Group Blog
 
All Blogs
 

Madagascar - เก็บตกโรงแรมที่ทางทัวร์จัดให้ และชิมลูก Baobab

เราใช้บริการ Cactus Tour นะคะ  ราคาเรียกว่าไม่ได้ถูกเท่าไหร่  แต่เป็นเจ้าเดียวที่ตอบกลับตอนอีเมลไปถาม
วันแรกที่เริ่มทัวร์  มี จนท ของบริษัทมาอธิบายภาพรวมพร้อมของที่ระลึกเล็กน้อย เป็นหมวกกับแฟ้มสานๆ น่ารักดีค่ะ  ให้เบอร์ติดต่อไกด์แต่ละคนเรียบร้อย 
ที่พัก บางคืนดีมากจนตกใจ  และบางคืนเข้าขั้นแย่  แต่คิดว่ามันคงไม่มีดีกว่านั้นแล้ว ไม่งั้นเขาคงเลือกมาให้แล้วล่ะค่ะ  ที่พักที่ใส่มานี่ไม่รวม IBIS ที่เราพักของเราเองก่อนเริ่มทัวร์นะคะ 

คืนแรก ที่ Andasibe  ที่พักชื่อ Lemurs Lodge 
ที่พักสบายๆ  ไม่มีแอร์ แต่อากาศเย็นอยู่แล้วค่ะ  มีพัดลมที่เกือบหาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน เจอแต่รีโมท กว่าจะเปิดได้ก็ใช้เวลานานอยู่ 
มีสระว่ายน้ำด้วย แต่ไม่เห็นมีใครใช้บริการ

 

กลับมาที่ Tana  พักที่ La Varangue ที่บอกว่าดีจนตกใจ  เนื่องจากเป็นห้อง suite ค่ะ
ห้องน้ำมีอ่างล้างหน้า 2 อ่าง  มีส้วม 2 ห้อง  ทำธุระกันได้ตามสบายเลย



พื้นที่ส่วนกลางมีของสะสมมากมาย ทั้งรถโบราณ กล้องถ่ายรุป นาฬิกา   เห็นแล้วตกใจว่าช่องว่างคนรวยกับคนจนช่างกว้างเหลือเกิน



มาที่ Kirindy  ที่บอกว่าที่พักโหดร้ายมาก  Relais du Kirindy 
คือจริงๆ มันดีมาก  มีสระว่ายน้ำให้เล่นด้วย  ชาติอื่นๆ แฮปปี้มาก กลางวันร้อนก็ว่ายน้ำ  มีชาติไทยที่ติดแอร์นี่แหละค่ะ ที่เกือบตาย (น้องที่รู้จักมาพักก่อนเราวันนึงก็บ่นเรื่องเดียวกัน น่าจะเป็นลักษณะเฉพาะประจำชาติ) 
ถ้าใครจะมาดู baobab ขอแนะนำให้ไปดูตอนพระอาทิตย์ตก แล้วไปนอนที่ Morondava เลย  ไม่ต้องมาดูสัตว์ที่ Kirindy นะคะ เพราะมันค่อนข้างแล้ง สัตว์ไม่มาก  เว้นแต่ตั้งใจมาดูสัตว์แบบจริงจังค่อยมาที่นี่ค่ะ



มาที่ Morondava  ที่พักริมทะเล  Laguna Beach 
สวยงามอยู่ แต่เราเจอแอร์เสียเข้าไป ย้ายห้องแล้วเจอเตียงหักอีก เลยหมดอารมณ์ 
ดีที่แอร์ห้องใหม่เย็นแล้วค่ะ 
หมายเหตุ  คุยกับชาติอื่น สรุปว่าพักที่เดียวกันตั้งแต่ Andasibe, Kirindy, Morondava เลยค่ะ  
เลยคิดว่าโรงแรมที่ทางทัวร์เลือกให้น่าจะเป็นโรงแรมที่ฮิตสุดแล้ว



ที่สุดท้าย Antrasibe  พักที่ Arotel 
ห้องไม่ใหญ่มาก แต่สะดวกสบายเหมือนโรงแรมทั่วไป  ที่ชอบคือตรงที่เขาแต่งกระจกสำหรับคริสต์มาส แต่เป็นรถลาก และวัว zebu ซึ่งเป็นของประจำเมือง/ประเทศนี้ค่ะ 



ก่อนออกจาก Morondava เพื่อนเกิดอยากลองกิน baobab  คุณไกด์เลยลงไปซื้อให้ ลูกละ 1000 ariary หรือประมาณเกือบ 10 บาทค่ะ 
นั่งแกะ นั่งทุบกันอยู่นาน  เปลือกแข็งมาก  เนื้ออร่อยดีค่ะ ฟูๆ นุ่มๆ ละลายในปาก หวานๆ เปรี้ยวๆ มีกลิ่นเหมือนมะขามอ่อนๆ  โดนน้ำลายแล้วเลอะเทอะมือมาก 555
ไกด์บอกด้วยว่าเมล็ดมันแทะได้อีกนะ ให้แกะกินดู เลยลองแคะต่อไป  เนื้อก็เป็นถั่วๆ คล้ายเฮเซลนัทค่ะ  อร่อยดี แต่แกะยากมาก



จบบันทึกทริปมาดากัสการ์แต่เพียงเท่านี้  ถ้านึกอะไรออกอีกจะมาเพิ่มใหม่




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2562    
Last Update : 16 ธันวาคม 2562 17:29:10 น.
Counter : 4105 Pageviews.  

Madagascar - วิวสวยๆ ระหว่างนั่งรถข้ามเมือง

วันนี้เดินทางทางรถทั้งวันค่ะ 
จริงๆ จาก Morondava ไป Tana จะเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง  ทางทัวร์เลยจัดให้เดินทางวันแรก 8 ชั่วโมง ไปนอนที่ Antsirabe คืนนึง  แล้วเช้าค่อยเดินทางกลับ Tana อีก 4 ชั่วโมงเพื่อไปขึ้นเครื่องตอนบ่าย 

ระหว่างทางช่วงแรกวิวจะแล้งๆ หน่อย เป็นทุ่งหญ้าสะวันนาที่เคยเรียนตอนเด็กๆ แต่ไม่เคยเห็นภาพ ท่องอย่างเดียว
บางช่วงผ่านแม่น้ำซึ่งไม่มีน้ำเลย  รูปนี้ดีหน่อยมีน้ำค่ะ 





ช่วงที่ผ่านเมือง ก็จะมีผู้คนเดินกันมากมาย  


ข้างทางมีเด็กมาขายมะม่วง  
หมายเหตุ  ไกด์ซื้อมะม่วงให้ชิม รสจัดดีค่ะ  เห็นบอกว่าแถวนี้มะม่วงอร่อยกว่าที่ Tana  น้องคนขับรถซื้อไปให้ญาติที่ Tana เป็นกระสอบเลย


ซักผ้ากันในแม่น้ำ แล้วก็ตากผ้ากันตรงนั้นเลย






ทุ่งหญ้างดงาม 







เริ่มเข้าสู่บริเวณที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นมาหน่อย  มีการทำนาแบบขั้นบันได






มาถึงเมือง Antsirabe  ไกด์พาเดินชมเมืองนิดหน่อย  แล้วก็นั่งรถลากไปโรงแรมค่ะ 



มีหมูด้วยอ้ะ 








อยู่ๆ เพื่อนคนลากรถมาเดินคุยเป็นเพื่อนซะงั้น   เดินคุยกันไปจนถึงโรงแรมเลยค่ะ



เช้าวันใหม่  ออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อไป Tana 
วิวก็ยังเป็นนาขั้นบันได  เขียวชอุ่มมาก 



บ้านแบบ traditional ของมาดากัสการ์  เป็นบ้านดินค่ะ 










ทางรถไฟ






ซักผ้ากันอีก






เด็กๆ ไปโรงเรียน 




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2562    
Last Update : 16 ธันวาคม 2562 17:28:22 น.
Counter : 653 Pageviews.  

Madagascar - ไปดู baobab ที่ Morondava

สิ่งที่ตั้งใจจะไปดูสำหรับทริป Madagascar คือจะไปดูต้น baobab ซึ่งอยู่ที่เมือง Morondava ค่ะ  
จาก Andasibe เราก็นั่งรถกลับไปที่ Tana นอนคืนนึง เพื่อขึ้นเครื่องบินไป Morondava ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเกาะ  

พอลงจากเครื่องก็นั่งรถกันไป  Baobab Avenue



ระหว่างทางก็มีบ้านคนประปราย 
บ้านปกติจะเป็นหลังคาแบบนี้ค่ะ  



หลังนี้พิเศษหน่อย หลังคาเป็น baobab (ไกด์บอก ไม่งั้นก็ไม่รู้หรอก)  แต่ก็ไม่รู้ว่าส่วนไหนของ baobab นะ  น่าจะเป็นเปลือกของลำต้น



เวลานี้ไม่มีคนเลยค่ะ  เพราะมันร้อนมาก  ปกติเขาจะมากันตอนพระอาทิตย์ตก 
แต่เนื่องจากเป็นทางผ่านไป Kirindy  เราเลยแวะถ่ายรูปกันก่อน



ต้นนี้เป็น Twisted Baobab



มีคุณน้องขายลูก baobab ด้วย 
ที่ทาหน้าเป็นเปลือกต้นมะขามค่ะ  เอาไว้กันแดด 



ดู baobab กันต่อ 



ระหว่างทางไป Kirindy  เป็นทางแบบนี้ค่ะ  ถนนเป็นคล้ายๆ ทรายปนดินแดง  เป็นหลุมๆ ลูกคลื่นใหญ่มาก ถ้าไม่ใช่รถ 4WD ไม่น่าจะไปได้   ในรูปนี่เป็นบริเวณที่ไม่ค่อยเป็นคลื่นเท่าไหร่ 





ถึงที่พักแล้ว  คล้ายๆ บ้านพักตามอุทยานแห่งชาติบ้านเรา ไม่มีแอร์  มีพัดลมให้ 2 ตัว  แต่ตอนกลางคืนถึงได้รู้ว่าไฟฟ้ามีถึงประมาณ 5 ทุ่มเท่านั้น  ต้องนอนกันนิ่งมากเพื่อประหยัดพลังงาน  ไม่งั้นร้อนเหลือเกินค่ะ  (หมายเหตุว่า มีแต่คนไทยเท่านั้นที่บ่นเรื่องร้อนนะ  คุยกับต่างชาติ ทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น  ทุกคนแฮปปี้มาก  มีแค่บางคนบอกว่ามีแมลงรบกวนเท่านั้นเอง)



มาดู Chameleon แถวที่พักกันค่ะ  สีตัดกับดอกไม้เลย



เห็นอันนี้ไม่รู้ว่าคืออะไร น่ารักดี 



ตอนกลางคืนถึงเห็นว่าเป็นตะเกียง solar cell ค่ะ 



ตอนกลางคืนไปเดินป่ารอบนึง  เจอพวก lemur นกต่างๆ  แต่รูปออกมาไม่โอเค เลยไม่ได้โพสต์นะคะ 

เช้าวันใหม่ ไปเดินป่าอีกรอบ  มาถึงแคมป์ของทีมป้องกันไฟป่า 



ที่ไกด์ให้ตื่นแต่เช้า จะพามาดูตัวนี้ค่ะ  Fossa (ไกด์ออกเสียงว่า ฟูซา) เป็นสัตว์ผู้ล่าที่ใหญ่ที่สุดของเกาะนี้  แต่ตัวนี้ดูน่าผอมมาก มาขโมยอาหารตรงโรงอาหารของที่นี่  น่าจะมาทุกวัน ไกด์ถึงได้รู้ว่ามาตรงนี้แต่เช้าจะเจอฟูซาแน่ๆ 
เท่าที่ดูคือยังเป็นการขโมยอาหารอยู่นะคะ ไม่ได้เลี้ยงแบบให้อาหารเป็นประจำ  คนที่แคมป์ก็ดูจะกลัวๆ ฟูซาอยู่เหมือนกัน



มีตัวนี้ด้วย  ที่ตกใจคือ นางวิ่งมาใกล้ๆ แล้วฉกตะขาบไปกินต่อหน้าต่อตาเรา (นึกแล้วก็ยังขนลุกอยู่) 



เข้าป่าไปดูสัตว์กันค่ะ 

เจองูก่อนเลย  แต่เนื่องจากรู้ว่างูที่นี่ไม่มีพิษ เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ 



นกอะไรไม่รู้



Baobab ต้นนี้เป็นผู้ชายแน่ๆ 



เปลือกลูก baobab ค่ะ  น่าจะมีตัวอะไรกินเนื้อไปแล้ว เหลือแต่เปลือกไว้ 



Lemur ค่ะ 



ห้อยโหนกินใบไม้อยู่ 



มีรังนกอยู่บนต้น baobab 



เป็นรังของเจ้านี่ที่เราจำชื่อไม่ได้ค่ะ  เป็นนกกินแมลง ปากแหลมๆ  endemic species ของมาดากัสการ์ 



เจอกิ้งก่าอีกแล้ว  เจ้านี้ไกด์ใช้คำว่า iguana นะคะ  เราเลยถามว่ามันต่างจาก chameleon ตรงไหน  เขาว่า chameleon อยู่บนต้นไม้เท่านั้น ส่วน iguana จะอยู่บนพื้น มีหางเป็นหนามๆ ค่ะ  ถ้าเป็นพวกจิ้งจก จิ้งเหลน ไกด์จะใช้คำว่า gecko 



เปลือกหอยทาก ใหญ่มาก ดูแข็งแรงกว่าหอยทากบ้านเราซึ่งจะเจอแต่เปลือกบางๆ 



คราบจั๊กจั่น  ซึ่งไม่รู้จะตื่นเต้นทำไม เมืองไทยก็มี  ส่วนต้นนี้ไม่รู้อะไรค่ะ แต่หนามดูน่ากลัวมาก  ไกด์บอกว่า lemur จะหนี fossa ขึ้นต้นนี้ เพราะ fossa ขึ้นไม่ได้ กลัวหนาม



นกอีก



จริงๆ เจอจิ้งเหลนวิ่งไล่กัน เพื่อผสมพันธุ์ด้วย  แต่ดูแล้วตัวผู้น่าสงสารอยู่ มองไม่ค่อยเห็น ตัวเมียวิ่งไปไหนแล้ว เจ้าตัวผู้ยังมองหาอยู่เลย 

Baobab นี่มโหฬารจริงๆ ค่ะ 





มาถึงใกล้ๆ แคมป์  เจอ lemur มาขอน้ำกิน  มีคู่แม่ลูกด้วย เกาะหลังแม่อยู่ 



หลังจากเดินป่าก็กลับไปที่พักค่ะ  รอเย็นค่อยเช็คเอาท์เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกที่ Avenue of Baobab 

ออกเดินทาง เจอน้องสาวคนนี้แบกน้ำ  หุ่นสวย ท่าเดินสวยมาก 



มาถึง Avenue of Baobabs แล้ว 



ต้องกระโดดซะหน่อย  มุมพลาดไปนิด 



เทียบขนาดคนกับต้น baobab  จิ๋วมาก



สาวๆ เทินของบนหัว  (แอบถามไกด์ว่าทำไมส่วนใหญ่เห็นแต่ผู้หญิงที่ทำอย่างนี้  เขาว่าผู้ชายส่วนใหญ่จะแบกของบนไหล่ค่ะ) 



ไกด์เลือกมุมให้ค่ะ 





คืนนั้นไปนอนริมทะเลที่เมือง Morondava  เตรียมเดินทางต่อในตอนเช้าวันต่อไป 
ปรากฎว่าเจอห้องแอร์เสีย  ทนร้อนอยู่นานเหมือนกัน สุดท้ายสี่ทุ่มครึ่งไม่ไหวแล้ว  ไปขอเปลี่ยนห้อง 
ห้องใหม่ปรากฎว่าเตียงพังอีก  เลยลากที่นอนมาปูพื้นนอนหน้าแอร์เลยค่ะ  ไม่ย้ายแล้ว 



เป็นประสบการณ์ขำๆ อีกอย่างค่ะ 




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2562    
Last Update : 11 ธันวาคม 2562 17:09:59 น.
Counter : 992 Pageviews.  

Madagascar - ไปดู Lemur ที่ Andasibe

วันต่อมาก็ออกเดินทางไปเมือง Andasibe ค่ะ  
เมืองนี้อยุ่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะ  เป็นป่าแบบ rainforest เหมือนบ้านเรา  สัตว์ที่ตั้งใจไปดูคือ lemur ค่ะ  

แถวนี้คนทำนากันค่ะ  



ระหว่างทาง คุณไกด์ซึ่งเป็นคนขับรถก็เล่าอะไรให้ฟังไปเรื่อย อย่างเช่น 

- หลุมฝังศพของที่นี่จะใหญ่มาก เพราะฝังกันทั้งครอบครัว  พอมีคนตายก็จะเอากลับไปฝังรวมกับครอบครัวฝั่งพ่อ  แต่สะใภ้ก็คือแต่งเข้า ตายแล้วฝังรวมกับทางสามี  
มีการขุดกระดูกขึ้นมาทำบุญด้วย  จะทำในช่วงเดือนธันวาคม  แต่ไม่ได้ทำทุกปี เพราะต้องใช้เงินเยอะอยู่  พิธีจะมีประมาณ 3 วัน  วันแรกกินเลี้ยง วันที่สองขุดกระดูก เอามาตากแดด แล้วก็เรียงใหม่ โดยให้กระดูกใหม่ๆ อยู่ข้างล่าง กระดูกเก่าๆ อยู่ข้างบน  แล้วก็กินเลี้ยงกันอีก 

- รถโดยสารระหว่างเมือง  ถ้ามีห่อของข้างบน และรถติดธงชาติ แสดงว่ามีศพ  ก็ทำความเคารพกันไปค่ะ 





มาสวนสัตว์ ดู Chameleon กันก่อน



ชอบเท้าน้องมาก 



กบจิ๋ว


Tomato frog (หน้าตาเหมือนมะเขือเทศจริงๆ)



ตัวจิ๋วต้องใส่กรงไว้ ให้คุณพี่เขาเอาออกมาให้ดู





ตัวนี้เป็น elephant chameleon ค่ะ  คล้ายๆ หูช้าง




คุณพี่โชว์งู 



งูที่เกาะนี้ไม่มีพิษนะคะ




ดูพวก gecko ด้วย



จิ้งจกสีแจ่ม 



ช่วงบ่ายไปเดินป่า กลางคืนก็ไปเดินป่า 
แต่ถ่ายรูปออกมาห่วยมากเนื่องจากกล้องซูมน้อย เลยขอไม่โพสต์ดีกว่าค่ะ 

มาที่ Lemur Island เลยดีกว่า  
ที่นี่ไม่ใช่ป่าธรรมชาตินะคะ เป็น lemur ที่เลี้ยงไว้  ขุดเป็นน้ำล้อมรอบให้เขาอยู่ในนั้นกัน 

ตัวข้างหน้าคือ dancing lemur  ข้างหลังคือ red ruff lemur 



ที่เรียกว่า dancing lemur เพราะนางเดินแบบกระโดดสองขาแบบนี้ค่ะ  พันธุ์อื่นๆ จะเดินสี่ขา



เจ้าตัวเล็กนี่น่าจะเป็น bamboo lemur  กินไผ่เป็นอาหาร  แต่นี่เป็นสัตว์เลี้ยง เลยมาขอกล้วยกินด้วย



ลืมบอกไปว่าเขาพายเรือพาไปดูนะคะ 



นี่ครอบครัวน้องน้ำตาล Brown Lemur ค่ะ   อยู่กันเป็นครอบครัว ประมาณ 5-6 ตัว



ครอบครัวนี้ไม่ค่อยเชื่องเท่าไหร่  กระโดดมาที่เรือแล้วไกด์ไล่ใหญ่เลย




ไปต่ออีกหน่อยเป็น Ring Tail Lemur ค่ะ  คือตัวที่เห็นในทีวีกันบ่อยๆ 





นางมาโพสท่าให้ถ่ายรูปเดี่ยวด้วย 



ขึ้นฝั่งมาเจอแผนกต้อนรับ ช่วยสระผมให้ด้วย



พันธุ์สุดท้ายที่นี่ Black and White Lemur ค่ะ 




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2562    
Last Update : 11 ธันวาคม 2562 10:26:32 น.
Counter : 825 Pageviews.  

Madagascar - Antananarivo และ Ambohimanga Palace

ได้มีโอกาสไปเที่ยว Madagascar มาค่ะ  เพื่อนไปประชุมที่นั่น เราเลยตามไปวันที่เพื่อนประชุมเกือบเสร็จแล้วเที่ยวต่อ  พลาดไปนิดที่จองตั๋วก่อนแล้วค่อยหาทัวร์ พบว่าจำนวนวันมันน้อยเกิน ไปจอยน์ทัวร์กับกรุ๊ปอื่นไม่ได้  เลยต้องใช้เป็น private tour แทน 

ก่อนไป 
ไปฉีดวัคซีนไข้เหลือง + ไทฟอยด์ 
ไข้เหลืองนี่จริงๆ มาดากัสการ์ไม่ได้เป็นเขตที่มีโรคนี้ แต่เนื่องจากไป Kenya Airways แวะที่เคนยาก่อน ทำให้ต้องไปฉีดค่ะ  แต่สุดท้ายไปถึงมาดากัสการ์ก็ไม่ได้มีใครสนใจสมุดวัคซีนเราเลย

ทัวร์ที่ติดต่อ แนะนำอุปกรณ์ต่างๆ ทีต้องเตรียม เนื่องจากเราจะไปเดินป่านิดหน่อย มีเดินตอนกลางคืนด้วย เลยต้องเตรียมไฟฉายไปด้วยค่ะ  ไม่รู้ว่ามันจะกันดารแค่ไหน เลยเตรียมแบบใช้มือหมุนอันจิ๋วไปด้วย เผื่อฉุกเฉิน  แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้นะคะ  ใช้อันเล็กๆ ส่องทางธรรมดาก็พอ

เดินทาง
ไฟลท์ที่ไป ตามโปรแกรมออกประมาณเที่ยงคืน  บิน 9.30 ชม. ไปลงเคนยา  พักประมาณ 6.5 ชม.  แล้วเดินทางต่ออีก 3.5 ชม. ค่ะ
เอาเข้าจริง ดีเลย์ไปชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากแอร์มีปัญหา  แต่ก็ดีแล้วค่ะ เพราะถ้าไปมีปัญหาระหว่างทางนี่คงแย่ เพราะกลิ่นผู้โดยสารก็ไม่น้อยเลย  โชคดีที่เรา transit นาน เลยไม่มีปัญหากับไฟลท์ที่จะบินต่อไป  แต่คนที่จะไปต่อที่อื่นนี่ต้องเปลี่ยนตั๋วกันวุ่นวาย 

ไปถึงแล้ว 

แลกตังค์  เราเอายูโรที่เหลือจากทริปก่อนๆ ไป  แลกเป็นเงิน Ariary ของมาดากัสการ์ที่สนามบินเลย  แลกไปประมาณ 70 ยูโรค่ะ  เนื่องจากเพื่อนที่ไปก่อนบอกว่าร้อยนึงน่าจะเยอะเกิน  แต่ถ้าไม่พอก็แลกใหม่ หรือกดเงินเอาก็ได้  1 EUR นี่ประมาณ 4000 AR ค่ะ

SIM  เราเลือกแบบ 2 GB  ราคา 8 ยูโร ยี่ห้อ Telma  เนื่องจากเพื่อนใช้ Orange เลยคิดว่าเลือกต่างกันน่าจะดีกว่า เผื่อฉุกเฉินอย่างน้อยก็มีของอีกค่ายนึง  สุดท้ายพบว่า Telma สัญญาณดีกว่าค่ะ

แท็กซี่ไปโรงแรม
เนื่องจากมีเพื่อนของเพื่อนไปไฟลท์เดียวกับเราพอดี เลยเรียกแท็กซี่ไปโรงแรมค่ะ  หารกันแล้วราคาถูกกว่าไป shuttle bus ของโรงแรม  shuttle มันคนละ 20 ยูโร แท็กซี่เรียกไป 55,000 AR

สองคืนแรกพักที่ IBIS นะคะ  เป็นโรงแรมที่เพื่อนประชุม  โรงแรมก็โอเคค่ะ ไม่ได้มีอะไรมากมาย  อาหารเช้าธรรมดา  แต่แตงโมเห็นแล้วเศร้ามาก สีซีดเลย 



วันแรก เป็น city tour และ Ambohimanga Palace

เมืองหลวงของมาดากัสการ์ชื่อ Antananarivo หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า Tana 
คนเยอะ บ้านเรือนเยอะแยะ รถติดมากเนื่องจากถนนส่วนใหญ่มีแค่ 2 เลนสวนกัน  ถ้าตรงไหนมีใครช้าก็ติดกันไปทั้งเมือง
รูปที่ถ่ายนี่ส่วนใหญ่ถ่ายจากในรถนะคะ  

มีเพิงขายผลไม้อยู่ทั่วไป  ผลไม้ที่เห็นเยอะมากคือลิ้นจี่และมะม่วง



ร้านขายเนื้อ Zebu  (ถามไกด์ว่าเนื้อ zebu กับหมูนี่อะไรแพงกว่า  เขาว่าเดิมหมูแพงกว่านะ แต่หลังๆ ราคาพอๆ กันแล้ว)



ขายไก่



มันฝรั่งกองบนพื้นเลย


ผักต่างๆ  ส่องดูเห็นมีหลายอย่างค่ะ ที่เรารู้จักก็อย่างเช่นผักบุ้ง มะเขือเทศ  แต่ดูไม่หลากหลายเท่าบ้านเรา



พวกข้าว ถั่ว ธัญพืชต่างๆ 



ที่นี่มีน้ำประปา แต่ถ้าไม่รวยก็ต่อท่อเข้าบ้านไม่ได้  ต้องมาซื้อน้ำเป็นถังๆ อย่างนี้ 



แบกถังไปซื้อน้ำ 



มีรับจ้างซักผ้าด้วย  ก็มารวมกันซักเป็นจุดๆ ไปค่ะ



ที่นี่ไม่ค่อยเห็นคนถึอถุงพลาสติกเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะใช้เป้ หรือตะกร้าสานอย่างคุณลุงคนนี้ 



แท็กซี่ค่ะ





รถรับจ้างขนของ 




ไกด์พาไปโบสถ์ด้วยค่ะ  






และวิว Tana จากมุมสูง 


ในส่วนของ Ambohimanga Palace ซึ่งเป็น UNESCO World Heritage Site  ต้องออกนอกเมืองไปหน่อย ตั้งอยู่บนเขาค่ะ



ปัจจุบันยังมีคนมาทำบุญที่นี่กันอยู่ค่ะ (ไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่าอะไรดี แต่มาเพื่อระลึกถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้วน่ะค่ะ จุดเทียน เทน้ำหวาน) แล้วก็ยังมีการนำหัววัว Zebu มาวางเพื่อความเป็นศิริมงคล  รวมทั้งมีการบูชายัญด้วย



โคลสอัพเข้ามาจะเห็นเป็นหัววัว












มีส่วนที่เป็นภายในพระราชฐาน ไม่ให้ถ่ายรูปด้วยค่ะ 

เดินต่อไปจะเป็นสวน 



มองเห็นวิวเมือง Antananarivo 



 




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2562    
Last Update : 9 ธันวาคม 2562 16:40:13 น.
Counter : 523 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

lalabel
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]





งานเขียนและรูปถ่ายในบล๊อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ lalabel
ถ้าชอบและไม่ได้นำไปใช้เพื่อการค้าก็ save ได้ค่ะ
แต่ถ้าจะเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาอย่าดัดแปลง
หรือตัดทอนส่วนหนึ่งส่วนใดของงาน
และกรุณาแจ้งให้ lalabel ทราบก่อนด้วยนะคะ
^__^


New Comments
Friends' blogs
[Add lalabel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.