื่อไหร่อาจจะเฟคได้)

แต่ความสุขไม่ว่าจะ high หรือ low ก็เป็นความสุขแบบของเรา ซึ่งทำให้โลกนี้ดีขึ้น ความสุขทำให้คนกล้าหาญ มีน้ำใจ จขบ.คิดว่าเป็นอย่างนั้น

ความสุขไม่ได้มาจากการมีมาก แต่มาจากความรู้สึกพอใจ และ grateful ในสิ่งที่ตัวเองมี ความรู้สึก grateful เป็นสิ่งที่สำคัญมาก จขบ.อยากจะรู้สึกให้มากกว่านี้ บางที จขบ.ก็คิดว่าตัวเองอาจจะได้อะไรดี ๆ ในชีวิตมากเกินไป จนกระทั่งมองไม่เห็นว่าบางสิ่งเป็นสิ่งที่ "ได้มา" ทำให้ไม่มีความรู้สึกกตัญญูรู้คุณ (= take for grant)

ขอบคุณ...ขอบคุณ...




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2555 9:27:50 น.
Counter : 508 Pageviews.  

ไม่ใช่ละ

กาลครั้งหนึ่งเมื่อชาติปางก่อน จขบ.ได้ไปเสือกเรื่องของชาวบ้านโดยทั้งเจตนาและไม่เจตนา อนึ่งหลังจากเสือกแล้วก็ไม่เกิดอะไร เป็นประสบการณ์ชีวิต (ที่ค่อนข้างมือสองเล็กน้อย) และได้รับคำบอกเล่ามาว่า "ฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายที่จขบ.เป็นเพื่อน" นั้น เพียงได้เห็นหน้า จขบ. แวบเดียวก็ไปบอกคนอื่นว่าคนนี้น่ะร้าย (เคยเล่าไปยังหว่า ถ้าเคยแล้วก็ช่างเถอะ)

อนึ่ง ความรู้สึกที่ตามมาตั้งแต่บัดนั้นถึงบัดนี้ ไม่ควรเรียกว่าโกรธได้ แต่ควรเรียกว่า ขำกึ่งภูมิใจ (แถมยังมีด้านมืดที่เหยียดอีกฝ่ายนิด ๆ ด้วยไหมนะ...) ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะ จขบ.ไม่เคยคิดว่าตัวเอง "ร้าย" ในความหมายของเขาเลย ว่าอีกอย่างคือ จขบ.มีโมเมนต์ที่หลงตัวเองว่ามีภูมิธรรม และมีโมเมนต์ที่ดาวน์เพราะคิดว่าตัวเอง "ไม่ทันคนและทื่อเกินไป" ทั้งสองอย่างนี้คงไม่เฉียดไปตรงนิยามคำว่าร้ายหรอกกระมัง

ในใจ จขบ.คิดอย่างนี้: คุณพี่คะ ดิฉันเป็นสัตว์กินหญ้าค่ะ ถ้าหากวันไหนไม่กินหญ้าขึ้นมา ก็เป็นแค่สัตว์ที่หาอาหารเพื่อตัวเองกินเท่านั้น ความใฝ่ฝันสูงสุดของดิฉันในโลกนี้ เวลาที่ไม่มีอย่างอื่นมาทำให้ไขว้เขว คือเข้าใจตัวเองให้ลึกซึ้งไปเรื่อย ๆ ถือว่าตัวเองเป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ที่จะศึกษาไปไม่มีวันสิ้นสุด ดิฉันเป็นคนโคตร self-center และโคตรโลกส่วนตัวสูงค่ะ ถ้าหากคุณพี่เกิดมาร้ายใส่ดิฉัน มีความเป็นไปได้สูงมากว่าดิฉันจะแตกตื่นตกใจมาก ถ้าไม่พองขนใส่สักทีเพื่อไม่ให้ "โดน" อีก จากนั้นก็ตัดตายไม่ต้องเจอกันทั้งชาติ ดิฉันก็อาจจะตัดโปรเซสของการพองขน แล้วข้ามไปที่ตัดตายเลย กล่าวคือใครทำดิฉัน ดิฉันหนีจริง ๆ จะว่าขี้ขลาดก็ว่าได้ แต่ดิฉันเกลียดความขัดแย้ง และเห็นว่าชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะมาตีกับใคร

แต่ว่ากันจริง ๆ เมื่อวานก็เพิ่งเจอคำของ ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ท่านว่า "จิตมนุษย์นี้ไซร้ ดูเหมือนตัวเองนั่นแหละจะหยั่งถึงยากที่สุด"

แน่นอนรวมทั้งจิต จขบ.ด้วย จขบ.ก็มีโมเมนต์อื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือขอบเขต "ความเข้าใจตัวเอง" ของ จขบ. เหมือนกัน และโมเมนต์เหล่านั้นอาจจะ "ร้าย" ในสายตาคนอื่นจริง ๆ ก็ได้ (แต่อีนี่ไม่รู้ตัว หรือไม่งั้นก็มัวแต่ปกป้องตัวเองจนคิดว่าตัวเองไม่ผิด...เช่นเดียวกับสามัญมนุษย์ทั่วไป)

คนเราอยู่ในโลกนี้ ไม่เห็นคนอื่นจริง ๆ หรอก ไม่มีวันเป็นไปได้ ไม่มีวันเข้าใจคนอื่นเต็มที่ สิ่งที่ตัวเองคิดว่า "เข้าใจ" ก็เป็นแค่กระจกสะท้อนภาพของตัวเองเท่านั้นเอง เพราะว่ามนุษย์ทั้งปวงย่อมมีบางอย่างเป็นสามัญเหมือนกัน กระจกนั้นจึงถูกบ้าง (และผิดบ้าง) เราจึงเข้าใจคนอื่นบ้าง (และไม่เข้าใจคนอื่นบ้าง) แต่ว่าการมองคนอื่นของข้าพเจ้า จะไม่มีวันเป็นอะไรนอกจากการสะท้อนบางด้านของข้าพเจ้าเอง เหมือนถือกระจกส่องแอปเปิ้ล ในนั้นก็เป็นแอปเปิ้ล แต่มันไม่มีวันสะท้อนแอปเปิ้ลในทุกแง่ทุกมุมได้ (มีอุดมคติอยู่ว่าถ้าถือกระจกหลายบานพอจะสะท้อนได้หมด แต่ว่าจริงหรือ จขบ.สงสัย)

ถ้าคิดว่าคนอื่นร้าย ก็พึงคิดเสียก่อนว่าตัวเองมีใจระแวงหรือเปล่า แน่นอนว่าเช่นเดียวกับจขบ.ผู้มีกิเลสตัณหาดังมนุษย์มนาทั้งปวง เมื่อไรที่ จขบ.อิจฉา พอรู้ตัวอีกครั้งก็รู้หรอกว่าเพราะกรูมีปมด้อยอยู่ในไส้พุง

ปมด้อยนั้นก็เป็นมายา แต่ต่อให้รู้ก็ยากจะปลดออกไปได้ ความระแวงของเขาก็คงเป็นมายา ซึ่งยากที่เขาจะปลดออกไปได้เหมือนกัน






 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2555 13:58:44 น.
Counter : 466 Pageviews.  

กูไม่ผิด (นี่หว่า)

เพิ่งอ่านเล่มนี้จบไป

ค้นหาตัวคุณที่ใช่ เข้าใจผู้อื่นด้วยจริตนิสัย 4
(The Four Temperaments : A Fun and Practical Guide to Understanding...)
สนุกอย่างมีสาระกับการเข้าใจตัวเองและคนรอบข้างในชีวิต
ผู้เขียน เรนนี บารอน
ผู้แปล วาจาสิทธิ์ ลอเสรีวานิช

:: รายละเอียดหนังสือ
รหัสสินค้า : 9786167102177
จำนวน : 140 หน้า
ขนาดรูปเล่ม: 146 x 211 x 9 มม.
น้ำหนัก : 190 กรัม
เนื้อในพิมพ์: ขาวดำ
ชนิดปก : ปกอ่อน
ชนิดกระดาษ: กระดาษถนอมสายตา
สำนักพิมพ์ : โกมลคีมทอง, สนพ. มูลนิธิ
เดือนปีที่พิมพ์: ตุลาคม 2553

:: เนื้อหาโดยสังเขป
นี่เป็นหนังสืออีกเล่มของเรนนี บารอน ซึ่งอ่านสนุก ได้สาระ และใช้ประโยชน์ได้ เนื้อหาในเล่มเป็นการอธิบายตัวตนของเราในมิติที่แตกต่างกัน จริตนิสัยจะเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิด ส่วนเบอร์หรือบุคลิกตามเอ็นเนียแกรมนั้นเกิดจากกลยุทธ์ทีเราเลือกใช้เพื่อปกป้องจิตใจให้อยู่รอดในวัยเด็ก แล้วก็ยึดติดเรื่อยมา จนกว่าเราจะรู้ตัวแล้วพยายามปล่อยวางให้ได้ ดังนั้นถ้ารู้จักจริตนิสัย และเอ็นเนียแกรมควบคู่กัน ก็จะทำให้เข้าใจตัวเองและผู้อื่นอย่างชัดเจนและรอบด้านมากยิ่งขึ้น

:: สารบัญ
บทที่ 1 จริตนิสัยคืออะไร
บทที่ 2 แบบทดสอบบุคลิกภาพ ค้นหาจริตนิสัยของตัวเอง
บทที่ 3 ผู้แสวงหาความมั่นคง
บทที่ 4 ผู้แสวงหาประสบการณ์
บทที่ 5 ผู้แสวงหาความรู้
บทที่ 6 ผู้แสวงหาอุดมคติ

###

เป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ "ไม่มีอะไรมาก" ช่างตรงไปตรงมา เรียบง่าย สั้น แค่นี้แหละพอแล้วแกจะเอาอะไรอีก

แต่ข้อดีมากของหนังสือเล่มนี้คือทำให้ตูพบว่า "กูไม่ผิดนี่หว่า"

อนึ่งขอโทษที่หยาบคาย แต่การสะท้อนความรู้สึก liberating ด้วยภาษาให้ชัดเจน มีความจำเป็นต้องใช้อย่างจริงใจ

หนังสือบอกว่า คนเรามีจริตลึก ๆ อยู่สี่แบบ เรียกว่า ผู้แสวงหาความมั่นคง ผู้แสวงหาประสบการณ์ ผู้แสวงหาความรู้ ผู้แสวงหาอุดมคติ ทั้งสองแบบแบ่งออกเป็นสองไทป์ คืออินโทรเวิร์ด (ปิด เนื่องจากเสียพลังเวลาอยู่กับคนหมู่มากนาน ๆ ชอบคิดวิเคราะห์ อยู่กับตัวเองมาก) และเอกซโทรเวิร์ด (เปิด เนื่องจากอยู่คนเดียวนานจะจิตตก แต่อยู่กับคนเยอะ ๆ จะได้พลัง ชอบออกสังคม มีเพื่อนมาก ๆ)

จขบ.เป็นผู้แสวงหาอุดมคติ ไทป์อินโทรเวิร์ด

หนังสือบอกว่าเรื่องวิธีมองโลก วิธีดีลกับโลกนั้นเปลี่ยนได้ แต่ "จริตนิสัย" (temperament) เป็นสิ่งที่มีมาแต่เกิด (ทำไมถึงมีมาแต่เกิด ทำบุญทำกรรมมาแบบนี้? เป็นแบบนี้มาหลายชาติ?) ไม่สามารถขุดออกได้หมดสิ้น และในความเป็นจริงก็ไม่มีความจำเป็นต้องขุดออก แต่ควรจะบำรุงรักษาด้านดี รวมทั้งรับทราบว่ามีด้านเสียอะไร เพื่อที่จะได้รู้จักวางใจตัวเองได้เมื่อประสบสถานการณ์บางอย่าง รู้จักพาตัวเองไปอยู่ให้ถูกที่ รวมทั้งไม่รู้สึกผิดถ้าหากตัวเองจะ "ไม่เป็นอย่างที่ถูกสอนให้คิดว่าต้องเป็น"

คนเราถูกสอนว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เยอะมาก

รวมทั้งเชื่อเอาเองว่าควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างนั้นคือดี ตัวเองไม่ดี เยอะมากเหมือนกัน

คนเราจำนวนมากแสวงหาสิ่งที่อยู่นอกตัว โทษตัวเองว่าทำไมไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เช่นจขบ.มักคิดว่าตัวเองควรจะเป็นอิสระและไม่ยี่หระชาวบ้านให้ได้มากกว่านี้ รวมทั้งควรจะหาญกล้าออกไปเผชิญทุกสิ่งที่ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้มากกว่านี้ (แต่จขบ.มักพบว่าต่อให้ไป "เผชิญ" แล้วก็มักจะรู้สึกโคตรเฉย ๆ สิ่งที่นำความตื่นเต้นมาให้จขบ.ได้มากกว่าคือการค่อย ๆ ทำความรู้จักผูกพันจนลึกซึ้งกระจ่างกับอะไรบางอย่าง หรือไม่เช่นนั้นก็คิดทบทวนไปมา กระทั่ง "เข้าใจ" อะไรขึ้นมา แบบ...โอ้ ปิ๊ง)

การที่คิดว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็คือการที่คิดว่าตัวเอง "พร่อง" ซึ่งเป็นไปได้ว่าเพราะถูกเลี้ยงมาหรือเติบโตมาในสังคมที่มีค่านิยมแตกต่างจากจริตนิสัยของตัวเอง รวมทั้งอาจโดนคนจริตนิสัยอื่นที่มีอำนาจมากกว่าสั่งสอนกดหัวมาตลอดว่า ทำไมแกไม่เป็นอย่างนั้น (เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ เขาแค่ไม่เข้าใจว่าคนเราล้วนต่างกัน)

ถ้าหากเข้าใจว่าต่างกัน ก็จะยอมรับตัวเองและคนอื่นได้มากขึ้น และก็หาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองมากกว่าได้ โดยไม่รู้สึกผิด และ deprive ตัวเองเพราะความรู้สึกนั้น ซึ่งเป็นหนทางให้ "พัฒนา" ได้ดีกว่าการพยายามเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็น




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2555 11:10:48 น.
Counter : 812 Pageviews.  

I will

May I listen
to my core

I want to live happily
I want to craft good, good work
that I myself will not regret
I don't want piles and piles of money
(I still want loads and loads of glories, from time to time)
just enough for me
to be serene, have peace of mind, and happy

I want to listen
to my soul
to write stories that
will review myself
and make me find
who actually am I
again and again

I wish that my finding
will make other happy
or realize something
from what is me

I want to live
so that when I am dead
whatever, whoever will I find
in the other realm
I will be able to tell him/her/whatever

that I have a happy life
that I create something beautiful
that I am grateful
that I do not regret




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 10:04:34 น.
Counter : 447 Pageviews.  

1  2  3  4  

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.