Kuroz Hideout Blog
|
|||
กลับมาแล้วครับ กับแนวทางต่อไปของบล๊อคนี้
หลังจากห่างหายไปเป็นปี.... ผมจะกลับมาเขียนบล๊อคต่อละครับ ซึ่งตามเดิมคือผมจะเขียนบล๊อคเกี่ยวกับเรื่อง IT, Gadget และเกม ตามเดิมครับ ส่วนสิ่งที่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อยคือ ผมจะพยายามแยกข่าวกับความเห็นส่วนตัวของผมออกจากกันไปเลยครับ โดยจะย้ายความเห็นส่วนตัวของผมมาไว้ใต้ข่าวแทน อารมณ์แบบ Kuroz Say: อะไรประมาณนี้หล่ะครับ แต่ข่าวที่นำเสนอนี่จะตามใจผมนะครับ โปรดทำใจด้วยครับ (ฮา) ส่วนเรื่องส่วนตัว หรือพวก Diary คงจะไม่เขียนต่อหรือเขียนให้น้อยที่สุดละครับ ไม่อยากให้มันปนกัน แล้วเจอกันในโพสต่อๆไปครับ ใครมีอะไรแนะนำรบกวนโพสได้เลยนะครับ ยินดีรับฟัง (ถ้ายังมีคนตามบล๊อคนี้อยู่ละนะ) Edit: จะแอบโพสลิ้งวีดีโองาน Live stream ในอนาคตที่ผมจะทำด้วยนะครับ ซึ่งน่าจะเป็น Google I/O ครับ และฝาก YouTube Channel ของผมไว้ด้วยครับ ที่นี่ Loser's Diary บันทึกคนขี้แพ้ #2 ความหลงระเริง
"โถ่ ตอนกลางภาคสอบได้เต็มแล้ว ปลายภาคไม่เห็นจะต้องพยายามเยอะเลย" เพราะไอ้ความคิดแบบนี้หล่ะครับ มันเลยทำให้ผมอยู่ใน"ความหลงระเริง" ที่คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ตัวเองทำได้ดีมากแล้ว ไม่ต้องพยายามอีกแล้ว เดี๋ยวผลตอบแทน(เกรด) ก็ออกมาดีเอง ตอนนั้นหล่ะครับ จะอ่านหนังสือนี้แบบก็ผลัดวันประกันพรุ่งมาวันท้ายๆเลย จนกระทั่งบนว่าเนื้อหามันเยอะมาก รวมทั้งยากด้วย แต่ตอนนั้นก่อนสอบก็ยังคิดว่า ไม่เป้นไรหรอก มิดเทอมเราทำได้ดีอยู่แล้ว เข้าก้องสอบไป พลิกข้อสอบมาดูเท่านั้นแหล่ะ "ไอ้ @#/ อาจารย์นี่กะฆ่ากันเลยดีกว่า" งานเข้าละฮะ ทำแทบจะไม่ได้เลย เวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่งโมงเล่าที่ผมพยายามเค้นคำตอบออกมาจากหัวของผม ซึ่งก็ตอบอะไรได้ไม่เยอะแยะเท่าไหร่นัก แล้วก็จบ 3 ชั่วโมงของการสอบ ผมออกมาแบบมึนๆ ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงไม่อ่านกันนะ ถ้าเราอ่าน เราฟังที่เพื่อนเค้าติวๆกัน ก็คงไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้หรอก เกรดออกมาครับ น่าเกลียดมากเลยทีเดียว เท่ากับคนที่แทบทำไม่ได้ตอนมิดเทอม แต่เค้ามาตั้งใจตอนไฟนอลเลยหล่ะ ทั้งๆที่วิชานี้เป็นวิชาแรกที่ผมได้คะแนนเต็มจากการสอบ (พอดีเหมือนมิดเทอมมันจะง่าย เลยได้เต็มกันเยอะ) ซึ่งผมดีใจมากตอนนั้นจนหลงระเริง ไม่ตั้งใจให้มันครบไปทั้งเทอม ไม่รักษาความดีที่ทำไว้ให้ตลอดรอดฝั่ง มันเลยเป็นแบบนี้ นี่ก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่งของผม ที่จะต้องนำไปใช้ในชีวิตต่อไป.... เหมือนทุกอย่างจะไปได้ด้วยดีแล้ว..... "มรสุม" มันก็พัดเข้ามาในชีวิตผม...... Loser's Diary บันทึกคนขี้แพ้ #1 :คำถามในใจ
ผมอยากจะลองเขียนอะไรใหม่ๆในนี้บ้างครับ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจากชีวิตผมเองแหล่ะ ไม่รู้มันจะเป็นบทเรียนอะไรให้ใครรึเปล่า แต่ก็ลองอ่านกันดูครับ พวกเราเคยสงสัยกันมั้ยครับ เวลาที่คนที่ดี ที่เก่งกว่าเรา ทำไมเค้าต้องพยายามมากขนาดนั้นด้วย ทำไมต้องแข่งขันกันว่า ฉันเก่งที่สุด ฉันเก่งกว่าเธอ "จะแข่งอะไรกันไปทำไม" ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม "เกรด คะแนน พวกนี้ใช้วัดทุกอย่างได้หรอ?" "ทำไมหล่ะ พลาดไปข้อสองข้อ บ่นหยั่งกะจะสอบตกยังไงอย่างงั้นแหล่ะ" คนที่ขี้แพ้อย่างผม ที่พบว่าเราไม่ได้พยายาม แข่งขัน ไขว่คว้า อะไรในเรื่องพวกนี้เลย(ในที่นี้ก็คือเรื่องการเรียนนั่นเองครับ) บางทีจะทำอะไรก็ไปตามอารมณ์ของเรา ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้นัก จึงตกเป็นพวกฐานๆ (ในการศึกษาที่อิง Curve หรืออิงกลุ่มเป็นหลัก) ให้พวกที่เก่งๆ เหยียบเราขึ้นสู่เกรดเยอะๆดีๆ ที่พวกเค้าต้องการ ตอนแรกมันก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอกครับ จนกระทั่งเกรดมันลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันติดวิทยาทัณฑ์หรือติดโปรอย่างที่คนเรียกๆกันนี่เอง มาดูตัวเองอีกที ก็เหมือนเป็นผู้ที่พ่ายแพ้ต่อคะแนนและเกรดอยู่ตลอด.. ผมจึงเริ่มมาตระหนัก(รึเปล่า)แล้วว่า ที่เราพยายามไปนั้น ที่เราคาดหวังไปนั้น มันเพียงพอแล้วหรือสำหรับอนาคตของเรา ที่พ่อแม่ รึตัวเราเองอาจจะเคยวาดฝันไว้ว่าเราจะได้ไปเรียนต่อที่ดีๆ ได้หางานที่ดีๆทำ บางที ณ เวลานั้นผมอาจจะมัวหลงอยู่กับอะไรต่อมิอะไรมากมายที่เข้ามาแย่งเวลาที่ควรจะนำไปใช้ลงทุนเพื่ออนาคตของเรา ซึ่งมันก็ทำให้เรามีความพยายามมากขึ้นมาหน่อย วิชาที่ต้องเรียนใหม่ก็พยายามตั้งใจมากขึ้น คะแนน เกรดมันก็ดูจะตอบรับเราได้ในระดับหนึ่ง ถึงจะขึ้นมาไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่เป็นฐานชั้นล่างๆแล้ว ผมก็พอใจในระดับหนึ่ง แต่ทว่า พอเราทำอะไรได้ดีมาแล้วครึ่งนึง(ครึ่งเทอม) พอมันออกมาดีแล้ว มันกลับทำให้เราพบกับสิ่งที่เรียกว่า "ความหลงระเริง" ซึ่งบทเรียนจาก"ความหลงระเริง" มันก็น่าเจ็บใจอยู่ใช่น้อยเลยหล่ะ...... หายไปเดือนนึงแล้วหรอเนี่ย
ไม่รู้นะว่าทำไมผมห่างหายไปเหมือนกัน น่าจะเพราะช่วงนี้มีงาน+สอบอะไรเยอะแยะไปหมดเลย รวมทั้งผมก็ไม่มีอารมณ์จะเขียนข่าวอะไรด้วย*0* บางทีก็อินดี้ ทำตัวประหลาดๆ นั่งฟังเพลงซ้ำไปซ้ำมาอยู่เรื่อยๆ ทำงานผมก็ไม่แน่ใจว่าผมได้ช่วยทำรึเปล่า(งานกลุ่ม) อ่านสอบคราวนี้ผมก้อว่าไม่ได้มีความตั้งใจในการอ่านหนังสือเอาเสียเลย รึเพราะมันมีวิชาที่เอาหนังสือเข้าได้หลายตัวหว่า จริงๆวันจันทร์นี้ก็มีสอบอีกตัวก็ยังไม่ได้อ่านอะไรเลย ไม่รู้ความตั้งใจมันหายไปไหนหมด บางทีผมรู้สึกแย่ รู้สึกท้อ บางทีไม่มีคนคอยปรับทุกข์ด้วยก็พาลทำให้ผมเก็บกดอยู่เหมือนกันนะ แต่ว่าก็นะ มันไม่มีใครจำเป็นต้องมาสนใจเราตลอดหรอก จะมีที่เป็นห่วงเราจริงๆก็คงไม่พ้นพ่อและแม่นี่แหล่ะครับ ผมรับประกันเลย พ่อแม่ทุกคนก็เป็นห่วงเราอยู่แล้วละครับ ถ้าเราได้ให้ความเป็นห่วงกับใครไป บางทีเค้าก็อาจจะตอบกลับความเป็นห่วงมาก็ได้ครับ ลองดูไม่เสียหาย ถึงจะไม่ได้อะไรกลับมาแต่มันก็เป็นความสบายใจของเราใช่มั้ยหล่ะครับ? ก็เหมือนพ่อแม่เห้นเราสบายดีพวกท่านก็สุขใจแล้วหล่ะครับ อีกเรื่องนึงคือ ช่วงนี้ผมเป็นอะไรไม่รู้ชอบคิด จินตนาการเรื่องนู้นเรื่องนี้ว่ามันเป็นหยั่งงั้นหยั่งงี้ไปเรื่อยเลยครับ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้รู้อะไรเลยก็มี คิดไปเองก็มี อันนี้ก็เป้นเรื่องที่กวนจิใจอยู่เช่นกัน*0* วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกันนะ ก่อนผมจะเวิ่นเว้อไปมากกว่านี้555+ ฝากเพลงๆนี้ เป็นเพลงเกี่ยวกับความคิด จินตนาการ ที่เราสร้างมาเอง แล้วมันอาจจะทำร้ายเราได้ครับ ปล่อยให้ความคิดมันลอยไป~
เอาจริงๆนะ เวลาเรานั่งอยู่เฉยๆฟังเพลงไปบางเพลงซ้ำไปซ้ำมาไปเรื่อยๆ บางครั้งมันก็พาความคิดของเราลอยไปที่ๆไกลจากตัวเราเอง ไปยังอดีตที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว คิดทบทวนสิ่งที่เราทำไป "ทำไมถึงทำอย่างงี้ไปนะ?" ก็เป็นคำถามต้นๆที่มันผุดขึ้นมาตลอดที่เราคิดย้อนไปในอดีต บางทีมันก็เป็นเรื่องตลกหรือน่าอายสำหรับเรา แต่บางเรื่องมันก็เป็นเรื่องไม่อยากจำ แต่ก็ไม่อยากลืมมันไปซักที ก็ยังปล่อยให้มันลอยอยู่ในความคิดเราต่อไป..... บางเรื่องมันก็อยู่กับตัวเราเอง จะบอกหรือเล่าใครฟังก็อาจจะมีปัญหาหรืออะไรขึ้นอีก บางทีการที่มีคนคอยฟังเรื่องของเรามันก็ช่วยได้หล่ะนะ อย่างน้อยก็ไม่ได้เก็บเรื่องเหล่านั้นไว้กับตัวเราคนเดียว มันก็ทำในโล่งขึ้นได้เยอะเลยหล่ะ บางทีความคิดมันก็ลอยไปยังโลกของจินตนาการ อนาคตที่เราวาดฝันไว้ว่าอยากให้มันเป็นอย่างไร อนาคตที่เกิดขึ้นได้จริง อนาคตที่เป็นไปไม่ได้ อนาคตที่ฝันลมๆแล้งๆไปบ้าง บางทีมันก็นึกไม่ออกว่าอนาคตเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะเราก็ไม่แน่ใจในตัวเราเองว่าสามารถสร้างความฝันหรืออนาคตเหล่านั้นได้จริงๆรึเปล่า พอเวลาผ่านไปบางทีเราก็เพิ่งมารู้ตัวว่าเราได้ปล่อยอนาคตที่เราเคยวาดฝันไว้ให้ลอยออกไปเสียแล้ว แล้วเราก็รู้สึกเสียใจว่าทำไมเราไม่ได้จับความฝันนั้นของเราเอาไว้นะ ถ้าเราทำยังโง้นอย่างงี้อย่างงั้น ก็คงจะดีหรอก ก็กลายเป็นคำที่เราคอยสบถใส่ตัวเองไปตลอดเวลาที่คิดเรื่องนั้น ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันผ่านไปแล้ว มันสายไป ยังไงเราก็แก้ไขอดีตไม่ได้ ยังไงก็ต้องยอมรับมัน ทนอยู่กับมัน ใช้ชีวิตร่วมกับมัน ให้มันได้เป็นบทเรียนของเราในการใช้ชีวิตไปข้างหน้าต่อไป..... อดีต อนาคต มันก็ยังจมปลักอยู่ในความคิดของเราต่อไป... ยังคงเป็นสิ่งที่คอยหลอกหลอน และคอยให้กำลังใจเราไปด้วยในขณะเดียวกัน บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงไม่หยุดคิดเรื่องบางเรื่องต่อไป ทั้งๆที่ก็รู้ว่าบางเรื่องมันก็ทำร้ายตัวเอง "ไม่รู้จะไปคิดถึง.......ทำไม" ก็ได้แต่บอกกับตัวเองแค่นั้นแหล่ะ แต่นอกจากการหาเรื่องอื่นมาคิดแทนได้แล้ว คงจะไม่สามารถหยุดคิดเรื่องนั้นต่อไปได้ง่ายๆหรอก (เพิ่งไปคอนเสิตมา อินกะเพลงนี้เล็กน้อย*0*) |
carnat14
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] KurozHideout Blog โดย KurozHideout Owner อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ต้นฉบับ. Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |