พลัดถิ่น กิน เที่ยว ช้อปฯ ไปกับรักครั้งสุดท้าย
Group Blog
 
All blogs
 
เทียบ 3 โรงแรมฮ่องกง Holiday inn, Eaton, Novotel Nathan

จำได้ว่าสมัยสิบปีก่อนเวลาอยากพักในโรงแรมราคาสบายกระเป๋าจะต้องไปที่ Majestic เพราะเดินทางสะดวก ประกอบกับมีร้านอาหารอร่อยรายล้อม เอาแค่ก้าวเท้าออกจากโรงแรมมาก็จะเจอร้านโจ๊กที่มีคุณชายถนัดศรีกับไม่ล้องไม่รู้การันตีความอร่อยไว้ ฝั่งตรงข้ามก็จะมีถนนอาหารตรง Temple Street ที่มีร้านอาหารเรียงรายหลายร้าน และฝั่งตรงข้ามก็เป็นห้าง Wing On Plus ให้เดินเล่นด้วย

ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นโรงแรม Novotel Nathan ทำห้องสวยทันสมัยขึ้น ดูสะอาดตาขึ้น เพียงแต่ห้องก็ยังเล็กเหมือนเดิม โรงแรมนี้เหมาะมากสำหรับคนที่เดินทางไปกลับสนามบินโดย Airbus สาย A21 เพราะจะมี Subway (ทางเดินข้ามถนนนาธานใต้ดิน) อยู่ปากซอย กรณีกระเป๋าไม่ใหญ่มาก ก็หิ้วลงใต้ดินไปยืนรอรถที่หน้าร้าน Watson ที่ติดกับร้าน Chow Tai Fook ได้เลยค่ะ

จากประตูทางเข้ามองไปในห้อง





จากหน้าต่างห้องมองกลับไปทางประตู





ห้องน้ำมีครบทุกอย่างตามต้องการค่ะ Cotton buds แปรงสีฟัน หมวกคลุมอาบน้ำ ชุดเย็บผ้า แชมพู เจลอาบน้ำ โลชั่นทาตัว และน้ำยาบ้วนปาก รวมไปถึงน้ำดื่มที่มีเติมให้วันละ 2 ขวด (เห็นบางคนบอกว่าห้องชั้น 4-8 จะไม่มีน้ำให้ พอดีไม่ได้พักชั้นนั้นเลยไม่แน่ใจข้อมูลค่ะ)




สำหรับอินเตอร์เน็ท โรงแรมจะมี Username กับ Password wi-fi ให้กับทุกห้อง โดยมีระยะเวลาห้องละ 30 นาทีต่อการพัก 1 ครั้ง แต่ต้องลงไปเล่นที่บริเวณล็อบบี้นะคะ (หน้า The Square จะนั่งสบายสุด)


ต่อมาเป็นโรงแรมอีตั้น (Eaton Hotel) โรงแรมนี้จะสะดวกมากสำหรับคนที่เดินทางไปกลับสนามบินโดย Airport Express (AE) ค่ะ เพราะป้ายของ K1 ซึ่งเป็น Shuttle bus ของ AE อยู่ข้างๆ โรงแรมเลย แต่ห้องเล็กมากที่สุดในกระบวน 3 โรงแรมที่เทียบกัน ไม่มีตู้เย็น แต่มี Mini bar เป็นขนมขบเคี้ยว มีน้ำดื่มให้ฟรี 2 ขวด ถ้าต้องการดื่มน้ำเย็นก็เดินออกไปกดน้ำแข็งได้เลยค่ะ

พอดีไม่ได้ถ่ายรูปห้องแบบรวมมา ขอยืมรูปจากเว็บโรงแรมมาให้พิจารณาละกันค่ะ (เลือกห้องที่เหมือนที่สุดเลยนะนี่ )





วิวจากในห้องมองออกไป (ไม่ต้องสนใจยัยอ้วนที่ยืนอยู่นะคะ ตั้งใจจะให้ดูวิวเจ๋ยๆ )





แต่ถ้าถามถึงทำเล ส่วนตัวแล้วชอบ Holiday Inn Golden Mile ที่สุดค่ะ เพราะสะดวกที่จะเดินทางใกล้ทั้ง MTR (ใกล้กว่าอีก 2 ที่ข้างบน) ใกล้ป้ายรถ Airbus และ Shuttle bus K3 ที่สำคัญที่สุดใกล้ร้านอาหารอร่อยหลายร้าน และใกล้สารพัดห้าง เพียงแค่เดินข้ามถนนนาธาน (จากทางเข้าออกด้านข้างโรงแรมที่ออกตรงถนนนาธานเลย) ไปลง Subway (ทางข้ามถนนใต้ดิน) ที่อยู่ข้าง Penninsula คุณก็สามารถเลือกได้ว่าจะไปไหน (ช้อปฯ ในห้าง, เข้า Museum, เดินไปดู SOL ฯลฯ) เหมาะอย่างยิ่งในช่วงฝนตกที่คุณไปเที่ยวกลางแจ้งไม่ได้


พอดีไม่ได้ถ่ายรูปห้องเต็มๆ ไว้ตอนที่ไปพัก เลยยืมรูปห้องที่เหมือนที่สุดจากเว็บมาเหมือนกันค่ะ (ก็สมัยนั้นยังไม่เคยทำบล็อกเลยไม่รู้จะถ่ายรูปห้องพักมาทำไมนี่นา...)




โต๊ะทำงาน




เอาหมูไปยืนเกาะโต๊ะหน่อย





รูปคู่รูปเดียวในทริปฮ่องกงคราวก่อน




มินิบาร์ค่ะ ส่วนน้ำดื่มมีให้ 2 ขวดวางในห้องน้ำ





โรงแรมนี้เค้ามี Afternoon tea ให้ในช่วงที่เราไปพักด้วยค่ะ มีให้เลือก 2 แบบ ก็เลยเลือกคนละแบบมาแบ่งกันทาน




โรงแรมนี้มีข้อเสียที่เจอเพียงข้อเดียว คือ ทางออกด้านข้างของโรงแรมที่ทะลุไปออกถนนนาธานพอดี จะดูค่อนข้างน่ากลัวเพราะมีตลาดค้าเงินอยู่ คนแอฟริกันเยอะมาก เวลาออกไปต้องเก็บแผนที่แล้วทำตัวกลมกลืนกับชาวฮ่องกงให้มากที่สุดจะได้ไม่ต้องเป็นเป้าสายตา

อย่างไรก็ตามถ้าเปรียบเทียบระหว่าง 3 โรงแรมนี้ เราสองคนก็ได้ข้อสรุปว่า ต่อไปจะพักแต่ที่ Holiday Inn Golden Mile เท่านั้น เพราะสะดวกกว่าในทุกกรณี แถมยังได้แต้มของ Priority Club ด้วย ในราคาที่ต่างกันไม่เท่าไหร่


Create Date : 28 พฤษภาคม 2552
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 13:32:49 น. 1 comments
Counter : 6078 Pageviews.

 
อย่างนี้เค้าไม่เรียกหมูนะคะ เค้าเรียกคนมีฐานะ อิอิ ถ้าอย่างพี่ปารีเรียกหมู อย่างนู๋คงต้องเป็นช้างแล้วค่ะพี่

นู๋กะไปฮ่องกงคราวหน้า (เมื่อไหร่ก็ไม่รู้) จะไปพักโนโวเทลนาธานเหมือนกัน ดีจังมีบัสส่งใกล้ๆ รร ด้วย ถ้าขึ้น AE มันหลายต่อ ขี้เกียจลากกระเป๋า

เดี๋ยวตามไปดูว่าไปกินอะไรมาบ้าง



โดย: sueko IP: 58.8.103.198 วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:50:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

L@st love
Location :
Shenyang China

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




ที่ว่า พลัดถิ่น กิน เที่ยว ช้อปฯ ไปกับรักครั้งสุดท้าย เพราะรักครั้งนี้พาระหกระเหินไปโน่นมานี่ อยู่ตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อยไปเรื่อยเปื่อยค่ะ

จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องพลัดจากบ้านไปอยู่ถิ่นที่ไม่คุ้นเคย อาหารที่ชอบก็หาไม่ค่อยได้ ของที่เคยใช้ก็ไม่ค่อยอยากจะมีให้ซื้อ ฯลฯ

บล็อกนี้เลยถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2549 เพราะคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทางจีนๆ ก็แหม...ทางตะวันตกน่ะ หาอะไรก็ง่ายอยู่แล้วนี่คะ รู้ภาษาอังกฤษซะอย่างไปไหนก็เอาตัวรอดได้

หลังจากแว่บไปเก็บความรู้ตามบล็อกตกแต่งต่างๆ แล้ว ปริมาณเทคโนโลยีในสายเลือดก็ค่อยเพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่ง ตอนนี้จึงมีบล็อกที่ทำสำเร็จหลายบล็อกเลยค่ะ (ขอบคุณป้ามดและอีกหลายท่านค่ะ)

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามา เชิญไปเที่ยว ชม ช้อปฯ และชิมด้วยกันเลยค่ะ มีคำแนะนำ ติ ชมอย่างไร ฝากข้อความมาได้เลยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักและรับทุกความเห็นค่ะ





สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ภาพและบทความบนเวบไซต์แห่งนี้ จัดทำเพื่อเผยแพร่บนเวบ bloggang.com และ pantip.com เท่านั้น

"ห้ามนำภาพ ข้อความ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพ และ/หรือ ข้อความในเวบไซต์แห่งนี้ไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"
Friends' blogs
[Add L@st love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.