รวมมิตรหนังที่ได้ดูใน World Film Festival ครั้งที่ 4 (วันที่ 16-21 ต.ค.)
อาทิตย์ที่ผ่านมา มัวแต่ไปดู World films ทุกวัน กลับบ้านก็ดึก กลับมาก็หลับคาจอไม่มีโอกาสเขียนเล่าเลยว่าไปดูอะไรมาบ้าง ขอเก็บรวบยอดล่ะกัน เรื่อง ที่ 5 Glastonbury รู้สึกดีที่ได้ดูหนังสารคดีเรื่องนี้ ที่เข้าใจร้อยเรียง ภาพตั้งแต่อดีตของเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ สลับกับพฤติกรรมของผู้ที่บากบั่นเดินทางมาดูดนตรี ตลอดจนตามถ่ายถึงพฤติกรรมแบบของจริงของบรรดาแฟนเพลง ที่มีทั้งการเสพยา มั่วเซ็กส์ เล่นมายากล แต่งตัวบ้าๆบอๆ หรือการปัสสาวะริมทางซึ่งทางผู้จัดงานพยายามจะรณรงค์ไม่ให้เกิดขึ้น (จะห้ามไหวเหรอนั่น ) ข้อเสียของหนังก็มีเยอะ เช่น หนังมีช่วงค่อนข้างหน้าเบื่อ และอึด ยาว จนเกินไป กับความยาว 138 นาที และถ่ายด้วยกล้องวีดีโอภาพจะไม่ค่อยชัด แต่ถึงยังไงก็ยังค่อนข้างให้อภัยได้เมื่อได้พบกับการแสดงสดของวงดังๆ ของเกาะอังกฤษอย่าง David Bowie,Pulp, Blur, Coldplay และอีกมากมาย... เรื่องที่ 6 Proposition ตอนแรกที่อยากดูเพราะมีคนเล่าให้ฟังว่าคุณเต้ ณ ไบโอสโคป ดู DVD แล้วชื่นชอบมาก ก็เลยโอเค มีความหวังว่าดูจอใหญ่แล้วจะรู้สึกดีขึ้นกว่าไปเช่าแผ่น แต่แล้วฝันร้ายก็กลายเป็นจริง เมื่อภาพฉายออกมาเป็นภาพที่คุณภาพเลวร้ายมากๆๆๆๆๆ เรียกว่าดูดีวีดี กับทีวีที่บ้านยังรู้สึกดีกว่านี้แน่นอน เสียงก็แตกๆ พร่าๆ หนังก็เนื้อเรื่องค่อนข้างธรรมดาไม่มีอะไรเลย ดูแล้วนึกถึงหนังของเจบิคส์ที่เคยหลงผิดไปดูที่ลิโด้อย่าง Tiger Brigades ซึ่งแนวคาวบอยๆ คล้ายๆกันแต่ หนังเรี่องนี้เนื้อเรื่องน้ำเน่ากว่าเยอะ รอบที่ดูมีคนดูค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง (เค้าจะคิดยังไงกับคุณภาพในจอหนังของเรื่องนี้นะ ) พอเริ่มไปสัก ครึ่งชม. ก็มีคนเริ่มเดินออก ทีละคน 2 คน แต่เราก็ยังทนดูจนจบ ... เป็นหนังยอดแย่ที่สุด (ในใจเรา) ของเทศกาลนี้เลยค่ะ เรื่องที่ 7 Climates เรื่องนี้ตอนแรกไม่รู้ว่าคุณพี่ผกก. เค้าจะลงทุนเล่นเอง รับบทเป็นอาจารย์หนุ่มใหญ่ที่บอกเลิกภรรยาเมื่อตอนที่เขาและเธอไปพักผ่อนกันในช่วงหน้าร้อน ..หลังจากนั้นหนังก็เริ่มเฉลยทีละนิดว่าเหตุใดเขาถึงหมดรักภรรยาสาว แต่กลับไปเล่นชู้กับคู่รักของเพื่อนแทน ...แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เรี่มคิดถึงภรรยาเก่าของเขา จึงออกเดินทางไปตามหาเธอ...ขอคืนดีอีกรอบ..ดูเหมือนว่าภรรยาสาวซึ่งดูจากการแสดงก็ทำให้รู้ว่าเธอยังรักเขาอยู่มากทีเดียว แต่ความรักอย่างเดียวถ้าขาดความเชื่อใจกันและโกหกต่อกัน มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร... เรื่องก็เลยจบ... ตอนที่ดูก็มีวูบไปสัก 10 นาที แต่ ตื่นมาก็ต่อเรื่องได้แน่นอน เพราะหนังมันช้ามากกกก ถ่ายกล้องแช่ไว้นานๆ ให้เห็นอารมณ์ของภรรยาสาว (เล่นเก่งดีค่ะ) และถ่ายภาพสวยมากทำให้เห็นวิวของกรุงอิสตันบูล และบรรยากาศหิมะตก แบบเหงาๆ ดีแท้ .... เรื่องที่ 8 I don't want to sleep alone เป็นแฟนหนังคุณพี่ ไฉ้หมิงเลี่ยง เหมือนกันอ่ะนะ คือดูหนังเค้าเกือบทุกเรื่องเลย ไม่น่าเชื่อเลย เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นพระเอกคนเดิม ที่เราดูเค้าเล่นหนังพี่ไฉ้ตั้งแต่เรื่อง Vive L'Amour , The River , The hole, What time is it there? , The Wayward Cloud ขาดอยู่เรื่องเดียวที่ไม่ได้ดูคือ Goodbye Dragon Inn มาจนถึงเรื่องนี้ รับบทเป็น 2 คนในเรื่องเดียวกัน (เพื่ออะไรฟะ หรือขาดแคลนนักแสดง ) เรื่องนี้ ถ่ายที่มาเลเซีย บรรยากาศคล้ายๆเมืองไทยอย่างรุนแรง ผกก. ช่างหาโลเกชี่นเจ๋งมากๆ ถ่ายภาพสวยเหมือนเดิม บทหนังก็ออกแนวๆคล้ายๆ The river แต่ก็สนุกดีนะคะ ชอบๆ ฮาดี ตอนท้ายๆเรื่องในหนังมีการนำประเด็นควันพิษในอินโดที่เคยเป็นข่าวมาอยู่ในหนังด้วย ชอบฉากเดียวกับท๊อปคือฉากผีเสื้อมาเกาะบ่า พระเอก สวยมากๆ ค่ะ หุหุ คาดว่าหนังเรื่องหน้าของพี่ไฉ้ ก็คงยังเป็นพระเอกคนเดิมอีกต่อไป.... เรื่องที่ 9 Thai Indie Short Film: LIGHT ดูไม่ครบค่ะ เรียกว่า ดูไปสัก 5 เรื่องเองก็ต้องรีบออกมาดูเพรส Master of horrors แทน เรื่องที่ได้ดูก็มีทั้งดีและไม่ดีปนกัน - ?ก่อน / ?Before เข้ามาดูแบบมึนงง เพราะมาไม่ทันตอนต้น แต่มาตอนปลายก็คงคล้ายๆกัน หนังไม่ได้เป็นเรื่องราว แต่เป็นการถ่ายภาพธรรมชาตไปเรื่อย... โนคอมเม้นล่ะกันค่ะ เรื่องนี้ เราคงต้องหยิบบันไดมาปีน เพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น เหตุผลที่เราทะเลาะกัน / The Table's Space อ้า เรื่องนี้ค่อยเป็นเนื้อเรื่องขึ้นมาหน่อย ดูแล้วมีความสุขดี คงจะเป็นหนังที่เป็นการบ้านของนิสิต คณะนิเทศ จุฬาฯ ทำส่งอาจารย์ เนื้อเรื่องคิกขุโนเนะ ออกแนวเด็กผู้ชายที่ชอบแกล้งเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง โดยที่ลึกๆแล้ว ก็เพราะ...เพราะชอบนั่นเอง ..(แหม ไม่บอกก็เดาได้ ) นวด / The Massage น่าร๊ากกก ชอบมากๆๆ เป็นอนิเมชั่นประกอบเพลงนวดของ ทีโบน เป็นรูปตัวแป้ง 2 ตัวนวดกันไปมา แต่เค้าทำออกมาได้น่าสนใจมากค่ะ ดูแล้วมีความสุข เผลออมยิ้มตามเลย เซ็กซ์ไม่เจ็บ? / Painless Sex? หนังเด็กแนวอีกแล้ว (แนวไม่รู้เรื่อง ) พอจะเข้าใจรางๆ ว่าอาจจะต้องการสื่อสารเรื่องการมีเซ็กส์กับการจับปลา ??? คนทำเค้าให้คำนิยามไว้ว่า "ความปรารถนาทางเพศด้วยการสัมผัส " ดูแล้วมึนงง อีกแล้วเรื่องนี้ ... ขอผ่าน ...Upper Story มึนงง อย่างมาก แต่ขอยกคำอธิบายของตัวหนัง ที่สื่อออกมา เป็นรูป เหมือนกำลังถ่ายหม้อสุกี้รวมมิตรที่กำลังเดือดปุดๆ ซ้อนกับภาพนักดนตรีเป่าแซกไปมา นิยามเค้าแปลออกมาว่า..."นำเสนอภาวะของการรักษาความสมดุลทางอารมณ์ และการพยายามควบคุมจังหว่ะของสิ่งที่รับเข้ามาให้คงที่ การออกไปสู่ห้วงที่ไร้สำนึกเพื่อผ่อนคลายเนื่องด้วยภาวะที่ถูกบีบและจำกัดในช่วงหนึ่งๆ ของผม" เฮ้อ..... การต้องทนดูหม้อสุกี้กำลังเดือดปุดๆ เป็นเวลาราว 5 นาที มันทำให้.....หิว นะ ขอบอก ดูไปแค่ 5 เรื่องก็เริ่มเซ็ง กร่อย หลังจากภาพ หม้อสุกี้กำลังเดือดจบลง กำลังเริ่มเรื่องใหม่... เพื่อนอีกคนที่ดูโรงเดียวกัน ก็โทรเข้ามาชวนให้ออกกันเถอะ... เรื่องที่ 10 The Blossoming of Maximo Oliveros ( ฟิลิปปินส์) ปีที่แล้วได้ดูหนังเกย์ฟิลิปปินส์ เรื่องนึงเกี่ยวกับหมอนวดชาย แล้วติดใจ เพราะมันสนุกดี มาปีนี้พอรู้ว่ามีเรื่องนี้ก็รีบจัดแจงตีตั๋วมาทันที เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระเทยเด็กในสลัมของกรุงมะนิลา ที่มีครอบครัวคือพ่อและพี่ชายอีก 2 คน ดูรักใคร่กันดี อยู่มาวันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเธอได้พบเจอนายตำรวจหน้าตาดีที่เข้ามาช่วยเหลือจากการถูกลวนลาม (...) หลังจากนั้นเธอก็เริ่มหลงรักเค้าอย่างจริงจัง แต่ก็มีอุปสรรคชิ้นใหญ่นั่นคือ นายตำรวจผู้นี้กำลังสืบคดีฆาตกรรมที่มีพี่ชายแท้ๆของเธอเข้ามาพัวผัน จึงทำให้รักต้องเลือกขึ้นมา... เรื่องนี้ให้บรรยากาศเหมือนกำลังดูการถ่ายทำที่สลัมเมืองไทย (เหมือน I don't want sleep alone ) แต่ อันนี้เหมือนกว่า เพราะความที่หน้าตาคนไทยกะคนฟิลิปปินส์ก็คล้ายกันอยู่แล้ว ชอบบทเรื่องนี้ค่ะ ดูเรื่อยๆ แต่ก็สนุกใช้ได้ ถึงแม้ Production ของหนังบ้านเราจะเจริญกว่าก็ตาม ... เรื่องที่ 11 Cease Fire คำว่า Cease Fire ถ้าเปิดในดิก จะแปลว่า การหยุดรบ, Related: การยุติการสู้รบ, การตกลงหยุดสู้รบเพื่อการเจรจาหาสันติ ซึ่งก็ตรงกับเนื้อหาในหนังแนว Romantic comedy ของ ผกก. หญิง Tahmineh Milani หัวรุนแรง ซึ่งเคยรู้มาว่าเธอเคยถูกทางการจับเข้าคุกจากผลงานหนังของเธอเรื่อง The Hidden Half (2001) ในข้อหา สนับสนุนและเผยแพร่ให้เกิดการปฎิวัติภายในภาพยนตร์ แต่ในที่สุดเธอก็ถูกปล่อย หลังจากได้มีการขอร้องจากบรรดาผกก. หนังดังระดับโลกอย่าง อังลี่ ,สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก , สไปก์ ลี ทำให้เธอไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต เธอกลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์แนวโรแมนติก คอมเมดี้ เรื่องราวชีวิตสมรสที่กำลังจะพังของ สถาปนิกสาววัย 33 ปี ชื่อ ซาเย่ กับสามีหนุ่มวิศวกร ที่ชอบทำตัวเป็นเด็กๆ ของเธอที่ชื่อ ยูเซฟ ซาเย่ต้องการจะไปหาทนายความเพื่อเจรจาเรื่องที่เธอจะฟ้องหย่าสามี แต่ดันเข้าไปในคลีนิคโรคจิตแทน เธอก็เลยเล่าพฤติกรรมแย่ๆของสามีให้จิตแพทย์ฟัง (ระหว่างนี้หนังจะเริ่มเล่าย้อนอดีตตั้งแต่ วันแรกที่เธอเจอกับสามิไปจนถึงการแต่งงานและการทะเลาะเบาะแว้งกัน) จนภายหลังยูเซฟ สามิของเธอก็ได้มาพบกับจิตแพทย์คนเดิมและได้รับการสั่งสอนให้ลด ละ เลิก พฤติกรรม ที่น่าเอือมนี้สักที ... ดูหนังเรื่องนี้แล้วเนื้อหาจะออกแนวละครพ่อแง่แม่งอนของไทย ออกแนว "ขิงก็รา ข่าก็แรง" ทะเลาะกันไป แกล้งกันไปมา แล้วก็รักกัน ... (ดูจากหนังแล้วกว่าจะรักก็เกือบตาย ) ออกจะค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับแฟนหนังไทย ที่ดูละคร+หนังพวกนี้มาอย่างช่ำชอง แต่คงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนอิหร่านที่การหย่าร้างถือเป็นสิ่งต้องห้าม จนทำให้ผู้คนหันมาตีตั๋วเข้าชมจนทำรายได้สูงสุดของ Box Office อิหร่าน.. หลังหนังจบมี Q&A ผกก. ด้วย มีฝรั่งถามถึงตัวหนังว่านางเอกของเรื่องออกแนวหญิงแกร่งซะเหลือเกิน ผู้หญิงอิหร่านทุกคนเป็นแบบนี้มั้ย เธอก็ตอบว่า Of course แล้วก็หัวเราะใหญ่ ดูแล้วเราว่าผกก. คนนี้ผลงานของเธอออกแนว Faminist พอตัว เธอเล่าว่านี่ เป็นผลงานเรื่องที่ 9 ของเธอแล้ว ก่อนทำเรื่องนี้มีการเจาะลึกหาข้อมูลกันมาหลายแหล่ง (ไม่ยักกะมาหาเมืองไทยแฮะ ) ส่วนตัวแล้วค่อนข้างเฉยๆกับหนังเรื่องนี้พอสมควร ด้วยเนื้อหาที่จัดว่าค่อนข้างออกแนว "หน่อมแน้ม" เมื่อเทียบกับปัญหาทั่วไปของสามี-ภรรยาในเมืองไทย จึงไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไร ถือว่าได้ดูชีวิตของหนุ่มสาวชาวอิหร่านในยุคปัจจุบัน ซึ่งหาชมได้ยาก (สังเกตจากหนังอิหร่านเรื่องที่เคยได้ดูจะออกแนวทะเลทรายซะส่วนมาก)
Create Date : 23 ตุลาคม 2549
Last Update : 23 ตุลาคม 2549 22:41:50 น.
Counter : 813 Pageviews.
รวมมิตร หนังที่ได้ดูในเทศกาลบางกอกฟิลม์ 2006 (วันที่ 2)
มาต่ออีกวันค่ะ วันที่ 19 -2-06 เรื่องที่ 1 Hi-bi: Days of Fire (Hi-Bi) หนังดราม่า ค่อนข้างหนักๆ จากญี่ปุ่นว่าด้วยเรื่องของ แม่ม่ายคนหนึ่ง ที่มีอาชีพการทำเครื่องปั้นดินเผา แต่เธอก็ถูกสังคมรอบข้างกีดกัน ด้วยความที่เป็นผู้หญิง เมื่อสามีของเธอหนีไปอยู่กินกับหญิงอื่น เธอจึงยึดอาชีพช่างปั้น ในที่สุดคิโยโกะก็ได้รับการยอมรับถึงฝีมือและความสามารถของเธอ เธอมีลูกชายที่รักจะสืบทอดเจตนรมณ์ในการเป้นช่างปั้นต่อ แต่เขาก็ล้มป่วยด้วยโรคลูคีเมีย ...คิโยโกะพยายามทำทุกอย่างเพื่อหาคนมาปลูกถ่ายไขกระดูกของลูกชายเธอ เธอต่อสู้และพยามก่อตั้งมูลนิธิ และธนาคารไขกระดูก จนสำเร็จ แต่ในที่สุดแล้ว ก็ไม่สามารถหาคนที่มีไขกระดูกที่เข้ากันกับลูกชายของเธอได้ .... ดูแล้วน้ำตาไหลตั้งแต่ ครึ่งแรกจนถึงสะอึกสะอื้นในตอนท้ายๆ ชอบค่ะเรื่องนี้ เราว่า บทมันไม่น่าเบื่อดีอ่ะ ชอบการแสดงของคนเป็นแม่ในเรื่อง บีบคั้นอารมณ์ดีมากกก ให้ใจไปเลย 4/5 คะแนน เรื่องที่ 23 Friends (มะหมี่) อยากดูมาตั้งแต่ได้ยินข่าวแล้ว พลาดไม่ได้เลยสำหรับสารคดีเรื่องนี้ .. พอดูแล้วก็ รู้สึกค่อนข้างดีนะ ที่หนังทำเป็นเหมือนถ่ายประวัติดาราสาวที่โด่งดัง ขั้นโกอินเตอร์ เมื่อเธอได้มาพักผ่อนกับเพื่อนรัก 2 คนที่เกาะช้าง โดยจริงๆแล้วก็มีผลพลอยได้คือการมาถ่ายแฟชั่นเซ็กซี่อีกด้วย ... เธอได้พบกับนักวิทยาศาสตร์หนุ่มคนนึงที่นี่และ เกิดความสัมพันธ์ (ทางใจ) กับชายหนุ่ม ... ดูจบจบแล้วรอฟังคำถามใน Q&A ที่ผกก. มาเล่าให้ฟังว่า ทำมไถงต้องเลือกให้มะหมี่เป็นนางเอก ก็เลยถึงบางอ้อว่า เพราะมะหมี่เป็นคนออกทุนสร้างให้นั่นเอง และอีกเหตุผลนึงคือมะหมี่เป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้ถ่ายคลัฟ F จะมีที่รู้สึกไม่ชอบอยู่บ้างคือ รู้สึกว่า มันมีอะไรที่เฟคๆ ในหลายส่วนของหนังเรื่องนี้ เช่น บทของชายหนุ่ม ที่มาติดพันหรือบทพูดระหว่างมะหมี่กับเพื่อนสาว ดูไม่ค่อยธรรมชาติไปหน่อย อ่ะ สรุปแล้วให้ 3/5 คะแนนค่ะ เรื่องสุดท้ายของวันนั้น The Sun (Solntse) เรื่องสุดท้าย ที่เราได้ดูวันแรก ของเทศกาล แต่ ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เนื่องจาก ดูเป็น เรื่องที่ 4 ของวันนั้นหนังของผู้กำกับ Russian Ask เรื่องล่าสุด ด้วยความที่ หนังอืด เนืบ เนือย ได้ใจดีแท้ ทำเอาหลับไปหลายตลบ ว่าด้วยเรื่องของ องค์จักรพรรดิฮิโรฮิโต ของญี่ปุ่นที่ทรงประกาศยุติศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีการพบเพื่อสงบศึกกับนายพลจากสหรัฐอเมริกา ...ด้วยพระจริยวัตร อันค่อนข้างแปลกประหลาดอย่างที่เห็นในหนังขององค์จักรพรรดิ ทำเอาเราดูแล้วแปลกๆ พร้อมกับนึกในใจว่า หนังเรื่องนี้คงไม่มีวันได้ไปฉายที่ญี่ปุ่นแน่นอน ให้ไป 3/5 คะแนนค่ะ ปล.รู้ผลออสการ์กันแล้วรึยัง โดนใจกันบ้างมั้ยอ่ะคะ ถ้ายังก็ไปดูได้ที่นี่นะคะ //www.popcornmag.com/bbs/index.php?showtopic=1986&st=15entry17235
Create Date : 06 มีนาคม 2549
Last Update : 6 มีนาคม 2549 14:38:23 น.
Counter : 705 Pageviews.
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
หายไปนานเป็นปีเพิ่งจะกลับมาที่บลอคแกงค์อีกครั้งค่ะ ก็ยังคงใช้เครื่องไม้เครื่องมืออะไรยังไง ไม่เป็นเหมือนเดิม ใครรู้วิธีแปะลิงค์จาก Last.fm มาไว้ที่นี่แบบที่ไปเห็นในบลอคของเพื่อนๆหลายคน ก็ช่วยแนะนำกันหน่อยนะคะ ^^