Xintiandi ลืมไปได้ไงเนี่ย
ถ้าไม่มีคนทักมาว่า หาซินเทียนตี้ไม่เจอ ก็คงจะนึกว่าทำเสร็จไปตั้งแต่ปีก่อนแล้วค่ะ สงสัยจะแก่แล้วจริงๆ ขี้หลงขี้ลืมซ้า... แต่เดิมซินเทียนตี้นี้เป็นแหล่งเสื่อมโทรมมาก่อนค่ะ แต่รัฐบาลได้พลิกฟื้นให้กลายมาเป็นสถานที่เที่ยวที่ฮิตติดอันดับคนในระดับ B+ ขึ้นได้ในเวลาอันสั้น (บ้านเราน่าจะทำได้บ้างนะ ว่ามั้ยคะ) มาดูวิธีเดินทางกันก่อนนะคะ ถ้ามาแท็กซี่ก็บอกว่า Wo3 qu4 Xin1 tian1 di4, Huang2 Pi2 Nan2 Lu4, Taicang lu ด้วยว่าซินเทียนตี้นี้เข้าได้จากหลายถนนเพราะเป็นรูปสี่เหลี่ยมค่ะ (Huangpi Nan, Taicang, Xingye และ Madang lu) แล้วแต่จะเข้าด้านไหน ถ้าเอาด้านที่เจอร้านอาหารเซี่ยงไฮ้ที่ชื่อ Xinjishi ก็บอกตามข้างบน มาปั๊บก็จะเจอร้านนี้ปุ๊บเลยค่ะ ไหนๆ ก็พูดถึง แนะนำซะเลยละกัน ร้านนี้ของอร่อยก็ย่อมจะเป็นอาหารเซี่ยงไฮ้อันขึ้นชื่อ La zi ji ไก่ผัดพริกแห้งกับถั่วลิสง (ออกเสียงว่า ล่าจื่อจี - จริงๆ เจ้าตัวกลางเนี่ย มันออกเสียงกึ่ง ซ กึ่ง จ นะคะ อธิบายยาก ใช้ จ. ก็ฟังเข้าใจค่ะ) กับ Mapo Tofu เต้าหู้ผัดพริกเผา (ออกเสียงว่า หมาโผ โต้ฝู - อิชั้นเคยอ่านเป็น หม่าโป้วโตฟู่ สมัยยังพูดจีนไม่ได้ซักคำ อายจริงๆ เลยค่ะ) Ji Tang (จีทัง) ซุปไก่ค่ะ มากันทั้งตัว ไปน้อยคน ไม่ค่อยน่าสั่งค่ะ แต่รสชาติกลมกล่อมจริงๆ พวกปลาหรือเป็ดก็อร่อยค่ะ แต่มากันเป็นตัวเหมียนกัลลลล์ ถ้าอยากลองชิมร้านนี้จริงๆ แนะนำให้บอกทางโรงแรมที่คุณพักช่วยโทรไปจองซะก่อนนะคะ ไม่งั้นอาจจะไม่มีที่นั่งได้ค่ะ ยิ่งคืนวันศุกร์เสาร์ด้วยแล้ว (ที่สำคัญถ้าคุณพูดจีนไม่ได้เลย อาจจะต้องพึ่งพาเด็กที่รับลูกค้าอยู่หน้าร้านซึ่งเป็นคนเดียวที่พูดอังกฤษได้ค่ะ - ป่านนี้อาจจะปรับปรุงแล้ว) ถ้าคุณจะมาทางร้าน Starbucks จะเป็น Taicang lu, Madang lu ส่วนที่มาทางร้าน Simply Thai ก็บอกเค้าไปว่า Taicang lu by Xingye lu, Madang lu จริงๆ แล้วไม่อยากพูดถึงเลยค่ะร้านนี้ ต้องบอกกันก่อนว่าไม่ใช่ร้านของคนไทยนะคะ เจ้าของเป็นสิงคโปร์ แต่เค้ายืนยันว่าแม่ครัวไทย ทำแกงเขียวหวานไก่ออกมาได้เหมือนซุป Asparagus แบบเผ็ดปะแล่มๆ อาหารอื่นๆ ก็พอจะโอเคค่ะ border=0> มีเหตุที่ทำให้ไปแค่ครั้งเดียว เพราะไม่พอใจที่เอาพระพุทธรูปมาตั้งประดับร้าน สูงแค่ระดับสายตา คนเดินผ่านไปมาอยู่ด้านหน้าประตู (ถ้าอยากทานอาหารไทยจริงๆ แนะนำให้ไปร้านมาบุญครอง ชั้น 4 ตึก Citic square ตรง Nanjing xi lu ดีกว่าค่ะ - จะโดนเค้าฟ้องเอามั้ยนี่เรา) ถ้าคุณจะมาทางรถไฟใต้ดิน ก็ต้องขึ้นสาย 1 (สายปลากระป๋องปุ้มปุ้ย) ก็มาลงที่สถานีนี้ค่ะ ขึ้นบันไดออกจากสถานีมา ก็จะเห็นตึกด้านขวามือคือ ตึก Hong Kong Plaza (Xianggang guangchang) เป็นแบบนี้ค่ะ ดูชัดๆ อีกทีนะคะ ชื่อตึกค่ะ ฝั่งตรงข้ามตึกนี้ จะเป็นแหล่งขายอิเล็คทรอนิคส์ทุกอย่างอีกแหล่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ นอกเหนือจาก Meiluocheng ตรง Xujiahui ค่ะ ชื่อถนนที่ยืนอยู่ค่ะ จริงๆ ตึกนี้ก็อาหารเยอะค่ะ ทั้ง Tairyo (แนะนำในบล็อกก่อนหน้านี้ไปแล้ว), Zen (มีหลายสาขาค่ะ), Ajisen และ Megabite ที่เป็นศูนย์อาหารมีหลายแห่งตามห้างใหญ่ๆ ในเมืองนี้ (ลงไปแล้วเช่นกัน) ถ้าจะเดินไปซินเทียนตี้ คุณสามารถเดินเลียบถนนนี้ไปได้เลย จะเจอมุมด้านที่มีร้าน Xinjishi อยู่ด้านขวามือค่ะ แต่ถ้ามาถึงสถานี Huangpi Nan lu แล้วยังไม่หิวมาก ไม่อยากเสียตังจากการเดินดูของ จะเดินไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ก็ได้นะคะ ชื่อ Huaihai park ค่ะ ตึกแฝดที่เห็นอยู่ด้านหลังนั่น คือ ที่พักในเดือนแรกของการมาเซี่ยงไฮ้ค่ะ Somerset Grand Shanghai มีทั้งแบบโรงแรม (ตึกซ้าย) และ Serviced Apartment (ตึกขวา) ให้เลือกพักได้ แต่พนักงานไม่ Friendly เลยค่ะ วิวที่มองออกจากภายในตึกแฝดนั่นค่ะ (เสียดายสมัยที่ไปใหม่ๆ ถ่ายจากเว็บแคมแล้วส่งมาให้คนที่เมืองไทยดูกัน ไม่งั้นรูปคงจะแจ่มกว่านี้ค่ะ) อีกมุมนึง ชอบตึกนี้จัง มองแล้วรู้สึกมันน่ารักดีค่ะ เอารูปตึกนี้ที่ชัดๆ หน่อยดีกว่านะคะ ถ่ายจากตรงถนน Huaihai ค่ะ ใกล้ๆ สถานี Huangpi nan lu ถ้าเดินเลียบถนนผ่านสวนมาแล้วก็จะเจอตึกนี้ค่ะ Times square (Da shanghai shi dai guang chang) ถ้าบอก Lane crawford ไม่มีใครรู้จักเลยค่ะ ในตึกนี้จะมีร้านอาหารที่เคยแนะนำไปแล้วในบล็อกอื่น คือ South beauty อาหารสไตล์เสฉวนที่เหมาะกับคนชอบรสเผ็ดค่ะ และมี City Supermarket อยู่ชั้นใต้ดิน (ที่นี่มีของนำเข้าเยอะกว่าอีกหลายสาขาค่ะ เว้นที่ Shanghai centre กับตรง Hongmei) ถ้าเริ่มหิวแล้ว ก็ออกจากตึกเพื่อเดินไปซินเทียนตี้กันซะทีค่ะ จะเลือกเดินย้อนกลับไปตามทางเดิมแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Huangpi Nan lu จนไปถึงทางแยกใหญ่ ก็จะเห็นซินเทียนตี้อยู่ทางขวามือฝั่งตรงข้าม หรือถ้าใครไม่กลัวหลงก็อาจจะเดินทางถนนนี้ได้ค่ะ ในซอยนี้จะมีโรงพยาบาลอยู่ด้วยค่ะ มีร้านขายยาหน้ารพ. เผื่อใครอยากจะซื้อยา (แต่เค้าพูดอังกฤษกันไม่ได้นะค้า) ให้เดินไปเรื่อยๆ เจอแยกแรกให้เลี้ยวขวาค่ะ จะผ่านด้านหลังของสวน Huaihai (จริงๆ ถ้ายังไม่ถึงหกโมงเย็น เดินตัดสวนมาก็ล่ายฮ่า ออกจากสวนมา เลี้ยวขวานิดนึงก็ถึงซินเทียนตี้เหมือนกัน...) ที่ฝั่งตรงข้ามประตูสวนคือ Somerset Grand Shanghai เจ้าตึกแฝดนั่นเองค่ะ ร้านที่ใครต่อใครชื่นชมนักหนาว่าทำอาหารฝรั่งเศสอร่อย คือ ร้าน La Seine (อ่า...ตลอดเวลาที่อยู่ 1 เดือน ได้ทานไปหลายมื้ออยู่ สรุปได้ว่า กลับมาทานเมืองไทยดีกว่าค่ะ ร้านนี้ทำให้อิชั้นรักร้าน Lyon ขึ้นอีกมากมาย ) หน้าร้านค่ะ ป้ายราคาที่ไม่แน่ใจว่าป่านนี้จะขึ้นไปถึงไหนแล้วค่ะ แนะนำว่ามี Brunch ดีๆ ในเมืองนี้เยอะแยะค่ะ อาจจะแพงกว่าหน่อย แต่อร่อยและบริการดีกว่าแน่นอน นินทาที่พักเก่าเสร็จแล้ว ขอพาเดินตรงไปเรื่อยๆ จนผ่านแยกก็ตรงต่อไปอีก จนเห็นตึกซินเทียนตี้ด้านร้าน Xinjishi ก็ถึงแล้วล่ะค่ะ ได้ฤกษ์เข้าตัวซินเทียนตี้กันซักทีน้อ... มาดูแสงสีแรกของซินเทียนตี้กันดีกว่าค่ะ รูปนี้เพิ่งเปิดไฟ ยังไม่ค่อยสวย ว่ามั้ยคะ ขอไฟเพิ่มอีกหน่อยค่า อืม... ค่อยยังชั่ว แต่ขออีกนิดนึงนะ เริ่มมืดแล้วเนี่ย ในนี้มีร้านอร่อยอยู่หลายร้านค่ะ ทั้งที่อร่อยจริงๆ และที่เค้าพยายามจะลือจนให้มันอร่อย เอาเป็นว่าแนะๆ กันเจ๋ยๆ เนาะ นอกจากสตาร์บัคส์ที่อาศัยเข้าไปเอากาแฟมาอุ่นมือ (ตอนหน้าหนาว) แล้วร้านที่ชอบเข้าบ่อยๆ จะมีร้าน Latina ติดสตาร์บัคส์เลยค่ะ หาไม่ยาก เป็นบุฟเฟ่ท์สารพัด Grill แบบ Rio grill โรงแรมเอเชียบ้านเราเลย โซ้ยเนื้อแกะอย่างเดียวก็คุ้มแล้วค่ะ อ้อ..สลัดบาร์ก็มีให้นะคะ รวมแล้ว แต่ไม่รวมเครื่องดื่มค่ะ ต่อมาก็เป็น Zen (ลงในบล็อกอื่นไปแล้ว) หลายคนชอบที่นี่และบอกว่าเสี่ยวหลงเปาที่นี่ดีที่สุด แต่อิชั้นเห็นต่างไปค่ะ นั่งยันนอนยันว่า ยังรัก Crystal Jade กับ Din Tai Fung มากกว่าน่อ ภาพตอนมีแสงสีแล้วของร้าน Zen ต่อมาก็เป็นร้าน Kabb เป็นร้านอาหารตะวันตก ที่ทำพวก Appetizer อร่อยเกือบทุกอย่าง เช่น Wings, Cheese fries, baby ribs (อันน้อยๆ นะคะ) แต่ main dish ไม่ค่อยเวิร์คค่ะ เว้นตอนอาหารเช้าพวก Berrito กับแซนด์วิชก็โอเคค่ะ ที่จริงก็มีร้านสไตล์เดียวกันในละแวกนี้ คือ ร้าน Luna ซึ่งถือว่าทำเลดีกว่า เพราะจะนั่งหันเข้าถนนที่คนจะเดินผ่านไปมา คนจึงมักจะแน่นเพราะมาเพื่อ See & to be seen ค่ะ เดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะเจอร้านโปรดที่เคยเปิดในไทย ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนโน้น คือ Paulaner ขาหมู ไส้กรอกรวม และแอปเปิ้ลสตรูเดิ้ล สุดยอด แต่ที่สาขานี้ ไปมา 3 ครั้ง ต้องขอยุติค่ะ รสชาติอาหารไม่คงที่เอาซะเล้ย แต่อีกสาขาไม่เคยไปค่ะ มีคนบอกว่าอาหารเช้าอร่อย เสียดายๆ จะชวนไปทานเสี่ยวหลงเปาที่สองร้านโปรดแล้วนะคะ เริ่มต้นด้วยเดินไปที่ตึกนี้ค่ะ ตึกนี้ยามค่ำคืน มีโรงหนังด้วยนะคะ ขึ้นบันไดเลื่อนไปก็จะเจอร้านนี้อยู่ทางซ้ายมือของตึกค่ะ (จากด้านหน้า) ร้าน Din Tai Fung เสี่ยวหลงเปาจิ๋วที่ต้องทานคู่กับซุปค่ะ เหมือนจะอร่อย แต่ธรรมดามากกกก ต่อด้วยเสี่ยวหลงเปากุ้ง ซึ่งไม่อร่อย และน่าเสียดายเงินมากค่ะ (แพงกว่าแบบธรรมดาเยอะ) คั่นด้วยกุ้งแม่น้ำผัด แบบว่า คุณครูภาษาจีนเธอชอบกุ้งมากค่ะ เลยสั่งให้ซะหน่อย ชักฝืดคอ ต้องสั่งเกี๊ยวน้ำซักชาม และแล้วก็ถึงพระเอกของร้านค่ะ เสี่ยวหลงเปา เดินออกจากร้านข้างบนมา ถ้าจะเอาให้ท้องแตกและเบื่อเสี่ยวหลงเปาตายกันไปข้างหนึ่ง ก็ต้องเดินต่อไปทางด้านขวามือของตึก (จากด้านหน้า) ค่ะ เดินไปเรื่อยจนสุดทาง จะเจอร้านนี้ค่ะ Crystal Jade เริ่มต้นด้วยล่าเมี่ยน ก๋วยเตี๋ยวซุปเผ็ด (มันมีแต่เส้นอ่า... ) แล้วก็โจ๊กค่ะ แล้วก็สารพัดติ่มซำ ซูมเสี่ยวหลงเปาซะหน่อยนะค้า... สำหรับสาขาของร้านนี้ที่เมืองไทย (พิมพ์ไปนี่จะโดนฟ้องมั้ยหนอ) โดยความเห็นส่วนตัวแล้วสู้ที่เซี่ยงไฮ้ไม่ได้ค่ะ แต่การบริการพอๆ กับสาขาห้าง Westgate mall และเยี่ยมกว่าที่สาขาซินเทียนตี้เยอะเลยค่ะ เดินออกจากตึกก็จะเจอร้านขนม La Maison รูปขนมร้านนี้อันอื่นหายไปหมดเลยค่ะ เหลือแค่เนี้ยยยย ส่วนใครที่อยากทานอาหารแบบประหยัดหลังจากชมวิวซินเทียนตี้ไปแล้ว ก็มาที่ร้านนี้ได้ค่ะ Papa Johns เป็นร้านพิซซ่า อยู่เข้ามาด้านหลังของซินเทียนตี้ น่าจะพอสังเขปแล้วสำหรับซินเทียนตี้นะคะ ส่วนพวกร้านเสื้อผ้าอย่าง Shanghai Tang ไม่ได้เคยเหลือบมองเพราะหุ่นไม่ให้ค่ะ ส่วนร้านชา อิชั้นก็ได้ชาฟรีจากเหล่าคนจีนอยู่ประจำ และยังซื้อจากทุกสถานที่เที่ยวมาชิมอีก (ป่านนี้ยังไม่หมดเลยค่ะ ) ดังนั้นการมาซินเทียนตี้ของอิชั้นก็จะมีแค่เป้าหมายเดียวค่ะ คือ กิน กิน กิน แล้วก็กิน.... (ถึงได้เป็นหมูกลับมาไงคะ) และเหตุที่บางร้านโปรดในนี้ไม่มีรูปอาหารเลย ก็เป็นเพราะไปบ่อยจนไม่เคยคิดว่าน่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ มานึกได้ว่าควรจะเตรียมข้อมูลเพื่อทำอะไรซักหน่อย (สองเดือนก่อนกลับ) ก็ต้องวิ่งไล่ไปถ่ายรูปสถานที่เที่ยว และชิมร้านใหม่ๆ ให้ครบ แล้วแต่ละร้านจะไปชิมแค่ครั้งเดียวก็ไม่ได้ เดี๋ยวข้อมูลอาจจะลำเอียงได้ เลยต้องวนไปวนมากับร้านใหม่ๆ ก่อนค่ะ ร้านเก่าๆ ที่ไปประจำเลยได้แต่รูปหน้าร้านเท่านั้นเองค่ะ ขอปิดท้ายด้วยรูปแสงสีของซินเทียนตี้ยามค่ำคืนและผู้คนอีกซักรูปค่ะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาและหวังว่าข้อมูลที่เอามาเขียนไว้คงจะเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านได้บ้างนะคะ
Create Date : 28 มีนาคม 2550
Last Update : 22 ตุลาคม 2550 11:37:03 น.
Counter : 7345 Pageviews.
Location :
Shenyang China
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [? ]
ที่ว่า พลัดถิ่น กิน เที่ยว ช้อปฯ ไปกับรักครั้งสุดท้าย เพราะรักครั้งนี้พาระหกระเหินไปโน่นมานี่ อยู่ตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อยไปเรื่อยเปื่อยค่ะ จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องพลัดจากบ้านไปอยู่ถิ่นที่ไม่คุ้นเคย อาหารที่ชอบก็หาไม่ค่อยได้ ของที่เคยใช้ก็ไม่ค่อยอยากจะมีให้ซื้อ ฯลฯ บล็อกนี้เลยถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2549 เพราะคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทางจีนๆ ก็แหม...ทางตะวันตกน่ะ หาอะไรก็ง่ายอยู่แล้วนี่คะ รู้ภาษาอังกฤษซะอย่างไปไหนก็เอาตัวรอดได้ หลังจากแว่บไปเก็บความรู้ตามบล็อกตกแต่งต่างๆ แล้ว ปริมาณเทคโนโลยีในสายเลือดก็ค่อยเพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่ง ตอนนี้จึงมีบล็อกที่ทำสำเร็จหลายบล็อกเลยค่ะ (ขอบคุณป้ามดและอีกหลายท่านค่ะ) ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามา เชิญไปเที่ยว ชม ช้อปฯ และชิมด้วยกันเลยค่ะ มีคำแนะนำ ติ ชมอย่างไร ฝากข้อความมาได้เลยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักและรับทุกความเห็นค่ะ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ภาพและบทความบนเวบไซต์แห่งนี้ จัดทำเพื่อเผยแพร่บนเวบ bloggang.com และ pantip.com เท่านั้น "ห้ามนำภาพ ข้อความ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพ และ/หรือ ข้อความในเวบไซต์แห่งนี้ไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"