All Blog
ม่านตะวัน...โดยอยุทธ์

ม่านตะวัน โดยอยุทธ์


บอกเล่าเรื่องราวของ “เอกภพ” ชายหนุ่มบุคลิกเงียบขรึม ด้วยแม่แยกทางกับพ่อตั้งแต่เขายังเล็ก พ่อจึงตราหน้าว่าเขาเป็นตัวแทนของความเจ็บปวด คอยบังคับกฎเกณฑ์ชีวิตของเขาเรื่อยมา ส่วนตัวเขาเองก็โทษพ่อที่ทำให้แม่ทิ้งไป ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ สร้างทิฐิขึ้นมาบดบังสายใยบางๆระหว่างคนทั้งคู่ ชีวิตของเขาจึงดำดิ่งสู่ความมืดมัว...


แต่กระนั้น แสงตะวันก็ยังลอดผ่านม่านเมฆมืดดำนั้นมายังเขาอีกครั้ง “น้ำฝน” หญิงสาวน่ารัก อ่อนหวาน ทั้งสองผูกพันแนบแน่นกันอย่างรวดเร็วด้วยแรงดึงดูดบางอย่าง หลอมรวมทั้งคู่ไว้ด้วยกายและใจ ด้วยหญิงสาวยอมรับตัวตนที่เลวร้ายของเขา ทำให้เขาอยากกลับมามี “ชีวิต” และวาดฝันอนาคตร่วมกับเธออีกครั้ง


แต่แล้วก็เหมือนฟ้าถล่ม แผ่นดินทลายลงมาตรงหน้า เมื่อชายหนุ่มได้รับรู้ “สถานะ” ที่แท้จริงของหญิงสาว เขาจะเลือกทางเดินเช่นไร ระหว่างอยู่กับคนที่รัก แต่ก็เหมือนฉุดรั้งทั้งเขาและเธอไว้ในห้วงนรก หรือเลือกเดินจากไป ยอมให้หัวใจถูกฉีกขาด ร้าวราน แล้วดำดิ่งสู่ความมืดมัวนั้นอีกครั้ง...


...จะให้เดินไปทางไหน จะให้ตอบอะไร


เมื่อไม่มีทางให้เดิน ไม่มีคำตอบให้คำถามนั้น...


(สนพ.อินเลิฟ ตีพิมพ์ ก.พ. 52 ำนวนหน้า 358 ราคาปก 248)



ผู้เขียนบอกในคำนำว่า เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจาก


เอ็มวีเพลง “คำถามที่ต้องตอบ” ของอ๊อฟ ปองศักดิ์


ซึ่งเป็นศิลปินที่เจ้าของบล็อกชื่นชอบมากๆๆๆ


ระหว่างที่อ่านรีวิวนี้ เพื่อนๆสามารถเปิดเพลงนี้เพื่อบิ๊วอารมณ์ตามได้เลยค่ะ ฮาๆ


(แต่เนื่องจากหา MV เต็มจาก Youtube ไม่เจอแล้ว ที่เคยใส่ไว้ก็ถูกลบไป เลยได้แต่เพลงอย่างเดียวมาแทน)





ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...


นางเอกพร่ำถามพระเอกในตอนที่ถูกบอกเลิกว่าเธอผิดอะไร? จริงๆแล้วเธอไม่ผิด ไม่มีใครผิด เมื่อความรักไม่ได้ขึ้นอยู่แค่คนสองคนรักกัน แต่มีปัจจัยหลายอย่างรอบด้านเข้ามาเกี่ยวข้อง ปัจจัยเดียวที่ทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดความสัมพันธ์ลงคือ “ความถูกต้อง” จากนั้นคลื่นความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้าใส่ทั้งคู่อย่างไม่หยุดยั้ง จนคนอ่านต้องภาวนา กลัวใจ อย่าให้ใครคนใดคนหนึ่ง “จิตหลุด” เลย โดยเฉพาะพระเอกที่จิตใจเปราะบางพร้อมจะแตกออกได้ทุกเมื่อ


พระเอกรู้ตัวว่าเขาไม่เข้มแข็งพอเท่านางเอก เหมือนกับที่เธอบอกเขา ว่าที่ผ่านมาเขาพยายาม “หนี” มาโดยตลอด แม้กระทั้งตอนนี้ ตอนที่ไม่มีทางให้เขาเดินได้อีกต่อไปแล้ว แต่เขาก็ยังหนี ทำไมเวลาคนเราพบเจอปัญหาจึงไม่สามารถทำตามคำพูดของตัวเราเองที่เคยชี้ทางให้คนอื่นได้เลย นั้นก็เพราะสิ่งที่เราต่อสู้อยู่ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็น “ตัวเราเอง” ต่างหากที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน ชีวิตของเขาอยู่กับความเจ็บปวดมากเกินไป จนคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเขา เมื่อได้เริ่มสัมผัสกับความรักและความหวัง แต่ความกลัวที่จะทุกข์ กลัวที่จะเจ็บปวดยังคงอยู่ จนเขาได้สร้างม่านมาบังตา บังใจ หันหลังให้กับความเป็นจริงที่ต้องเจอ


สุดท้ายแล้ว... สิ่งที่เขาเหลืออยู่ บุคคลรอบข้างที่รักเขาเสมอ และวันเวลาที่อาจเหลือเพียงเสี้ยววินาทีนี้ต่างหาก ที่เขาจะต้องทำมันให้มีคุณค่าที่สุดเพื่อเธอตลอดไป...


สำนวนการเขียนเหมือนได้อ่านนิยายแปลสักเรื่องเลยค่ะ ไม่หวือหวาเหมือนภาษาเขียนนิยายไทยในปัจจุบัน ทุกบทพูด ทุกการกระทำของตัวละคร บีบคั้นหัวใจคนอ่านไปเรื่อยๆ เรียกน้ำตา+น้ำมูกของคนอ่านให้ซึมออกมาได้เป็นระยะๆ พร้อมกับการตะโกนโวยวายในใจว่า ‘อย่าน้า อย่าน้า อย่าให้เป็นแบบนั้นเลยนะ ทำไมต้องให้คนสองคนที่รักกันมากมายต้องเจ็บปวดขนาดนี้ เมื่อไร่มันจะสิ้นสุดสักที T-T’


จนพบว่าสามารถอ่านต่อเนื่องได้เพียง 4-5 ตอน ก็ต้องหยุดพักสมองลุกเดินไปทำอะไรอย่างอื่นบ้าง ถึงแม้ใจจะอยากรู้อยากอ่านต่อเหลือเกินว่าจะเป็นยังไงต่อไป ฉากหวานแม้มีอยู่น้อยนิด แต่ก็ชอบทุกคู่ไม่เพียงแต่เฉพาะคู่พระ-นางเท่านั้น เพราะทำให้เราเชื่อและยิ้มได้กับรักที่ก่อเกิดหรือเยื่อใยที่คนในฉากมีต่อกัน


ความจริงเคยอ่านพล็อตประมาณนี้มาแล้วจากการ์ตูนญี่ปุ่นและหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้ดู (แต่อยากดูมากกก) ถือว่าผู้เขียน “อยุทธ์” ใจกล้าและจิตแข็งมากๆที่กล้าเล่นประเด็น “รักต้องห้าม” (อาจจะเคยมีคนเขียนแนวนี้รึยัง อันนี้ไม่รู้) สำหรับใครตั้งใจอ่านนิยายเบาๆ เพื่อคลายเครียด นิยายเรื่องนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก


แต่ถ้าใครชอบแนวดราม่ารันทด บีบหัวใจ แบบเจ้าของบล็อกนี้ ฮาๆ เชิญเลยค่ะ...


“ม่านตะวัน” มีตามนั้นที่คุณต้องการ...






Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 27 ตุลาคม 2556 19:11:42 น.
Counter : 4528 Pageviews.

16 comment
รอยฝันมายา...โดยชินณิตา

รอยฝันมายา โดยชินณิตา

บอกเล่าเรื่องราวของสาวน้อย เรณุกา ที่เติบโตมาในย่านโคมแดงในกรุงอัมสเตอร์ดัมที่ที่อาชีพขายบริการเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย ด้วยการเลี้ยงดูจากน้าสาวและน้าเขยที่เปิดตึกให้บริการด้านนี้เธอจึงไม่ต้องประกอบอาชีพนี้ แต่เมื่อธุรกิจครอบครัวกำลังจะไปไม่รอด เธอจึงต้อง “รับแขก” เป็นครั้งแรกให้กับผู้อุปถัมภ์รายหนึ่งที่ยื่นมือเข้ามาซื้อตึกที่เปรียบเสมือนบ้านของเธอเอาไว้ โดยตลอดมาชีวิตของเธอมีเพียงชายคนเดียวที่เธอรัก “วิส” ชายลึกลับที่เธอไม่เคยเจอหน้ากัน แต่ติดต่อกันผ่านทางจดหมายและข้อความผู้ซึ่งเป็นรักแรกและบุคคลที่เธอยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่งทางใจเรื่อยมา

วิลเฟรด อดีตนาวิกโยธินผู้ได้รับฉายาว่าเป็น “ปีศาจตัวโต” หน้าตาบึ้งตึงอยู่เป็นนิจ เขารับคำสัญญาจากเพื่อนรักที่จากไปโดยฝากให้ดูแลน้องสาวให้ดีที่สุด ให้เป็นได้ทั้งเพื่อน พี่ชาย หรือผู้ปกครองของเธอในยามทุกข์ยากเพียงเท่านั้น แต่ห้ามข้ามเส้นแดนมาเป็นคนรักของเธอเด็ดขาด!!แต่เขาจะทำเช่นไรเมื่อพบว่าการรักษาสัญญานั้นช่างยากยิ่งเพียงเขาได้พบเธอ....


(สนพ.อินเลิฟ ตีพิมพ์ ธ.ค. 55 จำนวนหน้า 316 ราคาปก 229)


ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...

โครงเรื่องเนื้อหาทำได้ดีค่ะค่อยข้างกระฉับไม่เยิ่นเย้อ อ่านได้เพลินๆดี พื้นเรื่องอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์การเล่าเรื่องถึงกิจการปลูกทิวลิปของพระเอก หรือแหล่งท่องเที่ยวที่พระ-นางไปเที่ยวทำได้ดี ไม่ได้รู้สึกว่าถูกยัดเยียดข้อมูลจนเกินไป

มาที่เนื้อเรื่องบ้างด้วยพระเอกเป็นคนห่วงใยความรู้สึกของคนอื่นมาก เลือกที่จะเก็บงำความลับหลายๆอย่างไว้กับตัว บวกกับแผนป่วงของเพื่อนพระเอกและตัวร้ายในเรื่อง ทำให้ความรักระหว่างพระ-นางยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ ดีที่นางเอกเข้าใจในการกระทำของพระเอกทุกอย่างที่ผ่านมา ไม่โกรธงอนที่ถูกพระเอกหลอก แต่เป็นฝ่ายเข้าหาและยืนเคียงข้าง เป็นกำลังให้พระเอกบ้าง

ชอบตอนที่นางเอกให้กำลังใจพระเอกว่า ให้พระเอกลองเปรียบทุกคนหรือทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นดั่งหัวทิวลิปที่เราไม่อาจรู้ได้ว่า เมื่อว่านปลูกมันลงไปแล้ว มันจะงอกเงยขึ้นมาเป็นดอกทิวลิปทุกหัวรึเปล่า? แล้วเมื่อเราตัดดอกขาย เราก็ต้องปล่อยมันไป เหมือนกับเราไม่สามารถควบคุมให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคาดหวัง เมื่อเกิดขึ้นแล้วบางอย่างก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมัน

จุดเดียวที่ไม่ชอบเลยคือฉากลึกซึ้งของพระ-นางเยอะเกินไป ตรงนี้แหละที่อ่านแล้วเบื่อ เพราะมีเกือบทุกฉากเลยทีเดียว (ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าเป็นแนวโรมานซ์ 20+ แล้วจะบ่นทำไมเนี่ย ฮาๆ) ทั้งที่เหตุและผลในจุดอื่นๆของเรื่องดีแทบทุกอย่าง แต่มาขัดตรงที่พระเอกบอกตัวเองอยู่ปาวๆว่าไม่อาจเป็นคนรักของนางเอกได้ และนางเอกที่บอกพระเอกอยู่ปาวๆว่าฉันไม่ใช่สาวโคมแดงนะ แต่พระเอกก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้เลย และนางเอกดูจะปฏิบัติตัวเหมือนสาวโคมแดงเข้าไปทุกที (คนอ่านก็พยายามเข้าใจตัวละครเต็มที่ว่า พระเอกรักมาก ส่วนนางเอกที่ใจกล้ามากขึ้นเพราะประสบการณ์ที่ได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เด็ก==”) ในฐานะคนอ่าน (ที่หัวโบราณ 55+) อยากแนะนำว่า ลดทอนลงบ้างก็ดี หรือยืดระยะเวลาที่จะเกิดครั้งแรกให้นานออกไปบ้างคงจะดีกว่านี้ค่ะ

ยินดีรับความฟังความคิดเห็นของเพื่อนๆนักอ่านนะคะ หรือถ้านักเขียนเจ้าผลงานผ่านมาทางนี้ก็แย้งได้ค่ะ ถ้าตรงไหนที่เข้าใจผิดไป ฮาๆ




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 27 ตุลาคม 2556 19:08:03 น.
Counter : 2084 Pageviews.

9 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  

kunaom
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]



iLength = document.images.length; for(i=0;i

kunaom's bookshelf: read

Saikano: The Last Love Song on This Little Planet, Vol. 01
really liked it
เวลาคนเป็นแฟนกัน เขาต้องทำอะไรกันบ้างนะ? เออ..จริงนะ เป็นคนที่คิดไม่ออก บอกไม่ถูก นึกคำตอบไม่ได้เช่นกัน คนเป็นแฟนกันเขาต้องทำไงบ้างหว่า? อาจเพราะในชีวิตนี้เรามีแค่ช่วงเวลาของการแอบๆรักคนเดียวเท่านั้นอะ ไปไม่ถึงขั้นรัก..กันแบบคนอื่นเขาเสี...
ฆาตกรรมคืนฝนดาวตก
liked it
ไม่ถึงกับผิดหวัง น่าจะบอกว่าความตื้นเต้นเร้าใจมีน้อยกว่าผลงานอื่นๆที่ได้ลองจากผู้เขียนอย่างที่เคยอ่านผ่านๆมา อาจเพราะเคยชินในมุกหรือวิธีการคิดซ่อนเงื่อนไขต่างๆที่คนเขียนมี จะว่าเป็นวิธีเก่าก็ไม่เชิง แต่ถูกนำเสนอในแบบที่นักเขียนสืบสวนส่วน...
เจ้าหญิงเม็ดทราย
really liked it
จะบอกว่าอ่านโปรยหลังแล้วสยดสยองมาก อะไรจะยุ่งเหยิงปานนั้น น้องชายพยายามจะแย่งคู่หมั้นพี่ชาย ส่วนไอ้คนพี่ก็จ้างวานเมียเก็บ (นางเอก) ของน้องให้มาเป็นเมียตัวเอง เพื่อช่วยปกปิดและรับเป็นพ่อเด็กที่ไอ้น้องเลวมันไข่ทิ้งไว้... คือคิดอะไรกันอยู่...
สายไปไหมที่จะรักเธอ, #2
it was amazing
ใจไม่แข็งพอ อย่าอ่าน... ก็ว่าเล่มนี้ไม่เห็นมีอะไร แต่ทำไมน้ำตาต้องไหล บอกได้แค่ว่านี่เป็นแค่นิยายน้ำเน่าเรื่องนึง ที่ไม่ใช่แค่นิยายน้ำเน่า...ดาดดื่นธรรมดาแน่นอน หลังจากงงกับเล่มหนึ่งว่าจะไปต่อได้ยังไง มาเล่มนี้อารมณ์ไม่เห็นจะบีบใจกันเท่...

goodreads.com
New Comments