Welcome to Nanny Vivace's Blog ka

Group Blog
 
All blogs
 

1 อาทิตย์ที่ผ่านมากับการไปดูหนัง 4 เรื่อง 4 รส ^^

ไม่ได้อัฟบลอค เสียพักใหญ่ๆ เลยอ่ะ

ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนะ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา

มีงานที่ทำเป็นประจำ และมีจ๊อบแปลงานจากพี่เล็กมาเพิ่มรายได้ให้อีกนิดนึงด้วย หุหุ

อาทิตย์ที่แล้ว รู้สึกว่าจะไปดูหนังในโรงหนังมา 3-4 เรื่องแต่ ไม่ได้มาเล่าสักที วันนี้ได้ฤกษ์แล้วล่ะ

เริ่มจาก




The Amityville Horror

- หนังหยองๆ ของครอบครัวเจ้าปัญหา ที่พลอตเรื่องออกจะเกินเรื่องจริง (เค้าว่า สร้างมาจากเรื่องจริง) แต่ก็ดูได้เรื่อยๆ หนุกดีกว่า House of Wax แน่นอน)
- ตัวละคร + การถ่ายภาพ ค่อนข้างดี แต่ เนื้อเรื่องยังอ่อนไปหน่อย และที่สำคัญ ตัวละครที่เป็นวิญญาณเด็กผู้หญิง ช่างไม่น่ากลัวเอาเสียเลย ควรเปลี่ยนเมคอัฟหน้าผีใหม่นะน้องนะ +_+
- สรุปว่า โอเคในระดับนึงของหนังหยองขวัญค่ะ ให้สัก 7/10 ล่ะกันสำหรับเรื่องนี้




MR. & MRS SMITH

- โชคดีมาก ได้ไปดูรอบสื่อ ด้วยความกรุณาจากบัตรสื่อของพี่เวปมาสเตอร์ Popcornfor2 ท่านพี่ So What และคุณ Natsaga ที่ชวนไปค่ะ ^^
- หนังมันตลกๆ ฮาๆดีนะ ค่อนข้างชอบ แบบว่าดูเพลินๆ ไม่คิดไรมากก็โอเคเลย ชอบบทพูดกัดกันระหว่างโจลี่กับแบรตมากเลย น่ารักดี คนสวย+คนหล่อ ทำไรก็ดูดีไปหมดอะ
- ถ้าไม่นับตอนจบที่แสนจะห้วน แบบนึกจะ End พี่แกก็ End มันซะง้าน.. คนดูมึนงง เอ๋อ รับประทานไปเลยค่ะ ..




Star Wars: Episode III - Revenge of the Sith

- ได้ฤกษ์ไปดูก่อนมันจะลาโรงไปสักที ตอนแรกนึกว่าภาคนี้คงอดซะแล้ว ถ้าไม่มีคนชวนไปซะก่อน หุหุ
- หนังก็หนุกดีนะ ตามประสาต้นฉบับหนังสงครามอวกาศที่ดี แต่ตอนช่วงแรก น่าเบื่อมาก พูดกันแต่เรื่องการเมืองเรื่องสภา ขัดแย้งกันใหญ่ ดูแล้วจะหลับน่ะ ..
- โรงหน๊าว หนาวอ่ะ แอร์ที่เมเจอร์รัชโยธินวันนั้นช่างทรมานดีแท้ แต่ก็แอบอุ่นใจเพราะคนที่ไปดูด้วยกันอะนะ ^^
- ภาคนี้ บทเข้าพระเข้านางรู้สึกจะดูเข้าท่าขึ้นกว่าภาคที่แล้วนะ ^^
- สุดท้ายแล้ว ท่านโยดา ก็ยังโชว์ Power ได้เจ๋งสุดอยู่ดีแหล่ะ

เรื่องสุดท้ายแล้ว ....

โดนหลอกให้ไปดู เพราะเชื่อในคำ (คมปากกา) จาก Pulp ค่ะ

กับหนังรอบของนิตยสาร Pulp เรื่องนี้




Suspriria

ไม่เป็นไร ถ้าไม่รู้จักค่ะ เพราะคุณอาจจะไม่ได้ชมหนังเรื่องนี้ในจอแบบใหญ่ๆ อีกแล้วแน่นอน
เนื่องจากหนังมันเก่ามาก ตั้งแต่ ปี 1973 ก่อนเราเกิดนานหลายปีเลยล่ะ

- เรื่องนี้ เค้าว่ามันคือสุดยอดของหนังสยองขวัญที่ห้ามพลาด เพราะจัดว่า เป็นตำนานเลยทีเดียว ... โอ้ว ได่ยินงี้เราจะพลาดได้ไงอ่ะ ปกติชอบดูหนังหยองขวัญเลือดสาดอยู่แล้วอะ

- ชวนเพื่อนมาด้วย 1 คน พร้อมกับการคุยให้ฟังว่าหนังมันสุดยอด ขนาดไหน ...

- พอดูแล้ว มึนๆ ค่ะ แบบว่า ถ้าเราได้ดูหนังแบบนี้ ฉากแบบนี้ พลอตยังงี่เมื่อ สัก 10 ปีที่แล้ว เราคงกรี๊ดแน่นอน แต่ตอนนี้ กรี๊ดไม่ออกค่ะ เพราะไม่น่ากลัวเลยง่ะ

- ดูๆไป สักครึ่งเรื่องเราแบบกระสับกระส่าย อยากจะเอ่ยปากชวนเพื่อนกลับบ้านซะตอนนั้นแต่ ก็เกรงใจ (เห็นข้างหลังเค้าลุกกลับไปกันบ้างแล้ว

- ทนๆ ไปจนเกือบจบเรื่อง ถึงตอนฉากน่าหวาดเสียว (รึเปล่า) แบบว่า นางเอกจับค้างคาวตัวนึงที่จะมาจิกผมเธอแล้วเธอก็.... ทันใดนั้น ..ก็มีเสียงดังจากผู้ชมคนนึงที่คงจะลุ้นนางเอกจนตัวโก่ง เขาตะโกนว่า ... "กระทืบมันเลย เอามันเลย.... " (ฮามากค่ะ คนหัวเราะกันใหญ่ เพราะพี่เค้าเสียงดังมากกกก )

- พอจบเรื่อง เพื่อนที่เราชวนมาดูด้วย ผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับเรียกชื่อเราทันที ... ไอ้เราก็รู้ว่า เพื่อนจะพูดไรต่อไป .. เลยบอกว่า ...เออ รู้แล้วว่าจะพูดไร แต่เอาไว้ไปพูดกันหน้าโรงแล้วกัน แบบว่า ... บังเอิญสายตาเหลือบไปเห็นคนให้บัตรมานั่งข้างหน้าพอดีเลยค่ะ

- สรุปว่า มันก็เป็นต้นแบบหนัง Horror film ที่ดีเรื่องนึง (มั้ง) เพียงแต่มาดูในยุคสมัยนี้มัน เชยไปหน่อยน่ะค่ะ เลยไม่อินเท่าไหร่น่ะ ยังไงต้องขอขอบคุณคนให้บัตรคนนั้นอีกรอบนึงด้วยแล้วกันค่ะ




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2548    
Last Update : 20 มิถุนายน 2548 15:10:37 น.
Counter : 629 Pageviews.  

5 Things : You love about this Movie ::Electric Shadows::

นานแล้วที่ไม่ได้ไปโรงหนัง House RCA เท่าที่จำได้เรื่องล่าสุดคือ วันที่มี LOTR 3 ภาค ดูกันตั้งแต่ เช้ายันจะเที่ยงคืน แถมวันนั้นเอารถไป ถึงกับต้องออกไปขับรถวนเพื่อไม่ให้เสียค่าที่จอดรถถึง 3 รอบ เลยล่ะ ...

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ในการมาดูหนังดีดีที่ได้ยินเสียงร่ำลือมานานจากคนที่ได้ไปชมเรื่องนี้มาจาก งาน บางกอกฟิลม์ที่ผ่านมาสักที ขอบคุณ Popcornmag ที่แจกบัตรให้แนนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาด้วยค่ะ อิอิ

ครั้งนี้หอบหิ้ว มาทั้งนาย Ototosan และนาย Aekung แถมด้วยการนัดพบคุณ KMS แห่ง Animag ที่ยอมมาเปิดเผยตัวจริงให้ได้ยล พร้อมทั้งหนีบเอาแผ่น OST. และตัวอย่างการ์ตูนเรื่อง BECK ที่เราอยากได้มานานมาให้ฟัง (ขอบคุณมากค่ะ ^_^) เพราะจริงๆ ค่ะ ฟังไปหลายรอบแล้ว...





เกร็ดความรู้หนังเรื่องนี้ก่อนเข้าชม ...


- 5 เทศกาลที่ไม่มีใครลืมลง
แคนาดา โมรอคโค ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ คือ 4 ประเทศแรกที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Electric Shadows และผลที่ได้ก็คือ หนังได้รับเสียงปรบมือยืนยาวและการบอกกล่าวต่อ ๆ กันไป และ ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศแรกที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้ในการจัดฉายแบบปกติ หลังจากทำให้ใครหลายคนร้องไห้ใน เทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพ 2005 ที่ผ่านมา

- พลอตเรื่องแสนธรรมดาแต่จับทุกหัวใจที่ได้ชม
Electric Shadows คือหนังที่มีพลอตเรื่องแสนธรรมดา ที่เล่าเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำผิดด้วยความไม่ตั้งใจและสุดท้ายเธอก็เลือก ที่จะใช้ความรักและความปรารถนาดี ไถ่ถอนสิ่งที่เธอก่อขึ้น … พลอตเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ แต่เชื่อไหมว่า ชีวิตแสนธรรมดาของผู้หญิงคนหนึ่งจะทำให้หลายคนแอบเอาใจช่วยทุกครั้งที่เธอต้องร้องไห้

- หนังเรื่องแรกจากที่ถูกยกไปเทียบ Cinema Paradiso
หนังเรื่องนี้มีตัวเอกเป็นเด็กผู้หญิงที่รักหนังและชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ และใน Electric Shadows คนดูจะ
ได้เห็นหนังดัง ๆ ของประเทศจีนจำนวน 10 กว่าเรื่อง ที่ถ่ายทอดแทนความสวยงามในวัยเยาว์ของนางเอก ....
หลิง หลิง นางเอกของเรื่องเกิดกลางจอหนังกลางแปลง และ โตขึ้นในโรงฉายหนังกลางชนบท เธอมีเพียง
หนังเป็นที่พักใจและเยียวยาชีวิตให้กับตัวเธอและคนที่เธอรัก .. Electric Shadows งดงามซะจนทำให้หนัง
เรื่องแรกจากฝีมือ เซียวเจี้ยง ผู้กำกับหญิงถูกนำไปเทียบชั้น Cinema Paradiso หนังในตำนานของคนรักหนัง

- หนัง coming – of – age ที่จะทำให้ผู้ชมแอบอมยิ้มเมื่อได้ดู
Stand By Me อาจเป็นชื่อแรก ๆ เวลาที่ใคร ๆ พูดถึงหนังแนว Coming -of - age แต่ Electric Shadows ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ตรงที่มันละเมียดละไม ซึมลึก และ ทำให้หวนระลึกถึง ได้มากกว่า

- จดหมายรักที่ใช้ภาพเคลื่อนไหวเขียนแทนตัวอักษร
คุณสมบัติของจดหมายรักก็คือ การเล่าความรู้สึกที่กระทบหัวใจคนที่เรารู้สึกดี ๆ ด้วย และ Electric Shadows
มีคุณสมบัตินั้นอยู่ครบ ต่างกันเพียงแค่ว่า Electric Shadows ใช้ภาพถ่ายทอดความรักแทนตัวอักษร ...

(อันนี้เอามาจากเวปสักเวปนึงค่ะ พบดี search หารูปแล้วเจอง่ะ)


จากเหตุผลทั้งหมด นั่นก็เพียงพอแล้วที่เราจะตัดสินใจไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ถึงแม้ว่ามันจะจัดที่ไกลแสนไกลอย่าง RCA ก็ตาม (คิดค่ารถไปก็เกินค่าตั๋วแล้วค่ะ)

ความรู้สึกในขณะที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ช่างเป็นหนังที่เรียบง่าย มีความเป็น Cinema Paradiso +แฟนฉัน ซะจริงๆ แต่ในความเรียบง่ายนั้นก็เต็มไปด้วยความงดงาม ในการถ่ายทอด ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชีวิตของเธออาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ได้เพื่อนที่ดีอย่างต้าปิงที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกรักและผูกพันกับหนังกลางแปลง จนเมื่อต้องแยกจากเพื่อนรักและแม่ของเธอมีลูกชายคนใหม่ ชีวิตสดใสของโลกในวัยเยาว์ของเธอก็เริ่มจะจางหายไป...

เนื้อเรื่องถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงาม มีฉากหลังเป็นประเทศจีนท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และมีภาพยนตร์ที่โด่งดังในสมัยอดีตของประเทศจีน ให้เห็นอีกเป็นสิบๆเรื่อง ดูแล้วก็เข้าใจถึงจิตใจของเด็กน้อยอย่างหลิง หลิง มีหลายฉากที่เราประทับใจอย่าง ฉากที่พวกผู้ใหญ่พากันบอกให้เธอไหว้พ่อ (เลี้ยง) คนใหม่ แต่เธอกลับมองหน้าเขานิ่งๆ และบอกว่า เขาไม่ใช่พ่อของหนู แต่พ่อของหนูชื่อ.... (ชื่อดาราหนังที่หลิง หลิงดูบ่อยๆและแม่ของเธอบอกว่าเป็นพ่อที่แท้จริง) และฉากที่เธอน้อยใจที่น้องชายกลับได้รับการเอาใจแต่ตัวเธอต้องถูกสอนให้รู้จักคำว่า "เสียสละ" ตลอด...

ดูหนังจบ ก็น้ำตาคลอ เลยทีเดียว ออกมาเจอเพื่อนๆหลายคนทักก็อดจะอายไม่ได้ โดยรวมแล้วค่อนข้างจะประทับใจกับหนังเรื่องนี้มากมาย ถึงแม้ว่าจะมีข้อสงสัย ที่หนังไม่ได้บอกไว้ในเรื่องของฐานะของนางเอก หลังจากหนีออกจากบ้านจนโต ว่าไปทำอะไร ทำอาชีพไหน ถึงได้ดูมีฐานะ และส่งเงินให้ที่บ้านได้บ่อยๆ (เอาไปโพสที่ในบอร์ด แต่โดนความเห็นหลายๆความเห็นบอกว่า ไม่จำเป็นต้องคิดถึงจุดนี้ ให้ดูที่ธีมหลักว่านางเอกสามารถต่อสู้ชีวิต แล้วผ่านมาถึงจุดนี้ได้ ก็ถือว่าโอเคแล้ว) แต่เราก็ยังสงสัย และคิดในประเด็นนี้วนเวียนไปจนนั่งรถกลับถึงบ้านอยู่ดี

ยังไงก็อยากให้ไปดูกันเยอะๆนะคะ รับรองว่าคุณจะประทับใจหนังเรื่องนี้แน่นอน ค่ะ จัดว่าเป็นเรื่องที่ 2 ของโครงการ Little big film ที่เราประทับใจที่สุดเรื่องหนึ่งเลย




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2548    
Last Update : 5 มิถุนายน 2548 20:16:36 น.
Counter : 557 Pageviews.  

วันนี้ ดูหนังมา 2 เรื่อง House Wax แบบเสียตัง และ โคตรเพชรฆาตแบบดูฟรี.+_+

เฮ้อ... อากาศดีจังเลยอ่ะ ฝนตกหนักตั้งแต่ตอนเย็นๆจนถึงค่ำ คืนนี้คงหลับสบายแน่นอน...


วันนี้ได้ไปดูหนัง 2 เรื่องในวันเดียวกัน
เรื่องแรกแบบเสียตัง House of Wax ที่มีหลายคนในพันทิพบอกว่า น่ากลัวนักหนาจนทำให้อยากพิสูจน์ด้วยตนเอง...




ดูจบแล้วรู้สึกค่อนข้างเฉยๆ ไปทางผิดหวังนิดๆ ที่หนังมันไม่มีค่อยมีไรน่าสนใจเลย ทั้งเนื้อหาและความสยอง ช่วงแรกๆน่าเบื่อมาก เกือบจะหลับซะแล้ว พอสักครึ่งเรื่องค่อย เอ้อ....มีไรขึ้นมานิดหน่อย ได้ข่าวว่าโดนเซนเซอร์หั่นไปหลายฉากเพราะรุนแรงไป .. โธ่ๆน่าเสียดายนิ...แต่ก็โอเคอะ ได้ดูฉากปารีสโดนฆ่าเนี่ยสะใจดีเหมือนกัน...

เรื่องนี้ให้ไป 6/10 แล้วกันค่ะ




พอหนังเลิก ก็กำลังคิดว่าจะหอบเอางานไปนั่ง หาร้านเนตเงียบๆแถวเกษตร ทำงานสักหน่อย ก็ปรากฎว่าเพื่อนโทรมาบอกว่าให้ไปดูหนังไทย "โคตรเพชรฆาต" เป็นเพื่อนมันหน่อย พอได้ยินชื่อเรื่องแล้ว ไม่ได้อยากไปเล้ย... อยากไปเจอเพื่อนมากกว่า ในที่สุดก็หลวมตัวไปจนได้น่ะ...


ไปถึงอย่างทุลักทุเล ฝนตกรถติดเอาการ กว่าหนังจะฉายก็เลทไปเยอะ ปล่อยให้ดูหนังตัวอย่างแบบไทยๆ ไปซะหลายเรื่อง บางเรื่องเนี่ยคาดว่าจะเห็นได้ในเฉพาะเวลามีรอบสื่อของหนังค่ายนี้มากกว่า อย่างหนังเรื่อง "บั้งไฟเทวดา" อะไรเงี้ย เคยได้ยินข่าวการถ่ายทำกันบ้างมั้ยคะ หุหุ...





ไม่เคยมีความคาดหวังกับหนังเรื่องนี้อยู่แล่ว เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะออกแนวไหน จากผลงานที่ผกก.คนนี้กำกับมาแต่ละเรื่อง...ก็พอจะประกันได้ อะนะ


เนื้อเรื่องไม่มีไรเล้ย ไอ้เข้ดูเฟคมากๆ เห็นแล้วอายๆแทนว่า เค้ามั่นใจว่ามันเหมือนมากเลยเหรอนี่ ..หนังตอนแรก ๆก็ไม่มีอะไรเลย ถ่ายแต่ฉากทำกับข้าว กินข้าว กินเหล้า เดินจีบกัน เล่นมิวสิควีดีโอกัน.... (น่าทึ่งมาก มีฉากมิวสิควีดีโอตำรวจหนุ่มกับพยาบาลสาว แถมด้วยเพลง ost จากหนังเรื่องนี้ ... โอ้ นี่ฉันมาดูไรวะเนี่ย...)


ตอนกลางๆ พอไอ้เข้โผล่มาค่อยดูมีสีสันขึ้นมาหน่อย มีการปราบปรามกันสุดฤทธิ์ ทั้งหมอผีชาวไทย ชาวเขมรมากันหมด แต่ก็โดนงาบเรียบ หลังๆถึงกับเกณฑ์ทหารมากันทั้งกองพัน มาปราบไอ้เข้ตัวเดียว !! เฮี้ยนกันถึงขั้นพ่อพระเอกของเราต้องทำตัวเป็นไกรทองปราบชะลาวัน พุ่งเข้าไปในน้ำเอามีดสั้นเสียบไอ้เข้จนสำเร็จ เท่โคตรๆค่ะ >_<


อะๆ ไม่เล่าตอนจบหรอกนะ เดี่ยวไม่มันส์ เผื่อจะมีคนแถวนี้อยากไปดูกันเดี๋ยวจะหาว่า สะปงสะปอยกันก่อน ..ไปติดตามกันเองดีก่า ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะ รายได้แซงหลวงพี่เท่งก็เป็นได้ ใครจะไปรู้ :)




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2548 13:33:07 น.
Counter : 1208 Pageviews.  

Sin City เมืองคนตายยาก โหด เท่ เก๋ สะจายยยย ^^

จริงๆ แล้ววันก่อนโน้น พลาดท่าเสียทีไปดู Yogen มาแล้วหนังมันห่วยจนไม่อยากจะพูดถึงตัวหนังสักเท่าไหร่ อยากพูดถึงคนที่ไปดูด้วยมากกว่า 55 (เข้าทำนองหนังห่วยแต่ก็สุขจายค่ะ ^^) ไม่เกี่ยวๆ เข้าเรืองดีก่า ...

เมื่อวานได้ไปดูหนังอีกเรื่องที่อยากดูในที่สุดกับ Sin City หรือชื่อไทยว่า "เมืองคนตายยาก" (ตายยากจริงๆ ขอคอนเฟิร์มค่ะ =_=)



หนังสนุกมากกกกกกก ได้ใจเราไปเต็มๆ เอาไปเลย ให้ 9.5/10 คะแนน

เรื่องนี้สร้างจากการ์ตูนชื่อดังของ แฟรงค์ มิลเลอร์ โดยเอามาจาก 3 ตอนสำคัญคือ Sin City: The Hard Goodbye, Sin City: The Big Fat Kill และ Sin City: That Yellow Bastard

หนังมาในรูปแบบขาว-ดำ เหมือน Kill bill แต่สาดสีแดง น้ำเงิน เหลือง ในการตัดต่ออีกรอบก่อนนำไปใช้การตัดต่อในคอมพิวเตอร์กราฟิคอีกรอบ ก็เสร็จสิ้นขบวนการ...

บรรยากาศในหนังเป็นแบบ มืดๆ ดำๆ แบบฟิลม์นัวร์หน่อยๆ เน้นเรื่องฉากแอคชั่น และการตามล่าแค้นกันทั้ง 3 ตอน มีฉากเลิฟซีน และฉากโชว์เนื้อหนังมังสาของสาวสวยหุ่น XXX อย่างจุใจ (ไม่เซ็นเซอร์เลยสักฉาก อาจเพราะมันเป็นหนังขาว-ดำเลยดูไม่น่าเกลียดน่ะ)

หนังมีความต่อเนื่องกันในฉากเริ่มต้น แล้วมาโผล่อีกทีตอนท้าย จากการเปิดและปิดของนาย จอช ฮาร์เน็ต (มานิดเดียวจริงๆ) และมีเหลื่อมๆ เหมือนจะเวลาเดียวกันแต่คนละเหตุการณ์อีกตอนกลางๆเรื่อง (มีงงๆ สับสนไปบ้างในการลำดับเรื่องเหมือนกัน คนดูก็เบลอๆตามไปด้วย)

จริงๆ ตอนที่เราชอบมากที่สุดจากทั้ง 3 เรื่องคือ ตอนที่ 2 The Big Fat Kill นะ ชอบลีลาการต่อสู้ ชอบจังหวะคิวบู๊ ชอบดาราสาวที่เล่นบทมิโฮ สาวน้อยนินจาฟันดาบสุดโหด มากเลย (รู้สึกว่าเธอจะเล่นเรื่อง 2 Fast 2 Furious มาก่อน)



ตอนที่ชอบน้อยสุดคงเป็น ตอน 3 ที่มีลุง บรู๊ซ วิลลิส เล่นนำล่ะนะ รู้สึกพลอตมันเรียบๆ บทเด่นแต่ไม่ค่อยเกิดยังไงไม่รู้สิ...

สรุปว่าเป็นหนังขาว-ดำ แบบแอคชั่นเท่ๆ สไตล์หนังแบบเควนติน (เค้าก็มาร่วมกำกับด้วย 1 ตอนนะ เรื่องนี้ คือตอน The Big Fat Kill นั่นแล...

ปิดท้ายด้วยการกระซิบบอกนิดนึงว่า ในเรื่องนี้ ผู้กำกับอย่างมิลเลอร์ ก็ร่วมเล่นในเรื่องด้วยนะ ในบทของบาทหลวงที่มาร์ฟ ไปสารภาพนั่นไงล่ะ อย่าลืมสังเกตด้วยล่ะ หุหุ





 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2548 19:18:29 น.
Counter : 2249 Pageviews.  

มหาลัย'เหมืองแร่ หนังไทยที่ทำเราประทับใจที่สุดในปีนี้ (จริงๆ)



"อดีตคือฝัน ปัจจุบันต้องอด อนาคตต้องตาย"


นี่คือคำที่เราเห็นจากตัวอย่างของหนังเรื่องหนึ่งที่งาน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ...


ดูตัวอย่างหนังเรื่องนั้นเสร็จ ถึงกับขนลุกไปกับเรื่องราวและภาพฉากอันตระการตาที่โผล่มาให้เห็นเพียงไม่กี่นาที..


หลังจากนั้น สิ่งที่ทำคือซื้อหนังสือชื่อเดียวกันนี้กลับไปบ้านทันทีด้วยความมุ่งมั่น ว่าฉันจะต้องอ่านมันให้จบก่อนหนังเข้าให้ได้....


แต่จนแล้วจนเล่า ด้วยธุระที่ยุ่งๆ หลายอย่างตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้ก็อ่านไปได้เพียงเกือบจะจบเล่ม 1 จนได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้นำหน้าไปซะแล้ว...


ยังไงก็ตาม ขอบอกว่า ได้ชมภาพยนตร์เรี่องนี้แล้วบอกกับตัวเองในใจได้เลย ว่าช่างน่าซาบซึ้งใจ ไปกับภาพบนแผ่นฟิลม์ที่โลดแล่นไปเป็นตัวละครชีวิตที่ผู้ชายคนนึงชื่อ อาจินต์ ปัญจพรรค์ เขียนไว้ได้อย่างงดงามจริงๆ...



จากชีวิตจริงที่เกิดขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2492 ของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งถูก"รีไทร์"ออกจากคณะอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ ในขณะที่เขาเรียนอยู่เพียงปี 2 จึงทำให้เขาต้องถูกผู้เป็นบิดาส่งตัวไปยังจังหวัดพังงา เพื่อทำงานในเหมืองแร่ ตัดขาดจากโลกที่เจริญเต็มไปด้วยแสงสี มาสู่ดินแดนกันดาร แต่ที่นี่ก็ทำให้เขาได้เริ่มเรียนในหลักสูตรใหม่ ที่ไม่มีในตำราเรียนเล่มไหน เป็นบทเรียนชีวิต ที่เต็มไปด้วยรสชาติต่างๆ เขาใช้เวลาอยู่ในมหาลัยชีวิตแห่งนี้จนถึง 4 ปี เต็มๆ จนภาพชีวิตในช่วงเวลานั้น ได้ถูกบันทึกไว้เป็นวรรณกรรมและนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ให้เราได้ชมกันนั่นเอง...


ในมหาลัย'เหมืองแร่ฉบับภาพยนตร์นั้น เลือกใช้เสียงของดารานำในเรื่องเป็นตัวบรรยายถึงเรื่องราวของตัวเขา เมื่อก้าวย่างมา ณ เหมืองกระโสม ทิน เดรดยิง วันแรก เขายังเป็นหนุ่งชาวกรุงที่ดูท่าทางสำรวย เหยาะแหยะ ทำอะไรไม่เป็น แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป เขาก็เริ่มเป็นส่วนหนึ่งของเหมืองแร่นั้น และเริ่มปรับตัวกับผู้คนและสถาพแวดล้อมได้อย่างสมบูรณ์..


ตอนแรกก่อนดูคิดในใจว่า งานนี้คงเป็นดราม่านิดๆ เหมือนในงาน 15 ค่ำ ที่ผ่านมาของพี่เก้ง ผกก. แต่ก็อดคิดในใจว่า ในหนังสือออกจะจบแบบหักมุม แบบมีมุขขบขันก่อนจบทุกตอนซะอย่างงั้น พี่เค้าจะถ่ายทอดออกมาในรูปแบบไหนน้อ... พอชมไปสัก 10 นาที ขึ้นไป ก็เริ่มเข้าใจแนวทางการเล่าเรื่องของหนัง เต็มไปด้วยมุขตลกสอดแทรกอยู่ในเกือบทุกฉาก และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของมิตรภาพของตัวละครในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพของเพื่อนต่อเพื่อน หรือเจ้านายต่อลูกน้อง ไม่เว้นแม้แต่มิตรภาพต่อคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักพุดคุยกัน...


ภาพของเรือขุดเหมืองในหนังนั้นประทับใจเรามากเลยค่ะ ดูยิ่งใหญ่และถ่ายทอดในเหมือนในหนังสือที่เราเคยอ่านแล้วได้แต่จินตนาการ..อีกทั้งคาแรคเตอร์ของตัวละครแต่ละคนก็ล้วนแต่แคสมาได้อย่างเหมาะสมทุกคน (โดยเฉพาะบทของไอ้ไข่ ที่แสดงโดยสน เดอะสตาร์ .. เราว่าเค้าเล่นได้เยี่ยมมาก จนน่าจะไปเอาดีได้ทางการแสดงเลยล่ะ)


แต่ยังไงก็ตาม เราก็ยังแอบเห็นข้อบกพร่องของหนังที่เกี่ยวกับการดำเนินเรื่องที่ไม่ค่อยจะปะติดปะต่อกัน หรือการแสดงของตัวละครเอก ที่ยังดูแข็งๆไปบ้างในบางฉาก..และมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ.. รู้สึกว่าหนังยังให้รายละเอียดได้ไม่มากพอเนื่องด้วยข้อจำกัดทางเวลา ทำให้อารมณ์ของหนังยังไม่ถึงที่สุดเมื่อได้ชมจนจบ...


พอชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบลง ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ไม่ดังและไม่เบาของผู้ชมที่เข้าชมในรอบสื่อวันนั้น แต่เราก็บอกกับตัวเองได้ว่าเมื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้วสิ่งที่เราได้รับมาก็คือความรู้สึกประทับใจ อบอุ่นใจ ในมิตรภาพ มากกว่าหนังไทยเรื่องไหนที่เราได้ดูในรอบปีนี้แน่นอน..


ตั้งใจไว้ว่าจะตีตั๋วแบบเสียตังไปให้ภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้ง กะจะชวนเพื่อนๆไปกันให้เยอะๆ ช่วยกันอุดหนุนหนังไทยที่มีคุณค่าควรแก่การเข้าชม ช่วยกันอุดหนุนให้เค้ามีกำลังใจ และคืนทุนที่ลงไปมากมาย แถมตอนนี้ยังได้ข่าวไม่ค่อยดีว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ได้ฉายที่โรงในเครือ SF Cinema อีกก็ยิ่งต้องเชียร์ให้คนไปดูกันมากๆ เข้าไปใหญ่



ไปดูกันเยอะๆนะคะ มาเป็นหน้าม้าให้อย่างเต็มใจเลยล่ะกับหนังเรื่องนี้^^





 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2548 17:43:51 น.
Counter : 4418 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

Fly to the sky
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หายไปนานเป็นปีเพิ่งจะกลับมาที่บลอคแกงค์อีกครั้งค่ะ ก็ยังคงใช้เครื่องไม้เครื่องมืออะไรยังไง ไม่เป็นเหมือนเดิม ใครรู้วิธีแปะลิงค์จาก Last.fm มาไว้ที่นี่แบบที่ไปเห็นในบลอคของเพื่อนๆหลายคน ก็ช่วยแนะนำกันหน่อยนะคะ ^^
Friends' blogs
[Add Fly to the sky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.