|
บันทึกต้นปี
ทำตามประเพณีเขียนบล็อคต้นปี ถึงแม้ที่ผ่านมาจะใช้บล็อคน้อยลงเรื่อย ๆ และเรื่องในบล็อคก็เป็นเรื่องในใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากทางร่างกายไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรพิเศษ ไม่มีอะไรใหม่ที่ตื่นเต้น จขบ.จึงท่อง landscape ในใจของตัวเอง ด้วยการคิด คิด และคิดแทน
อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจอย่างหนึ่งของปีนี้คือเปิดโลกทัศน์ที่อยู่นอกกบาลตัวเองให้มากขึ้น
ปีที่ผ่านมา...มองภาพรวม ณ ขณะนี้ รู้สึกว่าเป็นปีที่ดึ๋ยได้โล่ เริ่มจากช่วงต้นปีที่เขียนนิยายไม่ได้ ลากยาวมาจนถึงประมาณเดือนสิงหาคม ซึ่งถ้าใครไม่เคยเจอ writer's block จะไม่เข้าใจว่าอารมณ์มันเป็นยังไง แต่เอาเป็นว่านักเขียนเป็นอาชีพที่ต้องต่อสู้กับอีโก้และความกลัวของตัวเองมาก ในภาวะที่จิตใจไปเก็บเกี่ยวเอาความกลัว ความไม่มั่นใจ ความรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไม่มีวันทำได้ดีเท่าเก่าอีกแล้ว ความกลัวว่าจะปราศจากลาภยศสรรเสริญและความรัก ตลอดจนความอื่น ๆ (ของตูจะออกแนวว่า คงเขียนไม่ได้อีกแล้ว ถึงเขียนก็คงขายไม่ได้ ตูแก่เกินกว่าจะกลับไปเป็นอย่างตอนเด็ก ๆ ได้อีกแล้ว)
ความทั้งหมดเหล่านี้จะคล้าย ๆ อะไรบางอย่างที่มีน้ำหนักมาก ๆ กดลงบนบ่า ซึ่งทำให้รู้สึกซึมเศร้าเอาง่าย ๆ แม้ว่าสภาพภายนอกจะฟังก์ชั่นเป็นปรกติดี ด้วยเหตุนี้ในช่วงแรกของปีจึงเป็นช่วงหนืดเนือยที่ยาวนาน ซึ่งมีวันที่ตื่นขึ้นมารู้สึกบัดซบกับตัวเองมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าตูมาทำอะไร
ในช่วงที่รู้สึกแห้งผาก ก็เป็นช่วงที่แสวงหาความอบอุ่นจากมนุษย์อื่นเหมือนกัน แต่เอาเข้าจริง จขบ.ผู้มีกำแพงหนา (จะเรียกว่ากำแพงหนาถูกไหม หรือควรเรียกว่าหยิ่งจองหอง หรือควรเรียกว่าความไม่อยากไปเป็นภาระของชาวบ้าน) ก็ไม่รู้จะเรียกร้อง "ความรัก" จากคนอื่นอย่างไร และแถมยังรู้ด้วยว่า บางทีสิ่งที่ได้มาก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองพอใจ เพราะในที่สุดคนเราจะแก้ปัญหาจากภายในของตัวเอง ด้วยการคิดตกด้วยตัวเองมากกว่าที่ใครอื่นจะมาบอกได้
อนึ่ง ควรบอกไว้ในที่นี้ด้วยว่า แม้ว่าอีจขบ.จะเป็นคนจองหอง แต่เวลาใครทำดีด้วยนั้น appreciate มาก และรู้สึกขอบคุณเสมอ จขบ.คิดว่าใครก็ตามที่ยินดีออกนอกเส้นทางของตัวเองมาเพื่อทำให้คนอีกคนหนึ่งมีความสุข เป็นคนดี จึงขอขอบคุณทุกคนที่ดูแลข้าพเจ้าตลอดมาจนถึงบัดนี้
หลังจากที่เริ่มเขียนหนังสือได้ สภาพร่างกายก็กลับมีปัญหา ด้วยอาการเริ่มต้นที่ปวดไหล่ ข้อมือเจ็บตึง และในที่สุดหลังจากต้องหยุดงานยาวเพื่อไปหาหมอ ก็ได้คำตอบว่าหมอนรองกระดูกที่คอเคลื่อน ต้องทำให้เข้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยืดยาวกันต่อไป คงไม่ได้หายกันได้ขาดในเร็ววัน
ก่อนหน้าที่จะไปรักษา ได้ไปคอร์สศิลปะบำบัดที่เชียงราย ต้องขอขอบคุณพี่ผึ้งซึ่งทำให้้ข้าพเจ้าเห็นอะไรอีกหลายอย่าง และเคลื่อนผ่านออกจากวงจรอุบาทว์ของการคิดทำร้ายตัวเอง ว่าจริง ๆ คือปัญหามันก็ไม่ได้หายไป ข้าก็ยังคงเป็นบอนไซขี้ขลาดที่พยายามจะโตไปและกลัวไปด้วยอยู่ดี แต่การพบพี่ผึ้งทำให้เคลื่อนจากความคิดที่ว่าเป็นบอนไซที่ไม่ได้ความ ใช้ไม่ได้ วิจารณ์ตัวเองจนตูหงิกทำอะไรไม่ได้เลย กลายเป็นความคิดที่ว่าเป็นบอนไซก็ไม่เป็นไร ช้าก็ไม่เป็นไร ก็ไปต่อได้ ก็แฮปปี้กับชีวิตได้ ก็มีความสุขกับการค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าได้
และต้องขอบคุณพี่ผึ้งมากที่เป็นเพื่อนตอนที่รู้สึกหงิกเต็มที
หลังกลับจากเชียงรายก็ไปหาหมอดังว่า และต้องลางานถึงสองอาทิตย์ แต่หลังจากนั้น แม้ว่าจะต้องรักษาตัวต่อไป จขบ.กลับรู้สึกว่าตัวเองผ่านจุดตกต่ำที่สุดมาแล้ว (ตอนไหน?) อารมณ์อยู่ในภาวะดีมากและเคลียร์มากติดต่อกันหลายวัน แม้จะกลับสู่ภาวะปรกติแล้ว ก็ยังค่อนข้างใสอยู่ รู้สึกดีกับอนาคต พร้อมจะทำอะไรใหม่ ยอมรับอะไรได้มากขึ้น รู้สึกว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดี จะเป็นปีที่ก้าวต่อไป
Create Date : 03 มกราคม 2555 |
Last Update : 3 มกราคม 2555 9:41:31 น. |
|
4 comments
|
Counter : 473 Pageviews. |
|
|
|
โดย: kurobina IP: 223.204.53.97 วันที่: 3 มกราคม 2555 เวลา:9:51:56 น. |
|
|
|
โดย: AutumN555 วันที่: 3 มกราคม 2555 เวลา:10:09:21 น. |
|
|
|
โดย: กุ๊กกู IP: 125.25.191.53 วันที่: 4 มกราคม 2555 เวลา:13:13:01 น. |
|
|
|
โดย: กิ๊ฟท์ IP: 124.121.133.26 วันที่: 4 มกราคม 2555 เวลา:13:24:50 น. |
|
|
|
| |
|
|