Group Blog All Blog
|
::.. "แม่หญิงเชอร์" พาเที่ยวตัวเมือง Västerås
มาตามที่สัญญาไว้ ว่าจะพาไปเที่ยวตัวเมืองเวสเตอโรส บ้านนอกของแม่หญิงเชอร์ จากบ้านแม่หญิงเชอร์ใช้เวลาเดินประมาณ10นาทีก็จะถึงตัวเมือง ไอ้ตัวเมืองที่ว่านี่คือส่วน center ของเมืองที่มีห้างร้านนานาชนิด ถ้ามาจากบ้านแม่หญิงเชอร์ เราก็จะมาถึงโรงหนังก่อน โรงหนังนี้เปิดปีที่แล้วเลยยังใหม่อยู่ แต่ขนาดเล็กมากๆถ้าเทียบกับโรงหนังในกรุงเทพฯ เดินต่อไปเร่ือยๆจะมาถึงห้างสรรพสินค้าชื่อว่า Gallerian ตรงนี้ล่ะเคยเป็นโรงหนังก่อนที่เค้าจะย้ายไปสร้างใหม่ (ลืมถ่ายรูปด้านหน้า) เข้ามาข้างในเถอะนะ หนาวลบหกค่ะวันนี้ (เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนะ) ในGallerianนี้มีร้านกาแฟร้านโปรดของแม่หญิงเชอร์ เป็นร้านที่มีขนมเค้กอร่อยที่สุดแล้วในเมือง (รับรองโดยเชอร์ชวนชิม)
มาถึงร้านนี้แล้วขอแวะซื้อขนมกลับบ้านหน่อยนึงค่ะ เราจะเดินกันอีกหลายที่ไม่มีเวลานั่งจิบกาแฟนะวันนี้
เดินทะลุมาอีกด้าน ก็เป็นถนนมีร้านรวงอยู่เยอะพอสมควร คราวที่แล้วแม่หญิงเชอร์ให้ดูรูป H&M สมัยเปิดใหม่ครั้งแรกที่เวสเตอโรส วันนี้เอารูปปัจจุบันมาฝากค่ะ
เรายังเดินต่อไป แม่หญิงเชอร์จะพามาชมจุดที่ทุกคนบอกว่าเป็นวิวของเวสเตอโรส เพราะว้าเค้าถ่ายไปทำโปสการ์ดกัน
เป็นกลุ่มบ้านเก่าที่เค้าอนุรักษ์ ปัจจุบันนี้ก็เป็นร้านอาหาร ร้านขายของ มีเรียงรายไปตามริมคลองดำ (ชื่อคลองดำจริงๆนะ) อีกฝั่งนึงเป็น city hall อยู่หลังต้นไม้ทางมุมซ้ายนู่น เห็นหอระฆังมั้ยคะ เค้าตีเหง่งหง่างเป็นเพลงหลายเพลงทุกๆชั่วโมง ด้านหลัง city hall จะเป็นสวนสาธารณะ ตอนนี้มีแต่หิมะเราอย่าไปดูเลย ไว้ใบไม้ผลิดอกไม้บาน แม่หญิงเชอร์จะพาไป เราเดินต่อไป ถนนที่นี่ในตัวเมืองเป็นหินๆแบบนี้เยอะ ไม่สามารถใส่ส้นเข็มมาเดินได้นะคะ แต่แม่หญิงเชอร์ก็เคยเห็นสาวฝรั่งเก่งกล้าเดินกันมาแล้ว ดูสิใครกลัวเสาหนาว ตรงนี้เรียกว่า Stora torget หรือ จตุรัสใหญ่นั่นเอง ยังจำรูปปั้นคนขี่จักรยานกันได้รึเปล่าคะ
ที่เห็นตึกสีชมพูๆนั้น ก็เป็นตึกเก่า บางส่วนเป็นร้านขายของ บางส่วนเป็นร้านอาหาร ร้านขายของเล็กพวกนี้ มีของจุกจิกน่ารักเยอะ เสียดายวันที่มาเดินนี่วันอาทิตย์ เค้าไม่เปิด พามาดูส่วนที่เป็นเมืองเก่าค่ะ บ้านสีแดงขาวนี่หาได้ทั่วไปในสวีเดน เป็นเอกลักษณ์เลยก็ว่าได้ พูดถึงบ้านแดง แม่หญิงเชอร์ขอนอกเรื่องหน่อย สามีของแม่หญิงเชอร์เคยเล่าว่า สมัยเป็นเด็กประถม มีคุณครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนให้ทำการบ้าน แต่งประโยคง่ายๆเป็นภาษาอังกฤษ สามีแม่หญิงเชอร์เค้าแต่งว่า There is a red house. โดนคุณครูว่าเอา ว่าบ้านสีแดงมีซะที่ไหนล่ะเธอ เล่นเอาสามีแม่หญิงเชอร์จ๋อย แต่เค้าบอกว่า พอมาสวีเดนครั้งแรกเห็นบ้านสีแดงเต็มไปหมด เค้าอยากจะถ่ายรูปส่งไปให้คุณครูคนนั้นดูมาก ไม่รู้ครูจะจำได้รึเปล่า เราเดินวนกลับมาที่ Stora torget ที่ตรงนี้ช่วงฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน เค้าขายผักผลไม้และดอกไม้กัน แต่ตอนฤดูหนาว เค้าทำเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง ให้เด็กๆได้มาล้มลุกคลุกคลาน มาถึงอีกห้างนึง ชื่อว่า Igor อันนี้ก็เปิดเมื่อปีที่แล้วรึปีก่อนนี่เอง พาเดินหลบหนาวเข้าข้างใน อันนี้คือร้านเครื่องสำอางค์และสกินแคร์ที่มีอยู่ทั่วสวีเดน เดินทะลุออกมาอีกทาง พาไปดูโบสถ์ Västerås domkyrkanเป็น1ใน13 Cathedral ในสวีเดนที่มี bishop หรือมุขนายก ไว้ค่อยพาไปทัวร์รอบหน้านะคะ จะเดินกลับบ้านละ มาเจอนี่ แล้วแม่นางนี้ไม่หนาวรึไงยะ นี่แหละค่ะ ครบรอบเมือง ที่จริงมีร้านรวงอีกเยอะที่แม่หญิงเชอร์ไม่ได้ถ่ายรูปให้ดู เอาไว้อากาศดีหายหนาวเดินสบายแล้วเราค่อยมาเที่ยวเวสเตอโรสกันใหม่เนาะ
Lady Cher's :Lady Cher's : รวมลิ้งค์  ..
::.. "แม่หญิงเชอร์" พามาชิม Lördagsgodis
วันนี้เป็นวันเสาร์ แม่หญิงเชอร์เลยจะพามารู้จักกับสิ่งที่ชาวสวีเดนชื่นชอบตั้งแต่รุ่นเด็กๆจนถึงรุ่นคุณปู่คุณย่าโน่น มันก็คือ Lördagsgodis หรือ Saturday candy  Godis (อ่านว่ากูดิส) คือขนมหวาน ลูกกวาด ลูกอมต่างๆอย่างที่เห็นในรูป ขนมพวกนี้มีน้ำตาลเยอะ ถ้ากินบ่อยๆฟันก็จะผุง่ายและไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรต่อร่างกาย ที่สวีเดนนี่บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองเลยจะอนุญาตให้เด็กๆกินขนมพวกนี้เฉพาะวันเสาร์ ก็เลยเป็นที่มาของคำว่าขนมวันเสาร์หรือ Lördagsgodis  ให้ดูกันใกล้ๆ มีมากมายหลายอย่างแล้วแต่เราจะเลือกตัก เค้าขายโดยการชั่งน้ำหนักเป็นขีด ราคาอยู่ที่ขีดละ 4-7โครน (คูณ4.5=บาท) ขึ้นอยู่กับว่าเราซื้อที่ไหนค่ะ มันก็มีขายทั่วๆไปตามซุเปอร์มาเกตต่างๆ ร้านที่ขายแต่เฉพาะขนมนี่ก็มี  แม่หญิงเชอร์มาซื้อกับข้าว เห็นลูกเล็กเด็กแดงและบรรดาพ่อแม่เค้าตักขนมกันใหญ่ เลยอดไม่ได้ไปเลือกมามั่ง   มันมีเยอะจริงๆนะ  แบบที่แพ็คเรียบร้อยแล้วก็มี แล้วแต่ใครชอบแบบไหน  ยังไม่หมดเท่านั้น แถมด้วยช็อคโกแลตอีกหนึ่งซอย ผอมยากนะอยู่ที่นี่   พวกขนมกูดิสเนี่ยแม่หญิงเชอร์กินได้ แต่ไม่ถึงกับชอบมาก มีอันที่ชอบสุดๆอยู่แค่อย่างสองอย่าง แต่ถ้าเป็นช็อคโกแลตนี่แท่งนึงเอาใส่พุงคนเดียวสบายๆ  เด็กๆที่นี่จะได้กินขนมกูดิสวันเสาร์ วันเกิด และวันเทศกาลต่างๆเช่นอีสเตอร์ คริสมาสต์ ส่วนผู้ใหญ่นั้นกินกันตามใจไม่มีใครคุม อีกไม่นานจะถึงอีสเตอร์ แล้วแม่หญิงเชอร์จะพาไปดูว่าคนที่นี่เค้ากินกูดิสกันเยอะขนาดไหนค่ะ  Lady Cher's :Lady Cher's : รวมลิ้งค์ ..::.. "แม่หญิงเชอร์" พามาชิม Semla ขนมสวีเดนวัน Fat Tuesday
วันนี้ที่สวีเดนเค้าฉลองวันFettisdagen (หรือ The Fat Tuesday ในภาษาอังกฤษ) ด้วยการกินขนม ชนิดหนึ่งมีชื่อเรียกว่า Semla (อ่านว่าเซมล่า) หน้าตาแบบในรูป
หน้าตาละม้ายคล้ายเอแคลร์แต่ลูกใหญ่กว่ามาก ขนมที่ว่านื้ทำมาจากแป้งสาลี(ส่วนตัวขนม) ใส่ไส้ ด้วยอัลมอนด์บดผสมน้ำตาล (Almondpaste) ตามด้วยวิปครีมด้านบน เมื่อก่อนเค้ากินกันแค่เฉพาะ วัน Fettisdag แต่เดี๋ยวนี้มีขายและกินกันตั้งแต่ปลายเดือนมกราถึงกุมภาแม่หญิงเชอร์ถามเพื่อนๆที่ ทำงานชาวสวีเดนว่าประวัติความเป็นมาของวันนี้มันเป็นยังไงแต่ไม่มีใครให้คำตอบที่แน่นอน เค้า บอกว่ามันเป็นวันสุดท้ายก่อนเริ่มช่วงถือศีลอดของชาวคริสต์(Lent) แม่หญิงเชอร์ก็เลยต้องปรึกษากู เกิ้ลได้ข้อมูลมาประมาณนี้ Fattisdagen หรือThe Fat Tuesday คือวันอังคารก่อน Ash Wednesday หรือวันพุธรับเถ้า เป็นวัน สุดท้ายก่อน Lent หรือเทศกาลมหาพรต(คาทอลิก) เทศกาลเข้าสู่ธรรม (โปรเตสแตนต์) ซึ่งเป็น หนึ่งในเทศกาลสำคัญของศาสนาคริสต์เริ่มต้นจากวันพุธรับเถ้าและสิ้นสุดวันอีสเตอร์ รวม 40 วันโดย เทศกาลนี้มีไว้เพื่อระลึกถึงพระมหาทรมานและการคืนพระชนม์ชีพของพระเยซู โดยสิ่งที่ชาวคริสต์จะ ปฏิบัติในช่วงนี้คือการสวดภาวนาการบริจาคสิ่งของ การอดอาหาร และการไม่ฟุ่มเฟือย เพราะว่ามันเป็นวันสุดท้ายก่อนการถือศีลอดนี้เองแต่ละประเทศเค้าเลยมีธรรมเนียมฉลองต่างๆกัน ที่ ฝรั่งเศสเรียกวันMardi gras ที่เยอรมันเรียกFaschingsdienstag เค้าฉลองกันด้วยคาร์นิวัล ที่อังกฤษ เรียกShroveTuesday เห็นว่าเค้ากินแพนเค้กกัน ที่สวีเดนนี้เค้าก็มีเจ้าขนมเซมล่าซึ่งดูจากหน้าตาและส่วนผสมแล้วก็รู้เลยว่าไม่ใช่ของเป็นมิตรกับรอบ เอวคาดว่าสมัยก่อนเค้ากินเพื่อเตรียมอดแต่เดี๋ยวนี้ที่สวีเดนนอกจากไม่อดแล้วยังกินกันคนละหลาย วันหลายลูก แม่หญิงเชอร์เองไม่ชอบเจ้าเซมล่านี่เพราะไม่ชอบไส้Almond pasteที่ส่วนตัวคิดว่ามันหวาน ประหลาดๆเวลาที่คนที่นี่เค้าคุยกันว่าเค้ากินเซมล่าลูกที่เท่าไหร่ของปีแล้ว แม่หญิงเชอร์ยังไม่กินเลย หรือกินอย่างมากก็ลูกนึงแค่นั้นเมื่อวันศุกร์ตอนเบรกกินกาแฟช่วงบ่ายที่ทำงานก็มีคนเอาเซมล่ามาให้ กินกันแม่หญิงเชอร์ก็ไม่กินแต่คนสวีเดนแทบจะกระโจนใส่แถมทำหน้างงๆว่าเราไม่ชอบได้ไงอร่อย จะตาย แม่หญิงเชอร์ก็บอกไปว่าไม่ชอบไส้มาวันนี้วัน Fat Tuesday จริงๆ ก็มีคุณป้าในแผนกซื้อมา อีกไอ้เรานึกว่าจะรอดตัว แต่คุณป้าใจดีมากกกกได้ยินเมื่อวันศุกร์ว่าแม่หญิงเชอร์ไม่ชอบไส้Almond pasteแกก็สั่งพิเศษเป็นไส้ครีมวนิลามาให้ จะได้กินเหมือนคนอื่นๆ เลยทำให้ปฏิเสธไม่ได้เจ้าเซมล่า ในรูปลงไปอยู่ในท้องเรียบร้อย มันก็โอเคนะแต่ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเลี่ยนมากๆ
เข้าเมืองหลังเลิกงานไปถ่ายรูปนี้มาได้ ถ้าไปตอนกลางวันจะเห็นคนต่อแถวยาวซื้อเซมล่ากันใหญ่ วันนี้พามารู้จักเซมล่าไปแล้วคราวหน้าจะพามาชิมขนมอื่นๆนะคะ Lady Cher's :Lady Cher's : รวมลิ้งค์ ..
::.. "แม่หญิงเชอร์" พามารู้จัก Västerås บ้านนอก Sweden บ้านเกิด H&M
วันนี้แม่หญิงเชอร์จะพามารู้จักเมือง Västeråsบ้านนอกสวีเดนที่เป็นบ้านแม่หญิงเชอร์มา12 ปีแล้วค่ะ Västerås เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของสวีเดน(แต่เทียบกับกรุงเทพแล้วแม่หญิงเชอร์ขอเรียกบ้านนอกอยู่ดี) มีประชากรประมาณ 139,000 คนตั้งอยู่ประมาณ 100 กม.ทางทิศตะวันตกของกรุงสต็อคโฮล์ม
(ภาพจาก Wikipedia) เวสเตอโรสเนี่ยเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของสวีเดนและยุโรปเหนือเคยเป็นเมืองใหญ่อันดับ2ของสวีเดนเมื่อช่วงต้นศตวรรษที่11นู่นปัจจุบันนี้เป็นเมืองวิศวกรรมและอุตสาหกรรม มีบริษัทใหญ่ๆที่ทำในเรื่องวิศวกรรม อุตสาหกรรมไฟฟ้าคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีอยู่หลายแห่ง เช่น ASEA Brown Boveri หรือ ABB เวสเตอโรสเนี่ยเค้าพยายามทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักและดึงดูดผู้คนนักท่องเที่ยว ด้วยสโลแกน Västerås-Mälarstaden แปลได้ว่าเวสเตอโรสเมืองริมทะเลสาบแมราเรน (Mälaren)ซึ่งทะเลสาบนี้เชื่อมต่อไปถึงกรุงสต็อคโฮล์มและลงไปทะเลบอลติก
(ภาพจาก Wikipedia) หน้าหนาวทะเลสาบเป็นน้ำแข็งสามารถไถสเก็ตน้ำแข็งไปถึงสต็อคโฮล์มได้ (แต่แม่หญิงเชอร์ไม่เคยลองนะคะ ไกลอยู่) เมืองเวสเตอโรสนี่ มีมหาวิทยาลัย MälardalenUniversity (มีนักเรียนประมาณ 13 000คน รวมแคมปัสที่ Eskilstunaด้วย)ที่มหาลัยนี้ เคยมีนักเรียนไทยมาเรียนปริญญาโทเป็นร้อยคนช่วงปี 2005-2010ที่สวีเดนนี่เรียนฟรีเพราะประชาชนเสียภาษีสูง แต่พอมีนักเรียนต่างชาติเยอะเค้าเลยเปลี่ยนกฎหมายมาเก็บค่าเทอมนักเรียนที่มาจากนอกสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี 2011 นักเรียนไทยเลยหายไป
(ภาพจาก visitvasteras.se) เรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับเวสเตอโรสก็มีเช่น -ได้ชื่อว่า เมืองจักรยานตั้งแต่ปี 1950เพราะคนงานบริษัท ASEA (หรือ ABB ปัจจุบัน)ขี่จักรยานไปทำงานกันมาก
(ภาพจาก visitvasteras.se) ตอนนี้เวสเตอโรสเป็นหนึ่งในเมืองที่มีทางสำหรับจักรยานดีที่สุดและทั่วทั้งเมืองรวมระยะทางประมาณ 380 ก.ม.
(ภาพจาก visitvasteras.se) -มีโรงแรมในน้ำสองแห่งคือ HotelUtter Inn, Ooops Hotel และบนต้นไม้อีกหนึ่งแห่ง HotelHackspett
HotelUtter Inn (ภาพจาก visitvasteras.se)
Ooops Hotel (ภาพจาก visitvasteras.se)
HotelHackspett (ภาพจาก visitvasteras.se) ใครสนใจไปกูเกิ้ลดูได้ค่ะ และสุดท้าย เหมือนที่ขึ้น topic ไว้ว่าเวสเตอโรสเป็นบ้านเกิด Hennes & Mautitz หรือที่รู้จักกันว่าH&M (ที่เพิ่งเปิดที่พารากอนปีที่แล้ว)ร้าน H&Mร้านแรกเปิดปี 1947 ที่เวสเตอโรส ตอนแรกชื่อ Hennesขายแต่เสื้อผ้าผู้หญิง จนปี 1968 เจ้าของเค้าไปซื้อบริษัทMauritz Widforss ซึ่งขายเสื้อผ้าผู้ชายมา เลยเปลี่ยนชื่อเป็น Hennes& Mautitz หรือ H&M
(ภาพจาก Västerås Magazine) วันนี้รู้จักเวสเตอโรสกันไปแล้ว ติดตามตอนหน้าจะพาไปเที่ยวในตัวเมืองกันค่ะ สัญญาว่าจะไปถ่ายรูปเอง ตอนนี้หน้าหนาวมืดเร็วมากแม่หญิงเชอร์เลิกงานสี่โมงครึ่งแต่ฟ้ามืดแล้ว ขอเป็นวันหยุดนะ Lady Cher's : Lady Cher's : รวมลิ้งค์
|
LadyCher
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?] แม่หญิงเชอร์ สาวไทยที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ สนใจในเรื่องสุขภาพและความงาม เอาตัวเองเป็นหมูทดลองประจำ
Link |
แม่หญิงเชอร์ สวยแล้วบอกต่อ
acebook page
