The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 

50 วรรณกรรมต่างประเทศ ที่เยาวชนควรได้อ่าน (1)

ของเล่นใหม่ ได้จากกระทู้
//www.pantip.com/cafe/library/topic/K7459552/K7459552.html

มาเล่นกันเตอะ

###

1. The Adventures of Huckleberry Finn : การผจญภัยของฮัคเคิลเบอรี่ ฟินน์

>>> ม่ายล่ายอ่าน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่มีอะไรบางอย่างกับมาร์ค ทเวน

2. Alice's Adventures in Wonderland : อลิสในแดนมหัศจรรย์

>>> ดูเวอร์ชั่นดิสนีย์แล้วหลอน เลยไม่ได้อ่านของจริง ไว้จะลองสักวันละกันนะลูก

3. Around the World in Eighty Days : 80 วันรอบโลก

>>> ดูมาหลายรอบจากการ์ตูนและหนัง และอ่านหนังสือฉบับย่อ และการ์ตูนเล่ม ๆ แต่คิดว่าไม่ได้อ่านของจริงสักทีนะ

4. Black Beauty : ม้าแสนรู้

>>> ดูการ์ตูนก็บัดซบพอแล้ว

5. The Call of the Wild : เสียงเพรียกจากพงพี

>>> ดูหนังหรือการ์ตูนนี่แหละ

6. The Catcher in the Rye : ทุ่งฝัน

>>> ว่าจะอ่านสักวัน แต่เห็นรังสีบัดซบแผ่ออกมาจากมันอย่างเป็นล่ำเป็นสันแหละ

7. Charlie and the Chocolate Factory : ชาลีกับโรงงานช็อกโกแล็ต

>>> อ่านแล้ว อ่านหลายรอบจนหนังสือเยินอยู่ในสภาพอนาถ มีรอยชอคโกแลตเลอะเป็นจ้ำ ๆ เพราะอ่านตอนกินชอคโกแลตจริง ๆ มีรอยข้าวติดด้วยเพราะอ่านตอนกินข้าว มีสก็อตเทปปะด้วยเพราะพี่ที่ยืมไปทนไม่ไหวต้องซ่อมให้ ...ตอนเด็ก ๆ ตูช่างรักษาหนังสือดีชะมัด - -'

8. Charlotte's Web : แมงมุมเพื่อนรัก

>>> อ่านแล้ว ร้องไห้ตาย

9. Cheaper by the Dozen : เหมาโหลถูกกว่า

>>> อ่านหลายรอบมาก หนังสือสภาพอุบาทว์พอ ๆ กับชาร์ลีกะโรงช็อคข้างบน

10. Chitty Chitty Bang Bang : รถวิเศษ

>>> มีหนังสือ แต่ชอบฟังเทปมากกว่า เป็นเทปสำหรับเด็กที่เคยมีสมัยเด็กมาก ๆ ชอบพอ ๆ กับพวกเรื่องไทยอัดเทป เช่น นางสิบสอง สังข์ทอง ยังจำได้ว่าป๊ะเซนเซอร์เทปเองด้วย ตอนที่นางสิบสองถูกควักตา ข้อความจะหายไปอย่างลึกลับ คาดว่าเพราะบิดาเห็นว่าไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชนละกระมัง

11. A Christmas Carol : กำนัลแห่งคริสต์มาส

>>> ซื้อเล่มย่อ (แต่คงย่อได้ไม่มาก ของมันก็สั้นอยู่แล้ว) มาอ่านตอนเด็ก ๆ ตอนแรกคิดว่าจะได้อ่านเรื่องผี แต่พอเจอของจริงแล้วก็น้ำตาแตกตายคาหนังสือ กลายเป็น my precious, my beloved ไป

12. Daddy Long Legs : ขวัญใจของคุณพ่อ

>>> ชื่อไทยทำไมอุปี๊จังวะ - -'
ชอบมาก ๆ เหมือนกัน จำไม่ได้ว่าอ่านภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยก่อน

13. Don Quixote : The Picture Readers Edition : ดอน กีโฮเต้ ฉบับอนุบาล

>>> ถ้าอ่านฉบับอนุบาลแล้วจะได้อะไรมั่งอะ จะเก็ตไอเดียที่ซุกไว้ไหมนะ
เราน่าจะเคยอ่านแต่ฉบับย่อเหมือนกันมั้ง ไม่ได้อ่านของจริง

14. Emil and the Detectives : เอมิล ยอดนักสืบ

>>> น่าเบื่อมาก เอาออกจากลิสต์หนังสือนอกเวลาเถอะพี่

15. The Fairy Tales of Grimm's Brothers : เทพนิยายของกริมม์

>>> เวอร์ชั่นไหนอะ อ่านมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว

16. The Fairy Tales of Hans Christian Andersen : เทพนิยายของแอนเดอร์สัน

>>> เหมือนข้างบน

17. The Fairy Tales of Oscar Wilde : เทพนิยายของออสคาร์ ไวลด์

>>> กี๊ด เรารักป๋าไวลด์ (หรือเรียกว่าป้าไวลด์ดีนะ)

18. The Fairy Tales of Lev Tolstoy : นิทานตอลสตอย

>>> ใช่ ควรอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่พระราชาถูกทำให้รับรู้ความรู้สึกของศัตรูตัวเองนั่นน่ะ

19. Gulliver's Travels : กัลลิเวอร์ผจญภัย

>>> ถ้าอ่านถึงเรื่องเมื่อที่ม้าครองเมือง เด็กจะคิดยังไงนะ แต่ตอนที่เราอ่านเด็ก ๆ เราก็ชอบทุกภาคยกเว้นภาคนั้น มาเก็ตตอนโตแล้วแหละ

20. Harry Potter and the Philosopher's Stone : แฮรี่ พ็อตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์

>>> ชุดนี้ชอบเล่มสี่ที่สุด แต่เล่มหนึ่งคงเหมาะกับเด็กที่สุดด้วยมั้ง

21. Heidi : ไฮดี้

>>> ตูรักคุณปู่ (โอจิค่อนกำเริบเสิบสานในบัดดล)

22. The Hobbit : เดอะ ฮอบบิท

>>> เรื่องนี้ว่าจะอ่านอีกรอบเพราะอ่านรอบแรกนานมากจนลืมไปหมดแล้ว มีโปรเจคจะอ่านลอร์ดอีกรอบเหมือนกัน แต่ยังขี้เกียจอยู่

23. The Human Comedy : ความสุขแห่งชีวิต

>>> ของซาโรยันใช่ไหมอะ จำได้ว่าชอบมาก แต่จำเนื้อหาไม่ได้แล้ว

24. The Jungle Book : เมาคลีลูกหมาป่า

>>> รู้ทั้งเรื่องแต่เหมือนไม่ได้อ่านเล่มเต็ม เหมือนอ่านปะติดปะต่อเอาจากที่ต่าง ๆ มารวมกัน ตอนนั้นอ่านตอนเด็ก ๆ ไม่ชอบตอนหลังมาก คิดว่าถ้าอ่านตอนนี้คงเข้าใจมากขึ้น

25. King Arthur and His Knights : อัศวินแห่งกษัตริย์อาเธอร์

>>> เวอร์ชั่นไหนอะ

###

แค่นี้ก่อนแล้วกัน บล็อคยาวเฟื้อยแล้ว




 

Create Date : 27 มกราคม 2552    
Last Update : 3 มกราคม 2553 20:51:13 น.
Counter : 2299 Pageviews.  

Introduction To Jostein Gaarder

ขุดกรุเจออีกอัน เคยเอาไปแปะเวลาคนถามถึงป๋าโยหลายครั้ง บางทีก็ได้ข้อมูลเพิ่ม แต่ลืมเอามาใส่ไว้ - -''

ใครจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมกว่านี้ได้ ก็รบกวนด้วยนะคะ ^^''

###

คุณโยสไตน์ กอร์เดอร์ เป็นนักเขียนชาวนอรเวย์ เมื่อก่อนนี้เป็นอาจารย์สอนปรัชญา แต่หลังจากเขียนนิยายเรื่อง "โลกโซฟี" ( แปลแล้วโดยสนพ.คบไฟ ) แกก็รวยมากจนมาเขียนนิยายอย่างเดียวได้ ( ที่จริงคือรวยมากจนอยู่เฉย ๆ ก็ได้ ) หลังจากนั้นเป็นต้นมา แกก็ตั้งหน้าตั้งตาผลิตนิยายออกมาเป็นการใหญ่ นิยายของป๋าโยเป็นนิยายที่มีเอกลักษณ์ส่วนตัวมาก และแกเป็นคนร่ำรวยพล็อตกับเทคนิคมาก ชนิดที่อ่านมาหลายเล่มจนถึงป่านนี้ยังไม่จน

นิยายของป๋าโยที่ เคียวอ่านแล้ว

๑.โลกของโซฟี ( Sophie's World ห้ามถามว่าชื่อภาษานอรเวย์ว่ายังไง ) เรื่องนี้เป็นนิยายที่เล่าประวัติศาสตร์ปรัชญา ไล่มาตั้งแต่คุณโสเครตีส จนกระทั่งถึงโพสต์โมเดิร์น ( น่าจะใช่นะ ) เรื่องก็มีอยู่ว่าดีคืนดี สาวน้อยโซฟีก็ได้รับจดหมายจากคุณคนลึกลับ เขียนมาหาด้วยคำพูดแปลก ๆ และจดหมายนั้นก็ผลุบโผล่อยู่ตามที่ต่าง ๆ ที่ไม่ได้คาดหมายไว้สักนิด ถึงแม้จะบอกว่าเป็นเรื่องปรัชญา แต่ที่จริงแล้วสนุกมาก คล้าย ๆ เรื่องนักสืบนิดหน่อย น่าเสียดาย รู้สึกว่าคบไฟแปลเรื่องนี้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร

๒. Solitaire's Mystery เรื่องนี้คุณงามพรรณ เวชชาชีวะแปลแล้ว แต่จำชื่อภาษาไทยไม่ได้ เป็นเรื่องโปรดของเคียว วิธีการเล่าเรียกว่าสไตล์ "ลอกเปลือกหัวหอม" หรือ สไตล์ "ห่อของขวัญ" คือเล่านิทานซ้อนนิทานซ้อนนิทานประมาณสามสี่ชั้น ซึ่งทำได้น่าทึ่งมาก เป็นเรื่องของพ่อกับลูกชายที่ออกตามหาแม่ที่หายไป จู่ ๆ ขณะที่แวะพักอยู่ในเมืองแห่งหนึ่ง เจ้าของร้านขนมปังก็ให้ขนมปังและแว่นขยายกับคนลูก พอหักออกมาก็มีหนังสือเล่มเล็กมาก ๆ อยู่ข้างใน ต้องเอาแว่นชยายส่องถึงจะอ่านได้ วิธีเรียงบทเรื่องนี้เรียกตามชื่อไพ่ เช่น บทคิงโำพธิ์แดง นับแล้วก็ครบสำรับพอดี

๓. Christmas' Mystery เรื่องนี้แปลแล้ว ของโกมลคีมทอง ก่อนอื่นต้องเท้าความให้ฟังว่าที่นอรเวย์มีการละเล่นอย่างหนึ่งก่อน คริสต์มาส คือการซื้อปฎิทินที่เป็นรูปใหญ่ ๆ รูปเดียว ปฎิทินอันนั้นจะมีกระดาษปะอยู่ แล้วรวมเป็นเนื้อเดียวกับรูป สมมุติว่าเป็นโรงนา กระดาษที่ปะอาจจะเป็นโรงนาเปล่า ๆ แต่พอดึงกระดาษออก จะเป็นโรงนาเหมือนกัน แต่มีแกะอยู่ข้างใน ดึงไปวันละใบ วันละใบ รูปที่ได้มาจะเปลี่ยนไปทุกที พอถึงคริสต์มาสดึงครบหมด ก็จะได้รูปใหม่พอดี

ทีนี้เด็กตัวเอกของเรื่องไปซื้อปฎิทินมา วันแรกที่ดึงกระดาษออก ปรากฏว่ามีม้วนกระดาษเล็ก ๆ ตกลงมาด้วย พอคลี่ม้วนกระดาษ ก็กลายเป็นเรื่องเล่า แล้วเรื่องเล่ามันจะจบคาใจมาก แต่ที่นี้มีเงื่อนไขว่าเปิดได้แค่วันละแผ่น เพราะมันปะกลับไม่ได้ แล้วพ่อแม่จะสงสัย ก็ต้องค่อย ๆ เปิดไปวันละแผ่นว่าเรื่องจะเป็นเรื่องอย่างไร อ่านไปเรื่อย ๆ จะเริ่มสงสัยว่าเรื่องที่ซ่อนอยู่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เป็นปริศนานำไปสู่อะไรที่ลึกลับกว่านี้หรือเปล่า

๔. ปราสาทกบ ( The Frog Castle ) เรื่องโปรดของเคียวอีกแล้ว เรื่องนี้แปลแล้วโดยสนพ.มติชน เป็นวรรณกรรมเยาวชนเล่มบาง ๆ เขียนได้ดีมาก ใช้วิธีเล่าเรื่องในจินตนาการของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง แต่ขณะที่เล่าเรื่องในจินตนาการ เราจะค่อย ๆ พบว่าจินตนาการนั้นผสานกับโลกแห่งความเป็นจริงมาก และที่จริงแล้ว เป็นการเดินทางเข้าไปในจิตใต้สำนึก เพื่อค้นหาความเข้าใจสิ่งที่ตนเองได้พบนั่นเอง

๖. สวัสดีชาวโลก ( Hello? Is Anybody There? ) จู่ ๆ คุณมนุษย์ต่างดาวก็ตกลงมาบนโลก เป็นเรื่องเด็กที่เต็มไปด้วยคำถามและคำตอบเชิงปรัชญา แต่น่าสนใจมาก แปลแล้วโดยมติชน

๗. Through a Glass, Darkly เรื่องนี้แปลแล้ว ของโกมลคีมทอง เป็นเรื่องของป๋าโยที่เคียวก้ำ ๆ กึ่ง ๆ ไม่รู้จะชอบดีไหม เพราะเศร้ามาก เป็นบันทึกของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นโรคร้ายแรงขั้นสุดท้าย เธอคุยกับเทวดาได้ วิธีเล่าเรื่องนี้เล่าโดยให้รู้สึกถึงสภาพจิตของเด็กเอง ไม่มีการบอกตรง ๆ ที่จริงก็สนุกดี และการมองโลกผ่านบทสนทนาของเด็กและเทวดาก็ refreshing ทำให้เราเห็นแง่มุมใหม่ ๆ ของสิ่งที่ดู "ธรรมดา" ได้อย่างแยบยล แต่ก็เศร้านะ...

๘. The Ringmaster's Daughter เพิ่งอ่านเมื่อวันจันทร์นี้เอง เรื่องนี้ก็เศร้านิดหน่อย แต่สนุกมาก เป็นเรื่องของอัจฉริยะที่คิดพล็อตเรื่องไว้เยอะมาก และทำมาหากินด้วยการขายพล็อต แต่ที่จริงแล้ว พล็อตเรื่องที่เขาแต่งขึ้นก็เป็นการทำนายชีวิตของเขาเหมือนกัน วิธีผูกเรื่องดีมากจนตอนอ่านตกใจ เหมือนจะบอกว่าคนที่คิดว่าตัวเองควบคุมทุกอย่างได้ สุดท้ายก็ควบคุมไม่ได้จริง ๆ หรอก

๙. Maya ตอนที่อ่านเบื่อมาก เพราะคนเรื่องนี้ชอบทำอะไรประหลาด ๆ เช่นคุยกันเรื่องปรัชญายาว ๆ แบบนอนสต๊อป แต่พออ่านจนถึงจบจะรู้ว่าถูกป๋าโยหลอก...ป๋าโยหลอกเก่งมากอีกแล้ว - -'' เก่งจริง ๆ ตอนนี้เลยกลายเป็นชอบไปเลย

เรื่องของคู่สามีภรรยาชาวสเปนที่รักกันมากจนเหมือนแยกกันไม่ได้ นักเขียนชาวอังกฤษ และนักธรรมชาติวิทยาชาวนอรเวย์ที่เพิ่งเสียภรรยา พวกเขามาพบกันพบเกาะแห่งหนึ่งในตาฮิติ ปริศนาเริ่มเกิดขึ้นเมื่อทุกคนสังเกตเห็นว่าใบหน้าของชาวสเปนคนภรรยาช่างเหมือนรูป "Maya" ของโกย่า ( Goya จิตรกรชาวสเปน ศ.18 )

ทว่ารูปนั้นวาดมาสองร้อยปีแล้ว...

๑๐. That Same Flower (Vita brevis) แปลแล้ว ชื่อ "จดหมายรักของนักบุญ" เรื่องของนักบวชสำคัญรูปหนึ่ง (แต่จำชื่อไม่ได้ ขออภัยด้วย) ที่ทิ้งลูกเมียไปเป็นบาทหลวง ตั้งคำถามเกี่ยวกับทางเลือกนี้ และคำถามว่าแล้วผู้หญิงล่ะ...ผู้หญิงผิดตรงไหนหรือถึงต้องทิ้งไป แอบคิดว่าถ้าป๋าโยเขียนเรื่องนี้สักหลายร้อยปีก่อน คงถูกเอาไปเผาแหง ๆ

ชอบตอนใกล้ ๆ จบของเรื่องที่มันระเบิดออกมา รู้สึกขม ๆ แทนผู้หญิงจัง

๑๑. The Orange Girl แปลแล้ว ของมติชน จำชื่อไทยไม่ได้ รายละเอียดตามไปดูได้ที่บล็อคนี้นะจ๊ะ

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=lawit&date=30-12-2005&group=20&gblog=14

ตอนนี้ก็อ่านหมดแล้ว เดี๋ยวเช็คอีกสองเรื่องใหม่ที่เขาขึ้นไว้ในวิกิ แต่ยังไม่ได้อ่านดู

# Sjakk Matt' (Checkmate) (2006)
# De gule dvergene (The Yellow Dwarves) (2006)




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 18 กรกฎาคม 2551 8:46:56 น.
Counter : 727 Pageviews.  

If This Is A Man: Primo Levi

ขุดรายงานเก่า ๆ ที่ทำกับพิวจังขึ้นมา

อ่านแล้วยังรู้สึก raw อยู่เลย ปรกติจะรู้สึกกับเรื่องพวกนี้มากเป็นพิเศษด้วย ช่วงนั้นอาจารย์ให้อ่านเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประมาณหกเจ็ดเล่มได้ จริง ๆ เล่มนี้ยังระดับกลาง ๆ ไม่ hardcore มากเท่าบางเล่ม (โดยเฉพาะเรื่อง Night)

ที่จริงถ้าเป็นนิยาย จะเขียนให้ขนาดไหนก็ได้ จะหนักกว่านี้สักยี่สิบเท่าก็ได้เพราะจินตนาการ คนเคยอ่านนิยายหรือการ์ตูนโหดกว่านี้มาก ๆ อาจจะเห็นว่าจิ๊บ ๆ

แต่ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องจริงที่สามารถเกิดกับตัวเราได้ ไม่ใช่เรื่องที่อ่านเพียงเพื่อสนองความดิบบางอย่างในตัวเอง ก็น่าคิดเหมือนกันนะ

ป.ล.ช่วงนี้อ่าน 7Seeds ของยูมิ ทามุระต่อ หลังจากเลิกอ่านไปตรงเล่มสอง เพราะพี่โรเล่าให้ฟังแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจกว่าที่คิด ตอนนี้ในเน็ตมีถึงแค่เล่มห้า เลยหาฉบับยังไม่ได้แปล (ศัพท์พวกแสกนเลทเรียกว่า raw) มาดูรูปเฉย ๆ ต่อถึงเล่มสิบเอ็ด

เล่มสิบเอ็ดแรงมาก ดีมาก เศร้ามาก ขนาดดูแต่รูปไม่ได้อ่านเทกซ์ยังเศร้าลึกอยู่จนถึงตอนนี้เลย สงสัยเพราะงั้นเลยกลับมาคิดถึงเล่มนี้

###

IF THIS IS A MAN : นี่หรือคือมนุษย์
บทประพันธ์ประจักษ์พยาน โดย Primo Levi
(คัดมาจากรายงานของพิวกะปัน)

Primo Levi เกิดเมื่อปีค.ศ. 1919 ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี ในครอบครัวชาวยิว-อิตาเลี่ยน ต่อมาเข้าร่วมกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อต่อต้านฟาสซิสต์ ถูกจับกุมในปีค.ศ. 1943 และถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกันที่ Auschwitz ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944 จนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 1945

เนื้อหาของเรื่อง If This Is A Man เกือบทั้งหมดเป็นการให้รายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นในค่าย อันได้แก่วันที่ เหตุการณ์ต่าง ๆ สถานการณ์ในค่าย รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ในชีวิตนักโทษ และมีการเพิ่มความคิดเห็นของผู้เขียนเอง

เนื่องจากเลวีเป็นนักวิทยาศาสตร์ ลักษณะการเล่าเรื่องของเขาจึงค่อนข้างสม่ำเสมอ เน้นการให้รายละเอียด พยายามไม่ตัดสินสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งกับตนเองและเพื่อนนักโทษด้วยกัน แต่ให้เหตุผล แสดงตัวอย่าง และใส่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น งานเขียนชิ้นนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกของมนุษยธรรม และความพยายามที่จะคงเป็นมนุษย์อยู่ในสถานการณ์ที่บ้าคลั่งในค่าย

###

...ทหารเยอรมันใช้ตู้รถไฟสินค้นในการขนส่งนักโทษ เลวีเล่าว่าตู้รถคันเล็กๆ แต่มีคนอยู่ในนั้นถึง 45 คน ทั้งเด็ก ผู้หญิง ผู้ชาย มีนักโทษจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตไประหว่างการเดินทาง และเมื่อรถไฟถึงที่หมาย มีการขนถ่ายนักโทษต่อทางรถบรรทุก มีการเลือกผู้ป่วย เด็ก ผู้หญิง และคนชราออกมาสังหาร เพื่อให้เหลือแต่นักโทษที่ยังมีแรงทำงาน จากนักโทษจำนวนมากกว่า 500 คนเหลือผู้ชาย 90 คน ผู้หญิง 29 คน

...ผู้คุมชาวเยอรมันทุบตีพวกเขาเพราะ “เป็นหน้าที่” ซึ่งเลวีบรรยายไว้ว่าทำให้พวกตนงุนงงยิ่งนัก ไม่เข้าใจว่า“คนจะทุบตีผู้อื่นโดยปราศจากความโกรธได้อย่างไร” เมื่อมาถึงค่าย เลวีและชาวยิวอื่น ๆ ถูกทิ้งให้หิวกระหาย ถูกบังคับให้ยืนเฉย ๆ ไม่อาจนั่งได้ เมื่อเลวีที่ไม่ได้ดื่มน้ำมาถึงสี่วันเอื้อมมือออกไปนอกหน้าต่างเพื่อหักแท่งน้ำแข็งที่ติดอยู่บริเวณกรอบหน้าต่างมาจะกินต่างน้ำ ผู้คุมชาวเยอรมันก็ตีเขา และแย่งแท่งน้ำแข็งนั้นไป เลวีถามผู้คุมว่า “ทำไม” เป็นภาษาเยอรมันอย่างกระท่อนกระแท่น และได้รับคำว่าตอบมาว่า “ที่นี่ไม่มีคำว่าทำไม”

...เขาเล่าว่าเนื่องจากทุกคนต่างอดอยากและต้องช่วยเหลือตนเอง ของทุก ๆ ชิ้นจึงมีค่าทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเศษผ้าหรือเศษลวด ของใดก็ตามที่ถูกวางทิ้งไว้ จะถูกขโมยไปโดยง่าย และโดยอัตโนมัติ การขโมยเป็นเรื่องธรรมดาในค่าย พอ ๆ กับการคดโกง กลั่นแกล้ง ทำร้ายและเอาเปรียบนักโทษที่มาใหม่ ไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือคนอื่นโดยปราศจากผลประโยชน์ ตัวเลวีเองเมื่อมาถึงใหม่ ๆ ได้ถูกเพื่อนนักโทษด้วยกันหลอกให้ไปถามคำถามโง่ ๆ กับผู้คุมเยอรมันที่ได้ชื่อว่าโหดร้ายที่สุด ทำให้ถูกทุบตีเสียเกือบตาย

...เลวีมีความเห็นว่าคนในค่ายแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ซึ่งเขาเรียกว่า the Drowned and The Saved คนที่จะเป็น “ผู้จม” มีศัพท์เรียกในค่ายว่า muselman เป็นคนที่ถูกความโหดร้ายในค่ายทำให้เสียกำลังใจ ไม่มีความสามารถจะต่อสู้หรือเรียนรู้เพื่อเอาชีวิตรอด ในที่สุดก็ยอมแพ้และตายในที่สุด ส่วนคนที่จะเป็นผู้รอดชีวิตนั้น เลวีรู้สึกว่าบางคนก็ถูกค่ายกักกันทำให้สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปเช่นกัน เขายกตัวอย่างคนสี่คนที่เป็น “ผู้รอด” ซึ่งช่วยเหลือตนเองด้วยวิธีการต่าง ๆ

คนแรกคือ Schepschel ซึ่งดูมักน้อยและพยายามทำงานหนัก ทว่าแท้จริงแล้วกลับยินดีทรยศเพื่อนเพียงเพื่อได้ตำแหน่ง “คนขัดห้องน้ำ” เพราะการมีตำแหน่งในค่ายกักกันจะนำไปสู่อำนาจและความปลอดภัยเหนือกว่านักโทษอื่น ๆ

คนที่สองคือ Alfred L. ผู้ทำงานเหมือนเครื่องจักร ตรงตามเวลาและหน้าที่ต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สะดุดตาผู้เยอรมันและจะได้ได้มาซึ่งตำแหน่ง เมื่อได้ตำแหน่งแล้วก็กำจัดคนอื่น ๆ ที่อาจกลายเป็นคู่แข่งอย่างเลือดเย็น

คนที่สามคือ Elias Lindzin ซึ่งมีลักษณะพิกลพิการ จิตใจไม่ผิดกับคนบ้าหรือคนปัญญาอ่อนทว่ามีกำลังมากเหมือนสัตว์ เลวีมีความเห็นว่าคนเช่นนี้ถ้าอยู่ข้างนอกคงมีแต่ต้องถูกส่งไปโรงพยาบาลบ้า ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายกลับได้รับความนิยมและเป็นผู้มีสิทธิ์รอดชีวิตเหนือกว่าผู้อื่น

คนที่สี่เป็นเด็กหนุ่มชื่อ Henri ซึ่งเป็นคนฉลาด และใช้วิธีการต่าง ๆ ตั้งแต่ลักขโมย แลกเปลี่ยน หรือ “ทำให้คนอื่นรัก” เพื่อเอาชีวิตรอด เขาผูกมิตรกับคนหลายประเภท ทั้งนักโทษอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ยิวและผู้คุม เพื่อให้คนเหล่านั้นช่วยเหลือตน ทว่าแท้จริงแล้ว กลับไม่มีมิตรภาพหรือความรักให้ใครอย่างแท้จริง มีแต่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคนเป็นผลประโยชน์ ทางรอด และเครื่องมือเท่านั้น

คนทั้งสี่มิใช่ผู้สุจริตควรยกย่องตามมาตรฐานมนุษย์ทั่วไป ทว่าค่ายกักกันของเยอรมันกลับยอมรับการคงอยู่ของหุ่นยนต์ คนทรยศ คนเจ้าเล่ห์ และคนบ้ามากกว่ามนุษย์ปรกติ บังคับให้ผู้อยู่อาศัยละทิ้งคุณธรรมที่มนุษย์พึงมี ไปสวมคราบอย่างอื่นเสียเพื่อให้ตนเองอยู่รอด

###

ถึงอย่างนั้น เลวีก็ยังคงกล่าวถึงด้านดีอื่น ๆ ที่อาจพบได้ในมนุษย์ผู้ถูกคุมขัง เขาเล่าถึงเด็กชาวโปลซึ่งเตือนเขาเรื่องไม่ให้ดื่มน้ำจากก๊อก ( เพราะเป็นพิษ ) และกอดเขาไว้หลังจากพูดกันเรื่องแม

พูดถึงเพื่อนรักที่ชื่อ Alberto ชาวอิตาลี ซึ่งช่วยเหลือร่วมมือกันมาจนกระทั่งฝ่าฟันมีชีวิตในค่ายได้

และที่สำคัญที่สุด เลวีได้พูดถึงคนงานชาวชาวอิตาลีในค่าย ( ซึ่งไม่ใช่นักโทษยิว ) ชื่อ Lorenzo ซึ่งเขาได้ผูกมิตรด้วย และยินดีช่วยเหลือเขากับอันแบร์โตโดยเสี่ยงต่อความปลอดภัยของตนเอง เลวีกล่าวว่า ลอเรนโซแบ่งอาหารของตนหรือขโมยซุปมาให้เขากับอัลแบร์โต ช่วยรับส่งจดหมาย และช่วยเหลืออื่น ๆ เท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่เพราะลอเรนโซหวังรางวัลตอบแทนสิ่งใด แต่เป็นเพราะ “…because he was good and simple and did not think that one did good for a reward. (บทที่ ๑๒ หน้า ๑๔๕)

การกระทำเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกว่า “ยังมีโลกภายนอกซึ่งเป็นโลกนอกค่าย และมีคนที่ยังบริสุทธิ์ ไม่ถูกทำลายด้วยความเกลียดชังและความกลัว”
ในขณะที่คนทั้งหลายฝังความเป็นมนุษย์ของตนลงไปภายใต้การทำชั่วเพื่อเอาชีวิตรอดและคำดูถูกดูแคลนของผู้อื่น ลอเรนโซกลับทำให้เลวีจำได้ว่าตนเองเป็นมนุษย์

###

เมื่อเยอรมันละทิ้งเอาชวิทต์ เลวีที่เป็นไข้แดง ได้ถูกทิ้งไว้ในห้องคนป่วยซึ่งมีคนทั้งหมดสิบสามคน ( ภายหลังมีผู้ตามขบวนอพยพไปสองคน จึงเหลือสิบเอ็ดคน ) เมื่อค่ายถูกทิ้งแล้ว เลวีและเพื่อนชาวฝรั่งเศสชื่อชาร์ลส์และอาเธอร์ ที่ยังพอมีกำลังต้องออกไปหาอาหาร ฟืน และอุปกรณ์ต่าง ๆ จากภายในค่ายที่สภาพเหมือนนรก เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล ของเสียที่นักโทษอื่น ๆ ขับถ่ายออกมา รวมทั้งซากศพของนักโทษด้วยกัน

ถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเลวีเมื่อเอ่ยถึงสิบวันดังกล่าว กลับค่อย ๆ มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเมื่ออยู่ใต้การควบคุมของผู้คุมเยอรมัน ความรู้สึกเป็นมนุษย์ค่อย ๆ หวนกลับคืนมา โดยเริ่มต้นเมื่อเมื่อเขาหาอาหารไปให้คนป่วยร่วมห้องได้ ผู้ป่วยคนหนึ่งได้เสนอให้แบ่งขนมปังของทุกคนให้เลวีกับเพื่อนผู้หาอาหาร เลวีเชื่อว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการสิ้นสุดสภาพค่ายกักกัน และทำให้ทุกคนกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง เพราะ “ตามกฏของค่าย เราต้องกินขนมปังของตนเอง และหากเป็นไปได้ให้แย่งของผู้อื่นมากินด้วย” ยามที่ทุกคนยังเป็นนักโทษ ต่างต้องเอาชีวิตตนเองให้รอด ทว่าเมื่อสามารถมีความรู้สึกของเกียรติและความกตัญญูเกิดขึ้นอีกครั้ง ก็ถือว่าได้กลับมาเป็นมนุษย์ มีเลือดมีเนื้อ และมีชีวิตจิตใจ

ในเวลาสิบวันดังกล่าว เป็นเวลาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน และความตาย เลวีเล่าว่ามีคนป่วยอิตาลีอีกสองคนอยู่ในห้องอื่น ๆ และร้องขอให้เขาช่วย เลวีจึงช่วยด้วยการแบ่งอาหารไปให้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา คนอีกมากมายในค่ายก็พากันร่ำร้องชื่อของเขา ขอร้องให้ช่วย ทว่าเลวีไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้หมด จึงมีแต่ต้องพยายามไม่ฟัง

เขาพูดถึงความรู้สึกครั้งแรกที่บุกเข้าไปในส่วนที่อยู่อาศัยของผู้คุมเยอรมันเพื่อหาอาหาร ความหวาดกลัวเนื่องจากถูกทำร้ายมาตลอด และความรู้สึกแปลกประหลาดที่สามารถไปเอาของออกมาจากที่เช่นนั้นได้ เล่าว่าแม้ทุกคนจะคุยกันเรื่องทหารรัสเซียจะมา แต่ในส่วนลึกกลับไม่อาจเชื่อคำพูดของตนเอง เพราะแทบลืมการหวังไปแล้ว

เลวีเล่าถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนจากนักโทษที่ต้องเอาชีวิตรอดทุกวิถีทาง กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง และเมื่อมองย้อนกลับไป เขาก็ยังคงรู้สึกว่านักโทษทั้งหลายที่ถูกทำร้ายในค่ายกักกันไม่ใช่มนุษย์ มนุษย์อาจฆ่าได้ และอาจทำให้ผู้อื่นทุกข์ทรมานได้ แต่มนุษย์ไม่ควรจะต้องนอนเคียงกับซากศพ ไม่ควรต้องเฝ้ารอให้เพื่อนตาย เพื่อหมายจะแย่งเพียงเศษขนมปัง เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ต่ำยิ่งกว่าศีลธรรมพื้นฐาน แม้แต่ของผู้ที่เป็นมนุษย์น้อยที่สุด

###

เลวีได้รับรางวัลทางวรรณกรรมหลายรางวัลอาทิ Venice literary price, Baguta Price, Rome literary price

ทว่าในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 1987 เขาประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากบันไดและเสียชีวิต ความตายของเลวีเป็นที่ถกเถียงกันมากว่าเกิดจากเหตุใด เป็นอุบัติเหตุหรืออัตวินิบาตกรรม

สำหรับสาเหตุของกลุ่มที่เชื่อว่าฆ่าตัวตายนั้น บ้างก็ว่าเพราะเลวีสะเทือนใจจากการที่มีผู้วิจารณ์ผลงานของเขาอย่างรุนแรง บ้างก็ว่าเพราะเลวีเป็นโรคเศร้าซึมมาแต่หนุ่ม และไม่สามารถระบายความคับข้องใจของตนได้

แต่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าการฆ่าตัวตายของเลวีน่าจะมีผลโดยตรงจากประสบการณ์ที่เขาได้รับในค่ายกักกัน ความรู้สึกผิดที่เป็นผู้รอดชีวิตในขณะคนอื่น ๆ ต้องตาย ซึ่งเป็นบาดแผลทางใจที่ไม่อาจเยียว ยาให้หายได้




 

Create Date : 29 เมษายน 2551    
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 4:40:21 น.
Counter : 1067 Pageviews.  

บันทึกหลังอ่าน 20th&21th Century Boys จบ

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พระเจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา


(วิ่งร้องไห้ไปหาเงาของเฮียนาโอกิที่อยู่ริมขอบฟ้า)

###

โลกไม่ได้เปลียนเพราะเรื่องใหญ่โต โลกเปลี่ยนเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนเล็ก ๆ น้อย ๆ

คนที่ไม่สำคัญ คนที่ไม่โดดเด่น ไม่หล่อเหลา ไม่สวยงาม แต่ที่จริง ทุกคนก็สำคัญ ก็โดดเด่น ก็หล่อ ก็สวย เพราะทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน

ทุกอย่างเกี่ยวพันกัน เหมือนเครือข่ายที่ไม่มีวันสิ้นสุด หนึ่งไปถึงสองและสาม หรืออาจจะมากกว่านั้น การกระทำนำไปสู่การกระทำ ทั้งดีและร้าย บางทีร้ายก็กลับดี บางทีดีก็กลับร้าย บางทีเราก็ทำอะไรไม่ได้ เว้นแต่พยายามทำสิ่งตรงหน้าให้ดีที่สุด

บางทีมนุษย์ก็เป็นอย่างนี้เอง บางทีก็น่าเกลียดแบบนี้เอง บางทีก็สวยงามแบบนี้เอง

บางทีก็ได้แต่พยายาม




 

Create Date : 12 มีนาคม 2551    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2551 21:08:36 น.
Counter : 524 Pageviews.  

ลำนำหกพิภพ: นิยายของน้องชายออกแล้วค่าา^^

นิยายของน้องชายค่า เพิ่งออกสด ๆ ร้อน ๆ ที่เมืองไทย ใครผ่านไปเจอก็ฝากด้วยเน้อ ^^=



รางวัล Young Thai Artist Award ครั้งที่ 3 : ลำนำหกพิภพ
ชุด รางวัล Young thai Artist ครั้งที่ 3
ผู้แต่ง : พงศ์ศรณ์ ภูมิวัฒน์
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ราคา : 395.00 บาท
ลด : 79.00 บ.
เหลือ : 316.00 บาท (ลด 20 %)

เนื้อหาโดยย่อ : นิยายแฟนตาซี ที่มีตัวละครและฉากหลังจากวรรณคดีไทย ตำนานมหาสงครามแย่งชิงความเป็นเจ้าพิภพทั้งหก ณ ห้วงเวลาก่อนที่รามเกียรติจะอุบัติขึ้นบนโลก—เป็นเวลาที่ “ธรรม” กับ “อธรรม” ถูกแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน จนไม่อาจอยู่ร่วมภพได้ หากแต่ในระหว่างการขับเคี่ยวกันในสมรภูมิแห่งเลือด เนื้อ และปณิธาน ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ล้มตาย ไม่มีใครล่วงรู้ว่า “ธรรม” ได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของ “อธรรม” โดยสมบูรณ์แล้ว

คำให้การของพี่สาว : T^T น้องหนูเก่งค่ะ (ไม่ได้ค่อยเลยนะยะหล่อน)




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 4:43:06 น.
Counter : 798 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.