|
ตูก็เป็น
จขบ.มีคนรู้จักคนหนึ่ง เป็นคนรักลูกมาก เรียกว่าชีวิตนี้ได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้ลูกไปเรียบร้อยแล้ว และก็น่าชื่นใจที่ลูกเองก็เป็นเด็กดีกันทุกคน
แต่ทุกครั้งที่เห็นคุณคนนี้ จขบ.มักรู้สึกว่า "อันตราย"
ที่ว่าอันตรายนั้นไม่ใช่เพราะการรักลูกไม่ดี แต่เป็นเพราะเขาไม่มีชีวิตด้านอื่น ๆ เลยนอกจากด้านลูกเท่านั้น และในความเป็นจริง ต่อให้ลูกรักเราและเรารักลูกมากแค่ไหน ลูกก็ไม่ใช่เรา วันหนึ่งจะต้องมีการโบยบินออกไปจากรัง วันหนึ่งสิ่งที่ผูกกันไว้จะต้องถูกตัด เพื่อจะต่อในรูปแบบใหม่ วันหนึ่งลูกจะกลายเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าความสัมพันธ์จะต้องเปลี่ยนไป ลูกน้อยไม่มีวันเป็นลูกน้อยไปตลอดกาล
จขบ.มักคิดเสมอว่า พอถึงวันนั้น คุณคนนี้จะโหวงไหม ภาวะที่ว่าสิ่งที่เคยยึดอยู่อย่างหนาแน่นมันหายไปต่อหน้าต่อตา มันกลายเป็นอย่างอื่น ซึ่งตัวเองก็ไม่อาจคาดหมายได้ ถ้าหากสิ่งที่ยึดไว้มันหายไป หลักชีวิตจะอยู่ที่ไหน ตัวเองจะเป็นใคร
นี่เป็นความรู้สึกที่คิดเสมอมา ทุกครั้งที่ฟังเขาพูดอย่างภูมิใจเกี่ยวกับลูก ทุกครั้งที่เห็นเขาไม่สามารถพูดเรื่องอื่นหรือคิดเรื่องอื่นได้เลย นอกจากลูกของตัวเอง
แต่แล้ววันหนึ่ง (เพิ่งวันนี้เองละมัง) จขบ.ก็ตระหนักว่า "ตูก็เป็น"
ตูเองก็ยึดติดกับตัวตนที่เป็นนักเขียนอย่างยิ่ง ประหนึ่งเป็นเสาหลักชีวิตที่กอดเอาไว้ ตูไม่รู้จักพัณณิดาในตัวตนอื่น ๆ เลย และพรีเซนต์ตัวเองในแบบอื่นแทบจะไม่ได้ ตูเองนี่ละก็แทบจะเดี้ยงไปครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไอเดนติตี้นักเขียนมีความไม่มั่นคง และก็ตูเองอีกเหมือนกันที่กอดมันไว้แน่น อีกทั้งยังอิจฉาริษยาชาวบ้านเพราะคิดว่าตัวเอง "มีน้อยเหลือเกิน" มันทำให้จขบ.เป็นคนจองหองตามประสาคนที่คิดว่าตัวเอง "มีน้อย" และในขณะเดียวกันก็ทำให้ จขบ.ไม่พอใจหรือรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไม่มีความหมายทันที เมื่อพบคนที่ไม่ยอมรับคุณค่าที่จขบ.ยึดไว้ (เช่นคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือ)
ตลอดเวลาที่ผ่านมา จขบ.มักจะสงสัยว่า คนที่หาแก่นชีวิตไม่เจอ คนที่ไม่รู้ว่า way ของตัวเองคืออะไร นั้นมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร จขบ.มักรู้สึกว่าคนที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร จะหลุดไหลลงสู่ความต้องการบริโภคและตบแต่งตนไม่มีที่สิ้นสุดได้ง่าย หลงคิดว่าจะสร้างตัวตนด้วยสิ่งที่ตัวเองซื้อและเสพ ยี่ห้อที่ตัวเองใช้ จขบ.จึงคิดเสมอว่าคนเราควรจะมีเป้าหมาย ควรจะมี way ควรจะตามหาว่าตัวเองมาทำอะไร
แต่พอถึงตอนนี้ หลังจากถูกบอกว่า ให้ใช้ตัวตนอื่นบ้าง ให้ลองเปลี่ยนตัวเองบ้าง ให้เปิดตัวเองบ้าง จขบ.จึงค่อยตระหนักว่าข้านี้ยึดติดกับ "การเขียน" มากเกินไป ยิ่งยึดมากเท่าไร ก็ยิ่งกลัวที่จะปล่อยไป ยิ่งกลัวว่าถ้าปล่อยแล้วจะไม่เหลืออะไร และมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ตูเกิด writer's block ด้วย เพราะตูเสือกกลัวมากไปจนหงิกทำอะไรไม่ได้นั่นเอง
มันไม่ได้หมายความว่า โอเค กรูจะปล่อยไอ้นั่นผัวะเดี๋ยวนี้ เลิกกัน แต่มันหมายความว่า จขบ. น่าจะสามารถ add-up บางอย่างไปจากตรงนี้ได้ เป็นบางสิ่งที่ "เพิ่มขึ้น" กว่าตรงนี้ได้ เพื่อที่หากว่าวันหนึ่ง "ลูก ๆ" ของจขบ.จำเป็นจะต้องจากไป จขบ.จะได้ยังมีชีวิตอยู่ ยังรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ยังเข้าใจว่าตัวเองมีความหมายอย่างไร
ก็เป็นเรื่องที่ต้องพยายามต่อไป
Create Date : 04 มกราคม 2555 |
Last Update : 4 มกราคม 2555 21:05:51 น. |
|
1 comments
|
Counter : 434 Pageviews. |
|
|
|
โดย: romancer IP: 110.171.155.39 วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:16:26:20 น. |
|
|
|
| |
|
|
ไฟท์โต๊ะ ปันปัน