|
"ความรัก??"
นักปรัชญาคิดว่า ... "ความรัก" เป็นความพยายามทวนกระแสของสิ่งมีชีวิต
แต่คนที่ผ่านชีวิตมาอย่างเคี่ยวกรำ ก็สอนเราว่า "จงเป็นผู้ให้แล้วจะได้รับถ้าทำตัวเป็นผู้คิดจะเอาแต่ฝ่ายเดียว แล้ว คุณจะไม่ได้อะไรเลย"
ส่วนนักบวชพร่ำสอนผู้คน ด้วยเสียงอันแผ่วระโหยว่า "จงมีเมตตา ต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่ร่วมโลกเดียวกันนี้"
เมื่อเป็นเช่นนี้ ใช่หรือไม่ว่า ชีวิตคือสิ่งตรงกันข้ามในความหมายเหล่านี้ กระนั้นหรือ ถ้าชีวิตอยู่ตรงกันข้ามของความรัก ชีวิตก็คือความชังหรือเกลียดเช่นนั้นหรือ ถ้าชีวิตอยู่ตรงกันข้ามกับการให้ ชีวิตก็คือการเอา หรือ การเห็นแก่ตัวเช่นนั้นหรือ ถ้าชีวิตอยู่ตรงกันข้ามกับการมีเมตตา ชีวิตก็คือการไม่มีเมตตาเช่นนั้นหรือ
เรามาเพ่งพินิจเรื่องของชีวิต กันอีกสักหน่อยเถิด หัวใจสำคัญของชีวิต ก็คือ ชีวิตเป็นตัวตนที่มีพลังตื่นตัว เป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิด กิจกรรมของชีวิต ทำไมชีวิตจึงมีพลังตื่นตัวก็ขอยกให้เป็นเรื่องของความลี้ลับ เป็น ความสลับซับซ้อนอันละเอียดละเมียดละไมตามทัศนะของนักปรัชญาไปก่อน
เมื่อเรายอมรับว่าชีวิตมีพลังที่ว่านี้ เราจะเห็นว่า พลังอันนี้เองที่ทำให้คนพัฒนากว่า สัตว์อื่น ทีนี้ระหว่างการทำงานของพลังขับเคลื่อนอันนี้ ก็เกิดความโน้มเอียงให้ตัว ชีวิตเป็นศูนย์กลางของธรรมชาติหรือศูนย์กลางของเรื่องทุกเรื่อง
พลังขับเคลื่อนเป็นเรื่องดี ที่ทำให้ชีวิตเป็นตัวตนที่ตื่นตัวถ้าการตื่นตัวของตัวตน แก่กล้า จนเป็น "อัตตา" ว่าตัวเราเองสำคัญที่สุดในจักรวาลนี้ ข้อผิดพลาดของ ชีวิตเกิดขึ้นตรงความแก่กล้าของอัตตานี่เอง อย่าได้ตีขลุมไปโทษพลังขับเคลื่อน
หากปล่อยให้ชีวิตอยู่ภายใต้อัตตาแต่อย่างเดียวแล้ว ชีวิตก็จะเดินไปอย่างผิดทิศ ผิดทาง เหมือนคนที่ใส่แว่นสายตาด้วยเลนส์ที่เพี้ยนไป
ดังนั้น จงอย่าได้ปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามกระแส ของชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว ควรเจือปนลงไปด้วย ความรัก การให้ และความมีเมตตา ประกอบกับการมีจิตใจ ที่กว้าง ตลอดช่วงเวลาของการเดินทางของชีวิต
Create Date : 21 พฤษภาคม 2551 | | |
Last Update : 11 มกราคม 2553 14:19:48 น. |
Counter : 490 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
พักนิยาย มากล่าวคำขอบคุณก่อนค่ะ
วันนี้โทรศัพท์ดังทั้งวันเลย... ตั้งแต่ เที่ยงคืนกว่าๆ หลับไม่ลง เพราะความดีใจ คนแรกที่โทรเข้ามา ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ เป็นคุณนายแม่นั่นเอง โทรมาสุขสันต์วันเกิดลูกสาว โกรธม่ายลง .. แม่ตั้งใจมากๆ ทำทุกๆ ปี โทรมาตอนเวลาที่เราคลอด เที่ยงคืนสามสิบนาทีเป๊ะ
รักแม่ที่สุดในโลกเลย
แล้วก็มีโทรเข้ามาเรื่อยๆ เลยรู้ว่า อ้อ วันนี้วันเกิดเรานั่นเอง ต้องโทษตัวนอยเอง ลืมวันเกิดตัวเอง มัวแต่ทำงาน หาเงินนั่นแหระน๊ะ เศรษฐกิจแบบเนี้ย หาเงินเก็บไว้ก่อน อายุขนาดเนี้ย ต้องรีบทำงาน แก่กว่านี้ ก็ทำม่ายไหวแหระ ไม่มีใครจ้างแหระ อิอิ
เพื่อนโทรมาบอกว่า นอย เข้าไปดูบล๊อคแก๊งค์หน่อยดิ เพื่อนๆ ในบล๊อคมาอวยพรวันเกิดแกตรึมเลย
บ่ายวันนี้ เวลา 16:34 นอยเลยเปิดเข้ามาดู โอ้ เพื่อนๆ น่ารักกันมากๆๆ แม้แต่นอยทิ้งบล๊อคล้างไปหลายวัน เนื่องจากนอยไม่ค่อยว่างเข้ามาเขียนนิยายต่อให้จบ ก็ยังใจดี มีน้ำใจอวยพรวันเกิดให้นอย ไม่ขาดสาย ขอบพระคุณมากๆ เลยค่ะ
ขอทุกคำอวยพร ขอบังเกิดแก่ทุกๆ คนด้วยนะค่ะ ...ขอให้ทุกๆคน มีความสุขเช่นเดียวกับนอย ขอให้โชคดี ทุกๆ ปี ทุกๆ คนด้วยค่ะ
อ้อ มีบางคนนะ ส่งคำอวยพรมาให้นอย ขอปะไว้ตรงนี้ประจานหน่อยนะจ๊ะ
พรใดที่ประเสริฐ ล้ำเลิศกว่าทุกสิ่ง หวังใดให้เป็นจริง มีทุกสิ่งดั่งต้องการ สุขสันต์วันเกิดคนดี อย่าทิ้งพี่ไปมีแฟน อิอิ
================================================== ขอพักนิยายชั่วคราว เดี๋ยวมาเขียนต่อจ้า
รัก หรือ หลง ออนไลน์ผ่านสายไซเบอร์เนต
วันนี้ นอยเปลี่ยนแนวมั่งนะจ๊ะ มาแนว นิยายๆ เรื่องสั้น ๆ เอาไปอ่านกันหนุกๆ ดีกว่าคะ นั่นแน่ ดูดิ คนบางคน พึมพำ บอกว่า ว่างมากหรือไงนะเธอ ถึงมาเพ้อเจ้อเขียนนิยาย
อิอิ เปล่าว่างนักหนาหรอกค่ะ แต่ อารมณ์อยากเขียน อ่านเล่นๆ นะนะคนดีนะ อดทนอ่านกันหน่อยนะ
ไม่พูดมากแหระ เขียนละนะ
ตอน ขอแค่รักทะลุจอ ก็พอใจ
ตึงตึ้ง ...เสียงดังลั่น ผ่านออนไลน์ตามสายโทรศัพท์...นิ่มเหลือบมองตามเสียงนั้น .. มีข้อความ กระพริบๆ เลยคลิกดู .....”ใครทักมา แล้ว add ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ `สวัสดีครับ ผมชื่อ นริศ ผมรู้จักคุณผ่านน้องในเวปบอร์ดพันทิพ” ฉันเริ่มงง แต่ไม่มากนักหรอก ก็งงที่ว่า เขาสนใจที่จะคุย กับฉันงั้น เหรอ!! และก็หายงง ที่เขาได้เมล์ ฉันมาจากน้องในเวปบอร์ดที่ฉันเข้าไปคุยบ้างแต่ไม่บ่อยนัก..แต่ฉันก็จำเป็นต้องทักทาย เพื่อไม่ให้เสียมารยาท ...
”คะ สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” การสนทนาของเราเริ่มเป็นไป โดยในระยะแรกๆ ฉันไม่เคย ได้ใส่ใจกับเขามากนัก
เราเริ่ม ออนไลน์ ตรงกันแทบทุกวัน คุยกันได้ทุกวัน ...เขาเริ่มเล่าประวัติตัวเองให้ฉันฟัง ผมเป็นคนไทย เกิดเมืองไทย แต่ไปเรียนที่อเมริกา ตั้งแต่จบ ม.6 จนบัดนี้ ผมกำลังเรียน ปริญญาเอก ด้านบริหาร อยู่ อีกไมนานี ผมก็จะจบ แล้วจะกลับไปอยู่เมืองไทยชะทีครับ” เป็นประโยคที่เขาบอกฉัน..แต่สำหรับฉัน ..ฉันไม่เคยบอกข้อมูลอะไรให้เขาฟังเลยสักนิด จนบางทีเขาน้อยใจ...ก็นะ มันเป็นนิสัยของฉัน ..ฉันจะบอกก็ต่อเมื่อฉันต้องการจะบอก เท่านั้น ...นั่นแหละฉัน
นานวันเข้า ฉันเริ่ม ซึมซับความเป็นเขามากขึ้น.... เริ่มรู้สึกคุ้นเคย เริ่มรู้สึกคิดถึง เมื่อเขา ไม่ ออนไลน์ หรือ ออนไลน์ในวันนั้นช้าหน่อย เริ่มหงุดหงิด
เมื่อเขา ไม่เอ่ยคำว่าคิดถึงฉัน ฉันเคยนั่งถามตัวเอง ว่าฉันเป็นอะไรไป ..ผีเข้าสิง หรือ ฝันร้าย....ฉันตอบตัวเองไม่ได้หรอก ฉันกับเขา เริ่มคุยกันอย่างคุ้นเคย ปานประหนึ่งว่า เคยรู้จัก เคยมักคุ้น เคยเห็นหน้ากันมานาน เขายอมอดนอนเพื่อคุยกับฉัน เวลาในเมืองไทย แปดโมงเช้า ของเขา ประมาณสอง-สามทุ่ม
เรา ออนไลน์ คุยกัน วันละ 4 ชั่วโมง ..บางที คุยกัน 6 ชั่วโมง ...บางครั้ง ฉันต้องตื่นนอนตอน ตีสี่ เพื่อ มาออนไลน์คุยกัน ..ดูซิ เหมือนคนบ้าไหม..แต่สุขใจนะ ทั้งคู่สุขใจ...
ไว้ตอนต่อไปนะจ๊ะ
Create Date : 26 พฤศจิกายน 2550 | | |
Last Update : 5 มีนาคม 2551 11:31:53 น. |
Counter : 762 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|