Welcome to My World :) You're Welcome.

คำอุปมาเรื่องคอกแกะ

เฝ้าเดี่ยวประจำวันที่ 1/11/09
ยอห์น. 10:1-42

ขอออกตัวก่อนเลยว่า เรื่องคำอุปมานี่ ยังไม่เซียน อ่านแล้วไม่แตกฉานเท่าที่ควร
ที่เขียนนี่ คือ ความคิดการใคร่ครวญของตัวเองล้วนๆ
หากมีอะไรผิดพลาด ก็ขออภัย
ใครอยากเพิ่มเติม หรือแก้ไขอะไร ขอคำแนะนำเพิ่มด้วยจริงๆ
ไม่มั่นใจมากๆ เรื่องคำอุปมา

สำหรับเราหลายๆคน รู้ตัวกันอยู่แล้วว่า เราคือลูกแกะ
และพระเยซู คือ ผู้เลี้ยงแกะ (Shepherd)
แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า "คอกแกะ" มีได้เพียงคอกเดียว
และผู้เลี้ยงแกะคอกนี้ ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น

ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเชื่อฟังผู้เลี้ยงแกะของเรา นั่นก็คือ พระเยซู และเราก็จะต้องทำตามพระองค์
พระเยซูทรงรู้จักแกะของพระองค์ทุกตัว และแน่นอนขอบพระคุณพระเจ้าที่ทำให้เรารู้จักพระองค์่เช่นนกัน

(ยน. 10:27)
แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา และเรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา



พระเยซูทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี พระองค์ฺยอมที่จะเสียสละชีิพเพื่อดูแลแกะเหล่านั้น

(ยน. 10:11)
เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมเสียสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ


นอกจากนั้นแล้วพระเยซูยังพยายามตามแกะที่หลงหายกลับเข้ามาในคอกอีกด้วย
เพราะอย่างที่บอกว่าสุดท้ายแล้วคอกแกะ จะมีเพียงคอกเดียวเท่านั้น
เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงแกะ ก็จะมีแค่คนเดียวเท่านั้น
ภารกิจของพระเยซูจึงยากลำบากมากในการตามแกะ"ทั้งหมด"ให้เข้ามารวมเป็นฝูงเดียว
เพื่อเข้าแผ่นดินสวรรค์

(ยน. 10:16)
แกะ อื่นซึ่งมิได้เป็นของคอกนี้เราก็มีอยู่ แกะเหล่านั้นเราก็ต้องพามาด้วย และแกะเหล่านั้นจะฟังเสียงของเรา แล้วจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียว



คือ เอาจริงๆแล้ว หยีก็รู้สึกว่าเราทุกคนรู้อยู่แล้่วว่า พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่วิเศษที่สุด...
แต่มองในทางกลับกัน เราเป็นแกะที่อยู่ในคอกของพระเยซูหรือยัง?
หรือว่ายังทำตัวเป็น "แกะน้อยผู้หลงหาย" อยู่?

แกะที่ดีจะต้องเชื่อฟังเสียงของผู้เลี้ยงแกะ บางครั้ง... เราก็ได้ยินเสียงของผู้เลี้ยงแกะ
แต่เราไม่ยอมทำตามเสียงนั้น เราดื้อกับเสียงของพระองค์ :):)
เราไม่ยอมทำตาม...

สิ่งที่เราต้องถามตัวเองวันนี้คือ เราเป็นแกะที่ดี"ขึ้น"หรือยัง

ขอพระเจ้าเสริมกำลังให้เราเป็นลูกแกะที่ดีขึ้น :):)




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 22:53:22 น.
Counter : 653 Pageviews.  

ความบอดของวิญญาณจิต

เฝ้าเดี่ยวประจำวันที่ 31/10/09
ยอห์น. 9:1-41

(ยน. 9:39)
พระเยซูตรัสว่า "เราเข้ามาในโลกเพื่อแก่การพิพากษา เพื่อให้คนทั้งหลายที่มองไม่เห็นกลับมองเห็น และคนที่มองเห็นกลับตาบอด"



วันนี้ขออัพสั้นๆ ถามสั้นๆ
ว่า คุณตาบอดหรือเปล่า...?
คุณเห็นความจริงรึเปล่า...?





ให้เวลาคุณคิด.....









ถ้าคุณตอบว่า คุณตาไม่บอด คุณเห็นความจริง


(ยน.9:41)
พระ เยซูตรัสกับเขาว่า "ถ้าพวกท่านตาบอด พวกท่านก็จะไม่มีความผิดบาป แต่บัดนี้ท่านพูดว่า "เรามองเห็น" เหตุฉะนั้นความผิดบาปของท่านจึงยังมีอยู่"



พระเยซูกัดเจ็บเหมือนกันนะ....
เอาไว้ด่าพวกไม่ถ่อมใจ ไม่ยอมรับความจริง ไม่รู้ตัวเองใช่มั้ย..

งั้นก็ไม่มีไรมาก... ลองหันกลับมาสำรวจตัวเองดูละกัน
คุณตาบอดหรือไม่




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 22:52:47 น.
Counter : 329 Pageviews.  

การขอโทษ และการขอการอภัย...

เฝ้าเดี่ยวประจำวันที่ 30/10/09
ยอห์น. 8:1-59

เรื่องหญิงที่ถูกจับฐานล่วงประเวณี คงมีหลายๆคนที่ได้ยินอยู่แล้ว
มีเรื่องตลกเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง


เมื่อพระเยซูทรงทอดพระเนตรเห็นฝูงชนวิ่งไล่หญิงคนหนึ่ง
และพยายามจะขว้างหินใส่นาง พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า
“เกิดอะไรขึ้นหรือนี่”
ชายคนหนึ่งในฝูงชนตะโกนตอบว่า
“หญิงคนนี้ล่วงประเวณี และกฎหมายบอกให้เรา
ต้องเอาหินขว้างนางให้ตาย”

พระองค์ตรัสต่อพวกเขาว่า
“เดี๋ยวก่อน จงให้ผู้ที่ไม่มีบาปเลย ขว้างหินใส่นางก่อนเป็นคนแรก”

ทันใดนั้น ก็มีหินก้อนโตร่วงหล่นลงมาจากฟ้าสวรรค์
โดนหัวหญิงนั้นล้มลง

พระเยซูเงยพระพักตร์สู่สวรรค์ ตรัสว่า
“โธ่ ไม่เอาน่าพระบิดา นี่ข้าพระองค์กำลังพยายาม
สอนบทเรียนพวกเขาอยู่นะเนี่ย”

555 เรื่องตลกเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลกไร้สาระ แต่เขากำลังต้องการสื่อว่า
พระเจ้าของเราช่างมีอารมณ์ขัน และพระองค์เป็นองค์บริสุทธิ์ ไม่มีบาป :):)

หันกลับมามองเเราๆกันเองดีกว่า มนุษย์ผู้มีบาป ไม่มีใครแม้เพียงสักคนที่กล้าที่จะขว้างหินใส่ผู้หญิงคนนั้น
นั่นก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เรารู้ว่า เรารู้ตัวอยู่เสมอว่าเราเป็นผู้ผิดบาป
แต่สิ่งที่ถามต่อมาคือ เรารู้ว่าเราทำผิด เราทำบาป แต่เรายังเลือกที่จะทำมันซ้ำอีกต่อไปไหม?

(ยน. 8:11)
นางนั้นทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ไม่มีผู้ใดเลย" และพระเยซูตรัสกับนางว่า "เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน จงไปเถิด และอย่าทำบาปอีก"


พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ใจดี และเมตตา พระองค์ให้อภัยเราเสมอ...
แต่การให้อภัยเสมอ กลับทำให้เราได้ใจ
เราเลือกที่จะกลับไปทำผิดอีกซ้ำๆ เพราะคิดแต่เพียงว่า พระเจ้าจะให้อภัย...

มาม๊าหยีไม่เคยสอนให้หยีพูดขอโทษกับมาม๊าเลย ตั้งแต่เด็ก
ทุกครั้งที่ทำผิด ทะเลาะกัน คำพูดที่มาม๊าจะพูดเสมอ คือ
"หยี่ไม่ต้องมาขอโทษมาม๊า ถ้าขอโทษแล้วมันก็มีครั้งหน้าอีก
มันไร้ประโยชน์หยี่เข้าใจมาม๊ามั้ย? มาม๊าไม่ต้องการคำพูด
มาม๊าต้องการให้หยี่เปลี่ยนการกระทำ ไม่ต้องพูด อย่าทำผิดอีก"
ดังนั้น น้อยมากที่การทะเลาะระหว่างหยี่กับมาม๊าจะมีคำขอโทษหลุดปากมาจากคนใดคนหนึ่ง
ดูแล้วมันแย่ใช่มั้ย ที่ครอบครัวหยี่เป็นอย่างนี้...
แต่การเลี้ยงแบบมาม๊าหยี่ มันทำให้หยี่รู้จักที่จะปรับปรุงตัว และแก้ไข
ทำตัวหยี่เองให้ดีขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่า หยี่รักมาม๊าจริงๆ และหยี่รู้สึกผิดจริงๆ มากพอที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมหยี่เอง
นี่คือแม่ของหยี...

และเช่นเดียวกัน สำหรับพระเจ้า... เราขอโทษ พระเจ้าดีกว่ามาม๊าหยี่ ที่พระเจ้าให้อภัยเสมอ
แต่เราก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง พิสูจน์ตัวเองให้พระเจ้าเห็นเช่นกัน
เพราะหยี่ว่า สิ่งที่พระเจ้าต้องการจากเราไม่ใช่แค่คำพูดที่วยงาม การอธิษฐาน ทูลขออภัยที่สละสลวย
ไม่ใช่เพียงการรู้ว่าเราผิด ไม่ใช่แค่การสำนึกผิด
แต่สำคัญที่เราต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อแก้ไข และยอมรับจริงๆว่าเราผิด และเราจะไม่ทำผิดนั้นอีก...

อีกเรื่องคือ "พ่อของท่านคือมาร"

เรื่องนี้เหมือนมาสนองเรื่องความจริงแท้ เมื่อวานเลย :):)

พระเยซูบอกเราว่า ถ้าเราไม่เชื่อฟังพระองค์ ก็เหมือนไม่เชื่อฟังพระบิดา และไม่อยากจะทำตามพระบิดาของเรา

(ยน. 8:44)
ท่าน ทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือพญามาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นฆาตกรตั้งแต่เดิมมา และมิได้ตั้งอยู่ในความจริง เพราะความจริงมิได้อยู่ในมัน เมื่อมันพูดมุสามันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา

(ยน. 8:47)
ผู้ที่มาจากพระเจ้าก็ย่อมฟังพระวจนะของพระเจ้า เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ฟัง เพราะท่านทั้งหลายมิได้มาจากพระเจ้า

สะดุ้งอยู่เหมือนกันนะ พระคำข้อนี้น่ะ




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2552    
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 22:12:31 น.
Counter : 242 Pageviews.  

10 คำเตือนชีวิต!

10 คำเตือนวัยรุ่น

1. อย่านุ่งกระโปรงสั้น หรือกางเกงสั้นฟิต

(ฉธบ. 22:5)

อย่า ให้ผู้หญิงใช้เครื่องแต่งกา

ยของผู้ชาย และอย่าให้ผู้ชายแต่งกายด้วยเครื่องของผู้หญิงเพราะผู้ใดกระทำสิ่งเหล่านี้ ก็เป็นที่พึงรังเกียจแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน


(1 ทธ. 2:9-10)

ฝ่าย พวกผู้หญิง... ให้แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ไม่ใช่ถักผมหรือประดับกายด้
วยเครื่องทองและไข่มุกหรือเสื้อผ้าราคาแพง แต่ให้ประดับด้วยการกระทำดี ซึ่งสมกับหญิงที่ประกาศตัวว่าถือพระเจ้า


*สำหรับอันนี้ เราว่าแค่ไม่โป๊ก็น่าจะโอเค
แล้ว...

ข้อนี้แอบยากนะเนี่ย พระเจ้าก็ใจร้ายกับลูกหยีเห
ลือเกิน -*- *


2. อย่าดื้อรั้นลองยา และสุรา เมรัย

(สภษ 23:29-35 )

ใคร ที่ร้องโอย ใครที่ร้องอุย ใครที่มีการวิวาท ใครที่มีการร้องคราง
ใครที่มีบาดแผลปราศจากเหตุ ใครที่มีตาแดง คือบรรดาผู้ที่ไปทดลองเหล้า
ประสม อย่ามองดูเหล้าองุ่นเมื่อมันมี
สีแดง เมื่อเป็นประกายในถ้วย และลงไปคล่อง ๆ ณ ที่สุดมันกัดเหมือนงู
และมันฉกเอาเหมือนงูทับทาง ตาของเจ้าจะเห็นสิ่งแปลก ๆ
และใจของเจ้าจะพูดตลบตะแลง เจ้าจะเป็นเหมือนคนที่นอนอย
ู่กลางทะเล อย่างคนที่นอนอยู่บนเสากางใบ เจ้าจะว่า ...เขาตีข้า แต่ข้าไม่เจ็บ เขาทุบข้า แต่ข้าไม่รู้สึก ข้าจะตื่นเมื่อไรหนอ ข้าจะแสวงการดื่มอีก


*อันนี้่ผ่านไป ไม่ดื้อแล้วค่ะ *


3. อย่าพึ่งพาคนแปลกหน้า

(สภษ.5-10)

เกรงว่าแขกแปลกหน้าจะกินกำล
ังของเจ้าจนอิ่ม และแรงงานของเจ้าตกไปในเรือนของคนต่างด้าว


*อืมมม ปกติก็พึ่งตัวเองอย่างเดียว
นะ อ่ะ ยังพอไหวอยู่*


4. อย่าคบหาเพื่อนไม่ดี

(สภษ 1:10-15)
บุตร
ชายของเราเอ๋ย ถ้าคนบาปล่อชวนเจ้า อย่าได้ยอมตาม ถ้าเขาว่า
...มากับพวกเราเถิด ให้เราหมอบคอยเอาเลือดคน ให้เราดักคนไร้ผิดเล่นเถิด
ให้เรากลืนเขาทั้งเป็นอย่าง
แดนผู้ตาย และกลืนเขาทั้งตัว อย่างคนเหล่านั้นที่ลงไปสู่ปากแดน เราจะพบของประเสริฐทุกอย่าง เราจะบรรจุเรือนของเราให้เต็มด้วยของที่ริบได้ จงเข้าส่วนกับพวกเรา เราทุกคนจะมีเงินถุงเดียวกัน บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าเดินในทางนั้นกับเขาจงยับยั้งเท้าของเจ้าจากวิถีของเขา


(สภษ.4:14-16)

อย่า เข้าไปในวิถีของคนชั่วร้าย และอย่าเดินในทางของคนอธรรม
จงหลีกเสีย อย่าเดินบนนั้น เลี้ยวออกไปเสีย และจงผ่านไป เพราะถ้าคนชั่วร้ายไม่ได้ทำ ความผิด เขานอนไม่หลับ ถ้าเขาไม่ได้ทำให้คนใดสะดุดเขาจะหลับไม่ลง


*.... ผ่านไปละกัน เพราะเราว่าเพื่อนเราเป็นคน
ดี :):)*


5. อย่าหลีกหนีพ่อแม่

(สภษ. 1:8-9)

บุตร ชายของเราเอ๋ย จงฟังคำเตือนของพ่อเจ้า และอย่าทิ้งคำสอนของแม่เจ้า
เพราะทั้งสองนั้นเป็นมงคลงามสวมศรีษะของเจ้า เป็นจี้ห้อยคอของเจ้า


(สภษ.6:20-22)

บุตร ของเราเอ๋ย จงรักษาบัญญัติของพ่อเจ้า และอย่าละทิ้งคำสอนของแม่เจ
้า มัดมันติดไว้บนใจของเจ้าเสมอ ผูกมันไว้ที่คอของเจ้า เมื่อเจ้าเดิน มันจะนำเจ้า เมื่อเจ้านอนลง มันจะเฝ้าเจ้า และเมื่อเจ้าตื่นขึ้น มันจะพูดกับเจ้า


*ไม่หนี ไม่หนีแล้ว ยังดื้ออยู่บ้าง แต่จะพยายามค่ะ :):)*


6. อย่าพ่ายแพ้ความฟุ่มเฟือย

(ยก 5:6)

ท่านมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างฟ
ุ่มเฟือยและสนุกสนาน ท่านได้บำเรอจิตใจของท่านไว้รอวันประหาร


(1 ทธ 6:7-10)

เพราะ ว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาใ
นโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น แต่ถ้าเรามีอาหารและเสื้อผ้า ก็ให้เราพอใจด้วยของเหล่านั้นเถิด ส่วนคนเหล่านั้น ที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวน และติดบ่วงแร้วและในความปรารถนานานาที่ไร้ความคิดและเป็นภัยแก่ตัว ซึ่งทำให้คนเราต้องถึงความพินาศเสื่อมสูญไป ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล และเพราะความโลภนี่แหละจึงทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์


*อันนี้ยากจริงๆ ต้องขอให้คนอธิษฐานเผื่อให้
ด้วยล่ะ*


7. อย่าเฉื่อยและเที่ยวเตร่

(สภษ. 5:3-9)

เพราะ ริมฝีปากของหญิงชั่วนั้นก็ห
ยาดน้ำผึ้งออกมา และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน แต่ในที่สุด นางขมขื่นยิ่งกว่าบอระเพ็ดและคมอย่างดาบสองคม เท้าของนางก้าวลงไปสู่ความตาย ย่างเท้าของนางติดตามวิถีสู่แดนผู้ตาย นางไม่สนใจในวิถีแห่งชีวิต ทางของนางวนเวียนไปและนางหารู้ไม่ บุตรชายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา และอย่าพรากจาก ถ้อยคำแห่งปากของเรา จงหลีกทางของเจ้าให้ไกลจากนาง อย่าไปใกล้ประตูเรือนของนาง เกรงว่าเจ้าจะให้เกียรติของเจ้าแก่คนอื่น และให้ปีเดือนของเจ้าแก่คนไร้เมตตา เกรงว่าแขกแปลกหน้าจะกินกำลังของเจ้าจนอิ่ม และแรงงานของเจ้าตกไปในเรือนของคนต่างด้าว


*เฮ้อ... เอาน่า รู้ๆกัน*


8. อย่าเกเรไม่กลับบ้าน

(1 ทธ. 5:15)

ด้วยว่ามีบางคนได้หลงตามพญา
มารไปแล้ว


*กำลังจะวางแผนอยู่เลย -*- *


9. อย่าเผาผลาญเงินทอง

(1 ทธ. 6:17)

สำหรับ คนเหล่านั้นที่มั่งมีฝ่ายโล
ก จงกำชับเขาอย่าให้มีมานะทิฐิ หรือให้เขามุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่เที่ยง แต่จงหวังในพระเจ้าผู้ทรงประทานทุกสิ่ง เพื่อความสะดวกสบายของเรา


*โอ๊ยยย เจ็บ - -' *


10. อย่ามัวแต่มองเพื่อนหญิง/เพื่อนชาย

(2 ทธ. 2:21-22)

ถ้า ผู้ ใดชำระตัวให้พ้นจากสิ่งที่ไ
ม่มีค่า เขาก็จะเป็นภาชนะที่มีค่าซึ่งชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เหมาะที่เจ้าของเรือนจะใช้ให้เป็นประโยชน์ พร้อมกับการดีทุกอย่าง ดังนั้นท่านจงหลีกหนีเสียจากราคะตัณหาของคนหนุ่ม และจงใฝ่ในทางธรรม ในความเชื่อ ความรัก และสันติสุขร่วมกับผู้ที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์


(สดด. 119:9)

หนุ่ม ๆ จะรักษาทางของตนให้บริสุทธิ
์ได้อย่างไร โดยระแวดระวังตามพระวจนะของพระองค์


*อันนี้โดนไปเต็มรัก.. เฮ้อ จงอย่ามอง"ชาย"ด้วยใจกำหนัด
ด้วยอีกข้อ...*


(ที่มา: //203.146.122.12/jesus/Column/10%20Point/one.htm)


พระเจ้าคะ ทรงรู้ทุกอย่างที่หยีคิดจริ
งๆ ดักคอหยีอีกแล้ว -*-





Free TextEditor




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2552    
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 0:30:47 น.
Counter : 227 Pageviews.  

จดหมายจากพ่อ

ถึง ลูกที่รัก

เจ้าอาจจะไม่รู้จักพ่อ แต่พ่อรู้ถึงเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเจ้า (สดุดี 139.1)
พ่อรู้แม้กระทั่งยามใดที่เจ้านั่งลง (ร้องไห้) หรือ ยามใดที่เจ้าลุกขึ้น (ตื่นนอน) (สดุดี 139.2)
พ่อคุ้นเคยกับกิจวัตรประจำวันของเจ้า รู้ความเป็นไปทั้งหมดในชีวิตของเจ้า (สดุดี 139.3)
รู้แม้กระทั่งจำนวนผมทุกเส้นบนศีรษะของเจ้านั้น พ่อก็นับไว้หมดแล้ว (มัทธิว 10.29-31)
ด้วยว่าเจ้านั้นถูกสร้างมาตามแบบอย่างของพ่อนี่เอง (ปฐมกาล 1.27)
และเจ้ามีชีวิตได้ เคลื่อนไหวได้ และเป็นอยู่ได้ก็ในพ่อนี่เอง (กิจการ 17.28)
ใช่แล้ว เจ้าเป็นเชื้อสายของพ่อเอง (กิจการ 17.28)

พ่อรู้จักเจ้าก่อนที่เจ้าจะเกิดมาเสียอีก รู้ว่าเจ้าก่อร่างเล็ก ๆ นั้นเมื่อไหร่ ก่อนที่ใครๆ จะรู้ (เยเรมีย์ 1.4-5)
ก็เพราะว่าพ่อได้เลือกเจ้าไว้แล้ว ตั้งแต่ก่อนที่พ่อจะวางแผนสร้างโลกใบนี้
ให้เจ้าอยู่เสียอีก(เอเฟซัส 1.11-12)
เจ้าไม่ได้เกิดมาโดยความพลาดพลั้งของใคร หรือ ด้วยความบังเอิญ หรือ เป็นส่วนเกินของใคร
ด้วยว่าพ่อนี้เองผู้ต้องการให้เจ้าเกิดมา
ทุก ๆวันในชีวิตของเจ้านั้น พ่อก็ได้บันทึกไว้แล้วล่วงหน้าในหนังสือของพ่อ (สดุดี 139.15-16)
พ่อได้ตั้งใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะให้เจ้าเกิดเวลาไหน วันไหน และ เกิดที่ไหน (กิจการ 17.26)
เจ้านั้นถูกสร้างขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์และน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก (สดุดี 139.14)
พ่อนี่เองเป็นผู้ถักทอเจ้าในครรภ์มารดาของเจ้า (สดุดี 139.13)
พ่อเองเป็นผู้นำเจ้าออกมาจากครรภ์มารดาของเจ้าในวันที่เจ้าเกิด (สดุดี 71.6)

ที่เจ้าไม่รู้จักพ่อ หรือ รับรู้พ่ออย่างผิด ๆ ก็เพราะคนเหล่านั้นที่ไม่รู้จักพ่อ (ยอห์น 8.41-44)
พ่อไม่ได้เป็นอย่างที่คนเหล่านั้นเขาบอกเจ้า พ่อไม่ได้ทอดทิ้งเจ้า
พ่อไม่เคยอยู่ห่างไกลจากเจ้า พ่อไม่ได้โกรธเจ้า
พ่อเต็มไปด้วยความรักที่มีให้กับเจ้าต่างหาก ( 1 ยอห์น 4.16)
และความปรารถนายอดยิ่งของพ่อ คือ การที่จะได้ทุ่มเท
และละเลงความรักอันมหาศาลของพ่อนี้ให้กับเจ้า ( 1 ยอห์น 3.1)
ที่พ่อทำอย่างนี้ ก็เพียงเพราะว่า เจ้าเป็นลูกของพ่อ และ พ่อเป็นพ่อของเจ้า
ไม่ต้องมีเหตุผลอื่นอีก ( 1 ยอห์น 3.1)

พ่อได้เสนอ และ มอบให้กับเจ้าทั้งสิ้น เกินกว่าที่บิดาทางสายเลือดของเจ้าจะให้เจ้าได้เสียอีก
ใช่...... พ่อให้เจ้ามากยิ่งกว่าที่พ่อคนใดในโลกนี้จะให้เจ้าได้เสียอีก (มัทธิว 7.11)
ด้วยว่าพ่อนี้เป็นพ่อที่สมบูรณ์และดีพร้อมที่สุด (มัทธิว 5.48)
ทุกสิ่งที่ดี ๆ ที่เจ้าได้รับนั้น ล้วนมาจากมือของพ่อนี่เท่านั้น (ยากอบ 1.17)
พ่อเองเป็นผู้จัดเตรียมไว้ให้ และเป็นผู้ตอบสนองความต้องการ และ หิวกระหาย
โหยหาทุกอย่างของเจ้า (มัทธิว 6.31-33)
เพราะว่าพ่อรักเจ้า ด้วยความรักอันเป็นนิรันดร์ (เยเรมีย์ 31.3)
พ่อคิดถึงเจ้าเสมอ และทุกความคิดที่พ่อมีก็เกี่ยวกับตัวเจ้าทั้งนั้น
หากเจ้าจะนับมันละก็ จำนวนความคิดที่พ่อคิดถึงเจ้าในแต่ละวันนั้น
ก็จะมีจำนวนมากยิ่งกว่าจำนวนเม็ดทรายที่ชายทะเล (สดุดี 139.17-18)

และพ่อนั้นดีใจ และ ตื่นเต้นเพราะเจ้าเสมอ พ่อร้องเพลงด้วยเสียงดังทุกครั้งที่พ่อเห็นเจ้า (เศฟันยาห์ 3.17)
พ่อจะไม่มีวันหยุดที่จะทำสิ่งที่ดี ๆ ให้กับเจ้า (เยเรมีย์ 32.40)
ด้วยว่าเจ้าเป็นสมบัติของพ่อ เป็นของมีค่าที่สุดในจักรวาลนี้สำหรับพ่อ
เป็นกรรมสิทธิ์ล้ำค่าของพ่อ (อพยพ 19.5)

หากเจ้าเสาะหาพ่อ เจ้าก็จะพบพ่อ เมื่อเจ้าเสาะหาพ่ออย่างหมดหัวใจของเจ้า (เฉลยธรรมบัญญัติ 4.29)
มาชื่นบานและดีใจในตัวพ่อ แล้วพ่อก็จะให้สิ่งที่ใจของเจ้าปรารถนา (สดุดี 37.4)
ก็พ่อเองนี่แหละที่เป็นผู้มอบความปรารถนาเหล่านั้นให้กับเจ้า (ฟิลิปปี 2.13)
พ่อนั้นมีอำนาจมากยิ่งกว่าใครๆ พ่อสามารถทำให้เกิดขึ้นได้มากยิ่งกว่าที่เจ้าคาดฝัน
หรือจินตนาการไว้ (เอเฟซัส 3.20) เพราะว่าพ่อนั้นเป็นผู้ให้กำลังใจผู้ยิ่งใหญ่ของเจ้า
ใช่แล้ว พ่อนั่นเองเป็นผู้ให้กำลังใจนิรันดร์กับเจ้า (2 เธสะโลนิกา 2.16-17)

พ่อเองเป็นพ่อผู้ปลอบประโลมเจ้าในความทุกข์ใจทั้งสิ้นของเจ้า (2 โครินธ์ 1.3-4)
เมื่อยามที่หัวใจของเจ้าบอบช้ำ พ่อนี่เองที่อยู่ใกล้ ๆ เจ้า อยู่ด้วยกับเจ้าเสมอ (สดุดี 34.18)
เหมือนดั่งคนเลี้ยงแกะอุ้มลูกแกะมาไว้ใกล้อกเขา พ่อก็กอดอุ้มเจ้าไว้ใกล้ ๆ หัวใจของพ่อ
เพื่อให้เจ้าได้ยินเสียงหัวใจของพ่อนี้เต้น (อิสยาห์ 40.11)
และวันหนึ่งจะมาถึง เมื่อพ่อจะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากดวงตาของเจ้า
ถูกแล้ว วันหนึ่งเจ้าจะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป
เพราะว่าพ่อจะจัดการกับทุกสิ่งที่ทำให้เจ้าต้องเสียใจ
พ่อจะเอาความเจ็บปวดทั้งหมดที่เจ้าต้องทนทุกข์อยู่บนโลกนี้ออกไปเสีย (วิวรณ์ 21.3-4)

พ่อเป็นพ่อของเจ้า และพ่อรักเจ้ามากเท่ากับที่พ่อรักลูกของพ่อ คือ พระเยซูคริสต์ (ยอห์น 17.23)
ด้วยว่าในพระเยซูคริสต์ ความรักของพ่อก็ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่
และถูกเปิดเผยให้เจ้าได้รับรู้แล้ว (ยอห์น 17.26)
พระเยซูเป็นเหมือนกับพ่อทุกประการ (ฮีบรู 1.3)
พระเยซูมาเพื่อจะแสดงให้เจ้าเข้าใจว่า พ่อนั้นอยู่ข้างเจ้า ไม่ได้เป็นศัตรูกับเจ้า (โรม 8.31)
และเพื่อจะบอกเจ้าอีกด้วยว่า พ่อนั้นไม่ได้ถือโทษบาปผิดที่เจ้าได้ก่อไว้แล้วนั้น (2 โครินธ์ 5.18-19)
พระเยซูคริสต์ตายที่ไม้กางเขน เพื่อที่เจ้าและพ่อนี้จะคืนดีกันได้
ความตายของพระเยซูคริสต์ คือ ความรักของพ่อที่ได้เทออกจนหมดแล้วแก่เจ้า ใช่ แก่เจ้า (1 ยอห์น 4.10)
เพราะว่าพ่อได้ยกเลิกทั้งหมดทั้งสิ้นที่พ่อรัก เพื่อที่จะได้ความรักจากเจ้า (โรม 8.31-32)

กลับมาหาพ่อเถอะ กลับมาบ้านของพ่อ
แล้วพ่อจะจัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของเจ้าอย่างยิ่งใหญ่
อย่างที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะงานเลี้ยงฉลองนี้จัดขึ้นที่สวรรค์ เพื่อเจ้า (ลูกา 15.7)
พ่อกำลังรอเจ้าอยู่นะ (ลูกา 15.11-32)

รัก

จาก พระเจ้าพระบิดา……พ่อของเจ้า




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2552    
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 0:27:46 น.
Counter : 434 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

My Lullaby
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Welcome to My Blog ^^
Nice To meet You all na ka :):)

This is my URL: http://lady-lullaby.bloggang.com
This is my Christian Blog :http://loukyie.blogspot.com/
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add My Lullaby's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.