Group Blog All Blog
|
คมรักกามเทพ...โดย หันหรร
คมรักกามเทพ...โดย หันหรร บอกเล่าเรื่องราวความรัก ของนักผจญเพลิงหนุ่มกับคุณหนูแห่งบ้านพิชิตชาญชัย แม้ว่า ยรรยง จะเคยเป็นผู้ต่อลมหายใจให้ ยาหยัง ในครั้งที่เขาช่วยชีวิตเธอจากกองไฟ แค่สิ่งนั้นก็ยังไม่เพียงพอให้เขาได้สมรักกับคุณหนูผู้ร่ำรวย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ผู้ชายจนๆและคนไร้ซึ่งอนาคตในสายตาของคนอีกฝั่ง
เดือดร้อนให้ วิกรานต์ น้องสาวต่างสายเลือดของยรรยง จำต้องยื่นมือเข้ามาจัดการอะไรสักอย่าง ก่อนที่กำลังใจชีวิตพี่ชายของเธอจะมอดไหม้ลงบนกองไฟ ในทุกครั้งที่เขาออกไปปฏิบัติงาน... งานกู้ภัยใดๆที่เธอเคยอาสา ดูจะไม่เคยเสี่ยงภัยเทียบเท่างานนี้ เมื่อต้องมาสู้รบตบตีกับนาย นักรบ หัวเรือใหญ่ของพิชิตชาญชัย ผู้ไม่เคยยอมแพ้ใคร ในสมองไม่เคยมีคำว่าขาดทุนนอกจากกำไร ห่วงและหวงพี่สาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ศึกครานี้ใครกันที่จะได้อยู่หรือไป ก่อนกามเทพจะแผลงศร คงต้องมีคนที่เจ็บตัวและ..เจ็บใจไม่แพ้กัน
(สนพ.กรีนมายด์ ตีพิมพ์ พ.ค.57 จำนวนหน้า 367 ราคาปก 269)
ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...
นิยายเรื่องนี้ เราได้รู้จักจากหนังสือที่เพื่อนๆนำมาออกเดทกันเมื่อคราวกระโน้นน (ยังมีใครจำได้ไหมนะ 555) เราเองได้อ่านจบมานานมากกก+แล้ว แต่เพิ่งจะมีอารมณ์เขียนถึง จากโทนเรื่องและหน้าปก ดูจะเป็นเรื่องราวกุ๊กกิ๊กโรแมนติกของใครสักคนที่อยากทำตัวเป็นกามเทพเชื่อมรักให้คนใกล้ตัว แต่กลับกลายเป็นตัวที่โดนศรรักเข้าเสียเอง...ใช่ นั่นคือพล็อตใหญ่ ที่รายละเอียดภายในมีความแตกต่าง...
ที่แตกต่างคือ นางเอกเราไม่ได้ต้องการเป็นกามเทพให้พี่ชายของเธอตั้งแต่แรก กลับกันเธออยากให้เขาตัดใจจากรักครั้งนี้ ก่อนที่เขาจะตัดอนาคตตัวเองต่างหาก เธอรู้ข้อแตกต่างของพี่ชายและหญิงสาวผู้นั้นดี ถึงจะรักกันเช่นไร แต่ในสายตาของสังคมที่วัดคุณค่าของทุกๆสิ่งด้วยทรัพย์สิน หนี้ชีวิตที่พี่ชายเธอมีต่อหญิงสาวให้รอดตายมาได้ ดูจะเป็นเรื่องเศร้าที่มันไม่มีคุณค่ามากพอที่จะซื้อใจ แม้แต่เศษเสี้ยวของความเคารพนับถือในฐานะของผู้มีพระคุณก็ยังไม่มี เมื่อครอบครัวนักธุรกิจฝั่งนั้นไม่มีทางที่จะเอาอนาคตดีๆของคนของพวกเขา มาวางไว้ในมือของคนที่ไร้หลักประกันใดๆในชีวิต อย่างนักผจญเพลิงเช่นนั้น
ความจริงในแง่ความดราม่าของคู่พี่ชาย (นางเอก) - พี่สาว (พระเอก) ไม่ได้เด่นเท่าไหร่หรอก เรื่องนี้ยังมีความน่ารักของคู่พระ-นางหลักต่างหาก... พระเอกเป็นพวกนักธุรกิจบ้าพลัง เห็นทุกอย่างเป็นกำไรขาดทุนไปซะหมด ขาดเซ้นท์ด้านความรักโดนสิ้นเชิง ในสายตาคุณครูอย่างนางเอกของเรา เขาจึงเหมือนเด็กเกเรบ้าคลั่งชัยชนะสมชื่อเล่น วีสาม (ที่มาของชื่อน่ะ ฮามากนะคะ 555) แม้นางเอกจะรับมือกับอารมณ์ชอบเอาชนะแบบเด็กๆของพระเอกได้ แต่เขาก็ฉลาดเว่อร์ๆแก้เกมนางเอกได้เช่นกัน เรียกว่าพระ-นางเท่าทันกันตลอดเว เราชอบคาแรคเตอร์ทั้งพระ ทั้งนางเลย ชอบๆ
เรื่องนี้คนเขียนยังนำเสนอเรื่องราวของคน 2 กลุ่ม นักผจญเพลิง กับคนที่เป็น ออทิสติก มาให้คนอ่านรู้จัก ซึ่งไม่ได้ลงลึกอะไรมากนัก นอกจากให้เราได้เห็นคุณค่าคนของคนทั้งสองกลุ่มนี้ โดยปมหลักจะเป็นรักต่างชนชั้นมากกว่าที่ทำให้ทั้งคู่หลักและคู่รองรักกันไม่ได้ แม้แต่บุญคุณชีวิตที่เคยมีต่อกัน ยังไม่มีค่าพอให้ตอบแทน ถือว่าผู้เขียนเปิดปมและไขปมนี้ได้ดี ให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงค่อยๆเป็นค่อยๆจนจบ มีหักคะแนนในช่วงกลางเรื่องที่ใส่ปมสืบสวนเล็กๆเข้ามา ให้เรื่องออกอ่าวไปหน่อย แถมบรรยายหลุดๆ บริบทของตัวละครกระโดดไปมา เว้นวรรคประโยคแปลกๆ อันนี้คงต้องโทษคนพิสูจน์อักษรด้วย
ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่น่ารักและดีทีเดียว ชอบวิธีการถ่ายทอดความคิดของคนเขียน ให้มุมคิดอะไรได้หลายอย่าง ภาษาสำนวนดี ลื่นไหล บางฉากเล่นและเร้าอารมณ์ระทึกใจ เป็นอีกนามปากกาเลยที่จดจำไว้ตามผลงาน... เจตนาเลือด...โดย ฮิงาชิโนะ เคโงะ
เจตนาเลือด...โดย ฮิงาชิโนะ เคโงะ สุริยงวรวุฒิ สิริวิวัฒน์กุล แปล
บอกเล่าเรื่องราวในคราวที่นักเขียนชื่อดังถูกพบเป็นศพในบ้านของตัวเอง ตัวฆาตกรเป็นคนกันเอง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวผู้ตาย สำนวนคดีดูเหมือนจะคลีคลาย พบทั้งผู้กระทำ พร้อมทั้งทุกหลักฐานที่ชี้นำ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่พบ...แรงจูงใจ! เจตนาเลือดที่หลบซ่อนลึกลงในจิตใจ คือสิ่งใดกันแน่?
(สนพ.เนชั่นบุ๊คส์ ตีพิมพ์ ส.ค. 52 จำนวนหน้า 384 ราคาปก 265)
ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...
เป็นนิยายที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังแกะห่อของขวัญ ...ที่สุดท้ายกลายเป็นกล่องปริศนา
สิ่งที่ซ่อนลึกสุดในนิยายสืบสวนเรื่องนี้คือ 'เจตนา' ของฆาตกร หรือที่เรียกในศัพท์สืบสวนคือ แรงจูงใจ ของการฆาตกรรม ผู้เขียนซ่อนมันไว้ด้วยกลเม็ดของการเล่าเรื่องผ่านตัวอักษร ในรูปแบบของบันทึกความทรงจำของตัวฆาตกร...
เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังเสพ 'เรื่องเล่า' ไม่ใช่เรื่องจริง... แม้ว่าเรื่องเหล่านั้นเราจะได้ยินได้ฟังจากผู้ที่ประสบพบเหตุด้วยตนเองก็ตาม กระนั้นมันก็ยังได้รับการปรุงแต่งออกมาจากกระบวนความคิดของคนผู้นั้นมาบ้าง ไม่มาก..ก็น้อย มิใช่หรือ? ยิ่งตัวเอกของเรื่องเป็นนักเขียนนิยาย จึงเป็นการง่ายที่จะบิดเบือนเนื้อหาด้วยคำศัพท์ ด้วยวลี ด้วยสำนวน เพื่อสร้าง มนุษย์ ตกแต่งตัวละครออกมา แล้วนำมาปลูกสร้างในความคิดของเรา ในหัวสมองของเรา มีทั้งล่อหลอกรวมทั้งปลุกปั่น ให้ความคิดเหล่านั้นหนีห่างจากประเด็นของ..ความเป็นจริง ไปได้ไกลแสนไกลเพียงไร...
ในแง่อรรถรสของการอ่าน คิดว่าหลายๆคนคงมีหาวเป็นแน่ เพราะเป็นการเล่าด้วยบันทึกซะเป็นส่วนใหญ่ เหมือนเรากำลังอ่านไดอารี่ของใครคนอื่นอยู่ จะมีบทสนทนาบ้างในบางช่วงบางตอน ภาษาแปลที่ใช้เรียบเรียงก็ไม่ค่อยสละสลวยนัก หากว่าใครไม่ใช่คอนิยายสืบสวน หรือไม่ชินกับแนวแปลญี่ปุ่น เนิบๆ เรื่อยๆมาเรียงๆ คงได้มีถอดใจวางกันก่อนเป็นแน่
โดยส่วนตัวแล้วอาจเพราะความเคยชินก็เป็นได้ หรือเพราะชื่นชอบงานของผู้เขียนเป็นทุนเดิม ถึงเรื่องนี้จะไม่ได้พีคมากในบรรดางานของเคโงะที่เคยได้เสพ และยังเล่าด้วย 'ผม' ในสไตล์ที่เราไม่ถนัด แต่ก็ยังชวนอ่านได้อย่างน่าประหลาดใจ เพราะอยากรู้ว่าสิ่งใดซุกซ่อนไว้ใน...เจตนา ที่เทคะแนนสูงให้ อาจเพราะลำเอียงต่อผู้เขียนที่ชื่นชอบก็ส่วนหนึ่ง 555+ แต่อีกส่วนซึ่งสำคัญมากๆคือ ความล้ำลึกและซับซ้อนของเนื้อหาต่างหากเล่า... แบบว่าถ้าไม่ใช่เขา ไม่ใช่เคโงะ คงทำไม่ได้นะนี่... สิ้นแสงฉาน...โดย Inge Sargent
สิ้นแสงฉาน...โดย Inge Sargent มนันยา แปล บอกเล่าเรื่องราวดุจดั่งเทพนิยายของ อิเง่ เมื่อครั้งหญิงสาวตัดสินใจจากบ้านเกิดของตนเองที่ออสเตรีย มาเริ่มต้นชีวิตคู่ที่บ้านเกิดของสามี ในทันทีที่เธอย้ำเท้าลงบนพื้นแผ่นดินพม่า เธอกลับค้นพบความจริงเกี่ยวกับ จาแสง ผู้ชายที่ยืนอยู่เคียงข้างเธอคนนี้ ความจริงที่ทำให้ชีวิตจากนี้ของเธอไม่อาจกลับไปอยู่จุดเดิมได้อีกตลอดกาล... (สนพ.มติชน พิมพ์ครั้งที่ 6 ก.พ.58 จำนวนหน้า 336 ราคาปก 240)
ความรู้สึกหลังจากที่อ่าน...
สิ้นแสงฉานแปลจากเรื่อง TWILIGHTOVER BURMA : My Life as a Shan Princess เป็นเรื่องราวที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมาจากชีวิตของตนเอง ชีวิตของ อิงเง่ ซาเจนท์ เหมือนดั่งอยู่ในเทพนิยาย เธอได้ค้นพบในภายหลังว่าชายชาวตะวันออกที่เธอตัดสินใจแต่งงานด้วยนั้นไม่ใช่คนธรรมดา! เมื่อเขาพาเธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันยังแผ่นดินพม่า บ้านเกิดเมืองนอนของเขา เธอต้องตกตะลึงเมื่อผู้คนต่างจัดพิธีต้อนรับอย่างใหญ่โต ให้สมกับการกลับมาของ เจ้าฟ้าจาแสง ผู้ครองเมื่องสีป่อ แห่งรัฐฉาน และตัวเธอนั้นได้กลายเป็นพระชายามีนามใหม่ว่า สุจันทรี
เรื่องราวเล่าผ่านชีวิตของสาวสามัญชนชาวตะวันตกที่ต้องปรับตัวจากชีวิตคนธรรมดาอย่างกะทันหัน ทั้งในฐานะทางสังคมที่เปลี่ยนแปลง และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทั้งภาษา วัฒนธรรมประเพณี ผู้คนที่แปลกใหม่ ทั้งยังความกดดันทางการเมืองที่ไม่เคยสงบนิ่งของแผ่นดินนี้ แม้เธอจะมีเพียงพระสวามีเป็นหลักพิง เธอก็สามารถปรับตัวปรับใจ พัฒนาตนขึ้นมายืนอยู่เคียงข้างเขาได้สมเกียรติ และเป็นที่รักของชาวประชา แต่ช่วงชีวิตเหมือนฝันนั้นช่างแสนสั้น เมื่อไฟแห่งอำนาจคืนคลานเข้ามา เผาพลาญความหวังพลังใจของเธอให้มอดไหม้ลงไปทุกวัน...
แม้จะเป็นเรื่องที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์ของผู้เขียน แต่ก็ไม่ได้เล่าผ่านมุมมองของหญิงสาวเพียงฝ่ายเดียว เราจะได้รสของนิยายด้วยเรื่องมีการเล่าผ่านมุมของเจ้าฟ้าจาแสงด้วย เป็นมุมมองที่มองให้ดีแล้วล้วนต้องผ่านการกลั่นกรองจากประสบการณ์และ...จากจินตนาการผู้เขียนเท่านั้น ความคิดของเขา ปณิธานของเขา และสิงที่เขาต้องประสบในบางช่วงบางตอนซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้เขียนพบเจอเอง ทุกอย่างล้วนเกิดจากความหวังอย่างแรกกล้าของผู้เขียน ให้สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาและเธอไม่เคยเกิดขึ้นจริง...T-T
คุณสามารถจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนที่นี่ให้ดีขึ้นได้แน่ๆ ฉันเชื่อค่ะ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันแหละว่าจะทำได้หรือเปล่า แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครทำได้ไหม
สิ้นแสงฉานเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์พม่า ในเหตุการณ์รัฐประหารยึดอำนาจของนายพลเนวินช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานนัก มีการใส่เนื้อหาวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ ความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองผ่านสายตาของผู้เขียนอยู่มากมาย เหมาะสำหรับนักอ่านที่สนใจแนวอิงประวัติศาสตร์คงจะชื่นชอบได้ไม่ยากนัก ส่วนตัวมีอ่านข้ามเป็นพักๆ เนื่องจากสนใจความเป็นไปในชีวิตของเจ้าฟ้าจาแสงและพระนางสุจันทรีมากกว่า เมื่อเราเองได้ตะหนักรู้ว่า เรื่องราวในมุมของเจ้าฟ้าจาแสงที่ถูกถ่ายทอดออกมาให้โลกรับรู้นั้น น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยเพียงใด ยังความสะเทือนใจอยู่ลึกๆภายในเมื่อได้อ่านจบ เพราะโลกก็คงยังไม่ได้รับรู้...ต่อไป
พระรูปที่ฉายอย่างเป็นทางการของเจ้าฟ้าจาแสงกับพระนางสุจันทรี สิ้นแสงฉานกำลังถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกับหนังสือต้นฉบับ Twilight over Burma น่าดูทีเดียวเชียว...
ลำนำบุปผา เล่ม 1...โดย วสันต์จันทรา/ อาทิตยคิมหันต์/ อนิลสารท
ลำนำบุปผา เล่ม 1...โดย วสันต์จันทรา/ อาทิตยคิมหันต์/ อนิลสารท
กรงดอกท้อ ...ขังกายมิอาจขัง ดวงจิต โคมอวี้หลาน ...ผูกชิดวิญญาณ เราสอง ม่วงระย้ารำพัน ...เดียวดายไร้ คนครอง ลำนำบุปผา เล่าทำนอง ชั่วนิรันดร์..
กรงดอกท้อ วสันต์จันทรา "เจ้ารักข้าไหม" หญิงสาวย้ำคำถามเดิม ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน... กรงดอกท้อ ...เป็นเรื่องของคุณชายที่พลัดหลงเข้าไปในสวนดอกไม้งาม และเกิดเป็นที่ถูกตาต้องใจของภูตบุปผาสาวนางหนึ่งเข้า (ดอกท้อ) นางจึงยึดเอาตัวเขามาใส่กรง (บ้านที่นางเสกขึ้น) ให้อยู่เป็นเพื่อนคุย ให้มาเป็นหมอนหนุน? ของนาง... เรื่องนี้คนเขียนออกตัวไว้ตั้งแต่คำนำแล้วว่า..เบาๆ เมื่ออ่านแล้วก็พบว่า...เบาจริงๆ == อ่านแบบพัก มีเปิดมีปิดไปตลอดทาง ทั้งพล็อต ทั้งเหตุผลรองรับการกระทำตัวละครดูจะบางเบาง่ายๆไปเสียหมด ไม่ค่อยปลื้มที่ดูเหมือนพัฒนาการของรักเกิดหลังสัมพันธ์ทางกาย หากใครไม่คิดมากกระไรคงฟินๆได้อยู่กระมัง ยังมีข้อดีได้ตรงบทพิสูจน์ใจกันช่วงท้าย ถือว่ามุขนี้ผ่านทีเดียว...
โคมอวี้หลาน อาทิตยคิมหันต์ "ข้าจะลิ้มรสเจ้าทั้งตัว
ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน... โคมอวี้หลาน ...คือเรื่องของคุณหนูขี้โรค ทั้งยังที่นางเกิดมาเป็นเพียงบุตรสาว จึงไร้ผู้ใดในสกุลแลเหลียว ในวันที่เดียวดายเช่นทุกวัน นางกลับได้พบปีศาจรูปงามตนนั้นใต้ต้นอวี้หลาน... เรื่องนี้เริ่มปมด้วยการพบกันของปีศาจหนุ่มกับคุณหนูสกุลใหญ่ จู่ๆเธอก็พบเขาที่หลังบ้านของเธอเอง แต่มีหรือที่ตัวเธอจะแยแส แม้เขาจะประกาศขู่ว่าอยากถลกเนื้อหนัง เธอก็ยังไม่เคยกลัวเกรง? คนเขียนทำเหมือนว่าการพบปะพูดคุยของเขาและเธอ จะเป็นเพียงส่วนประกอบและการปูทางมากกว่า บทพูดบทสนทนาอาจมีงงๆบ้าง ต้องตีความบ้าง หื่นบ้าง ฟินบ้าง แต่เนื้อหาหลักคือการตีแพร่ชีวิตดราม่าในครัวเรือนนางเอกต่างหาก ก่อนจะนำเราไปสู่จุดจบหักศอก ดึงกรามล่างของคนอ่านให้อึ้ง ตะลึงค้าง *0* ในความดาร์กดราม่า ฮาร์ดคอ...เช่นนั้น
ม่วงระย้ารำพัน อนิลสารท เขาเป็นบุรุษ...
ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน... ม่วงระย้ารำพัน ...เป็นเรื่องราวของภูตบุปผาสาว (ดอกจื่อเถิง) ที่ต้องการหาบุรุษสักคนไว้เป็นโถยาของตน ปราณบุรุษเท่านั้นที่จะช่วยคงรูปกายแบบมนุษย์ของนางไว้ได้ และเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่นางช่วยไว้ บุญคุณจักต้องตอบแทนกันบ้าง... ถือว่าเป็นเรื่องที่กลมกล่อมลงตัวที่สุด ถึงพล็อตจะคล้ายๆกับเรื่องแรก แต่มีการตีความ หาเหตุรองรับการกระทำตัวละครที่น่าเชื่อถือกว่า เล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมยังแลดูมีลับลมคนในในเวลาเดียวกัน ภาษาลึกซึ้งละมุนละไม สอดแทรกไว้ด้วยบทกลอนไพเราะ ทำให้รู้สึกเขินอายและลุ้นไปกับความรักของพระนางคู่นี้ได้จริงๆ มีในช่วงสองสามหน้าสุดท้าย ที่ว่าคล้ายหน้ากระดาษมีจำกัด จึงรวบรัดตัดความด้วยการเฉลยเรื่องผ่านปากเล่า แต่ก็แลดูเศร้าได้อีกนัยหนึ่ง... T-T
ทั้งหมดคือเรื่องสั้น เป็นเรื่องเล่าผ่านความงามของบุปผาชาติ มีหัวเราะบ้าง หื่นบ้าง เสียน้ำตาบ้าง สุขบ้าง เศร้าบ้าง หลากหลายรสคละเคล้ากันไป เป็นฝีมือของนักเขียนไทย ร้อยเรียงถ้อยคำไว้ด้วยสำนวนจีน ส่วนตัวอ่านแล้วมิได้อึดอัดขัดใจ อาจมีแตกต่างกันไปตามระดับความสละสลวยในภาษา... ส่วนรูปเล่มไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นเหตุผลหลักที่ซื้อหา 55+ ปกสวยงามแปลกตา มีภาพประกอบพร้อมกระดาษไขคั่นในตัว เล็งเห็นความตั้งใจของผู้จัดทำจริงๆ (แม้ยังมีคำผิดตกหล่นบ้างเล็กน้อย เนื่องจากผู้เขียนตรวจทานกันเอง) จขบ.ต้องขออภัยที่นำมาบอกกล่าวหลังหนังสือออกมาได้สักพักแล้ว (แบบว่าดองอยู่ ...เอิ๊กก) เพราะน่าเสียดายที่พิมพจำกัด ไม่กลับมาพิมพ์ซ้ำเสียแล้ว หากใครสนใจคงต้องลองมองๆดู เผื่อมีใครนำมาปล่อยกันนะคะ... (ขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจากเพจ ลำนำบุปผา ค่ะ) ดั่งฝันวันวาน...โดย นณกร
ดั่งฝันวันวาน...โดย นณกร บอกเล่าเรื่องของหญิงสาวผู้ตื่นขึ้นมาพบว่าตนไร้ซึ่งความทรงจำ และยังมีชายหนุ่มสามคนเข้ามาวนเวียนชิดใกล้ แต่เธอจำไม่ได้แล้วว่าเคยฝากใจไว้ที่ใคร คนไหนกันแน่คือตัวจริงในใจเธอ หรือเขากับเธอคงได้พบกัน แค่เพียงในฝัน และ...วันวาน (สนพ.คำต่อคำ ตีพิมพ์ ส.ค.57 จำนวนหน้า 387 ราคาปก 270 ) ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน... นะ-นะ-กอน ชื่อคนเขียนอ่านแบบนี้ ทีแรกมองผ่านๆอ่านเป็น นอ-ระ-กอน ทุกที ==; ภาษาสำนวนคล้องจองลื่นไหลอ่านเพลินดี มีสะดุดเพียงสรรพนาม เขา ในฉากที่มีชายหนุ่มมากกว่าหนึ่งคน บางทีอ่านแล้วมีงงว่าหมายถึงเขาคนไหนกัน... เพราะในนิยายเรื่องนี้จะมีชายหนุ่มแสนดีถึง 3 คน มาให้นางเอกเลือก มาให้เธอเดา มาให้เธอต้องปะติดปะต่อเอา ว่าคนไหนที่ใจเธอต้องการ เมื่อเธอจำไม่ได้แล้วว่าเคยรักใคร มันเลือนหายไปพร้อมกับความทรงจำทั้งหมดที่มี!.. ช่วงแรกคนเขียนปูเหตุการณ์ ตัดสลับฉากให้เหมือนว่าชายทั้งสามมีรักและผูกพันกับเธอทั้งนั้น และเธอก็ดูจะไหวหวั่นไปกับทุกคน แต่เมื่อคนเขียนนำพาให้คนอ่านรู้จักกับพวกเขาเหล่านั้นจนครบทั้งสามคน ความสับสนงุนงงก็หมดไป พอเดาได้และมองออกว่าใครจะใช่ และใครกันที่ไม่ใช่ ความน่าลุ้นอะไรก็เลยลดลงไป...แต่นั้นก็แค่ครึ่งแรกของเรื่องเท่านั้นเอง และกับคาแรคเตอร์นางเอก ในบางครั้งเธอก็มีไว้ตัว ในบางคราวที่ไม่กลัวเธอก็กล้าเย้าแหย่ เลยดูมีจริตจะก้านมารยาหญิงโดยไม่ตั้งใจ ในสายตาคนอ่าน (ที่เป็นหญิง 55+) จึงมองไม่เห็นว่าน่ารักตรงไหน แต่คงน่าเอ็นดูในสายตาผู้ชาย หัวกระไดบ้านเธอจึงไม่เคยเหือดแห้งได้เลยสักที ก็พอเข้าใจว่าบทตั้งใจให้เธอเป็นคนเช่นนี้ เพราะหากให้เธอชัดเจนมากพอ คงไม่เกิดโศกนาฏกรรมได้อย่างวันนั้น...
ชายคนหนึ่ง รักเธอเพื่อครอบครอง... ชายคนหนึ่ง ยินดีเฝ้ารอแม้เธอยังไม่รัก... ชายคนหนึ่ง ต้องกักเก็บรักนั้น..ให้ลึกสุดใจ ไม่ว่ารูปแบบความรักจะแตกต่างกันไป สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ไม่เคยต่างกัน พวกเขาพร้อมทำเพื่อคนคนเดียวนั้น ให้เธอพบรักและมีความสุขเท่านั้นเป็นพอ คนอ่านจึงขอยกตำแหน่ง พระเอก ให้เขาทั้งสาม ไม่มีใครเป็นรองใคร เพราะพวกเขาต่างก็เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน อ่านแล้วร้องไห้ไปกับพวกเขาทั้งสามคนเลย T^T หรือที่แท้แล้วใครจะใช่หรือไม่ใช่ตัวจริง อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ใครมีลับลมคมในนั้นดูกันไม่ยาก คำตอบที่นอนรออยู่ปลายทางต่างหากที่ผู้เขียนตั้งใจจะบอก คนเราจะยอมรับกับคำตอบที่รู้อยู่แล้วหรือไม่?... หรือจะยอมหลอกตัวเอง ปิดหูปิดตาคิดว่าเขามีใจ ยึดติดกับครั้งหนึ่งที่เคยมีกัน หรือวาดหวังให้ได้รักกันสักครั้ง โดยไม่สนว่าจะทำร้ายคนรอบกายไปเท่าใดกัน กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่ฝันได้พังสลาย กลายเป็นตัวเองที่เจ็บปวดจนปางตาย ทั้งหมดก็เพราะเรา...ไม่ยอมรับความเป็นจริง ดั่งเช่นความจริงสุดท้ายที่ตัวละครต่างรู้ และคนอ่านก็รู้!! มันพิสูจน์ใจกันจริงๆ ยากนักที่ใครจะยอมรับ ขนาดคนอ่านเองยังไม่อยากทำใจรับ คงไม่แปลกนักที่ให้เธอ...ลืม จริงๆผู้เขียนจะเล่นปมนี้ให้ดาร์กดราม่าสุดๆไปเลยก็ได้ ให้เจ็บปวดจนตายกันไปเลยก็ดี (แบบว่าคนอ่านซาดิสม์เล็กๆ 55+) ให้สมกับเหตุที่เธอควรจะลืม... ลืมไปหมดทุกอย่างได้ก็คงจะดี T-T |
kunaom
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?] kunaom's bookshelf: read
เวลาคนเป็นแฟนกัน เขาต้องทำอะไรกันบ้างนะ?
เออ..จริงนะ เป็นคนที่คิดไม่ออก บอกไม่ถูก นึกคำตอบไม่ได้เช่นกัน คนเป็นแฟนกันเขาต้องทำไงบ้างหว่า? อาจเพราะในชีวิตนี้เรามีแค่ช่วงเวลาของการแอบๆรักคนเดียวเท่านั้นอะ ไปไม่ถึงขั้นรัก..กันแบบคนอื่นเขาเสี...
ไม่ถึงกับผิดหวัง น่าจะบอกว่าความตื้นเต้นเร้าใจมีน้อยกว่าผลงานอื่นๆที่ได้ลองจากผู้เขียนอย่างที่เคยอ่านผ่านๆมา อาจเพราะเคยชินในมุกหรือวิธีการคิดซ่อนเงื่อนไขต่างๆที่คนเขียนมี จะว่าเป็นวิธีเก่าก็ไม่เชิง แต่ถูกนำเสนอในแบบที่นักเขียนสืบสวนส่วน...
จะบอกว่าอ่านโปรยหลังแล้วสยดสยองมาก อะไรจะยุ่งเหยิงปานนั้น น้องชายพยายามจะแย่งคู่หมั้นพี่ชาย ส่วนไอ้คนพี่ก็จ้างวานเมียเก็บ (นางเอก) ของน้องให้มาเป็นเมียตัวเอง เพื่อช่วยปกปิดและรับเป็นพ่อเด็กที่ไอ้น้องเลวมันไข่ทิ้งไว้... คือคิดอะไรกันอยู่...
ใจไม่แข็งพอ อย่าอ่าน...
ก็ว่าเล่มนี้ไม่เห็นมีอะไร แต่ทำไมน้ำตาต้องไหล บอกได้แค่ว่านี่เป็นแค่นิยายน้ำเน่าเรื่องนึง ที่ไม่ใช่แค่นิยายน้ำเน่า...ดาดดื่นธรรมดาแน่นอน
หลังจากงงกับเล่มหนึ่งว่าจะไปต่อได้ยังไง มาเล่มนี้อารมณ์ไม่เห็นจะบีบใจกันเท่...
Friends Blog
Link |