kruaun
Location :
สุรินทร์ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




“อาจารย์ของพระอรหันต์ ยังไม่จำเป็นต้องเป็นพระอรหันต์เลย ดังนั้น อย่ากังวลเลย หากเราคิดว่าเราเก่งไม่พอที่สร้างลูกศิษย์เก่งๆ ขอเพียงแต่เรามีกระบวนการพัฒนา ส่งเสริม และให้โอกาสเขาอย่างเหมาะสม และถูกวิธี ให้เขาเติบโตเต็มศักยภาพที่ดี”---รศ. ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จากหนังสือแด่เมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต

****************************

No one can make you feel inferior without your consent. by Eleanor Roosevelt.

ไม่มีใครสามารถทำให้คุณรู้สึกต้อยต่ำได้...
ถ้าคุณไม่ยินยอม (เอลานอร์ รูสเวลต์)

**************************

ครูอั๋น สอนคณิตศาสตร์ จังหวัดสุรินทร์
--------------------------------

"ชีวิตนี้ลูกยกให้พวกเขา...แต่ชีวิตหน้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาและพวกมันทำไว้กับลูก ลูกขอเอาคืน!"
---วรดา/ด้วยแรงอธิษฐาน/กิ่งฉัตร

รู้นะว่าถ้าเอาความแค้นนำทางมันไม่ดี...
แต่บางทีถ้าตั้งใจว่าจะต้องดีกว่า ดีกว่า...
มันก็เหมือนเป็นแรงขับให้เราก้าวหน้าได้เช่นกัน

แค่ตั้งใจทำดีก็แล้วกัน

+++++++++++++++++++++++++++++

มีคนเคยถามว่า "ทำไมมาเป็นครู"
คำตอบที่ผมภูมิใจและตอบได้อย่างเต็มปากที่สุด คือ
"ผมอยากเป็นครู เลยเลือกมาเป็นครู"


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

"เจ้าเป็นคนพูดเองนะว่า อำนาจมันมาแล้วมันก็ไป แล้วเจ้ายังจะแสวงหามันทำไมเล่า"
---เศกขรเทวี เพลิงพระนาง

๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗

สัจธรรมง่ายๆ ที่ใครๆ ก็พากันทำไม่ได้

ถ้าอยากมีชีวิตที่เลวลงอย่างคิดไม่ถึง
คุณแค่หมั่นทำเลวที่ไม่เคยแม้จะอยู่ใรความคิด

หากปรารถนาชีวิตที่ดีขึ้นอย่างคิดไม่ถึง
คุณต้องทำดีมากกว่าที่คิดว่าตัวเองจะทำได้

มีชีวิตที่คิดไม่ถึง/ดังตฤณ
----------------เริ่มนับ 30 เม.ย.53----------------- free counters ===== Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 3.0 Thailand License.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kruaun's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 

อบรมโครงการแผนที่สุขภาพ

หลังจากครั้งที่แล้วเบี้ยว...เพราะไม่ว่าง
คราวนี้คงได้ลงมือทำจริงจังสักที...
สำหรับโครงการแผนที่สุขภาพเพื่มเพิ่มพื้นที่ดี ลดพื้นที่เสี่ยงรอบโรงเรียน ปีที่ 2
ของสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทยฯ
โดยการสนับสนุนของ สสส. ครับ

นี่ก็ไปอบรมครูและนักเรียนแกนนำที่โคราชมาครับเมื่อ 12 - 14 มิถุนายน 2552

ชอบรูปแบบการจัดกิจกรรมของสมาคมฯ มาตั้งแต่ตัวเองได้ไปอบรมหัวหน้าหมวดแล้ว
เพราะการจัดกิจกรรมเน้นให้เกิดความเข้าในกระบวนการทำงานที่ต้องกลับไปทำจริง
และเป็นแนวการจัดกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ทำไปเลย...ไม่มีถูกไม่มีผิด

ที่สำคัญ พอไปทำงานกับเด็กๆ ก็มีความสุขไปอีกแบบน่ะครับ...

เอาภาพกิจกรรมมาให้ชมกันนะครับ



















 

Create Date : 21 มิถุนายน 2552    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2552 0:17:24 น.
Counter : 918 Pageviews.  

มันจะเป็นยังไง มันจะเป็นยังไง ช่างมัน...ฉันต้องยอมปล่อย

วันนี้วันเสาร์
แต่ต้องไปทำงานที่โรงเรียน...เพราะมีคำสั่ง
เหมือนไปทำแกนๆ ยังไงก็ไม่รู้

เหตุการณ์หลายอย่างในโรงเรียน
ตั้งแต่เปิดภาคเรียนมา...
ทำให้มักจะถามตัวเองและเพื่อนร่วมงานว่า...

"เรากำลังทำอะไรกันอยู่???"

เรารู้ใช่ไหมว่าการศึกษาไทยกำลังตกต่ำ
เรารู้ใช่ไหม่ว่าปัญหาบางอย่างมาจากเบื้องบน...ปัญหาบางอย่างมาจากตัวครู

เราก็รู้อีกว่าปัญหาบางอย่างแก้ไขได้...บางอย่างไม่

และวิธีการแก้ปัญหาก็มีตั้งเยอะแยะมากมาย

แต่รู้สึกไหมครับว่า...ปัญหาบางอย่างเรากำลังแก้ไข
แต่ว่าแก้ไขผิดทาง

เราอยากให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น...เราแก้ปัญหาโดยการติวเด็กเพิ่ม
แต่เราลืมไปว่า เด็กจะติวรู้เรื่องเมื่อพื้นฐานมีมาระดับหนึ่ง
พื้นฐานจะดีมาระดับหนึ่ง เด็กต้องเรียนในห้องได้ระดับหนึ่ง
เด็กจะเรียนในห้องได้ในระดับหนึ่ง ครูต้องเข้าสอน
ครูจะเข้าสอน เมื่อครูมีความสำนึกว่าต้องสอนและไม่ถูกเรียกไปทำงานอย่างอื่น
ครูจะมีจิตสำนึกว่าต้องสอน................แก้ยากจัง
ครูจะไม่ถูกเรียกไปทำงานอย่างอื่น......แก้ยากกว่าข้อตะกี้....


แล้วการศึกษาไทยจะเป็นไปแบบไหน

ผมเคยอ่านหนังสือพิมพ์นานแล้ว...เขาบอกว่า
"ไม่ต้องให้ครูส่งแผนการสอนหรอก...แค่ให้ ผอ.เดินไปที่ห้องแล้วเยี่ยมชั้นเรียน พร้อมกับดูว่าครูสอนตามแผนที่วางไว้หรือเปล่า ก็พอ"

ปีที่แล้ว ผมส่งแผนการสอนเรื่องระบบจำนวนจริง
รองฯ บอกว่าไม่รับ เพราะไม่ได้เขียนโดยใช้ Backward Design
ผมก็ (แอบ) สงสัยว่า "ผมและคนที่เป็นใหญ่เป็นโตอีกมากมายก็เป็นผู้เป็นคนมาได้ด้วยวิธีการสอนแบบเก่า"

แล้วแบบเก่ามันไม่ดีตรงไหน

วันนี้ก็มีคนถามว่าจะสอนแบบไหนดี
บางคนว่า สอนเรื่องนี้ต้องสอนแบบ ก จะได้ผลดีกว่าแบบ ข

แล้วถามผมถนัดสอนแบบ ข แต่ผมไม่เข้าใจแบบ ก เลย
คุณคิดผมจะสอนแบบไหนแล้วนักเรียนได้ผลดีกว่า




เป้าหมายของเราคือ "นักเรียนเก่ง ดี มีสุข"
วิธีการของแต่ละคนแตกต่างกัน...ทำไมต้องทำเหมือนทุกคนต้องทำอะไรเหมือนๆ กัน ทั้งๆ ที่ความถนัดของแต่ละคนไม่เหมือนกันด้วย....



บ่นไปเรื่อยแหละครับ...




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2552    
Last Update : 20 มิถุนายน 2552 22:07:04 น.
Counter : 960 Pageviews.  

เรื่องเล่า...อยากเล่าให้ฟัง

อยากเขียนถึงลูกศิษย์รุ่นหนึ่ง...รุ่นนี้เรียกตัวเองว่ารุ่นในฝัน
เพราะเป็นนักเรียน ม.6 ที่เรียนจบในปีที่โรงเรียนผ่านการประเมินเป็นโรงเรียนในฝัน เหตุที่อยากเล่าเพราะนักเรียนเหล่านี้เป็นนักเรียนห้องที่ใครๆ ก็ส่ายหน้า แต่เพราะอะไรบางอย่างจึงทำให้เด็กกลุ่มนี้สามารถทำงานจนสำเร็จได้...

เรื่องนี้เป็น KM ของผมที่ขียนตอนไปอบรมที่จังหวัด ได้ออกไปนำเสนอ และได้รับคำชื่นชมจาก ศน. ที่เป็นวิทยากร...


การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติกิจกรรมคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนสำโรงทาบวิทยาคม


บทนำ

เมื่อโรงเรียนสำโรงทาบวิทยาคม เตรียมการประเมินโรงเรียนต้นแบบหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน ได้มีการระดมความคิดจากหลายฝ่ายเพื่อเตรียมความพร้อม กิจกรรมหลักอย่างหนึ่งที่จะต้องได้รับการประเมิน คือ กิจกรรมของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ซึ่งข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้นำเสนอกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ซึ่งในปีการศึกษา ๒๕๔๗ นักเรียนที่เรียนคณิตศาสตร์ได้ดี คือ ม.๖/๔ รองลงมาคือ ๖/๓ ห้องที่เรียนปานกลางคือ ๖/๑ และห้องที่เรียนอ่อน คือ ๖/๒
ในที่ประชุมเตรียมการได้ถามข้าพเจ้าจะใช้นักเรียนห้องใดเป็นผู้สาธิตกิจกรรม ข้าพเจ้าจึงตอบไปว่า ม.๖/๑ ทำให้เกิดคำถามจากครูหลายท่าน และได้เสนอให้ข้าพเจ้าเลือก ม.๖/๔ ซึ่งเป็นนักเรียนที่เรียนดีที่สุด ข้าพเจ้ากล่าวว่า นักเรียนห้องนี้จะถูกดึงไปทำกิจกรรมอื่นๆ มาก โดยเฉพาะที่เป็นตัวแทนในภาพรวมของโรงเรียน เช่น นำเสนอผลงานภาพรวมของโรงเรียน เป็นมัคคุเทศก์นำผู้ประเมินชมโรงเรียน ดังนั้น จึงควรให้นักเรียนไปทำหน้าที่เหล่านั้นให้เต็มที่ อีกคำถามคือ แล้วทำไมไม่เลือก ม.๖/๓ ซึ่งเรียนได้รองลงมา ข้าพเจ้าตอบว่า นักเรียนห้องนี้เรียนพอใช้ได้ก็จริง แต่ไม่ค่อยแสดงออก และไม่ค่อยตอบโต้เวลาจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ส่วน ม.๖/๑ นั้น โดยส่วนตัวพบว่า แม้ว่านักเรียนจะเรียนปานกลาง แต่ในการเรียนการสอน นักเรียนกล้าตอบ กล้าซักถาม และมีความตั้งใจ อีกทั้งข้าพเจ้าสอนนักเรียนห้องนี้แล้วมีความสุข หรือสอนสนุกนั่นเอง จึงได้เลือกห้องนี้
จากนั้นข้าพเจ้าจึงได้ไปชี้แจงกับนักเรียนชั้น ม.๖/๑ ถึงภารกิจที่จะได้ร่วมกันปฏิบัติร่วมกัน ในฐานะตัวแทนของโรงเรียน นักเรียนถามข้าพเจ้าว่า “ทำไมอาจารย์ไม่เลือกห้องอื่น” ข้าพเจ้าก็อธิบายให้เขาฟัง พร้อมทั้งบอกกับเขาด้วยความเชื่อมั่นว่า “ครูเชื่อว่านักเรียนทำได้” พร้อมกับมองไปที่นักเรียนทุกคน พบว่านักเรียนก็มีความสุขที่ได้รับความไว้วางใจจากครู ซึ่งสิ่งนี้เองที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นแรงจูงใจให้กับพวกเขา นักเรียนที่ไม่ค่อยมีครูให้ความสนใจในเชิงวิชาการมากนัก
จากวันนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยแนะนำ และเตรียมกิจกรรมร่วมกับนักเรียน นักเรียนก็มาร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดี จริงๆ แล้วดีขึ้นจากก่อนหน้าที่มาก และแม้ว่ามาตรฐานการทำงานของเขาจะไม่สูงมากนัก แต่งานก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ เมื่อถึงวันประเมิน นักเรียนเหล่านี้ก็สามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ได้รับคำชมจากท่านผู้อำนวยการเขตพื้นที่ในขณะนั้น และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โรงเรียนได้รับการรับรองให้เป็นโรงเรียนต้นแบบหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน


บทสรุป
ความสำเร็จ

นักเรียนเหล่านี้สามารถปฏิบัติกิจกรรมที่แม้จะยากได้สำเร็จ โดยนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมจำนวน ๒ กิจกรรม คือ กิจกรรมนำเสนอการสำรวจความคิดเห็น และกิจกรรมนำเสนอการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยใช้ ICT ซึ่งนักเรียนสามารถนำเสนองานได้ด้วยความมั่นใจ และสังเกตว่านักเรียนมีความภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียน จากที่ไม่เคยได้เป็นมาก่อน และสังเกตว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนเป็นอย่างมาก


บทเรียนที่ได้รับ
ครูต้องมีความเชื่อมั่นในตัวนักเรียนก่อนว่า นักเรียนสามารถทำงานได้ เรียนรู้ได้ จากนั้นครูต้องสร้างแรงจูงใจให้กับนักเรียนด้วยวิธีการต่างๆ อาศัยจิตวิทยา นำเอาวิธีการสร้างความจูงใจต่างๆ มาใช้ เอาใจใส่นักเรียน เตรียมการสอนหรือวางแผนการปฏิบัติกิจกรรมอย่างดี นักเรียนก็จะมีแรงจูงใจที่จะปฏิบัติกิจกรรมเหล่านั้น จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยเฉพาะนักเรียนที่ครูหลายคนคิดว่าทำอะไรไม่ค่อยได้เรื่อง ตัวนักเรียนเองก็อยากที่จะให้ครูเห็นว่าเขาเองก็สามารถทำได้อย่างนักเรียนคนอื่นๆ ขอเพียงได้รับโอกาสจากครูที่จะมอบให้เท่านั้นเอง และนักเรียนชั้น ม.๖/๑ ที่ใครๆ ส่ายหน้าว่าจะทำได้หรือ ก็สามารถแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาทำได้ แม้จะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ดีมากพอและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โรงเรียนผ่านการประเมิน และได้รับการรับรองให้เป็นโรงเรียนต้นแบบหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน



นี่แหละครับ...เรื่องของเด็กของผม เด็กๆ รุ่นที่ผมประทับมากที่สุดรุ่นหนึ่ง






 

Create Date : 16 มิถุนายน 2552    
Last Update : 16 มิถุนายน 2552 21:39:03 น.
Counter : 1393 Pageviews.  

รายงานการปฏิบัติงาน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551

บทสรุป/บทคัดย่อ
รายงานผลการปฏิบัติงาน


นฤพนธ์  สายเสมา.  (2552).  รายงานการปฏิบัติงาน ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 (ตุลาคม 2551 – เมษายน 2552).  สุรินทร์: โรงเรียนสำโรงทาบวิทยาคม.


รายงานการปฏิบัติงาน ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 (ตุลาคม 2551 – เมษายน 2552) จัดทำขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเก็บรวบรวม และสรุปผลการปฏิบัติงานตลอดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ให้เป็นระบบ มีระเบียบ และสามารถอ้างอิงได้ในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการประเมินเพื่อการทบทวนตนเอง เป็นการประเมินเพื่อพัฒนาตนเองโดยแท้จริง ซึ่งทำให้ทราบถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาเรียนการสอน งานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน งานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และงานด้านสนับสนุนการเรียนการสอน ตลอดจนงานพิเศษอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนางาน


ขั้นตอนการจัดทำรายงาน มี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการทำงาน ขั้นที่ 2 รวบรวมข้อมูล ขั้นที่ 3 รายงานการปฏิบัติงาน และขั้นที่ 4 นำเสนอผลการปฏิบัติงานและปรับปรุงการปฏิบัติงาน โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล คือ (1) แบบบันทึกการปฏิบัติงานตามคำสั่งปฏิบัติราชการ (2) แบบประเมินการสอนของครู (โดยนักเรียน) (3) แบบประเมินตนเองตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน (เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ) (4) แบบประเมินตนเองตามมาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณวิชาชีพ) (5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลางภาค และปลายภาคเรียนที่ 1 (6) แบบบันทึกปริมาณงานการทำสำเนาเอกสาร (7) แบบบันทึกการบริการวิชาการ


สรุปผลการปฏิบัติงาน ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 ได้ดังนี้


1.      ผลการปฏิบัติงานด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้


1.1     สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์


1.1.1      สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 2 (ค41202) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4/1
– 4 จำนวน 4 ห้องเรียน รวมจำนวน 16 ชั่วโมง ได้ดำเนินการโดยศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สร้างและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 4 เรื่อง รวม 80 แผน เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 4 เรื่อง นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย 2.65 ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านร้อยละ 99.42 และผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความผ่านร้อยละ 99.42 โดยนักเรียนประเมินของครูโดยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 2 (ค41202) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 มีค่าเฉลี่ยรวมทุกรายการอยู่ในระดับมาก โดยมีผล เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 2 ด้าน คือ ด้านการมอบหมายงานและการตรวจงาน และด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ส่วนด้านตัวครูผู้สอน, ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และด้านการใช้สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก


1.1.2      สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์พื้นฐาน 4 (ค42102) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 1 ห้องเรียน รวมจำนวน 2 ชั่วโมง ได้ดำเนินการโดยศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สร้างและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 เรื่อง รวม 40 แผน นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย 3.18 ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านร้อยละ 100 และผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความผ่านร้อยละ 100 โดยนักเรียนประเมินของครูโดยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์พื้นฐาน 4 (ค42102) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 มีค่าเฉลี่ยรวมทุกรายการอยู่ในระดับมาก เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายด้าน ทั้ง 5 ด้าน พบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดับมากทุกด้าน


1.2     ผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่จัดโดยหน่วยงานต่างๆ มีผลการทดสอบดังนี้

 


1.2.1      ผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จัดโดยกลุ่มเครือข่ายส่งเสริมประสิทธาภาพการจัดการมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ผลการทดสอบปรากฏว่า นักเรียนได้คะแนนต่ำสุด 1 คะแนน สูงสุด 17 คะแนน มัธยฐาน 9 คะแนน ฐานนิยม 7 คะแนน มีค่าเฉลี่ยของคะแนนสอบ 8.81 คะแนน จากคะแนนเต็ม 40 คะแนน คิดเป็นร้อย 22.02 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.68 คะแนน

 


1.2.2      ผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จัดโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 36 คน จากคะแนนเต็ม 40 คะแนน นักเรียนทำคะแนนได้สูงสุด 34 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 85.00 และได้คะแนนต่ำสุด 6 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 15.00 มีมัธยฐานเท่ากับ 18 คะแนน ฐานนิยมเท่ากับ 17 คะแนน คะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบ 20.28 คะแนน จากคะแนนเต็ม 40 คะแนน โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 7.27 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 50.69 โดยสาระที่ปรากฏในเนื้อหาสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่สำคัญ คือ พีชคณิต (ลำดับและอนุกรม) และการวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น (ความน่าจะเป็น สถิติ และการวิเคราะห์ข้อมูล) นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าครึ่งหนึ่งของคะแนนเต็มในแต่ละสาระ กล่าว คือ สาระพีชคณิต คะแนนเต็ม 23 คะแนน นักเรียนทำคะแนนเฉลี่ยได้ 11.69 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 50.85 และสาระการวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น นักเรียนทำคะแนนเฉลี่ยได้ 4.95 จากคะแนนเต็ม 8 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 61.46

 


1.2.3      ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ช่วงชั้นที่ 4 (ม.6) จัดโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าสอบจำนวน 220 คน ทำคะแนนได้สูงสุด 60 คะแนน และคะแนนต่ำสุด 10 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยมีคะแนนเฉลี่ย 29.06 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 8.66 คะแนน มัธยฐาน 27.50 คะแนน และฐานนิยาม 25.00 คะแนน

 


1.3     กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน


1.3.1      กิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จัดกิจกรรมการเรียนรู้ และประเมินผลตามวัตถุประสงค์ผ่านทุกคน


1.3.2      กิจกรรมชุมนุมคณิตศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 4 มีนักเรียนลงทะเบียนเรียนจำนวน 23 คน เข้าร่วมกิจกรรมสม่ำเสมอ และมีผลการประเมินการเข้าร่วมกิจกรรมผ่านคิดเป็นร้อยละ 100


1.3.3      กิจกรรมแนะแนวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/4 นักเรียนจำนวน 44 คน เข้าร่วมกิจกรรมสม่ำเสมอ ผู้รายงานจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และตัดสินผลการเข้าร่วมกิจกรรมคิดเป็นร้อยละ 97.73


2.      ผลการปฏิบัติงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน


2.1     ผลการปฏิบัติงานตามองค์ประกอบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปฏิบัติตามองค์ประกอบของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ทั้ง 5 องค์ประกอบ คือ (1) การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล (2) การคัดกรองนักเรียน (3) การส่งเสริมนักเรียน (4) การป้องกันและช่วยเหลือ และ (5) การส่งต่อนักเรียน ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ผลการปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจ


2.2     ผลการปฏิบัติงานครูเวรประจำวันระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และประกาศนีย-บัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 ปฏิบัติงานสม่ำเสมอ ครบถ้วนสมบูรณ์ ผลการปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจ


3.      การพัฒนาตนเองตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน (เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ) ผู้รายงานได้พัฒนาตนเองตามมาตรฐานการปฏิบัติงานครบทุกมาตรฐาน และมีผลปฏิบัติงานในภาพรวมอยู่ในระดับ 2


4.      การพัฒนาตนเองตามมาตรฐานการปฏิบัติตน (จรรยาบรรณวิชาชีพ) ปฏิบัติได้ครบทุกมาตรฐาน ผลการพัฒนาตนเองอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ


5.      ผลการปฏิบัติงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย


5.1  ด้านการบริหารวิชาการ ผู้รายงานปฏิบัติงานด้านการบริหารงานวิชาการจำนวน 5 งาน ได้แก่ (1) งานวัดผล ประเมินผลการเรียนและการเทียบโอนผลการเรียน (2) งานคัดเลือกหนังสือแบบเรียน (3) งานแนะแนว/ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน (4) งานกลุ่มสาระการเรียนรู้ (5) งานพัฒนาแหล่งเรียนรู้ (งานห้องสมุด) ผลการปฏิบัติงานทุกอย่างอยู่ในระดับน่าพอใจ โดยงานวัดผลฯ ปฏิบัติหน้าที่ถึงเดือนสิงหาคมเท่านั้น


5.2  ด้านการบริหารงานทั่วไป ปฏิบัติงานจำนวน 4 งาน ได้แก่ (1) งานจัดทำสำมะโนผู้เรียน (2) งานรับนักเรียน (3) งานพัฒนาระบบและเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ และ (4) งานเวรรักษาการณ์และป้องกันอัคคีภัย ผลการปฏิบัติงานทุกอย่างอยู่ในระดับน่าพอใจ


5.3  ด้านการบริหารงบประมาณ ผู้รายงานได้ปฏิบัติงานงานพัสดุ (งานสำเนาเอกสาร) ผลการปฏิบัติงานทุกอย่างอยู่ในระดับน่าพอใจ


6.      งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย (งานเฉพาะกิจ) ปฏิบัติงานตามคำสั่งของโรงเรียนสำโรงทาบวิทยาคม และของหน่วยงานอื่นๆ ที่ขอความร่วมมือได้ครบถ้วน ผลการปฏิบัติงานเรียบร้อย เป็นที่น่าพอใจ


7.      งานบริการวิชาการ ผู้รายงานได้บริการวิชาการแก่บุคลากรของโรงเรียน และบุคลากรอื่นๆ จำนวน 4 ด้าน ได้แก่ โปรแกรม GSP โปรแกรมทะเบียนวัดผล (Student2544) การวัดผลการศึกษา การวิจัยและสถิติทางการศึกษา การจัดรูปแบบการศึกษา รวมทั้งสิ้น 10 ราย



 



คำสำคัญ:   รายงานการปฏิบัติงาน, รายงานการประเมินตนเอง, รายงานการปฏิบัติหน้าที่,
Self-study Report, Self Assessment Report, SAR

 




-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2552    
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 16:56:39 น.
Counter : 3572 Pageviews.  

ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน


เราคาดหวังให้นักเรียนส่งงานเราให้ตรงเวลา
เมื่อส่งไม่ตรงเวลาเราก็ตำหนิ หักคะแนน หรือไม่รับงานชิ้นนั้น เป็นการลงโทษในฐานที่ส่งงานช้า
เราคาดหวังให้นักเรียนไม่ลอกการบ้านกันมาส่ง ไม่ลอกข้อสอบเวลาสอบ ให้นักเรียนทำด้วยความซื่อสัตย์
ทำด้วยความสามารถของตัวเอง
เมื่อเราจับได้เราก็ว่ากล่าว ตักเตือน
บางครั้งถึงขั้นดุและด่า ปรับให้ตกในการสอบครั้งนั้น
หรือทำโทษด้วยวิธีการต่างๆ นานา
แต่ไม่เห็นว่า “เรา” ที่เป็นผู้คาดหวังให้ “นักเรียน” เป็นอย่างที่เราคาดหวัง
ไม่ทำได้อย่างที่คาดหวังกับนักเรียนเลย
“เรา” ยังคงส่งงานช้า ไม่ตรงตามกำหนดเวลา
“เรา” ยังคงลอกงานทุกชนิดที่สามารถลอกได้
ขอแค่ให้มีงานส่ง


เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว
“เรา” จะคาดหวังอะไรกับ “นักเรียน”
“เรา” จะสอนให้เขาตรงเวลาและไม่ลอกกันได้อย่างไร
เมื่อ “เรา” ยังเป็นอยู่ทั้งสองอย่าง
เพราะ “นักเรียน” เขาทั้งเอาเยี่ยงและเอาอย่าง “เรา” ทุกประการไม่ใช่หรือ
หันกลับมาถามตัวเองบ้าง
ว่าเมื่อดุนักเรียนเรื่องไม่ตรงเวลา และเรื่องลอกงานกันส่ง
ตัวเองยังมีความละอายอยู่บ้างหรือไม่...



หรือว่า “เรา” ไม่เคยสนใจอะไรเลย???


แค่อยากระบายนะครับ...กรุณาอย่าคิดมาก




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2551    
Last Update : 25 เมษายน 2553 0:50:53 น.
Counter : 1076 Pageviews.  

1  2  3  4  5  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.