บักอร่อยที่สุดในโลก


เขียนโดย ละไมฝน

ประตูสวรรค์ปลดปล่อยมวลมนุษย์ออกมาว่ายวนในวัฏสงสาร แล้วมอบสิ่งสราญใจแก่มวลมนุษย์อย่างอเนกคณานา

สวรรค์เสกสีสันหรรษาบันเทิงเริงใจแก่ชีวิตสรรพชน และประทานเสียงสังคีตแก่ทุกเชื้อชาติศาสนา

ดนตรีเป็นภาษาสากล ไม่มีศัตรู ไม่มีพรมแดนกางกั้น บันดาลใจมนุษย์ผู้สุขุมคัมภีรภาพ สร้างสรรค์เครื่องดนตรีขึ้นมาตอบสนองสุนทรียอารมณ์ของตนผ่านกาลเวลา

ดนตรีมีคุณวิเศษล้ำ กล่อมเกลาอารมณ์อันสามานย์ภายในใจคนบางคน ให้คลายความสาหัสสากรรจ์แห่งอารมณ์ หวนสำนึกอ่อนโยนละเมียดละไมในอารมณ์ ...

ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี นางผีเสื้อสมุทรแสนดุร้าย เคลิบเคลิ้มหลงใหล เพลงปี่พระอภัย ซึ่งมีพลังสร้างสรรค์และพลังทำลายสะเด็ดยาด ราวกับทุ่นระเบิดใต้น้ำ ทำลายทรวงอกอันมโหฬารของนางผีเสื้อสมุทรแตกตายในที่สุด

แผ่นดินแล้งแร้นแค้นแห่งอีสาน ก่อเกิดตำนานสังคีตอันบีบใจ

ศิลปินพื้นบ้านสร้างสรรค์เครื่องดีด สี ตี เป่า หลากสะพรั่งพร้อมจากวัสดุธรรมชาติรายรอบ

แก่นแกนไม้ดิบเถื่อนจากพงป่าถูกคัดสรร มาสลักเสลาเป็นเครื่องดนตรีอีสานแสนมหัศจรรย์

ปู่สังกะสาย่าสังกะสีสังเกตเสียงธรรมชาติ แล้วสำเนาเสียงเสนาะมาดัดแปลงเป็นเสียงดนตรีสะดุดก้นหอยหู

ศิลปินพื้นบ้านสำเนาวิถีชีวิต สำเนาทรวดทรงแห่งศรัทธา มาดัดแปลงท่วงทำนองดนตรีสนุกสนานสรวลสันต์

จินตนาการสดับเสียงลมพัดไผ่ เสียงแมงภู่ตอมดอกไม้ มาดัดแปลงเป็นลายแคน

ท่วงท่าอีกาเต้นระบำเพราะร้อนตีนกลางดินแดด ดัดแปลงเป็นท่วงทำนองกาเต้นก้อนดีดลายพิณ

เสียงเอื้อนเสียงของแม่ฮ้างกล่อมลูกน้อยนอนอู่

เสียงกระพือปีกของนกไซบินข้ามทุ่ง

กิริยาท่าทางยักแย่ยักยันของอีนางน้อย ถือไม้ไผ่ยาวผูกตะกร้าแหย่ไข่มดแดง มิละเลยแม้ท่วงท่าดึงครกดึงสากเรียกฝนของบรรพชน มาตีเคาะไม้เรียงลายโปงลางสุดสะออนหลาย

คนอีสานเสกสร้างสันทนาการ อันสรวลสันต์ขึ้นมากลบเลือนริ้วรอยดินแตกระแหงแร้นแค้นพื้นถิ่นได้อย่างแนบเนียน

คนอีสานได้ยินเสียงพิณ แคน ผสานเสียงโปงลาง กลองยาวลายกระชับกระชั้น (คีย์เมเจอร์) ยากจะนิ่งนอนทรวดทรงองค์เอวอยู่ได้

อีไคแม่หม้ายนอนเหงาหงายท้อง สร้างวิมานบนอากาศธาตุ พลิกซ้ายพลิกขวากอดหมอนข้าง สร้านไฟกามลนลามลวกในห้องนอนหนาว เมื่อได้ยินเสียงกลองยาว ต่อมสนุกกระตุกเต้น ลืมคะนึงหาหนุ่มตาบอดหูหนวกปากใบ้ใกล้ละแวกบ้าน

แม้แต่สัปเหร่อเฒ่าผู้นั่งง่วงเหงาสัปหงกพิงเสมาหินในอาราม ยังเกิดอาการสะบัดลุกสะบัดนั่ง เสมอภาคกับสาโทชนนอกกำแพงวัด ตาเฒ่าลิ้นดำถลกผ้าข้าวม้านุ่งขึ้นรั้งเอว ฟ้อนเฉิบโดยไม่มีผู้ใดเสี้ยมสอน

หลวงตาแก่พรรษาผู้เสงี่ยมสงบในจีวรผ้าสีกรัก นั่งสวดมนต์ในวิหารน้อยฟังเสียงนก สะบัดร้อนสะบัดหนาว หัวใจเหี่ยวๆ มิวายดีดเต้นอยู่ในซี่โครงกระดูกอันผุกร่อน

เสียงดนตรีอีสานสำแดงสนุกสืบทอดมารุ่นต่อรุ่น ยุคต่อยุค

เครื่องเคาะจังหวะสุดแสนเร้าใจที่สุดคือ กลองทุกประเภท

กลองแขก India two-headed drum ขึงหนังสองหน้า ร้อยโยงด้วยหวายยาว
กลองแจ๊ส Jazz drum กลองชุดนั่งตีในวงดนตรีแจ๊ส
กลองชนะ Victory drum คล้ายกลองมลายูแต่สั้นและอ้วนกว่า

กลองเปิงมาง two-headed drum

กลองน้ำ River drum กลองประเภทนี้ ตีดังทุ้มกังวานเสมอในแม่น้ำลำคลอง

สมัยเมื่อ 20 ปีก่อน สาววัยเห็ดเผาะ อายุ 13 – 14 – 15 ยังปล่อยปะเปลือยอก นมตึงเต้าเท่าหน่วยไข่ นุ่งผ้าซิ่นผืนเดียวลงเล่นน้ำ แหวกว่ายลอยคอยามตะวันขาลง สาวเจ้าตวัดมือวักลม ลมเสียรู้หลงกลเข้าผ้าซิ่นสาวจนโป่งพองปานลูกโป่ง มืออีกข้างขมวดมุ่นไม่ให้ลมเสียทรง จากนั้นใช้มืออีกข้างตีผ้าถุง ดัง ตึง ตุ้ม ๆ ๆ - ตะ- ตี - เติ่น ลมดีตีเย็นลึก เย็นละไมถึงแก้มก้นสาว สนุกสนานสรวลสันต์

บักใบ้ ต้อนควายเขาเลลงท่าน้ำฝั่งตรงข้าม ถอดเสื้อแสง เหลือผ้าขาวม้าผืนเดียว กระโจนลงเล่นน้ำ วักลมทำกลองน้ำตีดังอวดสาวๆ เคราะห์ร้ายมือวักปลาปักเป้าอารมณ์บูดเข้าไปในพองผ้าด้วย สันดานสัตว์ดุตกใจตับสั่น ฟันแหลมคมจึงกัดดะ กัดฟัดทั้งขาอ่อนและพวงขะหลำ บักใบ้ร้องลั่นเลือดสาด สนุกสนานแบบแสบสันต์

เขาเล่าว่ากลองยาวมอญโบราณ ยาวเจ็ดชั่วแอก คนแบกหามนับร้อย เสียงดังกังวานไกลข้ามเขาเจ็ดภู

เขานินทากาเลว่าคณะกลองยาวรัฐบาลกำลังแตก...

คุณชายสะอาดไม่ชอบตีกลองยาว แต่ชอบโยนกลองร้อนฉ่าเหม็นตุๆ ด้วยกลิ่นอายทุจริตโครงการกินไม่พอเพียง ให้นักการเมืองระดับรากหญ้ารับกรรม

คุณชายสะอาดชอบลอยตัวตีกลองน้ำ ป่าวร้องผลงานอันพร่าลางในม่านหมอกเมือง ประชาชนหนวกหู ต้องอุดรูหูด้วยผ้าปิดจมูกป้องกันโรคหวัด 2009...

สาโทชนหน่ายเนื่องการบริหารบ้านเมืองแบบ นาโต ( nato ) No action , talk only

กลองยาวอีสาน TomTom ขึงตึงด้วยหนังวัวหน้าเดียว ติดข้าวเหนียวตรงกลาง ตัวกลองยาววา สะพายตีเร่งจังหวะรำฟ้อนสนุกเถิดเทิง ท่วงทำนองขึ้นชื่อว่า เสียงเอร็ดอร่อยหูที่สุดในโลก

นานาบุญบ้านไม่เคยขาดเสียงบักอร่อย

แห่ข้าวพันก้อน บุญผะเหวต บักอร่อยเถิดเทิงนำขบวนรำฟ้อนรอบบ้าน ปลุกสาวแม่ลูกอ่อนทิ้งลูกผัว ลุกไปรำฟ้อนเฉิบๆ สนุกสนานสรวลสันต์

บุญบั้งไฟ (บุญขี้เหล้า) สาโทชนผู้หมักข้าวเหนียวนึ่ง ใส่แป้งเป็นเหล้าหวาน ( เย้ยเหล้าสีภาษีแพง ) เมาม่วนเหมือนกัน สาโทชนชอบรำเซิ้งแกล้มเสียงบักอร่อย ฮาสะเอิก

บุญเข้าพรรษา บักอร่อยเตาะตีแห่แหน พ่อนาคลุกฟ้อนบนเสลี่ยงหาม ม่วนระงม

เดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง ลมหนาวพัดพรู ปูหนาวกระดองย่องลงรู หอยปากกว้างกอดกันจำศีล ฝูงปลาอิ่มหมีพีมัน ชวนกันแหวกว่ายลงหนองน้ำลึก ข้าวใหม่ตั้งท้องเต็มทุ่งกลิ่นข้าวใหม่หอมขวัญรอเคียวเก็บเกี่ยว ในฤดูกาลที่เหมาะสำหรับหนุ่มสาวชวนกันทำบุญเอว

ขบวนแห่เจ้าบ่าวเข้าหอ หากขาดบักอร่อยก็ขาดรสชาติสนุกสนานสรวลสันต์

เฒ่าโต้น ยายตู้ คู่ผัวเมียผู้ชมชอบเสพสุนทรีย์เสียงกลองยาวเป็นชีวิตจิตใจ ยอมลดค่าดอง (ค่าสินสอด) ลูกสาวลงเหลือครึ่งหนึ่ง หากทิดป้อนำบักอร่อยวงใหญ่มาเสพงัน (ฉลอง) งานแต่งงานตลอด 3 วัน 3 คืน

ทิดป้อยิ้มแก้มตุ่ย แต่ใจมิวายกังวลว่า ใครจะทำหน้าที่เป่าแคนแทนเขาในคืนส่งตัวเจ้าบ่าว....




Create Date : 06 กันยายน 2552
Last Update : 6 กันยายน 2552 12:55:29 น.
Counter : 809 Pageviews.

0 comment
หอมห่อหมกกุดจี่เบ้า
ละไมฝน เล่าสู่ฟัง

แดดแรงร้อนระอุอ้าว แผดเผาแผ่นดินอีสานแล้งระแหง ดุจเส้นแส้โบยตีแม่เฒ่าตู้ผู้ยากไร้ กำหมัดกัดฟันสู้ชีวิตมาแต่หอยกาบเท่าฝ่าตีน เมื่อตอนอายุย่างเยาวเรศรุ่นจนเจริญศรี อีนางตู้น้อยก็ตำข้าวเป่าไฟโชน นวดเฟ้นบีบเอ็นแข็งเอ็นอ่อนนวยได้ อีนางตู้น้อยสืบสานมรดกทรหดผ่านเงื้อมเงายากเข็ญรำเค็ญทุกข์ ทะเลแดดเคี่ยวกรำให้แข็งแกร่ง งานหนักเอางานเบาสู้ นอกจากนั้นยังมีความเชี่ยวชาญในการหาของกินที่หายากสารพัดสารพันอย่าง...

การเสาะแสวงหาอาหารรสชาติเอมโอชะ เป็นทักษะทอดตรงจากเถือกเถาเหล่ากอมาหลายชั่วอายุคน สิ่งที่กินได้หายหิว แม้นว่าอยู่สูงบนยอดไม้ปลายฟ้าก็ไม่สูงเกินเอื้อมคว้าถึง หลายชนิดซ่อนเร้นอำยวนอยู่ในรู ลวงพรางสายตาอยู่ใต้ดินแล้งลึกเพียงไหน ก็ยากจะรอดพ้นแม่เฒ่าตู้ผู้สันทัดชีวิตได้

วัฒนธรรมการบริโภคของคนอีสานรุ่มรวยไปด้วยภูมิปัญญาพื้นถิ่น มวลแมลงหลากขารสชาติอร่อยหลายชนิด มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ราวกับว่าพวกแมลงไต่เดินเหินบินมาชดเชยสภาพภูมิประเทศอันแห้งแล้ง

แมลงกินูน อาศัยอยู่ตามรากไม้ และเล็มใบมะขามอ่อนหนึ่งฝน สุมไฟใต้ต้นมะขาม แมลงกินูนก็จะร่วงกราวลงมานอนบนเสื่อกกที่ปูรองให้เก็บไปคั่ว ทอด ป่นได้เอร็ดอร่อยลิ้น

แมลงกระชอน รูปร่างคล้ายจิ้งหรีด หนวดสั้น อาศัยตามพื้นดินชื้นแฉะใกล้แหล่งน้ำ แม่เฒ่าตู้ชอบจับมาทำเมนูเด็ด แกงอ่อมใส่ผักลืมผัว

แมลงทับ ปีกแข็งวาวสีปีกแมลงทับ นำมาเสียบไม้ปิ้งโรยเกลือ หรือคั่วคลุกพริกไทย หอมไกลจากบ้านใต้ถึงบ้านเหนือ กินได้หายหิวหากไม่เสียดายปีกสวย

แม่เป้ง (นางพญามดแดง) เกิดมาเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่หวานลิ้น นำมาคั่วไฟอ่อนๆ แก้มเหล้าขาว กินง่ายถ่ายคล่องนัก

ทุกวันนี้แมลงต่างเริ่มหายไปจากธรรมชาติ พวกเล่นแมงหัวใส จึงจับแมงสะดิ้ง (จิ้งหรีดที่ตั้งท้องก่อนวัยอันควร) มาเลี้ยง ขายดิบขายสุกรายได้เป็นกอบเป็นกำ แมงสะดิ้งที่ไข่เต็มท้อง จะคั่วก็ได้จะแกงก็ดี เวลาแกงหน่อไม้รวก ใส่ข้าวเบือเหนียวๆ หนืดๆ อย่าลืมโรยแมงสะดิ้งลงลอยเล่นน้ำใบย่านางเขียวขื่นซดคล่องคอ
ฯ ล ฯ

แมลงกุดจี่ตัวผู้เขาโง้งคล้ายด้วงยักษ์ชอบบินเล่นไฟ แต่แมลงกุดจี่ตัวเมียค่อนข้างอาภัพอาศัยหากินอยู่ตามกองขี้วัว ขี้ควาย ควรแช่น้ำให้สิ่งสกปรกละลายคลายเครื่องสิ่งสกปรกสัก 2- 3 คืน ค่อยนำมาประกอบอาหาร

มีข้อยกเว้น แมลงกุดจี่ที่อาศัยหากินตามกองอุจจาระมนุษย์ แม่เฒ่าตู้ไม่นิยมเก็บมารับประทาน

กุดจี่ไม่มีมันสมองเหมือนมนุษย์ แต่รู้จักรักษาเผ่าพันธุ์ด้วยการฝังตัวอ่อนไว้ในขี้ควาย มันบรรจงปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่ากำปั้น เร้นเลี้ยงลูกอำยวนไว้ในรังใต้รูลึก

ในตำนานของชาวไอยคุปต์ มนุษย์สุดประเสริฐนับถือแมลงกุดจี่ประดุจเทพเจ้า อารยชนชาติอียิปต์โบราณเรียนรู้การทำมัมมี่จากเบ้ากุดจี่

อันรสชาติหวานมันของกุดจี่เบ้าตัวอ่อนอวบอ้วน เป็นอาหารระดับขึ้นเหลาของชาวอีสาน แม่เฒ่าตู้บ้านโคกสะอาดหวนถวิลหามากินทุกปี...

ฤดูเมฆฉ่ำสีชอุ่มชุ่มฟ้า น้ำมากหลากไหลท่วมนาหนอง กบเขียดรื่นเริงร้องหาคู่ แต่กุดจี่ตัวดำหน้าต่ำกลับจำศีลภาวนา อันเป็นที่มาของสำนวนอีสาน

“ มิดอีหลี ปานกุดจี่ฟังธรรม”
เทียบเคียงความหมายว่าเงียบเป็นเป่าสาก

เมฆฝนจางนางจรจากนาหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว กุดจี่ก็ตบะแตกร่านหาคู่ผสมพันธุ์

อีนางตู้น้อยเมื่อปฐมวัยฝาหอยกาบเท่าฝ่าตีน เคยเดินตามหลังแม่แบกเสียมก้อมคอนตะกร้า ท่ามกลางแสงแดดร้อนระยำ ส่องแสงแผดเผาซากตอซังข้าว ใบหญ้าเกรียมแห้ง แต่ดวงตาเด็กน้อยกลับแจ่มกระจ่าง เสาะส่ายหาขี้ควายกองใหญ่ ซึ่งเป็นขี้ควายพ่อพันธุ์ที่สมบูรณ์ที่สุด ที่กุดจี่เจาะจงเลือกอยู่อาศัย

ข้างกองขี้ควายกองใหญ่ มักปรากฏขุยดินกลบรูกุดจี่เบ้าอยู่อย่างเงียบงัน

ถึงแม้กุดจี่ใช้กลยุทธ์ ลับ ลวง พราง เพียงใด ก็หารอดพ้นสายตาแหลมคมของอีนางตู้น้อยไม่

เด็กหญิงกองก้นกองกอยขุดดินแห้งระแหงตั้งแต่ฝาหอยกาบเท่าฝ่าตีน อีนางน้อยช่วยแม่ขุดรูหาเบ้ากุดจี่จนน้ำเหงื่อไหลย้อย กว่าจะได้เบ้ากุดจี่สักเบ้า รังบางรูลึกเลี้ยวเกือบหนึ่งช่วงแขนผู้ใหญ่

“ อีแม่...ข้อยขุดได้อีกเบ้าแล้ว”

เสียงแจ่มใสร้องตะโกนอย่างดีใจ ปานว่าขุดพบทองคำใต้กองขี้ควาย มือน้อยๆ คว้าขี้ควายก้อนกลมเท่ากำปั้นขึ้นมาชูอวดแม่

อีนางตู้น้อยกองก้นกองกอยขุดหากุดจี่เบ้าตั้งแต่ฝาหอยกาบเท่าฝ่าตีน จนฝ่าตีนกางเป็นใบตาล ก็ไม่เคยนึกเบื่อหน่ายเมื่อยล้าสักครา รสชาติหวานมันอันโอชะของตัวอ่อนกุดจี่เบ้ายั่วน้ำลายปลายลิ้นมิแห้งเหือด

กุดจี่เบ้าฤดูหนาวตัวเล็กไม่น่ากิน เหมือนกุดจี่เบ้าฤดูแล้ง ช่วงนั้นตัวอ่อนจะโตเขื่องเต็มเบ้า เต็มปากเต็มคำ หวานมันเป็นที่สุด

ก่อนนำกุดจี่เบ้าไปรับประทาน ควรกะเทาะเบ้าขี้ควาย ล้างน้ำสะอาดก่อนผึงลมให้สะเด็ดน้ำ แล้วจึงนำไปปรุงอาหารตามใจชอบ

“นักกินแมง” มีเคล็ดลับการปรุงรสกุดจี่เบ้าให้หวานลิ้น ด้วยการลวกน้ำเดือดปุๆ ประมาณครึ่งนาที ตักขึ้นมาแช่น้ำปลา น้ำมะนาวที่เก็บจากต้นสดๆ

สาโทชนชมชอบพร่าตัวอ่อนกุดจี่เบ้า เน้นเปรี้ยวน้ำมะนาวจากต้นเท่านั้น อย่าลืมโรยกระเทียมกลีบซอยแว่นบางๆ พริกขี้หนู แต่งหน้าด้วยใบสะระแหน่ วางเคียงผักแพว

เมนูเด็ดแม่เฒ่าตู้ ผู้ห่อหมกตัวอ่อนกุดจี่เบ้าอร่อยที่สุดในหมู่บ้านโคกสะอาด

เตรียมเครื่องปรุงกันเลย หอมแดง ตะไคร่หั่นฝอยบางๆเบาหวิว พริกขี้หนูเขียวละอ่อน ใบแมงลักเก็บจากริมรั้ว ใบมะกรูด ไข่ไก่ 1- 2 ฟอง

วิธีห่อหมกง่ายกว่าปอกกล้วยดิบป้อนเด็กทารก
เพียงแค่ตีไข่ใส่เครื่องปรุง น้ำปลา ห่อใบตองกล้วย ย่างไฟถ่านไม้แดง อุณหภูมิอ่อนโยนถึงร้อนปานกลาง พอกลิ่นหอมกำจายจากหัวบ้านถึงท้ายบ้าน ก็ยกลงจากเตา นั่งล้อมวงปั้นข้าวเหนียวกินได้หายหิว

ปัจจุบัน ณ กาล...
ทุ่งนาในยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่ ห่วงโช่อาหารธรรมชาติถูกทำลายลง

น้ำนาไม่มีปลาขี้คราดให้เด็กๆ แย่งกันเก็บ เสียงควายเหล็กดังกระหึ่มรบกวนกบเขียด ตกใจไร้อารมณ์ผสมพันธุ์ กุ้งหอยปลาปูป่วยไข้ตายเพราะพิษภัยสารเคมี

ชาวนาในยุคทุนนิยม ขายควายเข้าโรงฆ่าสัตว์ ซื้อควายเหล็กมาไถนา หลายหนุ่มถูกหางควายเหล็กฟาดซี่โครงช้ำเลือดตาย หลายเฒ่าป่วยตายเพราะสู้แรงกระเทือนซางของควายเหล็กไม่ไหว

พ่อเฒ่าโต้นซื้อควายเหล็กมาไถนาไม่ถึงปี ผ่ายผอมเป็นซี่โครงเดินได้

เย็นหนึ่งแกนั่งบ่นกับผีตาแฮกที่หัวนาว่า
“ ปู่ตาแฮกเอ้ย...ควายเหล็กผีเปรตตัวนี้ มันกินอย่างเดียว บ่ขี้จักเทื่อ”
ไม่มีเสียงตอบจากผีตาแฮก

แม่เฒ่าตู้ผู้เสาะหากุดจี่เบ้ามาแต่ฝาหอยกาบเท่าฝาตีน เติบใหญ่จนฝ่าตีนกางเป็นใบตาล ก็ไม่เคยสิ้นไร้ไม้ตอกเพียงนี้

นอกจากหากินกุดจี่เบ้ายากเย็นแสนเข็ญแล้ว แกยังไม่ขมขื่นใจเท่าควายเหล็กไถนาได้กลืนกินกำลังวังชาพ่อเฒ่าตู้หดหาย หมดเรี่ยวแรงทำการบ้านตอนกลางคืน

กลางดึกคืนหนึ่ง แม่เฒ่าตู้พลิกกายก่ายกอดคนนอนข้างกาย มือเผลอลูบคลำเบ้ากุดจี่สองเบ้าของเฒ่าโต้น นวดเฟ้นเอ็นอ่อนจนอ่อนใจ ถึงกับละเมอครางอย่างหมดอาลัยตายอยากในความหลับว่า

“ บักเฒ่าเอ้ย...ถ้ามึงยังบ่เอาควายเหล็กไปทิ้ง กูสิเป็นฝ่ายทิ้งมึงไปหาผัวใหม่แน่ๆ เลย ”
............................................





Create Date : 04 กันยายน 2552
Last Update : 4 กันยายน 2552 18:37:20 น.
Counter : 1036 Pageviews.

6 comment
ป่าหฤหรรษ์ฤดูหอมเห็ดหวาน
ละไมฝน...ชวนเข้าป่าหาเห็ด

บรรยากาศป่าโคกอันอบอ้าวหลังพายุฝนหยุดหายใจ หากมิใช่เหตุบังเอิญ ย่อมเป็นเหตุแน่นอน ที่พราวเม็ดน้ำพร่างผุดระเห็จออกจากรูขุมขนคนหาของป่า

เหงื่อโชกที่หมักหมม เป็นเหตุปัจจัยให้เชื้อราเจริญพันธุ์บนผิวหนัง ขาวเป็นดอกดวงคันคะเยอ

แต่เชื้อราจุดดำๆ เป็นกระจุกบนผิวผ้า เกิดจากความอับชื้นของเสื้อผ้าคนหาของป่าเลี้ยงชีพหามรุ่งหามค่ำ เรียกว่า ผ้าออกเห็ด ( ไม่นิยมรับประทาน )

มีเชื้อราจัญไรบางจำพวก ชอบกัดกินรากผม อันเป็นเหตุปัจจัยให้เส้นผมตายยืน เดือดร้อนประชากรเหาหาที่ยึดเกาะไม่ได้ เป็นผลปัจจัยให้คนหัวล้าน หาผมทำยายาก

เห็ด ( mushroom)คือ เชื้อราที่ออกดอกเป็นดอก มีทั้งกินได้หายหิว และหิวได้กินตาย เห็ดบางดอกกินแล้ว อาจระเห็จหายไปจากโลกนี้ก่อนวัยอันควร เหตุเพราะเห็นมานักแล้ว
เห็ดบางจำพวกกินได้หายหิว บางจำพวกหิวได้กินตาย
เห็ดบางดอกกินได้หาวนอน บางดอกกินแล้วเมา

กัญชาชนยามยากขาดแคลนกัญชา อุตริเก็บเห็ดขี้ควาย (เห็ดที่เกิดบนมูลควายแห้งชื้นน้ำค้างกลางดึก) ตากแดดเดียวเผาลนไฟ ใส่บ้องกัญชาสูดดมควันสีขาวละมุน ชวนเคลิ้มฝันรัญจวนใจ ตาพร่าเลือน เห็นควายนึกว่าเมีย

เห็ดพันทางอย่างเห็ดหน้าดำ เกิดกลางป่ายูคาลิปตัส รสขมสะเด็ดยาด ต้มหลายน้ำไม่จืดเละ ดอกยังทรงรูปสวยแม้ผ่านการปรุงผ่านร้อน เค็ม เต็มที่ สรรพคุณ ขับพยาธิเส้นก๋วยเตี๋ยวใหญ่ (พยาธิตัวตืด) รับประทานติดต่อกันเกินสัปดาห์ตับทรุด

ป่าโคกหลังพายุฝนหยุดหายใจ ไอกรุ่นระเหยจากผิวดินอับชื้น อบบรรยากาศอ้าวได้ที่ เป็นเหตุปัจจัยให้นานาดอกเห็ดแทงดอกตูมตั้งงอกงามพ้นดิน เห็นได้ด้วยตาเปล่า หลายรูปทรงหลากสีสัน อาทิ เห็ดหน้าแดง เห็ดขอนขาว เห็ดตะปู้ เห็ดหำฟาน…

เห็ดมันปู ดอกสีเหลืองกรวยดอกบอบบางน่าทะนุถนอม เหมือนสาวน้อย เป็นอาหารว่างของกิ้งกือวเนจรบนขอนไม้ผุ

เห็ดระโงก มีทั้งดอกเหลืองดอกขาว ทรวดทรงสุดสเลนเดอร์ รสชาติหวานลิ้น น้ำแกงชุ่มคอ เมื่อแกงใส่ใบโมง (ชะมวง)
เห็ดระงาก สรีระสะสวยคล้ายเห็ดระโงก ปานคู่แฝด ไม่แนะนำให้รับประทาน เหตุเพราะกินแล้วเบื่อเมา หิวตาลายแค่ไหนก็กินไม่ได้ หิวได้แต่กินตาย

เห็ดเผาะ( puffball) ทรวดทรงกลม ไม่มีก้านดอก คล้ายเห็ดหำฟาน แต่เห็ดเผาะดอกเล็กกว่า อร่อยกว่า มีทั้งเผาะฝ้าย และเผาะหนัง ภาษาเหนือ เอิ้น เห็ดถอบ เร้นดอกใต้ผิวดินแตก เหนียมอายคล้ายสาวน้อยวัยขบเผาะผู้อ่อนต่อโลก หลบสายตาหนุ่มอยู่หลังแม่

เคล็ดไม่ลับแกงเห็ดเผาะให้อร่อย ต้องใส่น้ำพอเอ๊าะเจ๊าะ อย่าลืมน้ำปลาร้า ใบมะขามอ่อน แกงซดน้ำร้อนๆ อมเห็ดไว้ข้างกระพุ้งแก้ม แล้วค่อยคายขบเปลือกห่อหุ้มกินเนื้อนวลในขาวนุ่ม หวานลิ้น กินไม่เบื่อ เห็ดเผาะใหม่และสด จะเคี้ยวเสียงดังเผาะ เผาะ
คำเตือน...หากเคี้ยวเห็ดเผาะเพลินจนลืมอิ่ม อาจทำให้เกิดการผายลม เสียงดังเผาะ เผาะ เพราะท้องอืด

เห็ดไค หรือ เห็ดข้าวไค ดอกขาวอมสีเขียวตะไคร่อ่อน ชอบดินร่วนร่มใต้โคนต้นไม้ กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย เมื่อนำมาย่างไฟจนได้ที่ ชาวบ้านป่าขาดงนิยมนำมาตำแจ่วเห็ดไค พริกขี้หนูสักกำมือย่างไฟจนหอม เผ็ดร้อนจนลมทะลึ่งออกหู เห็ดไคไม่นิยมแกง เกรงจะเสียรสหวานและกลิ่นหอมเห็ด

เห็ดกระด้างดอกเท่ากระด้งฝัดข้าว เนื้อเหนียวและหยาบ ต้มหลายน้ำไม่เปื่อย นำมาสับๆๆๆ เป็นชิ้นเล็กๆ ทำซุปเห็ดกระด้าง เครื่องปรุงมี หอมแดง พริกแห้ง ข้าวคั่ว มะนาว ใบสะระแหน่ ผักเคียงเก็บตามริมรั้ว

เห็ดโคนขาใหญ่ ได้ชื่อว่ารสชาติหวาน กรอบ อร่อยที่สุด อุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร หายากและราคาแพงเทียบกิโลต่อกิโล บางป่าโคกเรียก เห็ดปลวก เหตุเพราะผุดใกล้จอมปลวก
เห็ดโคนขาเล็ก รสชาติหวานเหนียว แปรรูปเป็นเห็ดส้มบรรจุกล่องเป็นของฝาก

นักเพาะพันธุกรรมเห็ด พยายามค้นหาวิธีเพาะเชื้อเห็ดโคนมาหลายปี แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เหมือนการเพาะเชื้อเห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า และเห็ดขอนขาว

บ่อยครั้ง ชาวบ้านป่าเปิบเห็ดแล้วรากแตกรากแตนเสียชีวิต เหตุเพราะหิวตาลายเปิบเห็ดมีพิษ หิวได้แต่กินตาย

บางท้องถิ่นกินเห็ดเบื่อ ขุดหลุมดินฝังกลบร่างถึงคอพอกินข้าวหายใจ สามวันสามคืนดินดูดพิษเห็ดจืดจากร่าง ข้อพึงระวังอย่าฝังใกล้หนองน้ำ ปลาไหลจะมุดก้น

แม่เฒ่าตู้ผู้เชี่ยวชาญอาหารเห็ด แนะนำวิธีสังเกตเห็ดกินได้หายหิว และเห็ดที่หิวได้แต่กินตาย พอสังเขปดังนี้
เห็ดที่มีร่องรอยหวิ่นแหว่ง จากการกัดแทะของแมลง หนอนอ้วน และกิ้งกือวเนจร แสดงว่าเห็ดนั้นกินได้หายหิว
เห็ดที่ไม่ใส่แหวนหมั้นกับยมบาล แสดงว่ากินได้หายหิว
เห็ดแปลกหน้า แม่เฒ่าตู้ไม่นิยมเก็บมาชิม
เห็ดผีกระสือ เรืองแสงตอนกลางคืน แม่เฒ่าตู้ไม่เฉียดใกล้

ฤดูเก็บเห็ด ป่าโคกใหญ่หฤหรรษ์เป็นที่สุด ชาวบ้านตื่นแต่เช้ามืด ห่อข้าวเหนียว แบกเสียมก้อมคอนตะกร้า เข้าป่าเป็นกลุ่มเป็นทีม
กลุ่มแม่เฒ่าตู้ผู้คว่ำหวอดในวงการเก็บเห็ด มีด้วยกัน 4 คน แม่เฒ่าตุเชี่ยวชาญในการหาเห็ด สิบโคก ซาว(20)โคก ไม่เคยเดินหลงป่าสักครา

เช้าวันหนึ่ง แม่เฒ่าตู้ชวนเพื่อนบ้านไปเก็บเห็ด
พอถึงป่าโคก แม่เฒ่าก้าวฉับๆ เดินลิ่วล่วงหน้าไปก่อน เพื่อหาแหล่งเห็ด พลันสายตาแม่เฒ่าเหลือบไปเห็นเห็ดโคนกลุ่มใหญ่ ผุดดอกใหญ่น้อยขึ้นมาริมทางเดินป่า แม่เฒ่าเกรงว่าเพื่อนจะมาแย่งเก็บ จึงรีบปราดไปหย่อนก้นเหี่ยวๆ ลงคร่อมกลุ่มเห็ดโคน แล้วคลี่ผ้าถุงคลุมไว้มิดชิด

แม่บุดดาเดินตามหลังมาติดๆ แม่เฒ่าจึงร้องบอกว่า
“ ล่วงหน้าไปก่อนเด้อ ยายนั่งเคี้ยวหมากก่อน” พลางยัดหมากพลูใส่ปากเคี้ยวหยับๆ
เมื่อแม่บุดดาเดินลับตาไปแล้ว แม่เฒ่าขยับกายโยงโย่จะลุกขึ้นเก็บเห็ด แม่ใหญ่ทุมมีก็เดินมาผ่านมา
“ ล่วงหน้าไปก่อนเด้อ แม่มี ข้อยนั่งเยี่ยวก่อน”

พอแม่ใหญ่ทุมมีเดินผ่านไป แม่เฒ่าขยับกายโยงโย่จะลุกขึ้นเก็บเห็ด แม่ใหญ่อึ่งก็เดินมาผ่านมาพอดี
“ ล่วงหน้าไปก่อนเด้อ แม่อึ่ง ข้อยนั่งขี้ก่อน”

แม่ใหญ่อึ่งเดินผ่านไปนานแล้ว แม่เฒ่าตู้ยังไม่ยอมลุกจากกลุ่มเห็ดโคน แม่เฒ่าขยับก้นไปมา ปากร้องครวญคราง ปานใจจะขาดรอนๆ
หลังจากแม่เฒ่าทั้งสาม เก็บเห็ดได้เต็มตะกร้าแล้ว จึงหวนเดินกลับมา ก็พบความอัศจรรย์ใจยิ่ง ทุกดวงตาเบิกโต เมื่อเห็นแม่เฒ่าตู้นอนหงายตีนแผ่หราอย่างเป็นสุข เห็ดโคนถูกบดขยี้ราพณาสูร

เอวัง...




Create Date : 01 กันยายน 2552
Last Update : 1 กันยายน 2552 19:28:50 น.
Counter : 451 Pageviews.

4 comment
อึ่งเป๊าะ...ของฝากคุณชายผู้ผายลมข้างเตาผิง
ปรุงรสโดย ละไมฝน


วันศีลใหญ่ (วันพระ) เดือน 8 หนที่ 2

ยวงเมฆอุ้มท้อง หยาดเม็ดลงมาเคาะใบไม้ข้างวิหารอย่างรื่นเริง

เสียงแห่งฤดูครางครืนๆ กลบกลืนเสียงสวดมนต์แลง (ทำวัตรเย็น) ของหมู่อุบาสก อุบาสิกา ผู้ถือศีลกินเพลในวิหาร

วิหารใหม่ หลังใหญ่โอ่อ่ากว่าบ้านเรือนชาวบ้าน 20 หลัง ค่าก่ออิฐถือปูน แพงกว่าเรือนไม้ทั้งหมู่บ้าน ช่างฝีมือตกแต่งหน้าบัน ปั้นลายอ่อนช้อย อรชร งดงามวิจิตรราวกับวิหารวัดหลวง

เป็นสิ่งก่อสร้างจากศรัทธาของชาวบ้านผู้ไม่มีอันจะกิน ผู้ก้มหน้าก้มตา ทำนา ขายข้าว ขายควาย มาซื้อเสาวิหารต้นละ 5000 บาท เป็นพาสปอร์ต เดินทางไปเมืองสวรรค์

วิหารอลังการใช้เวลาสร้างยาวนานกว่า 15 ปี

ทุกวันศีลใหญ่ ญาครูเทศนาชักชวนชาวนาผู้อดอยาก ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนสร้างวิหารทุก ปี เพื่อไปผุดไปเกิดเป็นนางฟ้า เทวดา บนสรวงสวรรค์ เสพสุขอยู่ในหอปราสาทราชมนเทียรนั่นเลยทีเดียว

ภพหน้ามีจริงหรือไม่ ชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆ อีแม่ตู้คงออนไลน์มาบอกข่าว อิอิอิ...

อีแม่ตู้ (หญิงชราสูงอายุ) ผู้ถวิลหวังพานพบท่านนายกรัฐมนตรี หน้าตาหล่อเหลา ปากหวานปานพระเอกยี่เกสักครั้งในชีวิต

นางไม่มีแหวนทอง สวมนิ้วมือขาวสะอาดของคุณชายดอก นอกจากของฝากเมนูเด็ดประจำตระกูล เนื่องในวาระท่านนายกฯ เดินทางมาเยี่ยมราษฎรที่จังหวัดอุบลราชธานี

ในคืนวันศีลใหญ่ อีแม่ตู้ไหว้พระรับศีลแล้ว นางทนเสียงรัญจวนจากอึ่งอ่างไม่ได้ จึงกระซิบชวนอีพ่อโต้น ไปจับอึ่งอ่าง (bull frog) กลางทุ่งนาฝนพรำ

คืนนั้น อึ่งอ่างร้องเพลงระงมทุ่ง ประสานเสียงแห่งฤดูกาลครืนครัน ดุจคนธรรพ์บรรเลงเพลงทิพย์ กล่อมทุ่งนาหน้าฝนให้ชุ่มฉ่ำครื้นเครง

ฤาสรวงสวรรค์อยู่แค่เอื้อมถึง มิได้อยู่บนฟากฟ้าไกลลิบลับอย่างที่ได้ยินได้ฟังมานมนาน

อีแม่ตู้ เหม่อมองหาสวรรค์บนฟากฟ้ามาเกือบ 80 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นสรวงสวรรค์เหมือนดังที่ท่านญาครูเทศนาเลย

สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
แม่ตู้คิดเช่นนี้

แต่วิมานสวรรค์ของอึ่งอ่าง ก็คือทุ่งนาน้ำเจิ่งนอง ฤดูกาลผสมพันธุ์ของเจ้าสัตว์ 4 เท้ามาถึงแล้ว

ทั่วโลกมีอึ่งหลายสายพันธุ์ ทั้งที่เปิบได้ แลเปิบไม่ได้
ในเมืองไทย มีชื่อเรียกขานว่า อึ่งเพ้า อึ่งยาง และอึ่งตะหล่าง
ประเภทเนื้อหอมหวาน ไข่ดกต้องยกนิ้วให้ อึ่งเพ้า...
ตัวมันพองโต คางเรียวเล็ก จุ๋มจิ๋มน่ารัก เวลาพวกมันเปล่งเสียงร้อง ดังกระหึ่มไปทั่วท้องนา

ท่านกูรูจากสถาบันเถียงนาน้อย ได้แบ่งเพศอึ่งจากเสียงร้องครวญครางหาคู่ เสียงอึ่งตัวผู้ จะร้องเสียงดัง อึ่ง ๆๆ...หรือ หงึ่งๆ ๆ

อึ่งตัวเมีย จะร้องเสียงดัง อ่างๆๆ ... ผู้คนจึงเรียกมันว่า อ่าง (ไม่ใช่นางอ่างติดเบอร์นะครับ) จากเสียงร้องหาคู่ของมัน

หากสดับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจแล้ว เสียงจะดัง หง่าง...หง่าง...หง่าง...เป็นท่วงทำนองโหยหวนหาอึ่งตัวผู้

อึ่งตัวผู้จะอั้นน้ำตาปิติสุขยามเสพสังวาส เวลาปล่อยน้ำเชื้อออกมาปฏิสนธิกับไข่อ่างตัวเมีย ที่เบ่งไข่เป็นยวงออกมาจากท้อง

เขาว่ากันว่า ไข่อ่าง เอร็ดอร่อยปานไข่ปลาคาเวียร์ แกล้มไวน์ขาวนั่นเลยทีเดียว อีพ่อโต้น (สามีแม่ตู้) ไม่เคยรู้จักและได้ลิ้มรสไข่ปลาคาเวียร์เลยสักครั้งในชีวิต แต่แกชอบละเลียดยวงไข่อ่าง แกล้มเหล้าขาว 40 ดีกรี

พ่อครัวหัวนา จากภัตตาคารเถียงนาน้อย เปิดเผยว่า เมนูอึ่งอ่างต้มใบมะขามอ่อน ใส่พริกขี้หนูสวนทุบพอบุบ หอมหัวแดง ใบกะเพรา ข่า ตะไคร้ ต้มจนหนังเหนียว เปื่อยยุ่ย ควักไส้พุงขี้ทิ้ง เลือกกินแต่ยวงไข่ อันอุดมด้วยสารอาหาร บำรุงกำลังทางเพศดีนักแล

เพราะความเหนียวหนึบของหนังอึ่งอ่างนี้เอง อีแม่ตู้จึงค้นคิดสูตรอาหารจานเด็ด นำอึ่งมาแปรรูปเป็น อึ่งเป๊าะ (ไส้กรอกอึ่งทรงเครื่อง )

เวลาบ่ายแดดร่ม ลมเพลมพัด ฟ้าแจ่มจัดเป็นสีฟ้า เสียงกอไผ่แซมซ้อนกอเสียดสี เสียงดังแอดอาด แอดอาดมาจากท้ายบ้าน เสียงแสบสันต์เสียดแทงเยื่อแก้วหูพ่อเฒ่าโต้น ผู้นั่งมวนยาสูบใบตองกล้วยแห้งมวนโต

แววตามิบ่งบอกว่าวิตกทุกข์ร้อนกับภาษียาสูบที่ถีบตัวสูงขึ้นทุกวัน เหมือนบั้งไฟแสนบั้งไฟล้านเมืองยศ (เมืองยโสธร)

มือหยาบหนาของผู้ชำนาญการจับอึ่ง คว้ากับไฟจ้าด (ไม้ขีดไฟ) จุดยาสูบพ่นควันโขมง ปานเผาป่าไผ่เบตง มืออีกข้างดึงเขียงไม้มะขาม ที่เล่าลือว่าเป็นเขียงชั้นยอด ขยับมาวางตรงหน้า

พ่อเฒ่าโต้น ดูดควันบุหรี่เผาปอดอีกเฮือกใหญ่อย่างใจเย็น ก่อนล้วงมือลงรูข้อง กำอึ่งเพ้าตัวพองโตขึ้นมาวางบนเขียง เงื้อมีดสับหัวอึ่งขาดด้วยคมมีดอีโต้เดียว ขาอึ่งดีดดี้นเตะอากาศกะแด่วๆ ก่อนโยนลงอ่าง (อ่างน้ำที่ไม่ใช่อึ่ง) พ่อเฒ่าโต้นสับหัวอึ่งจนได้อึ่งกองโต

ดูดควันเผาปอดอีกเฮือกใหญ่อย่างใจเย็น พ่นควันโขมงปานเผาป่าไผ่เบตง

ก่อนลงมือถลกลอกหนังอึ่งในอ่าง อย่างพิถีพิถัน ควักตับไตไส้พุง เลาะเอาเนื้อทิ้งกระดูก กลเม็ดเลาะเนื้ออึ่งออกจากหนัง อย่าให้หนังอึ่งขาดเป็นอันขาด

ชายชราวัยต้น 70 ครวญเพลงฝนเดือนหกของรุ่งเพชร แหลมสิงห์จบแล้ว นำเนื้ออึ่งมาสับบนเขียงไม้มะขาม

อีพ่อเฒ่าโต้นผู้เชี่ยวชาญการทำนา และชำนาญการพิเศษในการถลกลอกหนังอึ่งอ่าง ดูดควันยามวนโตเผาปอดอีกเฮือกใหญ่อย่างใจเย็น พ่นควันโขมงปานเผาป่าไผ่เบตง

ยาเส้นมวนใบตองกล้วยแห้ง ไม่ได้ช่วยส่งเสริมภาษียาสูบของรัฐบาล ผู้ปากว่าตาขยิบ ให้เก็บภาษีได้ตามเป้าหมายสักน้อย เก็บภาษีมรดกจากคนรวยได้เมื่อไหร่ แกจะสูบยาซอง

นี่แหละ ความยุติธรรมของของชาวนาจนๆ

“ ทิ้งมวนยาซะเด้อ...บักเฒ่า ขี้ยามันสิตกใส่อึ่งสับ นายกฯ กินแล้วเพิ่นสิขี้ไหล ”

“ งั้น เอาเหล้าขาวมาแก้คาวแน...”

พ่อเฒ่าโต้นจุ๊ยปากดังจิ๊กจั๊ก

“ พอใส่เครื่อง มันก็หายคาวแล้ว”

อีแม่ตู้พูดพลาง ตะบันสากโขลกเครื่องปรุงในครกดัง ก๊กๆ ๆ....

เครื่องปรุงอันเป็นสมุนไพรไทย หมักเนื้ออึ่งนี้ ครั้งหนึ่ง....รัฐมนตรีบรมห่วยกระทรวงหนึ่ง ตะโพนข่าวว่าเป็นสารพิษมีอันตราย หากใครมีไว้ครอบครองเกินจำเป็น จะต้องแจ้งกับทางการ สารอันตรายเหล่านี้ มีอยู่ในหัวสิงไค (ตะไคร่) ใบบักกรูด พริกไทย กระเทียม ข่าอ่อน เป็นต้น

อีแม่ตู้โขลกเครื่องปรุงละเอียดแล้ว นำมาผสมกับเนื้ออึ่งสับ เติมเกลือแกงเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากัน ยัดลงในตัวอึ่ง จนหนังอึ่งพองเต่งตึงได้ที่ ขนาดเท่ากำปั้น จึงใช้เอ็นรัดหัวท้าย นำไปแขวนเรียงรายไว้บนราว ในยามก้อนเมฆหุบร่มกันแดด

อึ่งเป๊าะผึ่งได้สัก 3 แดด ก็นำมารับประทานได้ ด้วยการ ปิ้ง ย่าง หรืออบในเตาไมโครเวป ยิ่งอร่อยสะดวกสบาย

หญิงชราครึ้มอกครึ้มใจอยู่หลายวัน เฝ้ารอคอยวันที่คุณชายสะอาดจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนประชาชนที่จังหวัดอุบลราชธานี วันนั้น นางจะใช้ความกล้าหาญ แหวกฝูงชนเข้าไปมอบอึ่งเป๊าะเป็นของฝากแก่ท่านนายกรัฐมนตรี
เพราะถึงอย่างไร ราคาค่างวดของอึ่งเป๊าะ ชะลอมใหญ่ ไม่น่าจะเกิน 3,000 บา


คงไม่ทำให้คุณชายสะอาดลำบากใจ เหมือนตอนที่ ฯพณฯ ท่านรับของกำนัล งาช้างคู่งาม จากบุรีรัมย์นั้นเป็นแน่แท้...




Create Date : 18 สิงหาคม 2552
Last Update : 18 สิงหาคม 2552 19:03:50 น.
Counter : 2434 Pageviews.

1 comment

lamaifon
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ชีวิตละไมดุจสายฝนพรำ