• ฟังเพลง..สบาย ๆ
• เรื่องอย่างนี้..ก็มีด้วย
• รู้ไว้..ใช้ประโยชน์
• ทดลอง..บันทึก
• 5 5 5..5+
• เพลง..บรรเลง
• อ่าน..หนังสือพิมพ์
• ทีวี..เคเบิล
• ฝีมือเคยตก..ซะเมื่อไหร่
• ของกิ๋นบ้านเฮา..ฮูปถ่าย
• ไม้ดอกไม้ประดับที่มี
• เนื้อเพลง
• เพลงกล่อมนอน
• พืชสมุนไพร
• เพลงสากล
• Music Video
• เก็บพรรณไม้มาฝาก
• สวนหิน หิน
• เพลงคู่
• เพลงรักประทับใจ
• ความรู้ทั่วไป
• private
• ภาพดีๆ ที่น่าสะสม
• ดอกไม้ประดิษฐ์.. ภาพ

47. แคแดง แคแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sesbania grandiflora (L.) Desv. ชื่อสามัญ : Agasta, Sesban, Vegetable humming bird วงศ์ : Leguminosae - Papilionoideae ชื่ออื่น : แค แคบ้านดอกแดง แคขาว (ภาคกลาง) แคแดง (เชียงใหม่) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 3-6 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทา ขรุขระ แตกเป็นสะเก็ด ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ ใบย่อยรูปรีขอบขนาน กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 3-4 ซม. ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ สีเขียว ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบ 2-4 ดอก ดอกสีขาวหรือแดง มีกลิ่นหอม ก้านเกสรเพศผู้สีขาว 60 อัน ผล เป็นฝัก ยาว 8-15 ซม. ฝักแก่แตกเป็น 2 ซีก เมล็ดกลมแป้น สีน้ำตาล มีหลายเมล็ด ส่วนที่ใช้ : เปลือกต้น ดอก ใบสด ยอดอ่อน สรรพคุณ เปลือก - ต้มหรือฝนรับประทาน แก้โรคบิดมีตัว - แก้มูกเลือด แก้ท้องเดิน ท้องร่วง คุมธาตุ - ภายนอก ใช้ชะล้างบาดแผล ดอก,ใบ รับประทานแก้ไข้เปลี่ยนอากาศ เปลี่ยนฤดู (แก้ไข้หัวลม) ชาวอินเดีย ใช้สูดน้ำที่คั้นได้จากดอกหรือใบแคเข้าจมูกรักษาโรค ริดสีดวงในจมูก และทำให้มีน้ำมูกออกมา แก้ปวดและหนักศีรษะ ลดความร้อน ลดไข้ ใบสด - รับประทานใบแคทำให้ระบาย - ใบแค ตำละเอียด พอกแก้ช้ำชอก วิธีและปริมาณที่ใช้ : แก้มูกเลือด บิดมีตัว แก้ท้องเดิน ท้องร่วง คุมธาตุ ใช้เปลือกต้นปิ้งไฟ 1 ส่วน ต้มกับน้ำหรือน้ำปูนใส 10 ส่วน รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนแกง แก้ไข้ ลดความร้อน แก้ไข้หัวลม(หรือไข้อากาศเปลี่ยน) - ใบสด ต้มกับน้ำรับประทานลดไข้ ใช้ยอดอ่อนจำนวนไม่จำกัด ลวกจิ้มกับน้ำพริก รับประทานแก้ปวดศีรษะข้างเดียว - ใช้ดอกที่โตเต็มที่ล้างน้ำ ต้มกับหมูทำบะช่อ 1 ชาม รับประทาน 1 มื้อ รับประทานติดต่อกัน 3-7 วัน จะได้ผล Get your own Chat Box! Go Large! ..มาช่วยกันลดภาวะโลกร้อน.. ด้วยการปลูกต้นไม้กันเถอะค่ะ.. ..........................................................................   Create Date : 27 พฤษภาคม 2551     Last Update : 1 มิถุนายน 2551 19:53:06 น. Counter : 952 Pageviews.   1 comment Share Tweet

45. สนมังกร สนมังกร ชื่อวิทยาศาสตร์ : Juniperus junghuniana Mig ชื่อวงศ์ : CUPRESSACEAE ชื่อท้องถิ่น : สน ลักษณะวิสัย : ไม้ต้น ลักษณะ : รูปทรงปิรามิดความสูง 3-12 เซนติเมตร ลำต้นสีน้ำตาลเข้ม ใบสีเขียวเข้ม ไม่ผลัดใบ ขึ้นได้ดีในดินทั่วไป ความชื้นปานกลาง ชอบแสงเต็มวัน นิยมปลูกเป็นไม้ประธานในการจัดสวน นิยมปลูกเป็นกลุ่ม 3 หรือ 5 ต้น ปลูกเป็นแนวถนน การดูแลไม่ควรรดน้ำทรงพุ่มเพราะจะแตกทรงพุ่มไม่สวย ประโยชน์ : ใช้เป็นไม้ประดับตามสถานที่ต่าง ๆ และให้ร่มเงา Get your own Chat Box! Go Large! ..มาช่วยกันลดภาวะโลกร้อน.. ด้วยการปลูกต้นไม้กันเถอะค่ะ.. ..........................................................................   Create Date : 27 พฤษภาคม 2551     Last Update : 1 มิถุนายน 2551 20:01:10 น. Counter : 1960 Pageviews.   0 comment Share Tweet

44. ลิ้นมังกรแคระ ลิ้นมังกรแคระ ลิ้นมังกรหรือ Sansevieria spp. ชื่อที่นักเล่นไม้นิยมเรียกใช้กัน เป็นไม้ประดับที่จัดอยู่ในวงศ์ Dracaenaceae มีชื่อสามัญว่า Snake Plant หรือ Mother-in-Laws Tongue (ลิ้นแม่ยาย) ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นมักใช้ชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามความแตกต่างของสายพันธุ์ที่พบเห็น เช่น ว่านหางเสือ, ว่านงาช้าง (หอกสุระกาฬ), ครีบปลาวาฬ, ลิ้นนาคราช เป็นต้น ลิ้นมังกรหรือ Sansevieria spp. จัดเป็นพืชอวบน้ำและพืชล้มลุกข้ามฤดูกาลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีถิ่นกำเนิดแถบภูมิประเทศเขตร้อน แห้งแล้ง อย่างแอฟริกาใต้ อินเดีย มาดากัสการ์ คาบสมุทรอาหรับ ทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ เอเชียใต้ และแถบเมดิเตอเรเนียน ลักษณะลำต้น : เป็นหัวหรือเหง้าอยู่ในดิน ใบเกิดจากหัวโผล่ออดมาพ้นดินประกอบกันเป็นกอ ลักษณะใบเป็นแท่งกลมยาว หรือใบแบนกว้าง ปลายแหลม แข็ง หนาเป็นมัน ขอบใบเรียบ โค้งงอเล็กน้อยหรือเป็นเกลียว ใบกว้างประมาณ 4-7 ซม. และสูงประมาณ 30-60 ซม. อาจจะมากหรือน้อยกว่าตามแต่ละสายพันธุ์ สีสันของใบลิ้นมังกรจะมีสีเขียวซีดจนถึงเขียวเข้มบางสายพันธุ์ใบมีสีเขียวเข้มขอบใบมีสีเหลืองทอง หรือใบมีสีเหลืองและมีสีขาวเป็นเส้นตามแนวขอบใบ สีขาวประ สีเขียวอมเหลือง เขียวอมด่าง สีฟ้า และลักษณะมีลวดลายของใบที่แตกต่างกันและสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละสายพันธุ์ ลักษณะดอก : ลิ้นมังกรมักจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ดอกจะมีสีขาวหรือสีเขียวอ่อนและมีกลิ่นหอม ดอกมี 5 กลีบ ขนาดเล็กประมาณ 1.5 ซม. เรียงเป็นแนวตามชั้นของก้านดอก สามารถจำแนกการออกดอกได้เป็น 3 ลักษณะคือ 1. Spike-like raceme ลักษณะการออกดอกเรียงเป็นแนวตามชั้นของก้านดอก ขนานกับใบ 2. Panicle raceme ลักษณะการออกดอกเรียงเป็นแนวตามการแตกกิ่งที่แผ่ออกของก้านออกดอก 3. Capitate raceme ลักษณะการออกดอกยื่นสูงเป็นพุ่มเดี่ยวที่ปลายก้านดอก ความหลากหลายของสายพันธุ์ : ลิ้นมังกรเป็นไม้ประดับที่มีความหลากหลายของสายพันธุ์มาก ความหลากหลายของสายพันธุ์ลิ้นมังกรเกิดจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ อันประกอบไปด้วย สภาพภูมิประเทศของถิ่นกำเนิด การผสมข้ามสายพันธุ์ การกลายพันธุ์อันเกิดจากเมล็ด และการกลายพันธุ์อันเกิดจากการขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่นๆ ที่ไม่ใช่เมล็ด ส่งผลให้ลิ้นมังกรที่ค้นพบในโลกมีความหลากหลายของสายพันธุ์มากมาย ทั้งที่เป็นลักษณะใบด่าง ใบคดเคี้ยว ลวดลายบนผิวใบ สีสัน เป็นต้น ในต่างประเทศ Mr. B. Juan Chahinian ประธานสมาคมลิ้นมังกรนานาชาติเป็นผู้ศึกษาและรวบรวมสายพันธุ์ลิ้นมังกรเป็นเวลากว่า 20 ปี และเป็นเจ้าของผลงานหนังสือ THE SPLENDID SANSEVIERIA ซึ่งในปัจจุบันได้รวบรวมข้อมูลทางพฤกษศาสตร์ของลิ้นมังกรที่มีชื่อและถิ่นกำเนิดจากทั่วโลกไว้กว่า 250 สายพันธุ์ การปลูกลิ้นมังกร : ลิ้นมังกรเป็นไม้ประดับที่มีความเขียวสดใสตลอดทั้งปี ปลูกเลี้ยงได้ง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง จึงไม่ต้องดูแลรักษามาก แต่ต้องได้รับแสงสว่างที่เพียงพอ อุณหภูมิที่เหมาะสมต้องไม่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส และค่า pH ของดินอยู่ระหว่าง 6-7 สามารถปลูกได้ทั้งภายในอาคารบ้านเรือนและกลางแจ้ง การปลูกลงแปลงในสวนกลางแจ้งหรือปลูกประดับไว้เป็นแนวรั้วของบ้าน สามารถทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ โดยการขุดหลุมปลูกขนาดพอเหมาะ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักผสมกับดินร่วนอัตราส่วนเท่าๆกัน มีประโยคหนึ่งในหมู่นักเล่นลิ้นมังกรที่มักพูดอยู่เสมอว่า “ลิ้นมังกรเป็นไม้ประดับที่ปลูกเลี้ยงได้ง่าย ที่ใดหญ้าขึ้นก็สามารถปลูกไม้ประดับนี้ได้เช่นกัน” สำหรับการเพาะปลูกในกระถาง วัสดุปลูกที่ใช้ควรเป็นดินร่วนซุยหรือวัสดุอื่นๆ ที่มีการระบายน้ำได้ดี เนื่องจากเมื่อได้รับความชื้นมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดใบฉ่ำน้ำและทำให้ใบเน่าได้ กระถางที่ปลูกควรมีขนาดกะทัดรัดและเหมาะสมกับขนาดต้น อาจเลือกกระถางที่มีลวดลายเพื่อเพิ่มสีสันในการตกแต่งอาคารไปในตัว นำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักผสมดินร่วนในอัตราส่วนเท่าๆกัน จากนั้นจึงนำต้นลิ้นมังกรลงปลูกก็เป็นเสร็จเรียบร้อย และควรเปลี่ยนกระถางทุก 1-2 ปี เพื่อรองรับการขยายตัวของรากและหน่อที่มีเพิ่มขึ้น การขยายพันธุ์ : ลิ้นมังกรสามารถขยายพันธุ์ได้ 4 วิธีคือ วิธีการ แยกหน่อ วิธีการปักชำใบ วิธีการเพาะเมล็ด และวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โดยแต่ละวิธีจะมีข้อดี ข้อด้อยที่แตกต่างกันกล่าวคือ 1. วิธีการเพาะเมล็ด เกิดจากการผสมพันธุ์ของดอกลิ้นมังกร ซึ่งอาจเกิดจากการผสมในต้นเดียวกันหรือเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ เนื่องจากการผสมข้ามสายพันธุ์และการกลายพันธุ์ของต้นที่เกิดจากเมล็ดจะมีพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นแต่ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรเช่นเดียวกับการคัดเลือกสายพันธุ์พืชชนิดอื่นๆ 2. วิธีการแยกหน่อ เมื่อถึงอายุที่เหมาะสม ลิ้นมังกรจะมีการแตกหน่อจากหัวใต้ดินดินออกมาอย่างต่อเนื่อง ผู้ปลูกเลี้ยงสามารถขุดหัวแล้วแยกหน่อขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์วิธีนี้ใช้ระยะเวลาไม่นานและต้นลูกที่ได้จะมีลักษณะเหมือนกับต้นแม่ทุกประการ จึงเหมาะแก่การขยายพันธุ์ในเชิงการค้า 3. วิธีการปักชำใบ โดยการตัดใบลิ้นมังกรออกเป็นชิ้นหรือท่อน และสามารถนำไปปักลงวัสดุเพาะปลูกได้ทันที ในบางสายพันธุ์ การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้เมื่อใบปักชำเจริญเติบโตและแตกหน่อออกมา ต้นลูกที่ได้จะมีลักษณะผิดเพี้ยนไป จากต้นแม่ จึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาขยายพันธุ์ในเชิงการค้า อีกทั้งรากอ่อนที่เพิ่งแตกออกมาจากใบที่ปักชำมักถูกทำลายด้วยแมลงปีกแข็งที่อยู่ใต้ดินได้ง่าย 4. วิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ลิ้นมังกรเป็นไม้ประดับชนิดหนึ่งที่สามารถเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้ แต่ยังคงมีอุปสรรคในเรื่องความสม่ำเสมอของการเจริญเติบโต และเปอร์เซ็นต์ความอยู่รอดที่ต่ำจึงไม่เหมาะแก่การขยายพันธุ์ในเชิงการค้า คุณประโยชน์จากลิ้นมังกร : นอกจากความสวยงามของลิ้นมังกรที่มีความหลากหลาย และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละสายพันธุ์ซึ่งให้คุณค่าทางด้านจิตใจแล้ว ไม้ประดับชนิดนี้ยังมีคุณประโยชน์ในด้านอื่นๆ ด้วย เช่น - ด้านความเชื่อ คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านไหนที่ปลูกต้นลิ้นมังกรไว้ประจำบ้านจะช่วยป้องกันภยันอันตรายจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ เพราะลิ้นมังกรบางคนเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าหอกพระอินทร์ซึ่งเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่พระอินทร์ใช้ในการต่อสู้และปกป้องศัตรูจากภายนอก หลายคนจึงเชื่อว่าลิ้นมังกรเป็นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นไม้ที่มีความสำคัญของพระอินทร์ในสมัยพุทธกาล นอกจากนี้บางคนเชื่อว่าการปลูกลิ้นมังกรบริเวณขอบรั้วบ้านจะช่วยป้องกันไม่ให้งูหรือสัตว์เลื้อยคลานที่เป็นอันตรายเข้ามาได้เนื่องจากลิ้นมังกรเป็นไม้ประดับที่มีใบขึ้นเบียดหนาแน่น และบางสายพันธุ์มีขอบใบที่เรียบซึ่งเป็นลักษณะที่สัตว์เลื้อยคลานบางประเภทรังเกียจ - ด้านสมุนไพร ใบของลิ้นมังกรมีรสขม มีสรรพแก้อาการเจ็บคอ บำรุงปอด แก้โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ใบใช้ตำหรือขยี้แล้วนำไปทาหรือพอกบริเวณแผลที่อักเสบช่วยให้อาการทุเลาลงได้ นอกจากนี้ลิ้นมังกรยังเป็นไม้ประดับประเภทหนึ่งที่มีคุณสมบัติช่วยฟอกอากาศบริเวณรอบๆ ให้มีคุณภาพมากขึ้น ช่วยดูดซับสารพิษ ไอระเหยประเภทฟอร์มาลดีไฮด์ โทลูอีน เบนซิน คลอโรฟอร์ม ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และสารพิษอื่นๆ ที่มาจากสีทาบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเอกสาร เป็นต้น สารเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเกิด “โรคแพ้ตึก (Sick Building Syndrome)” ซึ่งผู้ที่ได้รับสารพิษดังกล่าวจะมีอาการปวดศีรษะบริเวณหน้าผากเหนือกระบอกตาทั้งสองข้าง หรือบริเวณต้นคอ รู้สึกเหนื่อย ไม่มีแรง เซื่องซึม มีผื่นคันตามผิวหนัง ระคายเคืองตา จมูก คอ แพ้ สารเคมีง่าย รวมทั้งระบบหายใจมีปัญหา เป็นต้น ที่มา : ไม้นิยม - worldplantcenter.com Get your own Chat Box! Go Large! ..มาช่วยกันลดภาวะโลกร้อน.. ด้วยการปลูกต้นไม้กันเถอะค่ะ.. ..........................................................................   Create Date : 27 พฤษภาคม 2551     Last Update : 6 กรกฎาคม 2551 1:07:37 น. Counter : 8178 Pageviews.   1 comment Share Tweet

42. หมากเหลือง หมากเหลือง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Chrysalidocarpus lutescens H. Wendl. ชื่อวงศ์ : Palmae ชื่อสามัญ : Golden cane palm, Butterfly palm, Yellow cane palm, Golden fruited palm, Yellow palm, Madagascar palm ชนิดพืช[Plant Type] : ปาล์มแตกกอ ขนาด [Size] : สูงได้ถึง 8 เมตร สีดอก [Flower Color] : สีขาว อัตราการเจริญเติบโต [Growth Rate] : เร็ว ลักษณะนิสัย [Habitat] : ดินร่วน ระบายน้ำดี ความชื้น [Moisture] : ปานกลาง แสง [Light] : แดดเต็มวัน-ร่มรำไร ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : ปาล์มแตกกอ ลำต้นขนาด 4-8 เซนติเมตร ลำต้นมีผิวเรียบ สีเหลืองส้มจนถึง เขียว มีข้อเห็นได้ชัดเจน ใบ (Foliage) : ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อยรูปขอบขนาน กว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบรูปลิ่ม แผ่นใบสีเขียวอ่อน กาบใบสีเหลืองจนถึงทางใบ ดอก (Flower) : สีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงระหว่างกาบใบ ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น ช่อดอกยาวประมาณ 1 เมตร ผล (Fruit) : ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ติดผลจำนวนมาก ทรงกลมรี ขนาดประมาณ 1.5 เซนติเมตร ผลแก่สีเหลืองส้มและเปลี่ยนเป็นสีม่วงแก่เกือบดำ การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ทรงพุ่มสวย ปลูกในกระถางประดับในอาคาร หรือปลูกเป็นฉากกั้นมุมอาคาร อยู่ริมทะเลได้ ที่มา : ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม Get your own Chat Box! Go Large! ..มาช่วยกันลดภาวะโลกร้อน.. ด้วยการปลูกต้นไม้กันเถอะค่ะ.. ..........................................................................   Create Date : 27 พฤษภาคม 2551     Last Update : 1 มิถุนายน 2551 19:45:58 น. Counter : 2499 Pageviews.   5 comment Share Tweet

41. อ้อย อ้อย Get your own Chat Box! Go Large! ..มาช่วยกันลดภาวะโลกร้อน.. ด้วยการปลูกต้นไม้กันเถอะค่ะ.. ..........................................................................   Create Date : 22 พฤษภาคม 2551     Last Update : 23 พฤษภาคม 2551 17:52:05 น. Counter : 570 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• NAREEZ
• dentovic
• mambococonut
• iamZEON
• uggie*
• Lucky in Life
• Webmaster - BlogGang

• rinnaa's space
• narin na on IMEEM : imeem.com
• kaewta's blog : chowded.com
• Chat Room Rin
• Pleang : **Laai Doi..oO
• เพลง : เปรี้ยวใจ
• Pleang1 : DieowDaai
• Pleang2 : DieowDaai
• เกมส์ : ยิงลูกแก้วดราก้อน
• เกมส์ : โต๊ะ pool หรรษา
• เกมส์ : Y2K Tetris
• เกมส์ : Tiger Golf
• พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
• ดิกชันนารี Dictionary แปลภาษา English-Thai
• พจนานุกรม Longdo : English-Thai, Japanese-Thai, German-Thai, French-Thai Dictionary Service
• สวท.แพร่
• rinna's station : U•RADIO
• U•RADIO : บอกสไตล์เพลงของคุณ บอกผ่าน U•RADIO
• เกมส์ : เกมส์ลากเส้น
• BlogGang.com