The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 

ยังไงก็มินิมัลลิสต์

ที่จริงหวังว่าจะแต่งบล็อคเป็นลายคนขี่มังกร เป็นบล็อคมังก๊อนมังกรให้เข้ากับบรรยากาศอยู่น่ะนะ

แต่หลังจากพยายามอยู่หลายชั่วโมงเมื่อคืน (รวมทั้งเมื่อเช้า) ก็พบว่ายิ่งทำยิ่งบัดซบขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากความโลว์เทคส่วนบุคคลโดยแท้

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นอันหวนคืนสู่สามัญอีกรอบ ด้วยธีมเรียบง่าย (สุด ๆ) ประกอบด้วยคุณปู่ป่าไม้โมริโซ กับคุณหลานป่าไม้คิกโคโร่ มัสคอตงานพืชสวน (มั้ง) ของญี่ปุ่นเมื่อสองปีก่อน

ไม่อะไรทั้งสิ้นยกเว้นแต่มัสคอต (ซึ่งถูกค่อนขอดว่าเหมือนตัวไรฝุ่น) อย่างไรก็ตาม จขบ.ได้ตกหลุมรักคุณปู่ป่าไม้อย่างลึกซึ้งไปแล้ว

ดังนั้นคงใช้ธีมนี้ไปอีกหลายเดือนน่ะนะ




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2550    
Last Update : 25 มิถุนายน 2550 19:10:18 น.
Counter : 495 Pageviews.  

โลหิตของตู

เกือบลืมแล้ว แต่เมื่อวานใบรับรองแพทย์ที่ขอไว้ถูกส่งมาถึงบ้าน (ทางไปรษณีย์) ทำให้นึกขึ้นมาได้อีกรอบ

คุณคะ...

คุณเคยแบบว่าเชื่ออะไรมาชั่วชีวิต แล้วปรากฏว่าไอ้ที่เชื่อมันเป็นเรื่องผิดทั้งเพบ้างไหม

ไม่ต้องซีเรียสมากก็ได้ เอาแบบเบาะ ๆ แค่ตอนเด็ก ๆ เคยเชื่อว่าโรงเรียนถูกสร้างบนป่าช้าเก่าอะไรแบบนี้

[ ประสบการณ์ตรงส่วนตัว จขบ.ผู้เชื่อคนง่ายเคย:
๑. (สมัยยังเชื่อว่าโรงเรียนสร้างบนป่าช้าเก่า) ตอนนั่งโต๊ะเรียนจะยกเท้าไม่ให้ถูกพื้น เพราะกลัวถูกผีมาดึงขา
๒. (หลังจากได้ฟังทฤษฎีใหม่ว่าจริง ๆ โรงเรียนเคยเป็นสมรภูมิต่างหาก) พยายามขุดบ่อทรายอย่างเอาเป็นเอาตายเผื่อจะเจอปลอกกระสุนฝังอยู่บ้าง ]

ประมาณปลายเดือนก่อน เราไปตรวจร่างกายแบบละเอียดมา ผลเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร แต่แถมพกเรื่องช็อคส่วนบุคคลมาด้วย

คือตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราเชื่อมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนเลือดกรุ๊ปโอ

แต่คำแรก ๆ ที่หมอทักตอนที่เข้าไปในห้องเพื่อฟังผลคือ "เลือดเอนะคะ"

###

"อะไรนะคะ" คุณเคียวถาม

"เลือดกรุ๊ปเอนะคะ"

"เอเหรอคะ" คุณเคียวถามซ้ำ

คุณหมอเริ่มรำคาญ "ค่ะ"

คุณเคียว "/(o[]o)\!!!!!!!!"

คุณหมอ "เอ้อ..."

###

กลับมานึกดูอีก เราก็ไม่เคยเจาะเลือดหรอกนะ (รวมทั้งไม่เคยบริจาคเลือดด้วย เพราะเคยดูหนังเรื่องเสียดายสักภาคแล้วมันสยองติดใจ)

ความเชื่อว่าตัวเองเลือดโอมาจากคุณแม่ ผู้มีทฤษฎีว่า เนื่องจากลูกเบอร์หนึ่ง (ตูเอง) คลอดตามกำหนดปรกติ ส่วนลูกเบอร์สอง (น้องชาย) คลอดก่อนกำหนดต้องเข้าตู้อบ ดังนั้นลูกเบอร์หนึ่งมันต้องเลือดกรุ๊ปเดียวกับแม่ (โอ) ส่วนลูกเบอร์สองต้องกรุ๊ปเดียวกับพ่อ (เอ) แน่ ๆ

...(เปล่าหรอกค่ะ จริง ๆ ลูกเบอร์หนึ่งน่ะเอ ส่วนลูกเบอร์สองโอ)

ไม่มีอะไรหรอก

ตอนนี้ผลเสียที่สุดของการเปลี่ยนกรุ๊ปเลือดกลางอากาศคือ หนังสือ "กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด" มันบอกว่า

คนกรุ๊ปโอควรกินเนื้อเยอะ ๆ (เพราะเป็นกรุ๊ปเลือดดั้งเดิมของมนุษย์แต่สมัยโบราณกาล)

ส่วนคนกรุ๊ปเอควรกินมังสวิรัติ (เพราะเป็นกรุ๊ปเลือดที่เกิดหลังจากมนุษย์ทำกสิกรรมเป็นแล้ว)

จขบ.: = =' o O (คงต้องกินสเต๊กน้อยลงสินะ)

แต่พอลองอ่าน "ทำนายนิสัยคนกรุ๊ปเอ" ก็แม่นดีนะ...




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2550    
Last Update : 15 มิถุนายน 2550 2:20:07 น.
Counter : 1306 Pageviews.  

สุดยอด

วันนี้ไปเจอเพื่อนมา...เพื่อนสมัยมัธยม

เพื่อนรักคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคาธอลิค รายงานตัวว่าจะบวช

ในใจตัวเองคิดว่า "สุดยอด!" แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

อยากให้ตัวเองพูดออกมา แต่ในเวลาแบบนั้น สิ่งที่พูดออกมาก็คงบรรยายทุกอย่างไม่ได้

###

ที่จริงแล้ว คนเราคิดยังไงกับการบวชหรือ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีมันคงแปลกประหลาดสำหรับบางคน และธรรมดาสามัญสำหรับบางคน เป็นเครื่องหมายของการละทิ้ง เป็นเครื่องหมายของอะไรบางอย่างที่คนบางคนคิดว่า "ไม่ใช่" และคนบางคนคิดว่า "ใช่"

บางทีบางคนอาจจะคิดเหมือนกับศาสนาฮินดู ตอนยังอยู่ในสองช่วงแรกของชีวิตก็ควรจะใช้ชีวิตหนุ่มสาว รอให้แก่แล้วค่อยบวชก็ได้ หรืออะไรแบบนั้น

แต่เราไม่รู้ นานแล้วที่เราคิดว่าไม่ได้มีหนทางเดียวในโลก และไม่ได้มีหนทางเดียวสำหรับแต่ละคน นานแล้วที่เราคิดว่าแต่ละคนก็เหมือนต้นไม้แต่ละแบบ มีลำดับช่วงเวลาที่ต่างกัน มีฤดูกาลที่ต่างกัน นานแล้วที่เราคิดว่าต้นมะม่วงก็คือต้นมะม่วง และควรจะชื่นชมมันในฐานะต้นมะม่วง ไม่ใช่ไปถามว่าทำไมแกออกลูกสตรอเบอรี่ไม่ได้ (รวมถึงทำไมสตรอเบอรี่ถึงออกลูกเป็นมะม่วงไม่ได้)

เราคิดว่าเพื่อนเราสุดยอด เจ๋งที่สุดในโลก

เพื่อนบอกว่ายังมีเวลาอีกแปดปีให้ตัดสินใจ หลังจากแปดปีแล้ว ถึงจะเป็นเวลาที่ต้องปฏิญาณว่าจะถือบวชชั่วชีวิต ในระหว่างแปดปีนั้น หรือเมื่อสิ้นสุดแปดปีนั้น บางทีอาจจะเกิดอะไรขึ้น หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปก็ได้

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ยังคิดว่าสุดยอด

ไม่มีอะไรแปลกประหลาดหรอก และก็ไม่มีอะไรธรรมดา ไม่ต้องสนใจว่าใครจะพูดอย่างไร ถ้าหากมีคนล้อเลียนบ้าง ก็ให้ถือว่าเขาล้อเพราะรัก หรือไม่อย่างนั้นก็ล้อเพราะไม่เข้าใจ

เพราะยังไงฉันก็คิดว่าแกเจ๋งที่สุดอยู่ดี




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2550    
Last Update : 2 มิถุนายน 2550 15:11:44 น.
Counter : 436 Pageviews.  

กลับมาแล้ว

...a trip











...so good a trip




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2550 20:41:38 น.
Counter : 1043 Pageviews.  

อะไรสักอย่าง

ช่วงนี้พอได้ยินใครพูดทำนองว่า คนเดี๋ยวนี้เลี้ยงเด็กไม่เป็น ชอบแต่จะพาไปห้าง ทำให้เด็กกลายเป็นพวกวัตถุนิยม ก็จะเกิดอารมณ์กบฏเล็ก ๆ

ไม่ได้หมายความว่า เราชอบวัตถุนิยมหรอกนะ (และไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้อยู่ในวงจรนี้ด้วย) แต่มันอดคิดไม่ได้ทำนองว่า เออ เมื่อก่อนคนไทยก็ชอบเที่ยวตลาดเหมือนกันแหละ ตั้งแต่สมัยไม่มีห้างน่ะ ไม่เชื่อไปอ่านเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กสิ หรือจะย้อนไปไกลกว่านั้น เอาพระยาน้อยชมตลาดก็ได้ (แต่พระยาน้อยแกเป็นมอญสินะ)

ปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่นะ การมีของดี ๆ สวย ๆ ให้เลือกมากมายมันทำให้ซื้อมากกว่าเดิมจริง ๆ หรือว่าอยู่ที่พ่อแม่มันไม่สามารถบังคับให้ลูกซื้อเฉพาะที่จำเป็นได้ หรือว่าอยู่ที่ตัวเด็กเอง ว่าเด็กคนนั้นชอบหรือสนใจอะไร ว่าเด็กคนนั้นเข้าใจเรื่องมีเงินกับไม่มีเงินมากแค่ไหน หรืออยู่ว่าเด็กคนนั้นตกไปอยู่ในสังคมแบบไหน เป็นต้นว่าเข้าโรงเรียนไฮโซแล้วเจอแต่เพื่อนที่มีของเล่นดี ๆ (แต่เราไม่เชื่อว่าเด็กไฮโซเป็นเด็กไม่ดี เราเพียงแต่คิดว่าเด็ก ๆ มักจะ naive and cruel อย่างที่เขาว่ากัน และพอมันมีอำนาจมากกว่า มันก็เลยบริหารอำนาจ)

คิด ๆ ไปแล้วก็งงแฮะ

###

รื้อตู้ (อีกแล้ว) เจอหนังสือโละของคิโนะที่ซื้อมาเล่มละร้อย เป็นพวกหนังสือเด็ก (เรียกว่าเด็กก็ไม่ถูกนะ - -'' เยาวชนซะละมั้ง) มี The Life and Adventures of Santa Claus ของป๋าโบม (คนเขียนพ่อมดออซ) แล้วก็ I, Juan de Pareja หนังสือนิวเบอรี่อวอร์ดปี 1965 (รางวัลหนังสือเด็กของอเมริกา ดูเหมือนจะเป็นสถาบันไปแล้ว)

ไอ้ "ชีวิตและการผจญภัยของซานตา คลอส" เนี่ย เรารู้สึกว่าเศร้าจังนะ คือช่วงแรก ๆ ก็เป็นเรื่องของหนูคลอส ผู้ถูกทิ้งไว้ชายป่าแห่งเบอร์ซี แล้วก็เลยมีวู้ดนิมป์ (นางไม้) มาเอาไปเลี้ยง พอโตขึ้นมา แกก็รู้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์ อยู่ป่ากับพวกภูตไม่ได้ เลยออกมาข้างนอก แล้วอุทิศชีวิตให้กับการทำให้เด็ก ๆ มีความสุข (เพราะแกเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้น)

แรก ๆ คุณคลอสก็เล่นกับเด็กแถวนั้น แล้วไป ๆ แกก็เกิดหัดทำของเล่นเป็นขึ้นมา เลยเริ่มทำของเล่นแจกเด็ก แล้วพอเห็นเด็กมีความสุข แกเลยทำแจกไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นว่าทำของเล่นทั้งปี (เพื่อแจกให้เด็กทั่วโลก) แล้วก็เอาไปแจกเฉพาะในวันคริสต์มาสอีฟ

เราว่ามันเป็นเรื่องเด็กยุคที่ "ยังสวย" อยู่ สมัยที่ยังเขียนเรื่องด้วยฟีลว่าเรื่องที่เด็กอ่านนั้นควรจะเป็นเรื่องของความจริง ความยุติธรรม ความถ่องแท้ ความอ่อนโยน โดยที่พวกคนเขียนยังไม่ตั้งคำถามกับความวุ่นวายซับซ้อนของโลกนี้เกินไป

แต่คิดอีกที เราก็ไม่รู้ว่าการที่ซานตา คลอสพัฒนาจากการเล่นกับเด็กแถวนั้น ไปเป็นการทำของเล่นทั้งปี แล้วแจกวันเดียว ชนิดที่คนเขียนบอกว่า "คลอสก็ยังอยากเล่นกับเด็ก ๆ อยู่ แต่เขาไม่มีเวลาทำแบบนั้น" เนี่ย มันดีจริงหรือเปล่า พออ่านแล้วรู้สึกเหมือนลุงคลอสแกไปติดอยู่ในวงจรอุบาทว์อะไรสักอย่างที่แกปลดเปลื้องไม่หลุดยังไงชอบกล แล้วเราก็ไม่รู้ว่าการเอาของเล่นให้นี่มันช่วยอะไรได้แค่ไหน

โดยเฉพาะในบทท้าย ๆ ที่พูดถึงว่าคลอสไม่มีเวลาเลยเอาของเล่นไปฝากให้พ่อแม่ กับฝากไว้ที่ร้านของเล่นแทน...นี่มัน...อืมม...อื้มมมมมมมม ไม่รู้เว้ย แต่ก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า แฟนตาซีสไตล์โบมมันเป็น...เรียกว่าอะไรดี แฟนตาซีอเมริกายุคที่ทุนนิยมเริ่มปรากฏชัดเจนแล้ว (เคยอ่านบทความวิจารณ์พ่อมดออซแนว ๆ นี้ด้วย แต่ลืมไปแล้ว) ที่จริงก็ชอบเล่มนี้นะ แต่ขอฉีกเอาบทท้าย ๆ ออกไปได้มั้ยเนี่ย

ขอรีไรท์ใหม่ด้วย เป็นต้นว่าในที่สุดซานตา คลอสก็เลิกแจกของขวัญ แล้วหันกลับมาเล่นกับเด็กยากจนเหมือนเดิมแทน

ส่วนเรื่อง I, Juan de Pareja เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ เล่าเรื่องทาสนิโกรของจิตรกรเอกสเปน ยุค ศ.17 ทาสชื่อ ฮวน เดอ ปาเรจา ส่วนจิตรกรชื่อ ดอน ดีเอโก วาเลซเควซ (Valazquez มั้ง ถ้าจำไม่ผิด)

สนุกดีนะ เป็นอัตชีวประวัติ แล้วก็มีเกร็ดเกี่ยวกับชีวิตศิลปินในสมัยนั้นเยอะดี จะว่าไป บอกว่าฮวนโชคดีก็ได้ เพราะดีเอโกกับเมียเป็นพวกเจ้านายที่ดีกับทาส (เกือบจะเป็นพ่อแม่ให้ตาฮวนอยู่แล้ว) แอบชอบดอน ดีเอโก เพราะนิสัยแข็งโป๊กดี คนเขียนเขาหมายไว้ท้ายเล่มว่า ดอน ดีเอโก เป็นต้นตระกูลของศิลปินแนวเรียลลิสติกกับอิมเพรสชั่นนิส เพราะดอน ดีเอโกมีมาตรฐานศิลปะว่า จะไม่วาดอะไรให้สวยเกินจริงเด็ดขาด ศิลปินไม่ใช่พระเจ้า พระเจ้าสร้างมาแบบไหนก็ต้องแบบนั้น แต่ศิลปินควรจะเห็นความงามในสิ่งสร้างทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ของที่น่าเกลียด (มีบันทึกสมัยหลังว่า ดอน ดีเอโกพูดว่า "ข้าพเจ้ายอมวาดของน่าเกลียด ดีกว่าพยายามวาดอะไรให้ดูงามขึ้นกว่าที่เป็นจริง")

วันศุกร์แวะไป TCDC เลยดูอนิเมะเรื่อง Kiki's Delivery Service ของค่ายจิบลิ ไม่แน่ใจว่าตรงตามหนังสือแค่ไหน (เราได้อ่านแต่เล่มสอง ตอนนี้กิกิที่แปลเป็นไทยมีสองเล่ม) แต่รู้สึกว่าจิบลินี่ชอบเรื่องธีมนี้แฮะ ประมาณเป็นเรื่อง growing up โดยเฉพาะของเด็กผู้หญิงน่ะนะ

ชอบตอนที่จู่ ๆ กิกิก็ขี่ไม้กวาดบินไม่ขึ้น พยายามเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ เพื่อนที่เป็นศิลปินเลยชวนไปพักในป่าด้วยกัน แล้วเพื่อนที่เป็นศิลปินก็บอกว่า ก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันนะ เวลาที่วาดอะไรไม่ออกเลยน่ะ

...สรุปว่ามันก็เวลาแบบนั้นทุกคนสินะ

###

ปลายปีที่แล้วตอนจะไปงานพืชสวน ซื้อร่มใหม่คันนึงจากร้านหกสิบบาท แต่สงสัยว่าตลอดว่ามันจะใช้ได้จริงหรือเปล่า ช่วงงานพืชสวนก็ไม่ได้ใช้

ตอนนี้ฝนตกเลยได้กางร่มคันนั้นดู ปรากฏว่าใช้ได้ ฝนไม่ทะลุลงมาด้วยละ

ดีจัง




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 14:07:23 น.
Counter : 454 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.