คุก – ตะราง – ทาง – เถื่อน





คุก – ตะราง – ทาง – เถื่อน
ผู้เขียน : พัศดีสมบูรณ์ เตชะวงค์
สำนักพิมพ์สารคดี



คำนิยม โดย คุณสมศักดิ์ รังสิโยภาส (รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์)

คุก – ตะราง – ทาง – เถื่อน
เป็นหนังสือที่คุณสมบูรณ์ เตชะวงค์ เขียนขึ้นมาจากประสบการณ์โดยตรง ซึ่งเป็นสารคดีและเรื่องสั้นภายในเล่มเดียวที่ถ่ายทอดเหตุการณ์และชีวิตจริงที่เกิดขึ้นในเรือนจำ เป็นการนำผู้อ่านเข้าไปสัมผัสกับเหตุการณ์และชีวิตจริงของผู้คนในเรือนจำ เสมือนท่านเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง โดยไม่ต้องติดคุกให้เสียเวลาและยังมีอิสรภาพ

ผมหวังว่า เมื่อท่านได้อ่านหนังสือ คุก – ตะราง – ทาง – เถื่อน แล้ว จะทำให้ท่านคิดได้ภายหลังว่าชีวิตในคุกเป็นชีวิตที่ไม่น่าเข้าไปอยู่แม้แต่เสี้ยววินาที เว้นแต่เจ้าหน้าที่เท่านั้นที่จะต้องเข้าไปทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากสังคม


ในบล็อกนี้ เราจึงขอคัดข้อมูล เรื่องราวบางส่วนที่คิดว่าหลายๆ คนคงจะอยากทราบมาให้ได้อ่านกันค่ะ

สิ่งของต่อไปนี้ห้ามไม่ให้นำเข้าไปหรือเก็บรักษาไว้ในคุก

1. ยาเสพติดให้โทษ
2. สุราหรือของเมาอย่างอื่น
3. อุปกรณ์สำหรับการเล่นพนัน
4. เครื่องมืออันเป็นอุปกรณ์ให้การหลบหนี
5. อาวุธ
6. ของเน่าเสียหรือของมีพิษต่อร่างกาย
7. น้ำมันเชื้อเพลิง
8. สัตว์มีชีวิต
9. เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ
10. วัตถุเอกสารหรือสิ่งพิมพ์
11. เงินสด

การค้ายาเสพติดและการลักลอบนำโทรศัพท์เข้าไปใช้ในคุกเพื่อติดต่อซื้อขายยา นักโทษที่มีศักยภาพทำได้ต้องเป็นผู้มีอิทธิพล มีเงิน มีบารมี และมีเครือข่าย

การค้นพบโทรศัพท์มือถือส่วนมากจะไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นเจ้าของเพราะไม่ได้ค้นพบที่ตัวนักโทษ แต่จะได้จากที่อื่น เช่น จากถังขยะ หรือซุกซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของ ผู้กระทำผิดก็หลุดรอดจากการถูกลงโทษทางวินัย เมื่อถูกยึดไปแล้วก็จะหาทางนำเข้ามาใหม่อีก

จากข้อสังเกตที่เคยพบมา ปรากฏว่า นักโทษที่มีส่วนเกี่ยวข้องลักลอบนำสิ่งของเหล่านี้เข้าไปในคุกจะเป็นผู้ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หรือมีความใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ และส่วนหนึ่งจะเป็นคนเก่า ขยัน คอยบริการรับใช้เจ้าหน้าที่อย่างดีเยี่ยมจนเป็นที่ไว้ใจของเจ้าหน้าที่ จึงสามารถออกนอกแดนไปสถานที่ต่างๆ ได้ เช่น ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน งานบริการรับส่งสินค้าหรืออาหารให้เจ้าหน้าที่ เรียกว่าทำดีไปด้วยทำชั่วไปด้วย กว่าเจ้าหน้าที่จะจับได้ ก็ลักลอบทำไปหลายครั้งจนร่ำรวยไปแล้ว

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือคือสิ่งที่นักโทษค้ายาต้องการมากที่สุด เพราะราคาแพง เครื่องละหลายหมื่น หรือบางครั้งก็ถึงหลักแสน พอๆ กับยาเสพติด ถ้านำยาเสพติดเข้าไปในคุกและถูกจับได้ โทษอาจถึงประหารชีวิต แต่ถ้าเป็นโทรศัพท์ จะถูกลงโทษทางอาญาฐานนำสิ่งของต้องห้ามเข้าเรือนจำ ต่อคดีอีก 5 – 6 เดือน หรือลงโทษทางวินัยเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นน้ำหนักความเสี่ยงจึงต่างกัน

นอกจากวิธีการยัดลึก (ทางรูทวาร) แล้ว ก็ยังมีวิธีการยัดไส้ โดยถูกส่งผ่านมาจากญาตินักโทษ ทั้งซ่อนในอาหาร เครื่องปรุง รองเท้า ก้อนสบู่ ในกระป๋องแป้ง ในซองบุหรี่ ในขนมขบเคี้ยว ในขวดโลชั่น หรือแม้กระทั่งในผลไม้

อีกทั้งยังมีที่เรียกว่าหล่นมาจากฟ้า คือใช้เครื่องบินบังคับส่งของ

นอกจากเรื่องการส่งของ ซ่อนของให้พ้นจากการถูกจับกุมแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีเรื่องราวหลากหลาย หลายอารมณ์ให้ได้เรียนรู้ ทั้งเรื่องราวความวุ่นวาย เรื่องราวชวนขันระหว่างนักโทษกับผู้คุม เรื่องราวซึ้งๆ จากจดหมายของผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่ หรือเรื่องราวความเครียดของนักโทษที่บางคนระบายออกด้วยการกรีดข้อมือ รวมไปถึงศัพท์แสงต่างๆ ภายในคุก

ท้ายนี้ขอทิ้งเรื่องราวที่อ่านแล้วยิ้มไว้สักเรื่อง อย่างเรื่องแมว ซึ่งความจริงกฎของคุกคือสัตว์มีชีวิตถือเป็นสิ่งของต้องห้าม ไม่อนุญาตให้นำเข้าไปเลี้ยงหรือมีไว้ในครอบครอง แต่แมวเป็นสัตว์ที่สามารถเล็ดลอดตามช่องเล็กของประตูคุกหรือปีนข้ามกำแพงมาได้ จึงถือเป็นสัตว์ประเภทเดียวที่ยังคงอยู่กับคุกมาจนทุกวันนี้

ถึงแม้จะเคยนำออกไปปล่อยที่วัดไกลๆ แต่ปรากฏว่าแมวที่เอาไปปล่อยก็กลับมาอยู่ในคุกได้เหมือนเดิม นับเป็นเรื่องแปลก

ครั้งหนึ่งขณะผู้เขียนเข้าเวรพัศดี มีนักโทษได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษหลายคน ระหว่างที่กำลังตรวจสอบประวัติและเอกสารการปล่อยตัวของแต่ละคนโดยละเอียดเพื่อป้องกันการปล่อยผิดตัว ก็มีนักโทษครบกำหนดพ้นโทษคนหนึ่งชื่ออนันต์ ติดคุกมาประมาณ 5 ปีเศษ อุ้มกล่องกระดาษขนาดเท่ากล่องเบียร์ซึ่งเจาะรูเป็นช่องระบายอากาศเดินมา

เมื่อเปิดกล่องดู ปรากฏว่ามีแมว 3 ตัว คือ ตัวแม่สีทอง ตาเสียข้างหนึ่ง นอนให้ลูกอีกสองตัวกินนมอยู่ภายในกล่อง

ผู้เขียนถามว่าเอาแมวมาจากไหน และจะเอาแมวออกไปทำไม

เขาตอบว่าเป็นแมวที่เขาเลี้ยงไว้ เพราะรักและสงสารมันมาก เลี้ยงดูมานานแล้ว อยู่กินด้วยกัน แมวเป็นเพื่อนที่แสนดี ช่วยคลายเครียด ทุกวันมีความสุขอยู่กับแมว

ผู้เขียนเลยแกล้งพูดว่า ไม่อนุญาตให้เอาแมวออกไปด้วย ให้เอากลับไปไว้ที่เดิม ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมปล่อยตัว ดูเหมือนเขาจะร้องไห้พร้อมกับยกมือไหว้และอ้อนวอนขอร้องให้อนุญาตให้เขานำแมวออกไปด้วย ทั้งพูดอีกว่าถ้าไม่อนุญาต เขาจะขออยู่ในคุกต่อไป เพราะกลัวแมวตายไม่มีใครเลี้ยง ผู้เขียนจึงบอกว่า แกล้งพูดเล่น ไม่ต้องร้องไห้ และอนุญาตให้นำแมวออกไปได้ เขาดีใจมาก ยกมือไหว้ผู้เขียนอีกครั้ง ก่อนอุ้มกล่องแมวออกจากคุกไปด้วย



Create Date : 29 กันยายน 2559
Last Update : 29 กันยายน 2559 15:06:05 น.
Counter : 1580 Pageviews.

4 comments
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
comicclubs Book Blog ดู Blog

รีวิวได้น่าอ่านค่ะ
โดย: เจ้าการะเกด วันที่: 29 กันยายน 2559 เวลา:16:54:55 น.
  
ส่งกันทุกรูปแบบเลยนะคะ ช่างสรรหาจริงๆ
ดูแล้ว จะสำนึกยากนะคะเนี่ย

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชีริว Travel Blog ดู Blog
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Funniest Blog ดู Blog
Mitsubachi Food Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
The Kop Civil Music Blog ดู Blog
comicclubs Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: ตุ๊กจ้ะ วันที่: 29 กันยายน 2559 เวลา:22:41:06 น.
  
โหวต Book Blog ครับน้องแตง

พี่ก๋ายังไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้เลยครับ
น่าอ่านนะครับ

และพี่ก๋าเคยเข้าคุกด้วยครับ 555
เรื่องจริงนะ

แต่ไม่ได้เข้าไปเพราะทำผิดกฏหมาย
แต่เข้าไปบรรยายธรรมะให้นักโทษฟัง
เป็นบรรยากาศที่แปลกมากๆครับ

นักโทษนั่งฟังกันเงียบกริบเลย
ไม่รู้เค้าชอบหรือไม่ชอบ 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 กันยายน 2559 เวลา:22:54:08 น.
  
น่าอ่านน่าสนใจเหมือนกันนะคะเล่มนี้

comicclubs Book Blog ดู Blog
โดย: zungzaa วันที่: 5 ตุลาคม 2559 เวลา:7:31:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

comicclubs
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]



Group Blog
    All Blog
  •  Bloggang.com