พลัดถิ่น กิน เที่ยว ช้อปฯ ไปกับรักครั้งสุดท้าย
Group Blog
 
All blogs
 

คิดถึงบ้านที่อยู่เมื่อยามพลัดถิ่น 2

เขียนถึงห้องน้ำกับครัวไปในบล็อกที่แล้ว พอมานั่งดูรูปก็เห็นว่ารูปห้องนอนกลับมีน้อยมากๆ (สงสัยเพราะรกจัดเลยไม่ค่อยกล้าถ่ายไว้) ที่มีรูปอยู่ก็เป็นห้องนอนแขกซึ่งไม่ค่อยได้ใช้เกือบทั้งหมด

เลยนั่งระลึกถึงบ้านตามรูปที่มีจากหน้าบ้านก่อนดีกว่า

ต้นไม้ที่ได้เป็นของขวัญเมื่อตอนจัดปาร์ตี้ที่บ้าน จริงๆ ได้มาแค่ต้นเดียว แต่เห็นว่าดอกมันอยู่ทนเหลือเกิน เลยไปตลาดต้นไม้ซื้อเพิ่มมาอีกสี่ห้ากระถาง หวังว่าจะได้เห็นมันเติบโตบนสนามอันแห้งแล้ง เพราะจำได้ว่าไม่เคยเห็นคนสวนของหมู่บ้านมารดน้ำให้เลย เห็นแค่ตอนตัดหญ้ากับมายึดต้นไม้ที่โดนพายุให้เท่านั้นเอง (ต้นไม้ใหญ่กับหญ้าที่เซี่ยงไฮ้นี่ช่างทนดีแท้ๆ )



มุมโปรดของแขกทุกคน เพราะมันไม่ร้อนในหน้าร้อน และไม่หนาวเกินไปในหน้าหนาว แถมมองออกไปก็เห็นวิวหน้าบ้าน สบายตาดีเหมือนกันค่ะ



แถมยังเป็นที่บาร์บีคิวได้ยามฝนปรอยๆ (ก็อุตส่าห์หมักหมูไก่ไว้ตั้งแต่เช้า พอจุดไฟปั๊บ ฝนมาปุ๊บเลยนี่นา)



ดอกไม้ที่อุตส่าห์ฟูมฟักอย่างดี รอจะเอาลงดิน ไม่ว่าใครจะค้านยังไง (ก็มีแต่คุณฝาละมีนี้แล เพราะคุณพี่แกขี้เกียจขุดเอง ครั้นจะใช้คนจีนมาปลูกให้ก็กลัวว่ามันจะตายเพราะเฉามือ)
พอลงดินได้วันแรก หน้าตาต้นไม้แสนรักก็กลายเป็นเช่นนี้



และเช่นนี้ (เจ้าพวกนี้ดูเหมือนจะรอด แต่สุดท้ายก็เรียบร้อยเหมือนกันค่ะ)



เห็นแล้วก็ได้แต่ตัดใจ แต่ไม่เป็นไร ชีวิตนี้ยังมีหวัง ปลูกกระเพราก็ได้ ตายยากดีแถมได้ใช้ทำอาหารอีก (อุตส่าห์ซื้อเมล็ดพันธุ์จากเมืองไทย กระเพราแดงเชียวนะเนี่ย)



ออกใบน้อยๆ เป็นตุ่มๆ แล้ว




เซ็นต์นึงแล้วค้าบพี่น้อง.... แต่หลังจากนั้นพอเอาลงดิน (ฝีมือคุณฝาละมีอีกแล้วครับท่าน) มันก็แปรสภาพเป็นปุ๋ยในเวลาไม่ถึงสัปดาห์




ตอนอยู่เซี่ยงไฮ้ใหม่ๆ ถามกับชาวเซี่ยงไฮ้ว่า มีหิมะมั้ยจ๊ะเซี่ยงไฮ้เนี่ย ชาวเซี่ยงไฮ้ล้วนตอบเหมือนกันหมดทู้กกกคนว่า ไม่มีมานานแล้วจ้า วางใจได้ แล้วเนี่ย.....มันเรียกว่า อารายคะ (ฟระ).....



ชะโงกหน้าดูจากชั้นบน ดูหน้าตาเหมือนฝนเลยนะเนี่ย แต่ดูอีกที เอ๊ะ...ทำไมมันขาวๆ หว่า




วิ่งลงมาดูข้างล่าง อ้าว...หิมะนี่นา ไหน...ใครว่าไม่มีไง ขาวอย่างเนี้ย เรียกว่าไร ฮึ ต้นไม้ที่เพิ่งลงไปกลายเป็นต้นไม้แช่แข็งไปเรียบโร้ยยยย



ยังไม่ทันจะหกโมงเย็นเลย มืดซะแล้ว ดูเง้า...เหงา



รุ่งเช้ามุมเดียวกับเมื่อวานเย็น



มุมนี้ที่ห้องโปรดของแขกทุกคน Sun room (คนจีนเค้าเรียกกัน ก็เรียกตามเค้าค่ะ)



เข้าไม่ถึงในบ้านซักทีแฮะ เปิดประตูมาที่ห้องรับแขกกันหน่อยดีกว่า



มุมนี้ใช้ทั้งรับแขกและนั่งเล่นค่ะ ที่บ้านนี้ไม่สามารถมีพรมได้เพราะอิชั้นแพ้ฝุ่นอย่างแรงค่ะ เท้าจะมีตุ่มใสๆ ขึ้นตลอดเวลาที่เดินบนพรมมีฝุ่น (ประหยัดค่าพรมให้หมู่บ้านไปได้หลายอยู่)



ทานอาหารกันที่มุมนี้ค่ะ



คนจีนในเซี่ยงไฮ้เค้าดูเหมือนจะไม่ค่อยรู้เรื่องฮวงจุ้ยค่ะ ทำประตูครัวกับประตูหลังบ้านตรงกันเป๊ะเลย แถมประตูเข้าบ้านก็แคบสนิทและยังมีต้นไม้ใหญ่มาบังอีก (มองจากหน้าบ้านหาประตูทางเข้าแทบไม่เจอ) แต่อุตส่าห์ทำประตูข้างๆ ไว้ให้ออกไปที่สนามแทน (พอดีช่วงที่ทำหน้าบ้านเกิดหกล้มเอ็นเข่าขาดไป เลยไม่ได้มาดูแล...เซ็งมากค่ะ)


ที่พูดถึงฮวงจุ้ยนี่ ไม่ได้งมงายนะคะ แต่มันเป็นศาสตร์ที่มีตรรกะ และ วิทยาศาสตร์มารองรับ ก็ประตูบ้านเล็กๆ จะเดินเข้าเดินออกก็ลำบาก ตอนขนของที่ช้อปฯ เข้าบ้านนี่ รู้สึกได้เลยค่ะ แถมมีต้นไม้มาบังอีก ใครจะเดินเข้าเดินออกก็ไม่เห็น มาเห็นอีกทีก็ถึงหน้าประตูซะแล้ว

ส่วนที่ว่าประตูในบ้านตรงกัน ก็คงเป็นเพราะเวลาลมเข้ามาทางหลังบ้าน ก็พัดประตูครัวกระแทกปิดเข้าไปด้วย เสียงดังมากๆ ค่ะ

มุมนี้มุมโปรดของป้าตอนที่มาเยี่ยมค่ะ เค้าจะมานั่งคุยกับเจ้าขาว แมวเหมียวจรจัดที่ (เดาเองว่า) คงโดนฝรั่งทิ้งไว้ตอนที่เค้าย้ายกลับไป เพราะเห็นร่อนเร่ทั่วหมู่บ้านมาตั้งแต่หลังตรุษจีน ตั้งแต่ยังเป็นเปอร์เซียขนปุกปุยจนกลายเป็นแมวสีหม่นผอมโซสกปรกมากๆ
เลยลองเอาอาหารมาให้ แรกๆ มันก็มีทีท่ากลัวๆ (เดาเองอีกว่า) คงจะโดนทำร้ายมาไม่น้อย จากหน้าตาที่มีรอยแผลเป็นยับเยินพอดู



คิดถึงเจ้าขาวแล้วเลยนึกถึงพวกหมาแมวจรจัดที่เลี้ยงๆ ไว้เวลาพลัดถิ่น ที่แม้ว่าอยากจะเอากลับบ้านที่กรุงเทพด้วย แต่ก็ติดว่า ที่บ้านในกรุงเทพก็มีอยู่แล้ว ขืนเอากลับมาอีก บ้านอาจจะกลายเป็นสนามรบได้

ไปเขียนต่อบล็อกหน้าดีกว่า




 

Create Date : 10 มกราคม 2550    
Last Update : 28 มีนาคม 2550 17:32:13 น.
Counter : 1286 Pageviews.  

คิดถึงบ้านที่อยู่เมื่อยามพลัดถิ่น

นับถึงตอนนี้ก็ครบปีที่กลับมาอยู่เมืองไทยถาวรพอดี นั่งเปิดดูรูปเก่าๆ ที่ถ่ายเก็บไว้ ก็พาลคิดถึงบ้านที่เซี่ยงไฮ้ที่อุตส่าห์สั่งกระเบื้อง ม่าน สีห้องนอนห้องน้ำเอง

นึกถึงตอนที่ช่างคนจีนเค้าเอาสายชำระไปแขวนไว้เหนือหัวตอนนั่งที่ชักโครกแบบนี้



นึกถึงการอธิบาย สื่อสารกับช่างคนจีนด้วยความยากเย็นในยามที่ผู้จัดการหมู่บ้านหรือพนักงานในออฟฟิศของหมู่บ้านไม่อยู่ (เดือนแรกๆ ในเซี่ยงไฮ้ที่พูดได้แค่ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ตรงไป ใช่ ไม่ใช่) เสียดายที่ลบรูปตอนทำบ้านไปซะแล้ว ไม่งั้นคงได้มีความทรงจำขำๆ ไว้ดูมากกว่านี้แน่นอน รูปที่เอามาใส่ก็เป็นรูปที่ก๊อปลงในเวิร์ดไว้ ตอนเขียนนินทาส่งมาเล่าสู่กันฟังกับครอบครัวและเพื่อนๆ ในไทย

อันนี้เป็นห้องน้ำอีกห้อง ที่ช่างจีนคงกะให้เราอุ๊อุ๊ไปพร้อมๆ กับการเช็ดหน้าเช็ดตา หรือ เช็ดผมที่เพิ่งสระมา




อ่างล้างหน้ารุ่นชามโจ๊ก (เพิ่งจะรู้ว่าเค้าฮิตกันก็ตอนกลับมาเมืองไทยนี้แล โถ...คุณลุงช่างแกอุตส่าห์หวังดี หาของอินเทรนด์มาให้ ไอ้เราก็แอบนินทาว่า แกคงหิวตอนไปเลือกอ่างมาติดห้องน้ำ เลยคว้าเอาชามโจ๊กมา)



ห้องน้ำทั้ง 4 ห้องในบ้าน อินเทรนด์ทุกห้อง เพราะคุณลุงแกเอาชามโจ๊กมาใส่ไว้ให้



โดยเฉพาะห้องน้ำสีชมพูซึ่งอยู่ในห้องนอนของอิชั้น คุณลุงแกเอากระเบื้องสีเขียวตองอ่อนเข้ามาแซมให้ตรงส่วนอาบน้ำฝักบัว..... งามซ้า.... (แกคงกลัวจะเลี่ยนมากไป เพราะทั้งห้องนอนและห้องน้ำเป็นสีชมพูหมดเลย) ขนาดผู้จัดการหมู่บ้านยังย้ำถามว่า แน่ใจนะว่าจะเอาสีชมพูจริงๆ (อ้าว...ไม่จริงแล้วชั้นจะสั่งทำไมล่ะเนี่ย) ฝักบัวก็หาแบบอินเทรนด์มาให้ ทั้ง Rain shower และแบบธรรมดา ทันสมัยสุดๆ แต่คุณลุงแกคงตัดสินใจไม่ได้เลยใส่ให้ทั้ง 2 แบบเลยค่ะ



อ่างนี้เป็นที่ของอิชั้นคนเดียวค่ะ



ส่วนห้องนี้เป็นห้องโปรดของคุณฝาละมี เพราะมีอ่างจากุซซี่ แช่กันจนตัวเปื่อยกันไป



แถมยังแอบเซ็กซี่เล็กน้อย สงสารก็แต่บ้านฝั่งตรงข้าม เวลาคุณฝาละมีอิชั้นลุกไปล้างตัวที่ฝักบัวด้านหน้า คงงามพิลึก



หารูปห้องน้ำชั้นล่างแบบเดี่ยวๆ ไม่เจอ ดั๊นเจอแต่รูปที่มีนางแบบลูกครึ่งไทย- ฝรั่งเศสตัวน้อยๆ นั่งอุ๊อุ๊อยู่ (อิชั้นไม่ได้ถ่ายน้า คุณแม่เค้าถ่ายกันเองค่ะ) จะเอามาลงก็กลัวคุณแม่ BFR เค้าจะมาเม้งเอาได้ ไปที่ครัวมั่งดีกว่าเพราะเขียนมาตั้งนาน มีแต่รูปห้องน้ำ (ก็มันโรคจิตอะนะ บ้าห้องครัวกับห้องน้ำนี่นา)

ห้องนี้ใช้สำหรับฝึกฝีมือ (ที่ไม่ค่อยจะมี) จากตำราอาหารที่เพื่อนๆ ในห้องแม่บ้านต่างแดน และห้องอาหารการกินค่ะ (ก้นครัวในปัจจุบัน) ต้องขอบคุณทุกๆ คนด้วยค่ะ




รูปนี้มองดีๆ จะเห็นหม้อข้าวซึ่งคุณฝาละมีไม่ยอมเปลี่ยนซักที เพราะมันรับใช้อย่างซื่อสัตย์ตั้งแต่ครั้งที่เค้าไปอยู่ฝรั่งเศสเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน (ไม่รู้ว่าถ้ามันเสียจะต้องเอาพวงมาลัยมาคล้องตั้งไว้รึเปล่านะคะ)



ตู้เย็นนี้ถูกใจสุดๆ เพราะ Freezer อยู่ด้านล่าง และจุดี (ตอนแรกสามีบอกว่าใหญ่ไปสำหรับ 2 คนนะ แต่ความสามารถของแม่บ้านยุคใหม่อย่างอิชั้นเนี่ย ให้ใหญ่แค่ไหนก็หาของมาใส่ได้จนเต็มล่ะค่ะ



แค่ห้องน้ำกับครัวก็เล่นเอาเหนื่อยพอควร กว่าจะได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ ทั้งภาษาอังกฤษ จีน และภาษามือ ไม่นับที่ต้องวาดรูป เปิดเน็ทเพื่อก๊อปรูปให้เค้าดูหน้าตาของสายชำระว่าเป็นยังไง แถมยังได้คำตอบประทับใจว่า ไม่รู้จัก และไม่เคยเห็น (ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่เห็นการติดตั้งแล้วก็ต้องเชื่อค่ะว่า เค้าคงไม่รู้จักกันจริงๆ)

Agent ที่ดูแลเรื่องบ้านซึ่งเป็นคนมาเลเซียเค้าก็บอกว่า คนเซี่ยงไฮ้ไม่มีใครรู้จักหรอก บ้านเค้ายังไม่มีเลย ตอนที่สั่งสายชำระให้ส่งไปเซี่ยงไฮ้ก็เลยสั่งเผื่อให้เค้าไปอันนึง เค้าดีใจมากเหมือนได้โบนัสยังไงยังงั้นเชียว (เว่อร์ไปมั้ยเนี่ย)




 

Create Date : 02 มกราคม 2550    
Last Update : 12 มิถุนายน 2550 10:41:54 น.
Counter : 886 Pageviews.  

เอาตัวรอดไปก่อนด้วยอาหารฝรั่งนี่ล่ะ

อันว่าชีวิตการแต่งงานที่ต้องระเหเร่ร่อนไปต่างแดน กับข้าวกับปลาอะไรจะให้เหมือนอยู่ที่เมืองไทยซะทีเดียว ก็คงจะไม่ได้เพราะวัตถุดิบก็อาจจะหายาก และที่แน่ๆ คือ มีราคาแพง

การทำอาหารท้องถิ่นของเมืองที่เราย้ายไปอยู่จึงน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด หรือไม่ก็ควรทำอาหารที่หาวัตถุดิบได้ง่าย สามารถเก็บไว้ได้นานหน่อย ถ้าจะเอาที่พลาดน้อย อร่อยง่าย ก็ต้องอาหารฝรั่งค่ะ (แต่ก็ขึ้นกับความชอบแต่ละคนด้วยนะคะ พอดีเคยทำบ้างเวลาอยู่เมืองไทย เพราะมันง่ายสุด)

กรรมวิธีการทำอาหารทางตะวันตกนั้นส่วนมากไม่ค่อยยุ่งยากแบบอาหารไทย (รึเปล่านะ) เท่าไหร่ อาศัยวัตถุดิบดีไว้ก่อนเป็นรอดตัวแน่ๆ ค่ะ

อย่างเวลาจะทำสเต็คก็เน้นเอาเนื้อที่มีคุณภาพดีเท่านั้นมาทำ ไม่ว่าจะปลา หมู ไก่ (บ้านเราเลิกเนื้อวัวแล้วค่ะ) เวลาทำก็แทบจะไม่ต้องปรุงอะไรมาก โรยเกลือ พริกไทยนิดหน่อยก่อนหย่อนลงกระทะที่มีเนยนิดหน่อย ไม่นานนะคะ กะให้ข้างในเกือบสุก (ถ้ารอให้ข้างในสุกสนิท รับรองว่าเจ้าด่างอ้วนแน่ๆ)

ถ้าชอบครีมซ้อสก็ตักเนื้อขึ้นมาแล้วใช้เนยเดิมผัดแป้งสาลีแล้วเติมครีมหรือนมไปหน่อย ปรุงรสด้วยพริกไทยดำบดใหม่ๆ และเกลือป่น แล้วเอาไปราดบนเนื้อสเต็คที่เราทอดเสร็จแล้ว เอาไปทานกับสลัด (ใช้น้ำสลัดสำเร็จรูปค่ะ) หรือ มันบด (ก็แบบเติมนม เติมน้ำเท่านั้น) หรือ ถ้าเป็นผักผัดกับเนย ก็แค่หั่นแครอท ข้าวโพดอ่อน ให้เป็นแท่งยาวๆ แล้วเอาไปผัดกับเนยพร้อมหน่อไม้ฝรั่ง



สตูว์นี่ก็ง่ายค่ะ จับเนื้อไก่หรือหมูมาหั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วทอดให้เกรียม ตักขึ้น เอาหอมใหญ่ผัดน้ำมันก้นกระทะ (หลังเทบางส่วนออกแล้ว) จนหอมฟุ้งไปข้างบ้าน แล้วเอาผักพวกแครอท ข้าวโพดอ่อน ถั่วลันเตาโยนตู้มลงไป แล้วก็ใส่เนื้อที่ทอดแล้วลงไปใหม่ ใส่น้ำ (จะซุปหรือไม่ก็เหมือนกันล่ะค่ะ เพราะต้องปรุงใหม่อยู่ดี) ปรุงรสด้วยซ้อสมะเขือเทศ ซ้อสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย แต่อย่าเพิ่งให้รสจัดมาก เพราะเดี๋ยวน้ำงวดรสจะเข้มขึ้นค่ะ
ก็เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนน้ำเหลือพอขลุกขลิก

มีง่ายกว่านี้ก็คือ พวกที่เป็นของใส่ไส้ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นแฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิช หรือ ทาโก้ แหะๆ แบบว่าล้างผักเป็น ทอดไข่ทอดหมูเป็นก็พอจะถูไถแล้วน่อ

อันนี้เป็นแฮมเบอร์เกอร์ยักษ์ค่ะ ใส่หมดเบคอน ซาลามี่ หมูบด ชีส โบ๊ะเข้าไป


อันนี้ยิ่งง่ายใหญ่เลยค่ะ



แค่รวนๆ หมูกับเครื่องปรุงที่เค้าให้มา เอาผักมาล้างหั่น เตรียมชีสให้พร้อม อบแป้งให้ร้อนกรอบไว้ แล้วก็มาใส่เครื่อง จากนั้นก็ใส่ปาก หมูมั้ยล่ะคะ อาหารของคนขี้เกียจเค้าล่ะ ทาโก้ค่ะ




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2549    
Last Update : 28 มีนาคม 2550 17:33:04 น.
Counter : 881 Pageviews.  

หัดทำกับข้าว เชอะ! ไม่เห็นจะยาก

สำหรับคนที่ทำกับข้าวเก่งมาแต่อ้อนแต่ออก คงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่คุ้นเคยกับงานครัวแน่ค่ะ ข้ามหน้านี้ไปได้เลยละกัน

แต่คุณๆ ที่ไม่ค่อยได้เข้าครัวนี่สิคะ มัวแต่ทำงานงกๆ อยู่นอกบ้าน เวลาจะเข้าครัวแต่ละที โอ๊ย...หยิบจับอะไรไม่ค่อยจะถูกใจเอาซะเล้ย พอจะทำนั่นก็ขาดนี่ ครั้นจะทำนี่ก็ขาดนั่น แล้วมันจะทำเข้าไปได้ยังไง้ ถ้าออกมาไม่อร่อยก็ต้องเป็นเพราะวัตถุดิบไม่ครบ อุปกรณ์ไม่ครบนั่นแหละนะ ก็เรามันเก่งจะตายไป อยู่ที่ทำงานใครๆ ก็ยอมรับนับถือว่าทำงานเก่ง เป็นมือฉกาจ ฮะ...กะอีแค่ทำครัวแค่เนี้ย ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ จริงมั้ยคะ

ว่าแล้วก็ทำงานต่อไปจนมีคนมาสอยลงจากคาน (ไม่รู้ว่าตาถั่วรึเปล่าเนาะ ช่างไม่รู้ชะตากรรมตัวเองซะมั่งเลย) แถมลากเอาไปอยู่ต่างแดนที่ไม่มีร้านป้าจุก ยายแจ่ม มาขายข้าวแกงปากซอย ไม่มีร้านต้นเครื่อง หลายรส เรือธง พริกหอม บึงวาปี ส้มตำ บัว ฯลฯ ไว้ให้สั่งๆ แล้วก็นั่งรอรับประทานอย่างเคย และที่สำคัญไม่มีแม่ ป้า น้า ญาติพี่น้องที่จะคอยมาบอกสูตร แถมช่วยกันทำสารพัดให้จนได้อาหารออกมาหลอกล่อคุณฝาละมีว่าเรานั้นก็มีเสน่ห์ปลายจวัก (นะยะ)

แล้วทีนี้จะทำยังไงกันดีล่ะคะ ก็ต้องซื้อตำราติดตัวไปหัดใช่ม้า.... โธ่เอ๊ย ไม่เห็นจะยากเลย เราก็แค่ทำตามตำรา ขี้คร้านจะออกมาอร่อยกว่าคนอื่นทำซะอีก ก็แหม..หัวไวออกปานนั้น กะแค่ทำกับข้าว เชอะ! ไม่เห็นจะยากเลย

ช่วงที่ย้ายไปใหม่ก็ยังเห่ออาหารจีนนอกบ้าน อะ...รอดตัวไปได้สองสามอาทิตย์ พอเริ่มจะครบเดือน เอาล่ะสิทีนี้ เริ่มมีคนอยากอาหารไทย เราก็ยังจะมีข้ออ้างกันต่อไปว่า น่าจะไปหาชิมอาหารไทยนอกบ้านกันก่อนนะ ว่ามีร้านไหนอร่อยๆ มั่ง เพราะถ้าซื้อวัตถุดิบมาทำเองเนี่ย บางทีมันอาจจะแพงกว่าไปนั่งทานสบายๆ อีกนะ เพราะเค้าซื้อกันเป็น Whole sale lot ต้นทุนย่อมจะถูกกว่า (ว่าไปนั่น) ที่สำคัญเราจะได้สำรวจราคาตลาดอาหารไทยด้วย เผื่อจะมีลู่ทางทำธุรกิจ (แม่คุณเอ๊ยยยย จะทำกินเองยังลำบากเลย แต่ไม่ได้สิคะ เรามันหัวธุรกิจนี่นา มานั่งอยู่บ้านเฉยๆ สาวทำงานอย่างเรามีรึจะทนได้) ว่าแล้วก็รอดจากการทำอาหารไปอีกหลายวันจนครบเดือน (มื้อเช้าทานของโรงแรมค่ะเดือนแรก เอียนจะแย่)

ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม เอาละวา...ต้องย้ายเข้าบ้าน ทีนี้เครื่องครัวครบ (จริงๆ ตอนอยู่โรงแรมเครื่องครัวก็ครบค่ะ เพียงแต่ห้องครัวแคบหน่อยเท่านั้นเอง เลยหาเหตุไม่ทำอาหารได้เพราะมันอึดอัด) จะอ้างยังไงก็คงไม่สำเร็จ แถมคาร์ฟูร์ก็อยู่ใกล้ ตลาดสดก็อยู่ไล่ๆ กัน เวงกำ จะทำยังไงดีล่ะเรา

เอาล่ะ เป็นไงก็เป็นกัน ลองเปิดตำราทำอาหารกันหน่อย (ที่จริงตอนอยู่เมืองไทยก็เคยให้แม่กับป้าสอนทำแกงเขียวหวาน กับ แกงส้มแล้วค่ะ แต่ต้องชิมจนแทบอิ่มกว่าจะได้รสที่เหมือนเค้าขายกัน) น้ำพริกก็อุตส่าห์ขนไปซะหลายโลเลยเชียว (ทั้งเขียวหวาน แกงส้ม แกงเผ็ด มัสมั่น ตามด้วยน้ำพริกคลุกข้าวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาดุกฟู ตาแดง น้ำพริกพม่า กุ้งเสียบ) เกือบจะสำเร็จรูปแค่ใส่เนื้อสัตว์กับผักแล้วปรุง เท่านั้นเอ๊งงงงง

เกริ่นซะนานเชียว มาเริ่มกันดีกว่า ทำแกงเขียวหวานเหรอคะ หมูมาก เอาไก่มาล้าง หั่นๆ เป็นชิ้น มะเขือเปราะถ้าหาไม่ได้ใช้มะเขือยาวแทน (บางทีไม่เจอก็เอามะเขือม่วงโลด) โหระพาหาไม่เจอก็ไม่ต้องใส่ พริกชี้ฟ้าสีแดงไม่มีก็ไม่เป็นไร อ่า...อ่านแล้วพอจะเห็นหน้าตาแกงเขียวหวานสูตรอิชั้นบ้างรึยังคะว่าจะเอร็ดอร่อยขนาดไหน




ต่อมาก็แกงส้ม ชอบแกงส้มอะไรกันล่ะคะ ฝาละมีอิชั้นเค้าชอบหัวไชเท้าค่ะ หั่นแบบเหลาดินสอน่ะค่ะ กุ้งสดถ้าหาไม่ได้ ใช้กุ้งแช่แข็งแทน ถ้าหาไม่ได้อีกก็ไม่ต้องใส่ เพราะน้ำพริกเราดีอยู่แล้ว (ว่าไปนั่นเลย ก็อุตส่าห์ถ่อไปซื้อจากร้านนิตยาเชียวนะ) เครื่องปรุงรสเหรอคะ มะขามเปียกซองค่ะ ไม่ต้องบีบ แต่อาจจะเปลืองหน่อยถ้าคนชอบเปรี้ยว ถ้ามีไม่พอ น้ำส้มสายชู อิชั้นก็เคยใส่ให้ฝาละมีทานมาแล้วค่ะ ไม่ได้กลิ่นหรอกค่ะ ถ้าพอมีกลิ่นน้ำมะขามเปียกอยู่แล้วบ้าง เอ...รึว่าเค้าจมูกบอดแบบชอลิ้วเฮียงก็ไม่รู้แฮะ แต่พวกของเปรี้ยวๆ นี่ห้ามใส่ก่อนที่ผักจะเปื่อยนะคะ ไม่งั้นล่ะก็ มันจะกรอบอยู่อย่างนั้นแล เครื่องปรุงอย่างอื่นก็เป็นน้ำตาลปึก และเกลือ

อาหารเคียงกับแกงเหรอคะ ของทอดโลด เพราะทำยังไงมันก็อร่อย ไม่ค่อยมีพลาดกันหรอกค่ะ เว้นแต่จะทำไหม้เท่านั้น จะไข่เจียว หมูทอด ปลาทอด หรือไม่ก็ไข่เค็มไปเลย ง่ายดีด้วย



อีกรูปจะเป็นแกงเขียวหวานรุ่นที่หาพริกชี้ฟ้าได้ แต่ยังไม่มีโหระพาเหมือนเคยค่ะ



ผัดกะเพราเหรอคะ ง่ายมากค่ะ ใบกะเพราหาไม่ได้ไม่เป็นไร ขอให้มีพริกกับกระเทียม พริกหาไม่ได้เหรอคะ อันนี้ก็อย่าไปทำมันเลยค่ะ ก็ผัดกะเพราไม่มีพริกจะไปทำได้ไงล่ะคะ (เออ...นะ แต่ชื่อผัดกะเพราไม่มีกะเพรายังได้เลยนี่นา) เครื่องปรุงก็พวก ซีอิ๊วขาว ซ้อสหอยนางรม น้ำตาลเดาะปลายช้อนนิดนึง ทานกับไข่ดาวหรือเจียวตามชอบ จบค่ะ



แต่ของทอดบางอย่างก็ไม่ควรที่จะเสี่ยงทำอย่างยิ่ง เช่น ห้อยจ๊อ เพราะอิชั้นแปรสภาพมันเป็นแฮ่กึ๊นได้อย่างง่ายดายค่ะ



ส่วนพวกยำๆ นั้นอย่าเพิ่งไปเสี่ยงนะคะ มือใหม่เนี่ยกะไม่ค่อยแม่น ทำเสียรสไปแล้วปรุงใหม่ยากค่ะ (จากประสบการณ์ตรง แอบทิ้งไปหลายเรี้ยวววว ขอบอก)

พวกของว่างบางอย่าง เช่น เกี๊ยวทอด สาคูไส้หมู เนี่ย ก็ไม่ยากค่ะ แต่มันต้องมีเทคนิคในการทอด การนึ่งกันนิดหน่อย มาดูกันดีกว่าว่าของไม่ยากอย่างนี้ ทำออกมาแล้วหน้าตาเป็นไง



และสิ่งที่คุณแม่บ้านมือใหม่ทั้งหลายที่ต้องย้ายถิ่นฐานควรพกพาไปอย่างยิ่งนั้นคือ เครื่องปรุงต่างๆ ของโลโบ้ (จะได้ค่าโฆษณามั้ยนะ) ไม่ว่าจะเป็นผงทำข้าวหมกไก่ หมูแดง หมูสะเต๊ะ แหนม ลาบ-น้ำตก ฯลฯ ขนไปเถอะค่ะรับรองว่าได้ใช้แน่ๆ และผงทำเต้าฮวยกลิ่นมะลิ (เท่านั้น) เพราะเวลาจะมีปาร์ตี้กับชาวต่างชาติ มันจะช่วยชีวิตเราได้เป็นอย่างดี อ้าว...ทำเล่นไป มือใหม่หัดทำครัวไทยอย่างอิชั้นน่ะ จัดปาร์ตี้อาหารไทยเลี้ยงทั้งแขก ไทย จีน ฝรั่ง (ในงานเดียวกันนี่ล่ะ) เกือบ 40 ชีวิตมาแล้วนะคะ อ๊ะ...เดี๋ยวจะไม่เชื่อ จะโชว์อาหารให้ดูยังได้ (ถ่ายตอนแรกๆ ไม่ทันค่ะ มัวแต่รับแขกอยู่ หันมาอีกทีแขกที่มาก่อนโซโล่ไปซะเยอะแล้วอะ)



กลุ่มนี้ยืนไม่ห่างโต๊ะเลยค่ะ (แอบนินทา) อาหารที่ขายดีที่สุด คือ แกงเขียวหวานไก่ (รุ่นขาดโหระพานี่ล่ะ) และส้มตำผลไม้ค่ะ



หน้าตาข้าวหมกไก่จากซองพี่โลโบ้ค่ะ



ต่อด้วยข้าวหมูแดง ของพี่โบ้อีกเหมียนกัลลล์


อันนี้เป็นสาคูไส้หมูค่ะ


ที่มีเบื้องหลังการถ่ายทำเป็นสาคูปีศาจมาก่อน



และเครื่องช่วยชีวิตอีก 2 อย่าง คือ น้ำจิ้มไก่ และน้ำจิ้มสุกี้ค่ะ เพราะของทอดต่อให้ไม่อร่อยจิ้มน้ำจิ้มไก่เข้าไปมันก็อร่อยขึ้นมาได้เองค่ะ (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะเอ้า เพื่อนคนญี่ปุ่นที่เรียนภาษาจีนด้วยกันชิมแล้วถึงขนาดไปหาซื้อเก็บไว้ที่บ้านเค้า ไม่ว่าจะทำอะไรเค้าเป็นเอามาจิ้มทานหมดค่ะ สามีคนจีนเค้าก็ชอบมาก) ส่วนสุกี้เนี่ย เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำแกงจืดไม่สัมฤทธิ์ผล คือ รสออกมาไม่ได้ตามต้องการ ก็ใส่น้ำจิ้มสุกี้ไปเลยค่ะ แล้วบีบมะนาวเติมพริกกระเทียมตามชอบ เท่าเนี้ยอยู่เลยค่ะ

แต่จะเห็นว่าไม่ได้แนะนำให้ซื้อผงพะโล้นะคะ ถ้าคุณไปอยู่ในเมืองที่หาพวกโป๊ยกั๊ก กานพลูไม่ได้ ก็ควรซื้อไป แต่ถ้าพอหาได้ แนะนำให้ดูสูตรทำพะโล้โบราณในเว็บของพี่หมูแดงค่ะ อร่อยมากๆ ทำง่ายด้วย แต่คงต้องมีน้ำตาลปึกนะคะ ถ้าไม่มีกระทั่งน้ำตาลปึกเป็นของตัวเอง ก็ใช้ผงพะโล้ซองละกันค่ะ



ทั้งหมดที่เขียนมาก็เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่บ้านมือใหม่ทั้งหลายนะคะ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ถึงเวลาก็ทำได้เอง ค่อยๆ ปรับ ค่อยปรุง เดี๋ยวก็เก่งเองล่ะค่ะ (ไม่งั้นคุณพ่อบ้านก็จะเป็นคนอดทนเก่งขึ้น เอาน่ะ มันต้องได้อย่างใดอย่างหนึ่งบ้างแหละ)

เชื่อเหลือเกินว่า ถ้าอิชั้นทำได้ คุณๆ ก็ต้องทำล่ายยยยยยย เป็นกำลังใจให้นะคะ (คุณแม่บ้านมืออาชีพกรุณาทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนสูตรบางอย่างนะคะ ไม่ได้มีเจตนาทำลายรสอาหารไทยแต่อย่างใด แต่เป็นสภาวะจำยอมที่ทั้งวัตถุดิบและคนทำไม่เอื้ออำนวยค่ะ)

รูปสุดท้ายนี้ขอปิดรายการด้วยของหวานจากพี่โบ้อีกอย่างหนึ่ง เต้าฮวยฟรุตสลัดกลิ่นมะลิค่ะ





 

Create Date : 14 ตุลาคม 2549    
Last Update : 12 มิถุนายน 2550 10:25:11 น.
Counter : 1651 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

L@st love
Location :
Shenyang China

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




ที่ว่า พลัดถิ่น กิน เที่ยว ช้อปฯ ไปกับรักครั้งสุดท้าย เพราะรักครั้งนี้พาระหกระเหินไปโน่นมานี่ อยู่ตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อยไปเรื่อยเปื่อยค่ะ

จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องพลัดจากบ้านไปอยู่ถิ่นที่ไม่คุ้นเคย อาหารที่ชอบก็หาไม่ค่อยได้ ของที่เคยใช้ก็ไม่ค่อยอยากจะมีให้ซื้อ ฯลฯ

บล็อกนี้เลยถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2549 เพราะคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทางจีนๆ ก็แหม...ทางตะวันตกน่ะ หาอะไรก็ง่ายอยู่แล้วนี่คะ รู้ภาษาอังกฤษซะอย่างไปไหนก็เอาตัวรอดได้

หลังจากแว่บไปเก็บความรู้ตามบล็อกตกแต่งต่างๆ แล้ว ปริมาณเทคโนโลยีในสายเลือดก็ค่อยเพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่ง ตอนนี้จึงมีบล็อกที่ทำสำเร็จหลายบล็อกเลยค่ะ (ขอบคุณป้ามดและอีกหลายท่านค่ะ)

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามา เชิญไปเที่ยว ชม ช้อปฯ และชิมด้วยกันเลยค่ะ มีคำแนะนำ ติ ชมอย่างไร ฝากข้อความมาได้เลยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักและรับทุกความเห็นค่ะ





สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ภาพและบทความบนเวบไซต์แห่งนี้ จัดทำเพื่อเผยแพร่บนเวบ bloggang.com และ pantip.com เท่านั้น

"ห้ามนำภาพ ข้อความ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพ และ/หรือ ข้อความในเวบไซต์แห่งนี้ไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"
Friends' blogs
[Add L@st love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.