All Blog
Rain บันทึกรักฤดูฝน ...โดยอาพัชรินทร์
Rain บันทึกรักฤดูฝน ...โดยอาพัชรินทร์

บอกเล่าเรื่องราวของ ดาว หญิงสาวคนธรรมดาที่ถูก คุณเรน เจ้าของร้านดอกไม้ขอแต่งงานท่ามกลางสายฝนชุ่มฉ่ำ ทั้งที่เธอเป็นคนโอดครวญขอเล่นน้ำฝนเอง เพียงเพราะใจประหวัดไปถึงชายเพียงคนเดียวที่ครอบครองใจเธอ...พี่ตฤณ

และแล้วเรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มขึ้นจากตรงนั้น...

'บางครั้งคนที่เรารัก กับคนที่เราร่วมชีวิต
อาจไม่ใช่คนๆเดียวกัน'



(สนพ.อักขระบันเทิง ตีพิมพ์ มิ.ย. 46 จำนวนหน้า 224 ราคาปก 160)


ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...

ผู้เีขียนตั้งคำถามไว้ในคำนำว่า...

หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยความสุข...สำหรับฉัน
ขณะที่บางคนได้อ่านแล้วบอกว่ามันเป็นความโศก
สุขกับโศก...ต่างกันที่สายตาคนมอง
ฉันเพียงใคร่รู้
คุณจะมองมันด้วยสายตาแบบไหน?...

ในสายตาของนักอ่านคนนี้ขอตอบว่า มันโศก...แบบอมสุขค่ะ 
แม้ความสุขจะมีอายุอันแสนสั้นในชีวิตของ ดาว พี่ตฤณ และคุณเรน 
แต่คนอ่านมองว่า มันก็คุ้มแล้วมิใช่หรือที่ช่วงชีวิตหนึ่ง เราได้สัมผัสกับช่วงเวลาที่หอมหวานนั้น และรู้สึกดีเหลือเกินที่ตัวละครในเรื่องได้ตระหนักและรับรู้ถึงการมีมันก่อนที่เวลานั้นจะผ่านเลยไป

มันเป็นโศกที่เจือปนไปด้วยความรัก ความโรแมนติก(ที่สุด >//<) บางช่วงบางตอนอ่านแล้วมีน้ำตา แต่พอพลิกไปอีกสองสามหน้า กลับปล่อยฮาออกมาซะงั้น 555+

รวมทั้งแง่มุมของการใช้ชีวิตคู่ ซึ่งคำว่า "รัก" อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอให้คนสองคนอยู่ร่วมกันได้ไปตลอดชีวิต สิ่งสำคัญกว่าคือ 'การกระทำ' และ 'คำพูด' ที่ยังคงต้องเกื้อหนุนกันและกันให้สองชีวิตนี้ได้เดินต่อไป

และแง่มุมของการใช้ชีวิต 
ชีวิตก็มีแค่นี้เอง...ทุกข์กับสุข
จะเอาอะไรมากมายกับทุกข์ แล้วร้องโวยวายว่าชีวิตหาความสุขไม่ได้สักที
แต่เชื่อเถอะ...สุข คุณก็มีอยู่ แต่อาจหลบซ่อนอยู่ในชีวิตช่วงใดช่วงหนึ่งของคุณ เพราะมันสั้นนัก คุณเลยอาจไม่รู้สึกถึงมัน...

สุดท้าย...ขอบคุณคุณ polyj ที่แนะนำนิยายเรื่องนี้ให้เราได้อ่านตาม อยากบอกว่าถูกใจมากเลยค่ะ แนวนี้ใช่เลยสำหรับเรา และขอบคุณเพื่อนๆใน Bloggang ด้วยที่ได้มาแชร์สิ่งดีๆต่อกันค่ะ ^^ 

อ่านจบแล้วมีความสุขจริงๆ




Create Date : 11 กันยายน 2556
Last Update : 27 ตุลาคม 2556 19:49:31 น.
Counter : 2038 Pageviews.

13 comment
สัมผัสเสน่หา...โดยพลิ้วอ่อน
สัมผัสเสน่หา โดยพลิ้วอ่อน

          บอกเล่าเรื่องราวของ นีรตา หญิงสาวบ้านนอกทึนทึก ที่หลบหนีการคลุมถุงชนเข้ามาในเมืองหลวง ตั้งใจมาขอความช่วยเหลือจากญาติที่อาจทำงานอยู่ในคฤหาสน์ของขุนนางหลวงนาม ฌาวี ผู้เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของราชา ขุนนางผู้ทรงอำนาจ เย็นชาและตาบอด!!

          ครั้งแรกที่เจอกันก็ได้เรื่อง เมื่อนางเดินเล่นจนหลงทางเข้าไปอยู่ในห้องอาบน้ำของเขา!! หลังจากนั้นยังต้องมาเป็นครูพี่เลี้ยงให้ลูกสาวของเขาอีกด้วย

...หรือสายตาที่มืดบอดจะไม่ได้บดบังสิ่งที่ตาคนปกติมองเห็น 
หรือด้วยความมืดบอดนี้อาจทำให้เขามองเห็นอะไรได้มากกว่าสิ่งที่คนปกติจะเห็นได้!! ...




(สนพ.อินเลิฟ ตีพิมพ์ ก.พ. 55 จำนวนหน้า 317 ราคาปก 229)


ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...

          เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากค่ะ ออกจะเน่านิดๆ พล็อตตามสูตรสำเร็จทั่วไป ที่หญิงสาวจากบ้านนอกกำลังตกที่นั่งลำบาก แล้วก็มีราชรถมาช่วยเหลือปกป้อง ผสมความลับดำมืดในอดีตของพระเอก ทำให้ความรักของทั้งคู่ไม่ราบรื่นนิดนึง สุดท้ายก็สมหวังแฮปปี้ 555+ เมื่อเทียบพล็อตกับอีกสองเรื่องก่อนหน้าที่เคยได้อ่่านของพลิ้วอ่อน คือ อย่าให้รู้ว่ารัก (ร้อน) กับเทพบุตรฉุดรัก ที่ดำเนินเรื่องในยุคปัจจุบัน พล็อตเรื่องแปลกดี และยังวางโครงเรื่องให้เชื่อมต่อกันได้ดีอีกด้วย เอาไว้ถ้ากองดองน้อยลงกว่านี้ จะเอามาอ่านใหม่ อยากรีวิวสองเรื่องนี้มากๆ ชอบๆ...

          ส่วนเรื่องนี้เป็นนิยายชุดที่เชื่อมต่อกันสี่เรื่อง บอกเล่าถึงอาณาจักรสมมุติที่ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างลับๆจากคนสี่กลุ่มในการปกครองประเทศคือ ราชา (ราชาร้อยเล่ห์) ขุนนาง (สัมผัสเสน่หา) พ่อค้า (มายาวาณิช) และโจร (วิมานโจร) ในเรื่องนี้เป็นภาคของขุนนางค่ะ ยังไม่เคยอ่านอีกสามเรื่อง แต่คิดว่าน่าจะอ่านแยกได้นะ 

          รู้สึกว่าตัวเองอ่านจบได้ไวมาก ทั้งที่จริงๆแล้วเป็นคนอ่านหนังสือช้ามาก อาจเพราะสำนวน+การเล่าเรื่องสนุกดี เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของพลิ้วอ่อนที่ไม่เหมือนใครคือ ในระหว่างที่เล่าเรื่องจะมีแทรกอดีตเพื่ออธิบายเรื่องไปพร้อมๆกันด้วย เช่น ตัวละครที่กำลังดำเนินเรื่องอยู่จะมีการนึกคิดไปถึงเหตุการณ์ หรือคำพูดของคนอื่นในอดีตแทรกเล็กๆ เป็นระยะๆ ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้เห็นภาพ แต่เราชอบนะ ไม่รู้สึกติดขัดอะไรเวลาอ่าน ส่วนฉากเรทมีบ้างและมาในเวลาที่เหมาะสม ไม่ได้เยอะเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆที่เคยได้อ่านจากสนพ.นี้ และไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญของเรื่องเมื่อเทียบกับคำโปรยจริงๆหลังเล่มที่พยายามทำให้พระเอกของเราดูหื่นกามไปเลย แต่จริงๆหาเป็นเช่นนั้นไม่...

         เรียกได้ว่าอ่านได้เรื่อยๆ สบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ว่าแล้วก็อยากอ่านเรื่องต่อไปที่เป็นเรื่องของพ่อค้าอยู่เหมือนนะ (มายาวาณิช)...อิอิ 






Create Date : 25 สิงหาคม 2556
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2557 18:15:58 น.
Counter : 4381 Pageviews.

16 comment
กว่าจะถึงพรุ่งนี้...โดยภาพิมล

กว่าจะถึงพรุ่งนี้...โดยภาพิมล

บอกเล่าเรื่องราวของ รุ่งทิพย์ เด็กสาวที่ถูกแม่นำมาทิ้งไว้ให้ตาเลี้ยงตั้งแต่เกิด แม้จะถูกเลี้ยงดูแบบตามมีตามเกิดและต้องรองรับอารมณ์ร้ายๆจากตา แต่เธอก็ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองกลับยึดคำสั่งสอนนั้นไว้ประคองตัว เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ด้วยไม่อยากถูกรังเกียจจากคนคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตนี้ของเธอ

          เมื่อตาจากไปโดยไม่ทันได้ล่ำลา สาวน้อยก็ถูก ‘น้าดาว’ ดาวรินทร์ ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนที่แม่เธอฝากฝังให้ช่วยดูแลเธอแทนตนพาให้ไปอยู่ด้วยกัน ด้วยสถานที่ใหม่ ชีวิตใหม่ และความคิดแบบเด็กๆเธอจึงตั้งแง่ต่อน้าดาวที่พรากเธอมาจากตา เมื่อเวลาผ่านไป จากการดูแลเอาใจใส่ประหนึ่งเหมือนว่าเธอเป็นลูก รุ่งทิพย์จึงเริ่มรักและเคารพน้าดาวเสมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธอคนหนึ่ง

        และชีวิตใหม่นี้ทำให้เธอได้พบกับ พิรุณ นายทหารผู้ติดตามท่านนายพลที่เป็น ‘ผู้อุปถัมภ์’ ของน้าดาว เมื่อพิรุณได้เคยช่วยชีวิตและคุ้มครองเธอเมื่อยังเยาว์ เธอจึงวาดฝันอยากให้ชายคนนี้เป็นพ่อของเธอ แต่เมื่อเติบโตขึ้นและระยะเวลาที่ห่างกันไปช่วงหนึ่ง ความเคารพนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นความคิดถึงแบบเสน่หา เมื่อเขากลับเข้ามาชิดใกล้และหลอมเธอด้วยคำหวาน…


กว่าจะถึงพรุ่งนี้...จะเป็นเช่นไร...ก็สุดแท้แต่ทางที่ตนเลือกเดิน...



(สนพ.ธราธร ตีพิมพ์ พ.ย. 55 จำนวนหน้า 319 ราคาปก 250)


ความรู้สึกหลังจากที่อ่าน...

จากเรื่องย่อด้านบนนั้นเหมือนจะเป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กสาวเพียงคนเดียว แต่แท้จริงแล้วเนื้อในบอกเล่าความสัมพันธ์ของตัวละครหลัก 3 คน คือ รุ่งทิพย์ ดาวรินทร์ และพิรุณ โดยเล่าผ่านชีวิตของรุ่งทิพย์เป็นแกนหลัก

ชอบที่ผู้เขียนสามารถบอกเล่าพัฒนาการความรู้สึกนึกคิดของตัวละครทั้งหมดได้ดี ทุกตัวมีมิติ ทั้งดีชั่ว ไม่ใช่ใครจะชั่วก็ชั่ว ไม่ใช่ใครจะดีก็ดีเกินเหตุ ทุกคนล้วนมีแรงพลักดันจากสิ่งแวดล้อมและจากตัวเองให้เห็นแก่ตัว ให้ไขว้ขวาหาความสมบูรณ์ทางโลกมากกว่าทางใจ เมื่อทุกอย่างไม่เดินตามทางที่ต้องการ แม้การศึกษาจะสูงเพียงใด ก็ไม่อาจหยุดยั้งแรงอารมณ์ที่พัดพาทุกอย่างให้พังลงได้ในพริบตา และไม่ใช่พออยากสำนึกผิดก็จะพูดออกมาได้เลยทันที

ส่วนสำนวนการเขียนในช่วงแรกๆที่บอกเล่าชีวิตในวัยเด็กของนางเอกสมัยที่อยู่กับตา การบรรยายไม่ค่อยสมูทเท่าไร การวางบริบทช่วงสนทนายังดูงงๆ ว่าใครทำอะไร ใครพูดอะไร แต่ช่วงหลังจากนั้นกลับรู้สึกว่าผู้เขียนสามารถพัฒนาการเขียนได้ดีขึ้นเรื่อยๆในระหว่างที่เขียนเรื่องนี้อยู่อย่างผิดหูผิดตาทีเดียว*0* แม้ภาษาที่ใช้ทั้งเรื่องดูจะโบราณเก่านิดๆ จนกระทั่งช่วงท้ายที่สำนวนดูจะดีและพีคตามเนื้อเรื่องไปอีกเมื่อผลของการกระทำของตัวละครเริ่มกระจ่างชัด แต่ละคำนั้นบาดคมมากๆทีเดียวเชียว...





Create Date : 18 สิงหาคม 2556
Last Update : 27 ตุลาคม 2556 19:43:49 น.
Counter : 3355 Pageviews.

15 comment
ยากล่อมใจในคืนฝัน...โดยโนเอะรุและเทราสเฟียร์

A tranquilizer for your Chrismas Eve

ยากล่อมใจในคืนฝัน...โดยโนเอะรุและเทราสเฟียร์


จิตแพทย์หนุ่มผู้พรั่งพร้อมด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติ


แต่มีบางอย่างขาดหายไป...

เด็กสาวผู้งดงาม แต่มีอดีตอันเลวร้าย ทำให้ไม่ยอมพูดกับใคร
เขากับเธอต่างมีบาดแผลในใจและความลับที่เปิดเผยต่ออีกฝ่ายไม่ได้...


จิตติ รับ ทัตตวา เป็นคนไข้เนื่องจากเธอไม่ได้เป็นใบ้แต่ไม่ยอมพูด

เขาทดลองทำทุกอย่างแต่ทัตตวาก็ไม่ยอมเอ่ยสักคำ

ทำให้เขาต้องการสืบหาอดีตที่เธอซ่อนไว้อย่างมิดชิด


จิตติมักระบายอารมณ์ผ่าน ‘การวิเคราะห์ตนเอง’ ในโลกไซเบอร์โดยแต่งเรื่องหลอกลวงว่าตนเป็นหญิงสาวผู้น่าสงสารเพื่อให้ผู้คนแสดงความเห็นใจ เขาสรุปว่าคนเหล่านั้นเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ขณะที่แสดงความคิดเห็นต่างๆ นานา ราวกับเทวดานางฟ้ามาโปรด แต่ตัวตนในโลกความจริงก็ประณามเขาไม่มีชิ้นดี


กระทั่งเขาได้แชตกับ เรคต์ ซึ่งฉลาดเหลือร้าย สามารถจับได้ว่าจิตติโกหก

เรคต์ปั่นหัวเขาด้วยอารมณ์ขันแกมทะลึ่ง และคอยช่วยจิตติค้นหาความลับอันดำมืดในอดีตของทัตตวา


แต่ยิ่งค้นจิตติก็พบว่าเบื้องหลังการไม่ยอมพูดของทัตตวาน่ากลัวเพียงไร เรื่องราวของเธอสะกิดบาดแผลในใจเขาเช่นกัน ในที่สุดจิตติก็รู้ตัวว่าเขาไม่ได้ช่วยเหลือเธอจริงๆ แต่กลับทำร้ายเธอโดยไม่รู้ตัว เขาสับสนระหว่างต้องการเหนี่ยวรั้งเธอไว้หรือผลักเธอออกไปจากชีวิต ขณะเดียวกันก็หวั่นไหวไปกับถ้อยคำของเรคต์ จนคิดว่าตัวเองคงชอบเพศเดียวกัน...

***ขอบคุณเรื่องย่อจากเวบสถาพรค่ะ***

(สนพ.พิมพ์คำ ตีพิมพ์ ก.ค. 56 จำนวนหน้า 348 ราคาปก 220)


ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...


     อาจเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับวิธีการเล่าเรื่องที่ผ่านมุมมองของตัวเอกเพียงคนเดียวของเรื่องอย่าง จิตติ นายจิตแพทย์หนุ่ม ผู้มีพร้อมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ หน้าที่การงานสมบูรณ์ แต่งานอดิเรกที่เขาตั้งชื่อเองว่า 'การวิเคราะห์ตนเอง' คือการโพสกระทู้บนเว็บบอร์ดสาธารณะ โดยอ้างตัวเองเป็นสาวไทยที่พบเจอความรักสุดรันทดในต่างแดน และเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น “เรื่องโกหก” ที่เขาแต่งขึ้นเองหรืออาจมีเค้าโครงจากบางส่วนในชีวิตจริงของเขา เพื่อดูปฏิกิริยาของผู้คนที่เข้ามาโจมตี วิพากษ์วิจารณ์หรือปลอบโยนผู้ตั้งกระทู้แสนรันทดนั้น ทำให้คนอ่านมองว่า “นี่มันจิตสมชื่อจริงๆ” บวกกับการบรรยายลากยาว ไม่แยกเป็นบทแบบนิยายทั่วไป ทำให้เหมือนไม่ได้พักหายใจ เมื่ออ่านไปได้ 50 กว่าหน้าก็เกือบยอมแพ้ที่จะอ่านเรื่องนี้ต่อไป (และไม่คิดด้วยว่าจะมีรีวิวนี้เกิดขึ้น เพราะเรื่องมันซับซ้อนเกินไป) แม้ว่าในเวลาต่อมาจิตติจะเจอเคสคนไข้ที่น่าสนใจอย่าง ทัตตวา แต่การเล่าเรื่องก็ยังเหมือนเดิมคือคนอ่านจะได้เห็นเพียงวิธีการคิดวิเคราะห์แบบหมอ หรือความคิดแบบสุดโต่งในบางเรื่องของการดำเนินชีวิต ชีวิตวนอยู่ในลูปเดิมที่ตื่นเช้าไปทำงานที่รพ. บอกเล่าปัญหาของคนไข้ที่พบเจอ ขับรถกลับบ้าน คว้ากระป๋องเบียร์ เปิดคอมเล่นอินเตอร์เน็ต เพื่อชื่นชมผลงานของตัวเองต่อไป...แต่แล้วเมื่อเรื่องดำเนินมาเกือบถึงครึ่งเล่ม คนอ่านก็พบว่าไม่สามารถหยุดอ่านได้อีกต่อไป...



     เมื่อผู้เขียนสามารถดึงความสงสัยใคร่รู้ของคนอ่านถึงสาเหตุของการ 'ไม่พูด' ของทัตตวา เธอไม่ใช่คนใบ้ เธอไม่ได้หูหนวก แต่มีบางสิ่งปิดกั้นเธอจากภายในไม่ให้เธอพูด หรือแม้แต่แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมา ปิดกั้นเธอจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เหมือนเธอเป็นแค่เพียงภาชนะว่างเปล่าที่เดินได้ หายใจได้ ทำได้อย่างมากคือการพยักหรือส่ายหน้า ทำไมเธอถึงมีบุคลิกที่เหมือนถูกแยกออกจากโลกนี้ตลอดเวลา บ่อยครั้งที่จิตติต้องตีความจากสิ่งที่เธอแสดงออกไปในสองทางคือ เธอรู้สึกแบบเดียวกับสิ่งที่ทำอยู่ กับ เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่คืออะไร แค่บอกให้ทำ เธอก็ทำไป จิตติค่อยๆกะเทาะเปลือกของเธอออกทีละนิด และอาศัยความร่วมมือในการสืบสาวเรื่องราวในอดีตเล็กน้อยของเธอจาก เรคต์ บุรุษนิรนามบนโลกออนไลน์ที่สามารถจับโกหกเรื่องการวิเคราะห์ตนเองของจิตติได้ เรคต์ไม่ได้เปิดโปงเรื่องโกหกของเขา แต่กลับชื่นชมหรือเกือบจะเทิดทูนเขาด้วยซ้ำ จนจิตติเกือบหวั่นไหว...



     คนอ่านไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าสิ่งใด หรืออะไรสร้างประกอบบุคคลที่มีบุคลิกแบบทัตตวาขึ้นมาได้ เมื่อความจริงเริ่มเปิดเผย คนอ่านพบว่าแท้จริงแล้วคนอย่างทัตตวาหรือจิตติ แทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย พวกเขามีพื้นฐานเหมือนกัน เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน โตมาในครอบครัวแบบเดียวกัน มีแผลในใจเหมือนกัน นั้นคือการไม่รู้ความหมายในการดำรงอยู่ของชีวิต เช่น ทัตตวาไม่เข้าใจว่าเด็กผู้หญิงจะเดินจูงมือกันทำไม เธอไม่รู้ความหมายในการกระทำนั้น? เหมือนที่จิตติเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันในตอนที่มีแฟนว่าจะเดินจับมือกันไปทำไม เขาอ้างว่าเมืองไทยนั้นร้อนแสนร้อนจะเหนียวมือเปล่าๆ แต่สิ่งที่ทั้งคู่ต่างกันคือ ทัตตวาไม่ได้เลือกให้ตัวเองมีสภาพชีวิตจิตใจเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่เมื่อเธอมีโอกาส เธอก็ยังเลือกที่จะเรียนรู้บุคลิกของตัวเอง เลือกที่จะร้องไห้ออกมาเมื่อสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไป แต่จิตติเลือกที่จะปฏิเสธความรักและความเชื่อมั่นจากคนรอบตัว เช่นถ้าเขาได้รับคำปลอบใจจากใครคนหนึ่ง จิตติจะคิดว่าเมื่อเวลาผ่านพ้นไปถึงพรุ่งนี้ เขาคนนั้นก็จะลืมมัน ที่ทำไปเพียงเพราะมารยาททางสังคมเท่านั้น เหมือนที่เขาเองก็จะลืมเรื่องของเมื่อวานเช่นกัน แล้วดำเนินชีวิตต่อไปในวงวนเดิมๆ โดยไม่สนใจใคร เขายืนยันว่าเข้มแข็งอยู่ได้โดยไม่มีใคร จึงสร้างเรื่องจอมปลอมเป็นข้ออ้างในการหลีกหนีจากความจริง เช่นเดียวกับการโพสในกระทู้ เพื่อยืนยันความสำคัญของตนเอง เป็นดั่งวิธีกล่อมใจให้เขาหลับใหลลงได้ในยามค่ำคืน...



เมื่อเรื่องดำเนินมาเกือบสุดทาง จิตติหมดความเชื่อมั่นในตนเองถึงขีดสุด ไม่เชื่อแม้กระทั้งว่าตนนั้นเป็นหมอเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้ทัตตวาดีขึ้นได้แล้ว เขาพยายามพลักไสทัตตวาไปจากการดูแลของตน เหมือนการชิงเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อนกับหญิงสาวที่คบกันคนแล้วคนเหล่า หมดความรักในตัวเองโดยสิ้นเชิงเมื่อความเชื่อมั่นนั้นหมดไป...



แต่บทสรุปของเรื่องเป็นอะไรที่คนอ่าน 'เดาได้' ว่าใครเป็นใครและคนทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร อาจเพราะมาจากสำนักพิมพ์ที่ได้ตีพิมพ์นี้ทำให้เรื่องจบแบบ 'ตามสูตรของนิยาย' แต่ตลอดเวลาที่อ่านกลับไม่ได้ให้ความรู้สึกของการอ่านนิยายเลย เหมือนกำลังอ่านบทคิดวิเคราะห์จิตของจิตแพทย์อยู่มากกว่า เลยรู้สึกว่าตอนจบมันเป๋ออกไปจากโทนเรื่องทั้งหมด แอบคิดไปเองว่าถ้าพิมพ์กับสำนักพิมพ์อื่น อาจได้ตอนจบที่ดูสมจริงกว่านี้ หรือจบแบบให้คนอ่านกลับไปคิดเอาเองจะดีกว่า...




Create Date : 03 สิงหาคม 2556
Last Update : 27 ตุลาคม 2556 19:42:04 น.
Counter : 2713 Pageviews.

19 comment
เสียงเพรียกจากหัวใจ...โดยรวิสิตางศุ์

เสียงเพรียกจากหัวใจ...โดยรวิสิตางศุ์

                บอกเล่าเรื่องราวของสาวใบ้ ปาฏลี และนายแบบหนุ่ม อัยย์ พี่น้องต่างสายเลือดที่เติบโตมาด้วยกัน จนเกิดความผูกพันมากเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทั้งคู่ก็รักษาระยะห่างนี้ไว้ กลัวว่าหากเปิดเผยความในใจออกไปแล้วอีกฝ่ายไม่เคยคิดเหมือนตนจะทำให้ช่วงเวลาดีๆที่มีอยู่ด้วยกันวันนี้แปรเปลี่ยนไป...


(สนพ.กรีนมายด์ ำนวนหน้า 206 ราคาปก 99)


ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...

                เรื่องราวในเรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก มันสั้นๆเหมือนเรื่องย่อด้านบนเลยค่ะ ตัวหนังสือเองก็เล่มเล็กบางมากจริงๆ เล่มนี้ได้มาจากงานหนังสือครอบครัวที่ผ่านมา สะดุดตรงปก สวยดี และเห็นมีปกแนวนี้เรียงอยู่ด้วยกันอีก 7-8 เล่ม ดูเหมือนทำออกมาเป็นเซ็ทเดียวกัน และที่สำคัญราคาเพียงเล่มละ 29 บาทเท่านั้นนนเอง*o* พลิกอ่านด้านหลังดู เรื่องนี้น่าจะแนวสุด เลยเลือกหยิบเล่มนี้มา

                อย่างที่บอกไว้ว่าเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากค่ะ พี่น้องต่างสายเลือดแอบรักกัน แต่ไม่กล้าเผยใจ กลัวบอกไปแล้วอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน แล้วจะมองหน้ากันไม่ติด แต่ในใจก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้ไหมถ้าอีกฝ่ายไปรักไปชอบคนอื่น อารมณ์ประมาณแอบรัก มีแอบหึงหวงกันบ้างก็น่ารักดีค่ะ ช่วงแรกมีติดๆอยู่บ้างที่คนอ่านยังไม่คุ้นชื่อพระ-นาง (อัยย์กับลี) เพราะคล้ายชื่อผู้หญิงทั้งสองชื่อ งงบ้างว่าใครเป็นใคร

ในเรื่องมีอุปสรรคบ้างเล็กน้อยที่ย่าของพระเอกอยากจับคู่พระเอกให้กับ ภีรดา ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่ย่ารับอุปการะส่งเสียจนโต ตอนแรกๆคนอ่านรำคาญตัวละครภีรดานี้มากๆ เพราะด้วยความที่เธอรักย่าพระเอกมาก จึงตามใจคนแก่ อยากได้อะไรทำให้หมด ย่าขอร้องให้ไปตามพระเอกมาเยี่ยมย่าบ้าง ภีรดาก็ไปตามตื้อพระเอกที่กองถ่ายแบบของพระเอก ตามเช้า ตามเย็น จนทำให้เกิดตัวละครอีกตัวคือ พฤกษ์ หลานชายอีกคนของย่าพระเอก มาช่วยเตือนสติภีรดาให้ตามใจคนแก่แต่พอดี ให้รู้จักปฎิเสธคน และให้เห็นกับความรู้สึกทางฝั่งพระเอกบ้าง จุดเริ่มต้นการพบกันของคู่ภีรดา-พฤกษ์น่ารักดีค่ะ แรกๆตาพฤกษ์จะไม่ค่อยถูกชะตาภีรดาเท่าไหร่เพราะตัดสินเอาเองว่าภีรดามีมารยาชอบเข้าหาผู้ชายแบบผู้หญิงทั่วไป จึงพูดจาไม่ดีใส่ ประกอบกับภีรดาก็เป็นคนดื้อเงียบ จึงมีง้องแง้งกันบ้าง น่ารักดี คนอ่านเลยรู้สึกว่าคู่นี้ไม่ได้เป็นแค่ตัวประกอบ กลับลุ้นคู่นี้มากกว่าคู่หลักเสียอีก

ส่วนสำนวนการเขียนดีค่ะ ตรรกะความคิดตัวละครก็โอเค จัดว่าอ่านได้เพลินๆและทำให้รู้สึกว่าอยากอ่านต่อเรื่อยๆไม่น่าเบื่อ ติดที่พล็อตเรื่องธรรมดาและสั้นไปหน่อยเท่านั้นเอง...




Create Date : 28 กรกฎาคม 2556
Last Update : 27 ตุลาคม 2556 19:39:21 น.
Counter : 1862 Pageviews.

12 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  

kunaom
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]



iLength = document.images.length; for(i=0;i

kunaom's bookshelf: read

Saikano: The Last Love Song on This Little Planet, Vol. 01
really liked it
เวลาคนเป็นแฟนกัน เขาต้องทำอะไรกันบ้างนะ? เออ..จริงนะ เป็นคนที่คิดไม่ออก บอกไม่ถูก นึกคำตอบไม่ได้เช่นกัน คนเป็นแฟนกันเขาต้องทำไงบ้างหว่า? อาจเพราะในชีวิตนี้เรามีแค่ช่วงเวลาของการแอบๆรักคนเดียวเท่านั้นอะ ไปไม่ถึงขั้นรัก..กันแบบคนอื่นเขาเสี...
ฆาตกรรมคืนฝนดาวตก
liked it
ไม่ถึงกับผิดหวัง น่าจะบอกว่าความตื้นเต้นเร้าใจมีน้อยกว่าผลงานอื่นๆที่ได้ลองจากผู้เขียนอย่างที่เคยอ่านผ่านๆมา อาจเพราะเคยชินในมุกหรือวิธีการคิดซ่อนเงื่อนไขต่างๆที่คนเขียนมี จะว่าเป็นวิธีเก่าก็ไม่เชิง แต่ถูกนำเสนอในแบบที่นักเขียนสืบสวนส่วน...
เจ้าหญิงเม็ดทราย
really liked it
จะบอกว่าอ่านโปรยหลังแล้วสยดสยองมาก อะไรจะยุ่งเหยิงปานนั้น น้องชายพยายามจะแย่งคู่หมั้นพี่ชาย ส่วนไอ้คนพี่ก็จ้างวานเมียเก็บ (นางเอก) ของน้องให้มาเป็นเมียตัวเอง เพื่อช่วยปกปิดและรับเป็นพ่อเด็กที่ไอ้น้องเลวมันไข่ทิ้งไว้... คือคิดอะไรกันอยู่...
สายไปไหมที่จะรักเธอ, #2
it was amazing
ใจไม่แข็งพอ อย่าอ่าน... ก็ว่าเล่มนี้ไม่เห็นมีอะไร แต่ทำไมน้ำตาต้องไหล บอกได้แค่ว่านี่เป็นแค่นิยายน้ำเน่าเรื่องนึง ที่ไม่ใช่แค่นิยายน้ำเน่า...ดาดดื่นธรรมดาแน่นอน หลังจากงงกับเล่มหนึ่งว่าจะไปต่อได้ยังไง มาเล่มนี้อารมณ์ไม่เห็นจะบีบใจกันเท่...

goodreads.com
New Comments