The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 

a fearful blank

อาคนรองของจขบ.เพิ่งเสียชีวิตเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตั้งศพเจ็ดวัน จะเผาวันอังคารนี้

ความตายมาเร็วมาก ๆ เสียจนกระทั่งญาติทุกคนดูงุนงงและยังชาอยู่ เหมือนกับอาไปไหนแล้วอาจจะกลับมา ช่วงนี้จขบ.ตรวจต้นฉบับบอมเบย์แอนนาอีกรอบก่อนพิมพ์ จึงนึกถึงคำที่เขาใช้คือ "ความว่างเปล่าชวนใจหาย" ความรู้สึกจริง ๆ ว่าคนคนหนึ่งนั้นเติมเต็มพื้นที่หนึ่ง (ทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม) เมื่อคนคนหนึ่งไม่อยู่แล้ว ที่ที่เคยมีเขาอยู่ก็กลายเป็นที่ว่างเปลา ซึ่งก็ยังคงอยู่ตรงนั้น คาดว่าคงอยู่ในใจคนที่รู้จักตลอดไปด้วย ควรว่าน่าจะตลอดชีวิตก็ได้ ดังนั้นใครหลายคนจึงบอกว่าคนเราจะตายจริง ๆ เมื่อไม่มีใครจดจำเขาได้อีกต่อไปแล้ว

จขบ.ไปงานศพที่สุโขทัย ปู่และย่าของจขบ.เป็นลูกจีนที่มาตั้งรกรากในสุโขทัย มีเรื่องเล่าว่าตอนที่ปู่ทวดของจขบ.เสีย ลูก ๆ ยากจนมากต้องไปขอที่ฝังจากคนรู้จัก ทีหลังมีซินแสมาดูที่นั้นแล้วก็บอกว่าลูกหลานจะมีคนมีชื่อเสียง แต่ไม่มีใครรับราชการ จขบ.ยังสงสัยอยู่เพราะตอนนี้มีน้อง ๆ บ้านหนึ่งเรียนเก่งมาก ได้เหรียญเงินเหรียญทองแดง (จำไม่ได้ว่าเคยได้เหรียญทองหรือเปล่า) โอลิมปิคคณิตศาสตร์เป็นประจำ น้อง ๆ บ้านนี้อาจจะชิงทุนและรับราชการต่อไปในอนาคตก็ได้

ปู่กับย่า (หรือเรียกกันว่ากงกับย่า แม้ย่าจะเรียกตัวเองว่าเน่ แต่ไม่มีใครเรียกว่าเน่ตาม ทุกคนเรียกว่าย่า) มีลูกเก้าคน แปดคนเป็นผู้ชาย เรียกว่ามีลูกชายกันมาเรื่อย ๆ ด้วยความอยากได้ลูกสาวขนาดหนัก จนกระทั่งได้ลูกสาวเป็นคนที่แปด แต่คนที่เก้าก็เป็นลูกชายอีกเลยเลิกมีดีกว่า ตอนนี้คนที่อยู่สุโขทัยมีอาคนรองคนเดียว อา ๆ ที่เหลือกับพ่อของจขบ. คนหนึ่งอยู่อเมริกา ที่เหลืออยู่กทม.

ควรว่าด้วยเหตุข้างต้น จขบ.จึงไม่ค่อยได้พบปะอาคนรองเท่าไรนัก แม้ว่าเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ จะไปบ้านที่สุโขทัยปีละหน แต่ว่าระยะหลังกงมารักษาตัวที่กทม.จึงไม่ได้ไปอีก และไม่ได้ไปมานานมากแล้ว แม้คราวที่พ่อไปกับน้องชายเพื่อดูอะไรสักอย่างจำไม่ได้ จขบ.ก็ไม่ได้ไป เห็นแต่รูปที่พ่อถ่ายกลับมา เป็นรูปห้องแถวเก่า ๆ พ่อบอกว่าตอนเด็ก ๆ พ่อถูกเลี้ยงที่บ้านของตายาย (ของพ่อ) ซึ่งอยู่ที่พิจิตร ที่บ้านเป็นคนจีนไหหลำ ใครไม่รู้บอกว่าคนจีนไหหลำมักจะขายข้าวมันไก่ไม่ก็ทำไม้ กงของจขบ.ทำไม้อยู่หลายปี ต่อมาจึงทำโรงงานผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำแข็ง ใครไปอำเภอสวรรคโลกที่สุโขทัย ถ้าเจอน้ำดื่มชื่อธารทองก็โปรดอุดหนุนด้วย

ความทรงจำเกี่ยวกับอาคนรองที่ชัดเจนคืออาไม่ชอบคนทะเลาะกัน เมื่อจขบ.ทะเลาะกับน้อง อาก็บอกว่าเป็นภูมิวัฒน์ต้องรักกัน ตอนนี้จขบ.มาอยู่เชียงใหม่ ห้องที่อยู่เป็นห้องที่อาซื้อให้ลูก ๆ เมื่อลูกสองคนโตมาเรียนที่ มช. น้อง ๆ จบกันไปหมดแล้วจึงเป็นห้องเปล่าไม่มีใครอยู่ จขบ.จึงได้เช่าต่อในราคาถูก (อาสะใภ้จะให้อยู่เลยไม่คิดตังค์ด้วยซ้ำ แต่ทางนี้บอกไปเองว่าเกรงใจ)

ในห้องนั้นมีกระดานไวท์บอร์ดอยู่ อาคนรองเขียนข้อความไว้ให้ลูกสาวสามสี่ข้อตรงมุมซ้ายบน คิดว่าคงเขียนเมื่อลูก ๆ เริ่มมาอยู่ห้องนี้ ตั้งแต่ปี 47 ไม่ได้ลบไป ข้อความสามสี่ข้อนั้นพูดถึงเคล็ดลับของการเรียนให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งแสดงให้จขบ.เห็นว่าอาคนรองที่จขบ.ไม่ค่อยรู้จักลึกซึ้งนั้นโคตรจะมีค่านิยมเหมือนพ่อจขบ. อาคนรองต้องการให้ลูกติดตามข่าวสารเหตุการณ์ ตื่นเช้า ๆ รักษาตัวเองให้แข็งแรง ออกกำลังกายเสมอ และถ้าเจ็บป่วยต้องรีบดูแลอย่าปล่อยเรื้อรัง ว่าไปแล้วถ้าเป็นบิดาจขบ. ผู้คิดอะไรไปก่อนล่วงหน้าและโคตร practical อาจจะมีงึมงำ ๆ ว่าคนเราควรจะว่ายน้ำ ถีบจักรยาน และขับรถเป็น บิดาของจขบ.เป็นพวกเตรียมตัวไว้ก่อนล่วงหน้าไม่ว่ามีสถานการณ์อะไรก็รับได้ คงเป็นเพราะว่าตอนเด็ก ๆ ที่บ้านต่างจังหวัดก็อันตรายเอาการ มีโจรบุกมาพร้อมปืนก็มี

อย่างที่บอกไปแล้วว่าความตายมาเยือนเร็วเกินไป อาสะใภ้เล่าว่าอาคนรองไปทำงานในออฟฟิศ เจออีกทีก็ล้มลงไปนอนหมดสติแล้ว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ไม่มีสัญญาณล่วงหน้าใด ๆ เว้นแต่อาคนรองบ่นว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายเมื่อสักสัปดาห์ก่อน แต่คงยังไม่มีเวลาไปตรวจ สวรรคโลกเป็นอำเภอ ถ้าจะไปตรวจดี ๆ ต้องไปที่พิษณุโลก ซึ่งไม่ได้ห่างไกลอะไรกันนัก

ในงานศพจขบ.ไม่เห็นใครร้องไห้ ไม่ใช่เพราะไม่รักอา แต่เพราะว่าความปัจจุบันทันด่วน ไม่มีใครคิดว่าอาจะเสียชีวิตแบบนี้ ไม่ได้คาดหมายไว้ สิ่งที่ตามมาจึงเป็นความรู้สึกงง ๆ ชา ๆ ความชาคงอยู่กับทุกคนไปอีกนาน และจขบ.คาดว่าคงเป็นความกลัวด้วย คนรุ่น ๆ เดียวกับอาคนรองหลายคนคงเริ่มออกกำลังกายและเป็นห่วงสุขภาพตัวเอง (และคาดว่าจะรวมถึงจขบ.ด้วย) แน่นอนว่าเราไม่อาจห้ามความตายได้แม้จะรักษาตัวเองดีที่สุดแล้วก็ตาม แต่ความเปราะบางของชีวิตก็มาให้เห็นตรงหน้าจริง ๆ

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าอาคนรองไปที่ไหน ๆ และจะไม่กลับมา แต่มันก็ไม่ใช่ความรู้สึก "สิ้นสุด" อย่างความตาย




 

Create Date : 27 กันยายน 2553    
Last Update : 27 กันยายน 2553 9:58:13 น.
Counter : 1370 Pageviews.  

เมื่อข้าพเจ้าไปผับ

เรียกว่าผับไหมหว่า

วันศุกร์แอมชวนไปกินข้าวแล้วต่อที่ริเวอไซด์ เป็นผับริมน้ำปิง ไปกับแอมกับคุณแพนด้า

แอมบอกว่าไม่นึกว่าจะได้ไปผับกับปันปัน คาดว่าเพราะสมัยเรียนปันปันมีอิมเมจเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ในกรอบ เป็นเด็กเรียน

ว่ากันจริง ๆ ปันปันก็ยังมีความเด็กเรียนอยู่ในตัวไม่มากก็น้อย แต่จิตใจที่มันอยู่ในนี้มันก็ยังคิดนะว่าอีกอย่างที่ไม่ใช่ตัวเองเป็นยังไง คนเราก็มีเวลาที่อยากรู้ว่า "อีกอย่าง" มันเป็นยังไง แม้ไม่แน่ว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนตัวเองก็ตาม

จขบ.ซึ่งเป็นมนุษย์รูก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีว่าไปผับแล้วยังไงต่อ เนื่องจาก socialize ไม่ค่อยเป็น แต่ก็ดีใจที่มีคนชวนไป และดีใจที่ได้ไปด้วย ในสายตาของข้าพเจ้า ผับนั้นประหนึ่งแดนแฟนตาซี อืม มีคนดื่มเหล้าแล้วก็ยืน ๆ ฟังเพลงกัน แอมเรียกมันว่าที่อโคจร แต่เนื่องจากข้าพเจ้ายังไม่เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังจริง ๆ เลยยังไม่รู้สึกอะไร ดริ๊งค์แล้วก็ฟังเพลง ตอนแรกไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แต่แอลกอฮอลล์เข้าไปนิดหน่อยก็เริ่มอินมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้น loosen จขบ.ได้กินเตกิล่าครั้งแรก (แหมพูดยังกะตัวเองเป็นเด็กเพิ่งหัดหนีเที่ยวอายุสิบแปด) มันหวานและร้อนมาก แต่วาบลงไปรวดเดียวไม่ได้อย่างชาวบ้านเขาหรอก

รูปที่ถ่ายมาดูเมามาก แต่จริง ๆ ไม่ได้เมา (และไม่ได้แก้ตัวด้วย ถ้าเมาก็จะบอกว่าเมา) อยู่ที่แสงและตัวเองทนแฟลชไม่ได้จะหลับตาตลอด นึกถึงนิยายของเฮสเส สเตปเปนวูล์ฟ พ่อคุณพระเอกที่ถูกสาวลากเข้าบาร์ จากนั้นก็สอนเต้นฟอกซ์ทร็อตอันชั่วร้าย (กาลครั้งหนึ่งเมื่อฟอกซ์ทร็อตยังเป็นเรื่องชั่วร้าย) พระเอกที่เรียนรู้ว่าชีวิตแบบนี้ก็มีเหมือนกัน และการมองโลกให้ฮาเป็นยังไง พระเอกผู้สะท้อนตัวคุณเฮสเสซึ่งขมขื่นกับชีวิตครอบครัว การถูกว่าร้ายบีบคั้นเพราะต่อต้านนาซี พระเอกผู้สอนตัวเองว่าเลิกคิดมากเกินไปเถอะ และหัดไปพบโลกในอีกระนาบเสียบ้าง

ว่าแต่ทำไมตูไปผับแล้วยังต้องนึกถึงตาเฮสเสละหว่า




 

Create Date : 19 กันยายน 2553    
Last Update : 19 กันยายน 2553 14:00:03 น.
Counter : 1517 Pageviews.  

ระบบออโต้ไพล็อตอันน่าสะพรึงกลัว (๒)

ภาคหนึ่งอยู่ล่าง ๆ นี่แหละ ไปรื้อ ๆ กันดูเองละกัน

วันนี้จขบ.เห็นออโต้ไพล็อตของตัวเองคาตา มีเพื่อนพูดอะไรที่สะกิดปมข้า ปฏิกิริยาแรกเลยคือกลัว โกรธ ต้องการเบ่งทับตอบ คิดว่าเขามาทำร้าย มาดูถูกตัวเอง

ว่ากันจริง ๆ จขบ.ก็เป็นพันธุ์เดียวกับหนูแอนนาเบธในเรื่องเพอร์ซี่ (เพิ่งอ่านได้สองเล่มเองยังไม่ได้อ่านต่อ) มีบาป hubris อยู่เป็นสัดส่วนอันมีนัยยะสำคัญ รวมกับบาปอื่น ๆ อีกกระบุงหนึ่ง ดังนั้นแม้ว่าคนเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจก็ตาม ข้าก็จะตีความอย่างนี้แหละ และพอตีความแล้วก็ทำอย่างที่เคยทำ

คราวนี้จับทัน

ว่ากันจริง ๆ ต่อให้จับทัน ก็อาจจะยังต้องช็อคกับอาฟเตอร์เอฟเฟคของมันอยู่พักหนึ่ง ลงไปทัวร์ระบบออโต้ไพล็อตหนึ่งรอบ แต่ดีตรงที่การทัวร์จะสั้นลงหน่อย จขบ.พบว่าระบบออโต้ไพล็อตก็คือ "การไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้" ซึ่งหมายความว่าถ้าเกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้นมา จะเข้าใจว่าเป็นอย่างนี้ทันทีไม่มีทางตีความเป็นอื่น มันต้องกำลังดูถูกข้า และปฏิกิริยาโต้ตอบของข้าก็จะมีหนึ่งเดียวเท่านั้น

ถ้าหากจับทัน แม้จะแอคติเวทระบบไปแล้ว แต่จะสามารถตีความอย่างอื่นได้ (ในเวลาค่อนข้างสั้น) เมื่อตีความอีกอย่างหรือหลายอย่างได้ จะทำให้สามารถหาหนทางโต้ตอบอื่น ๆ ที่สร้างสรรค์กว่าได้ อย่างไรก็ตาม นี่อยู่ที่ประสบการณ์และการฝึกฝนล้วน ๆ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงต้องเก็บค่าเลเวลต่อไป




 

Create Date : 08 กันยายน 2553    
Last Update : 8 กันยายน 2553 15:41:48 น.
Counter : 605 Pageviews.  

เคี้ยวช้า ๆ

เมื่อก่อนนี้จขบ.กินข้าวเร็วมาก ๆ ถึงกับเคยพูดกับเพื่อนเล่น ๆ ว่าตูตัดคอแล้วเทมันลงไปแหละ สาเหตุที่กินข้าวไวนั้นคิดเอาเองว่า ตอนเด็ก ๆ สมัยเรียนอนุบาล เคยมีตุ๊กตาที่ชอบมากแต่ถ้ามาช้าจะไม่ได้จองมัน ดังนั้นจึงเห็นสมควรจะกินข้าวเข้าไปเร็ว ๆ เสร็จคนแรกและจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ต่อมาก็ยังรู้สึกอย่างนั้นว่าการกินข้าวทำให้เสียเวลาพัก กินเสร็จก่อนจะมีเวลาว่างนานกว่า

แต่ตอนนี้จขบ.กำลังพยายามลดน้ำหนัก เพื่อความสงบสุขของหัวเข่าและร่างกาย ก็เลยเก็บสิ่งที่ควรทำไปทีละอย่างสองอย่าง อย่างแรก ๆ ที่ทำคือกินข้าวให้ช้าลง ซึ่งแปลว่าต้องเคี้ยวให้มากกว่าเดิม จากที่ก่อนนี้กินแบบหมาคือเคี้ยว ๆ สักสองทีก็กลืนลงไป อาทิตย์แรกที่ทำงั้นแอบปวดกรามว่ะ เพราะกินไปนับไป สามสิบยังฟะ แต่ตอนนี้ไม่ได้นับแล้ว นั่งเคี้ยว ๆ ไปแหลกเละเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ แล้วก็ไม่ปวดกรามแล้วด้วย

สิ่งที่น่าสนใจของการเคี้ยวช้า ๆ คืออิ่มง่ายกว่า (กระเพาะส่งสัญญาณถึงสมองแล้ว) และรสชาติในปากก็ล้ำลึกขึ้น เมื่อก่อนจขบ.ชอบคำว่าละเลียดเอามาก ๆ แต่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าละเลียดคืออะไร เพราะเวลากินชอบให้มีของเต็มปาก (ยกเว้นไอติม) ตอนนี้คิดว่าเข้าใจแล้ว ยิ่งเคี้ยวรสชาติก็ยิ่งออกมามากขึ้น รสชาติเป็นของประหลาดที่ยิ่งพิจารณาก็ยิ่งหลากหลาย จขบ.ได้เรียนรู้ว่าข้าวของโอโตยะน่าจะเป็นข้าวดีมาก เพราะยิ่งเคี้ยวยิ่งได้รสหวานลึกแบบธรรมชาติ ผิดจากข้าวปรกติที่กิน รับทราบว่าในอาหารมีน้ำมากกว่าที่คิดและอื่น ๆ

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือจขบ.พบว่าการกินข้าวช้า ๆ เป็นการพักผ่อน ดังนั้นใช้เวลาทั้งพักกินข้าวอย่างเดียวก็ได้ แต่แน่นอนว่าก็ยังติดนิสัยอ่านหนังสือไปกินข้าวไปอยู่ดี แม้ว่าบางมื้อจะนั่งพิจารณามันเฉย ๆ ได้โดยไม่อ่านหนังสือก็ตาม สรุปว่าข้ากับหนังสือหย่ากันไม่ได้ดอก




 

Create Date : 02 กันยายน 2553    
Last Update : 2 กันยายน 2553 11:54:51 น.
Counter : 472 Pageviews.  

ชัดเจนกับเห็นใจ

ช่วงนี้มีคนรู้จักกำลังเขียนนิยาย

คนรู้จักคนนี้เป็นคนเก่งมาก ๆ มีความรู้เยอะ เพราะอย่างนั้นจะมองอะไรขาด วิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ จขบ.ชอบฟังเพราะฟังทีไรก็ได้ความรู้ใหม่ ๆ ทุกที

ก่อนนี้คนรู้จักไม่เคยเขียนนิยายมาก่อน แต่เป็นนักอ่านชนิดสุดยอดคนหนึ่ง ดังนั้นเวลาอ่านหนังสือก็จะบอกได้ว่าอะไร "ดี" หรือ "ไม่ดี" ด้วยเหตุผลอะไร อันนี้ยังไม่ได้พูดถึงความชอบไม่ชอบ เพราะคนเราทุกคนย่อมมีความชอบไม่ชอบต่าง ๆ กันไป เรื่องแบบที่ไม่ชอบไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็อาจจะไม่อ่านเหมือนกัน

แต่ตอนนี้คนรู้จักกำลังเขียนนิยาย จขบ.ฟังเรื่องราวแล้วรู้สึกจริง ๆ ว่าเป็นเรื่องน่าสนุกมาก เขาเขียนด้วยความพอใจ เรื่องได้พิมพ์ไหมหรืออะไรนั้นไม่ได้คิด เหมือนกับว่าชีวิตหนึ่งอยากจะลองทำสักครั้ง แต่เท่าที่ฟังเชื่อว่าเป็นนิยายที่ต้องรีเสิร์ชขนาดหนักเช่นเดียวกัน

คนรู้จักก็บอกว่าพอเขียนแล้วถึงเห็นอะไรยากและง่าย และเข้าใจคนเขียนนิยายมากขึ้น แต่จขบ.คิดว่าด้วยนิสัยที่เป็นคนจริงจัง ทำอะไรต้องรู้ลึกรู้จริงแบบนั้น คนรู้จักคงจะเลือกเส้นทาง "ทำให้ดี" มากกว่าทางที่จะยอมรับว่าเรื่องนี้ยาก บางคนอาจจะทำไม่ได้

และแน่นอนว่าก็คงพูดตรง ๆ กับนิยายที่ไม่ได้รีเสิร์ช ว่า "ไม่ได้รีเสิร์ชแต่เอามาเขียน" เหมือนเดิม เพียงแต่ตอนนี้เข้าใจมากขึ้นว่าบางคนต้องเขียนเพื่อทำมาหากิน บางทีมันไม่มีเวลาลงรายละเอียดหรือค้นมากขนาดนั้น เพราะเวลาบีบอยู่

จขบ.ชอบความชัดเจนแบบนี้มาก ๆ เพราะบางครั้งจขบ.ก็ออกจะนิ่มเกินไปกับอะไรหลาย ๆ อย่าง จขบ.อยากจะมีชีวิตอยู่แบบไม่อายตัวเอง และไม่หยวน ๆ ไป แต่ในขณะเดียวกันก็สตริคกับตัวเองจนกระทั่งกลายเป็นแข็งด้วย และที่สำคัญ จขบ.ไม่ต้องการเป็นคนที่ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ตลอดจนไม่ต้องการเป็นคนกดคนอื่นลงเพื่อจะปีนให้สูงขึ้น

มันยากเหมือนกันในชีวิตของมนุษย์สามัญธรรมดาคนหนึ่ง แต่ถ้าเมื่อไรที่ไปถึงจุดนั้นได้ก็คงรู้สึกดีมาก

แบบที่คนจีนเขาว่าเงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2553    
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 19:45:21 น.
Counter : 394 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.