การศึกษาคืออนาคตของชาติ
Group Blog
 
All Blogs
 
พื้นที่สี่สิบเก้า ตารางวา

พื้นที่สี่สิบเก้า ตารางวา

ณ ปี พ.ศ. 3500 ใจกลางเมืองโบราณอันเต็มไปด้วยซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์ในยุควัตถุนิยม นักโบราณคดีได้คนพบโครงกระดูกมนุษย์ พร้อมสิ่งของเครื่องใช้น้อยชิ้น บนพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา ข้างๆ มีสิ่งปลูกสร้างทรงเหลี่ยมทำจากซีเมนต์ มีเหล็กเส้นเป็นโครงสร้าง นักโบราณคดี สันนิฐานว่าเป็นเสาทางด่วน แต่เดิมนักโบราณคดีเคยเชื่อว่า วิถีชีวิตมนุษย์ในยุควัตถุนิยม เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและเป็นวิถีชีวิตที่มีความสุขจากวัตถุต่างๆ แต่จากหลักฐานที่พบสิ่งของเครื่องใช้ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดและไม่มีคุณภาพ ตลอดจนจากการวิเคราะห์หลักฐานทางนิติเวชวิทยาของโครงกระดูกชี้ว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตจากการขาดสารอาหารที่จำเป็นอย่างรุนแรง ซึ่งขัดกับข้อสันนิษฐานเบื้องต้นที่กล่าวว่า มนุษย์ยุคนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฟุ่มเฟือย มีประสิทธิภาพการผลิตอาหารที่ดีเยี่ยม นักโบราณคดีได้ตั้งชื่อโครงกระดูกที่ค้นพบว่า มนุษย์ใต้ทางด่วน มีอายุกว่าพันปี
“ขอโทษคะ ประวัติศาสตร์บอกว่าสังคมมนุษย์ในยุควัตถุนิยมนั้น มนุษย์สามารถสร้างระบบเศรษฐกิจที่มั่งคั่ง ระบบการผลิตก็ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง หนูไม่เข้าใจว่าเหตุใด โครงกระดูกที่ค้นพบนี้จึงแสดงหลักฐานว่าในขณะที่มีชีวิตอยู่เขามีสภาพขาดสารอาหารที่จำเป็นอย่างรุนแรงคะ” หญิงสาวเอยถามเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลพิพิธพันธ์มนุษย์ใต้ทางด่วน
“เรื่องนี้ต้องอธิบายกันยาวเลยครับ แต่สรุปง่ายๆ ก็คือว่า ทั้งหมดเกิดจากความล้มเหลวของระบบการบริหารและจัดการทรัพยากร แม้มนุษย์ยุคนั้นจะได้สร้างและพัฒนาระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก แต่ปัญหาอยู่ที่ระบบการกระจายทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นระบบเสรีนิยมหรือสังคมนิยมต่างก็ไม่ได้ส่งเสริมระบบการกระจายทรัพยากรให้ไปทั่วถึงต่อประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อผลิตสินค้าได้มากเพียงใด กลุ่มอำนาจทางสังคมเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่เป็นผู้ครอบครองทรัพยากรไว้ และการต่อสู้ขัดแย้งกันก็มิใช่เพื่อจะก่อให้เกิดการกระจายทรัพยากรที่แท้จริง แต่เป็นเพียงการผลัดเปลี่ยนกลุ่มผู้เข้ามาครอบครองทรัพยากรกลุ่มใหม่ๆ เท่านั้น” เจ้าหน้าที่ผู้สูงวัยอธิบายอย่างรวบรัด
“แล้วทำอย่างไรจึงจะสามารถแก้ปัญหาการกระจายทรัพยากรให้ทั่วถึงได้คะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้เป็นอย่างยิ่ง
“ปัญญา ครับ ปัญญาคือความรู้ที่จะทำให้มนุษย์เข้าใจความจริง” เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าอันสงสัยของหญิงสาว แล้วหันหน้ามองไปที่โครงกระดูกของมนุษย์ใต้ทางด่วนก่อนที่จะเอยต่อไปว่า “หนูลองกลับไปอ่านประวัติพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาดูซิ มีใครบ้างครอบครองมันได้ตลอดไป ชั่วชีวิตมนุษย์หลงอยู่แต่กับการแสวงหาทรัพยากรทางวัตถุมาสะสมไว้ เมื่อทรัพยากรมีน้อยกว่าความต้องการ ก็เกิดการแก่งแย้ง.... สงคราม ผู้แพ้ก็ทุกข์ที่ต้องสูญเสีย ผู้ชนะก็ทุกข์ที่ต้องรักษา ถ้ามนุษย์ลดการครอบครองและสะสมกักตุนทรัพยากรลงบ้าง ก็จะมีทรัพยากรเหลือสำหรับผู้คนทั่วไปที่ยังขาดแคลน สันติภาพก็คงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ สงครามโลกครั้งที่ 3 คงไม่เกิดขึ้นเมื่อพันปีที่แล้วหรอก จริงไหม”
หญิงสาว ยืนมองภาพโครงกระดูกนั้นด้วยความพิศวง ณ ห้วงแห่งพิศวงนั้นเอง อีกภาพก็เริ่มชัดเจนขึ้นในความคิดของเธอ
...........................................

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ใจกลางป่าใหญ่ ซึ่งมีพืชพันธุ์ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เป็นสิ่งดึงดูดใจให้สัตย์น้อยใหญ่ เข้ามาอาศัยอยู่ ในบรรดาสัตย์ทั้งหลาย ก็มีควายป่าวัยหนุ่มผู้เข้มแข็งอยู่ตัวหนึ่ง มันผ่านมาพบพื้นที่แห่งนี้เข้าโดยบังเอิญ เนื่องด้วยมีพืชหญ้าเขียวขจี มันจึงได้เข้าจับจองเป็นผู้ครอบครองผืนดินแห่งนี้ ด้วยวิถีของป่า มันใช้ผิวกายถูไปตามต้นไม้รอบๆ บริเวณ จากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่ง ต้นแล้วต้นเล่า จนครบทั้งสี่ด้าน บังเกิดเป็นที่ดินที่เจ้าควายป่าครอบครองทั้งสิ้นสี่สิบเก้าตารางวาพอดิบพอดี
ควายป่าอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้นอย่างภาคภูมิใจ วันแล้ววันเล่าที่มีบรรดาควายป่าผู้กล้า เข้ามาท้าทายอำนาจของมัน เพื่อแย่งชิงพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาแห่งนี้ แต่สุดท้ายทุกตัวต่างพ่ายแพ้พละกำลังของเจ้าความป่าผู้ยิ่งใหญ่ วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เจ้าควายป่าเมื่อมันมีอายุมากขึ้น ความเข้มแข็งก็ลดน้อยลง ..น้อยลง สุดท้ายมันก็พ่ายแพ้ต่อกฎของธรรมชาติ มันต้องสูญเสียที่ดินสี่สิบเก้าตารางวาซึ่งมันเป็นผู้บุกเบิกมาให้กับควายป่ารุ่นใหม่ที่มีความเข้มแข็งกว่า มันจำยอมจากพื้นที่แห่งนี้ไปด้วยความเศร้า เมื่อควายป่ารุ่นใหม่เข้าครอบครองพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา ฉากชีวิตดั่งละครอัมตะ ซึ่งถูกนำมาสร้างซ้ำแล้วซ้ำอีกจนคนดูสามารถเดาตอนจบได้ว่า สุดท้ายควายป่ารุ่นใหม่กว่าก็จะเป็นผู้ชนะ ในขณะที่ควายป่ารุ่นเก่าก็ต้องจากพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาซึ่งมันต่อสู้แย่งชิงมาด้วยความเศร้า เช่นเดิม
จนกระทั่งวันหนึ่ง ณ ช่วงเวลาที่ควายป่ารุ่นล่าครอบครองอยู่ ได้มีผู้ล่าที่ยิ่งใหญ่แห่งไพรกว้าง นั้นคือเสือลายพาดตัว มันผ่านมาพบควายป่ารุ่นล่าที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ มันตัดสินใจลงสู่สังเวียนการต่อสู้ทันที แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา มันไม่ได้ต้องการครอบครองพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาของเจ้าควายป่ารุ่นล่า แต่มันต้องการกินเจ้าควายป่ารุ่นล่าต่างหาก ฉากการต่อสู้ได้บังเกิดขึ้นอีกครั้ง สำหรับบทสรุปครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา คือไม่มีควายบาดเจ็บ แต่มีควายตาย ดูเหมือนว่าเจ้าควายป่ารุ่นล่า มันจะเป็นสัตย์ตัวแรกซึ่งแลกการยึดครองพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาด้วยชีวิตของมันเอง หลังจากนั้นเจ้าเสือลายพาดตัว มันก็เป็นผู้ครอบครองพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาต่อไป แต่มันไม่ได้สนใจพืชพันธ์ที่อุดมสมบูรณ์ในพื้นที่แห่งนี้หรอกนะ สิ่งที่มันต้องการคือใช้ความอุดมสมบูรณ์เป็นเหยื่อล่อสัตย์ต่างๆ ให้หลงมาเป็นอาหารของมัน วันแล้ววันเล่า สัตย์ตัวแล้วตัวเล่าที่ตกหลุมพรางของเจ้าเสือลายพาดตัว จนกระทั่งวันหนึ่ง ณ ช่วงเวลาใหม่ แต่ใช้กฎข้อเดิม ข่าวลือแพร่สะพัดถึงอันตรายของพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา สัตย์น้อยใหญ่ต่างไม่มีใครกล้าย่างกายเข้ามาในที่แห่งนี้ เจ้าเสือลายพาดตัวเริ่มขาดแคลนอาหาร สุดท้ายมันก็ตัดสินใจละทิ้งพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาไป พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวากลับมาว่างเปล่าจากผู้อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองอีกครั้ง
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนนิยาย ณ พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา ได้มีสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ผ่านมาพบพื้นที่แห่งนี้เข้าโดยตั้งใจ สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีชื่อซึ่งความหมายในทางกิริยาแปลว่า ทำให้เข้ากัน แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม คือมักทำให้แตกแยกเสียสมดุลกัน สิ่งมีชีวิตที่ว่านี้ก็คือ คน คนที่เรียกตัวเองว่า ผู้บุกเบิกรุ่นแรก ได้เข้ามาจับจองครอบครองพื้นที่แห่งนี้ และผู้ที่ได้ครอบครองพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดคือ ชายผู้เข้มแข็งที่สุดในกลุ่ม และภายหลังจากที่ชายผู้เข้มแข็งได้เข้าครอบครองพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำคือการจัดระเบียบพืชนานาพันธุ์ภายในพื้นที่ใหม่ ดูเหมือนว่าพืชพันธุ์ต่างๆ ซึ่งอาศัยอยู่มาช้านานในพื้นที่แห่งนี้จะไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตให้ดำรงอยู่ต่อไป แม้กระทั่ง หญ้า ซึ่งถือเป็นพระเอกของพื้นที่ยังโดนลูกหลงไปด้วย นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่บรรดาพืชนานาพันธุ์ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเข้าครอบครองของสิ่งมีชีวิต มีเพียงพืชหนึ่งพันธ์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ได้ นั้นคือ พืชไร่ ชายผู้เข้มแข็งที่สุดได้รับผลประโยชน์จากพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาอย่างมากมาย เขามีความรักและผูกพันกับพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาแห่งนี้มาก เขาใช้ชีวิตอยู่กับพื้นที่แห่งนี้ตลอดชั่วชีวิตของเขา ภายหลังที่เขาเสียชีวิต เขาได้ยกพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาให้กับลูกชายคนโตของครอบครัว ซึ่งนับเป็นการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ในพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาที่ใช้กฎเกณฑ์ใหม่ คือ มรดก ในการตัดสินแทนการใช้กำลังเหมือนที่ผ่านมา
ทายาทของชายผู้เข้มแข็ง รุ่นแล้วรุ่นเล่าได้เข้าครอบครองพื้นที่สี่สิบตารางวา โดยยังคงยึดมั่นในอาชีพเกษตรกรรมของบรรพบุรุษอย่างเหนียวแน่น จนกระทั่งถึงทายาทรุ่นล่า เขาเป็นคนรุ่นใหม่ ภายใต้กระบวนการทางสังคมใหม่ นโยบายใหม่ วิถีใหม่ วิธีคิดใหม่ ที่เรียกว่า การพัฒนา เขาถูกบิดาส่งเข้าไปเรียนหนังสือในเมือง โดยหวังว่าเมื่อจบแล้ว จะได้เป็นเจ้าคนนายคน วิธีคิดใหม่(...ทำไม) ทำให้อาชีพเกษตรกรรม มิใช่อาชีพแห่งความภาคภูมิใจอีกต่อไป ทายาทรุ่นล่าไม่มีความผูกพันกับพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อเขาได้รับมรดกมาเขาจึงไม่ลังเลที่จะขายพื้นที่สี่สิบตารางวาให้กับเศรษฐีซึ่งมาจากในเมืองในราคา ตารางวาละหนึ่งร้อยบาท แล้วทายาทรุ่นล่าก็จากพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาเข้าไปอยู่ในเมือง ซึ่งถูกกำหนดว่าเป็นพื้นที่ที่เจริญกว่า และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่การถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ของพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวานั้นคือวิธีการซื้อขาย และเป็นครั้งแรกที่พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาได้ถูกกำหนดมูลค่าขึ้นมา
เศรษฐีผู้ซึ่งประสบความสำเร็จจากธุรกิจที่ตนสร้างมาจากในเมือง เขาไม่ได้ต้องการพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาเพื่อการเกษตร แต่เขาได้ใช้พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาเพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศของเขา ไว้ผักผ่อนยามที่ต้องหลีกลี้หนีจากความวุ่นวายในเมือง พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา จึงถูกปรับปรุงให้เป็นบ้านพักตากอากาศอย่างสวยงาม เศรษฐีและครอบครัวตลอดจนเพื่อนๆ ของเขาต่างพากันแวะเวียนมาดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ ณ บ้านพักตากอากาศบนพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา และทายาทของเศรษฐีรุ่นแล้วรุ่นเล่าที่เข้ามาครอบครองกรรมสิทธิ์ในพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาแห่งนี้โดยกฎของ มรดก จนกระทั้งอีกนั้นแหละ เมื่อถึงยุคของทายาทเศรษฐีรุ่นล่า เขาเป็นคนที่ชอบเล่นการพนัน และมีหนี้สินจากการพนันรุงรังเต็มไปหมด เขาจึงจำใจประกาศขายพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาเพื่อนำเงินมาใช้หนี้พนัน ในราคาตารางวาละห้าร้อยบาท จนกระทั่งมีนักธุรกิจค้าที่ดินรายหนึ่งสนใจซื้อที่ดินสี่สิบเก้าตารางวาแห่งนี้ เนื่องจากเขาเป็นนักธุรกิจที่มีเส้นสายทางการเมือง จึงทราบข้อมูลว่ารัฐบาลจะทำการตัดถนนสายหลักผ่านพื้นที่แห่งนี้ ตามนโยบายพัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชน (ประชาชนฝ่ายไหนกันแน่นะ) ซึ่งเขาคาดการณ์ว่าเมื่อมีถนนผ่าน พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นแน่นอน เข้าจึงตัดสินใจซื้อที่ดินสี่สิบเก้าตารางวาจากทายาทเศรษฐีรุ่นล่า และสิ่งที่นักธุรกิจที่ดินคาดไว้ (หรือเตรียมการไว้) ก็เป็นจริง เมื่อมีการตัดถนนผ่านพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา ทำให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว แล้ววันหนึ่งก็มีนักธุรกิจชาวต่างชาติ มาของซื้อพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาจากนักธุรกิจที่ดินในราคาตารางวาละหนึ่งพันบาท ซึ่งนักธุรกิจชาวต่างชาติผู้นี้ได้กว้านซื้อที่ดินโดยรอบไว้แล้ว เขามีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างโรงงานแปรรูปสินค้าการเกษตร ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล บัดนี้พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาจึงได้กลับกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่โรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรกรรมซะแล้ว ดูเหมือนว่าพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาจะมิใช่เป็นพื้นที่ในโซนชนบทอีกต่อไป มันกลับกลายมาเป็นพื้นที่ชานเมืองเขตอุตสาหกรรม ส่วนพื้นที่ชนบทได้ขยายไกลออกไป ...ไกลออกไปในป่า...มากขึ้น ๆ พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาได้รับใช้นักธุรกิจชาวต่างชาติวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า จนกระทั้งถึงปีที่จะเล่านี้แหละ เหตุการณ์ไม่คาดคิด (หรือลืมคิดกันแน่) ก็เกิดขึ้น ฟองสบู่แตก เศรษฐกิจตกต่ำ นักธุรกิจชาวต่างชาติเริ่มขาดทุนมากขึ้น สุดท้ายเขาจำต้องปิดโรงงานอย่างสิ้นเชิง
และก็เหมือนเดิมพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาได้ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเคย เพราะไม่มีผู้เข้ามาใช้ประโยชน์จากพื้นที่แห่งนี้ มีเพียงป้ายประกาศเล็กๆ ที่มีข้อความว่า ที่ดินของกองทุนฟื้นฟูฯ (ฟื้นฟูเพื่อให้อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธ์ธรรมชาติดังเดิมหรือเปล่านะ...) เจ้าของใหม่หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เพราะหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นกองทุนฟื้นฟูเข้ามาดูพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาเลย มันถูกปล่อยทิ้งไว้กับซากโรงงานเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยหญ้ารก
หลายปีผ่านไป เหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย เริ่มมีสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ หมู่บ้านใหม่ๆ ตึกใหม่ๆ รอบๆ พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา สิ่งนี้เรียกว่า ความเจริญ จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีกลุ่มชายหลายคนเข้ามาในพื้นที่ ทุกคนแต่งกายทะมัดทะแมง และหนึ่งในนั้นมีม้วนกระดาษม้วนใหญ่ ต่างชี้ไม้ ชี้มื้อไปมายังจุดต่างๆ หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ได้ถูกนำเข้ามาในพื้นที่ ด้วยการก่อสร้างแบบทั้งวันทั้งคืน ไม่กี่เดือนสิ่งปลูกสร้างใหม่เริ่มเป็นรูปร่างและทำให้ทราบว่าแท้จริงมันคือทางด่วน ทางที่สนองตอบวิถีชีวิตแห่งความเร่งรีบของสังคมเมืองได้ถูกก่อสร้างด้วยนโยบายพัฒนาประเทศของรัฐบาล (อีกแล้วครับท่าน) และเป็นที่น่าเศร้าว่า พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาบัดนี้ได้ถูกแบ่งไปใช้เป็นเนื้อที่ของเสาทางด่วนเสียสิบตารางวา มันจึงเหลือที่ว่างเพียงสามสิบเก้าตารางวาเท่านั้น และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ถูกตัดทอนพื้นที่ลง พื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา (ลบด้วยสิบตารางวา) พร้อมกับมีเสาปูน เป็นเพื่อนคู่ใจและถนนทางด่วนด้านบน
จนกระทั่งวันหนึ่ง ชายแก่ผู้ตากตำ (หรือตกต่ำก็ไม่รู้) เดินทางผ่านมา เมื่อเขาพบเห็นพื้นที่แห่งนี้เข้า แววตาเศร้าๆ ส่องประกายมีความหวังขึ้นมาทันที เขาเข้าครอบครองพื้นที่และเริ่มก่อสร้างบ้าน จากสิ่งที่เรียกว่า ขยะ บ้านทำจาก ขยะ ของคนที่สังคมลงความเห็นว่าเป็น ขยะสังคม น่าแปลกที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้เข้าครอบครองพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวาทั้งหลาย ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิก ผู้เข้มแข็ง ผู้มีฐานะ ผู้มีวิสัยทัศน์ แต่ชายแก่ผู้ตากตำ กลับเป็นผู้เข้าครอบครองรายแรกที่มีสถานะใหม่ นั้นคือ ผู้บุกรุก (พื้นที่สาธารณะ) ผู้อ่อนแอ ผู้ยากจน ผู้ขาดวิสัยทัศน์ (ผู้ด้อยโอกาส) ดังนั้นชายแก่ผู้ตากตำ จึงต้องเปลี่ยนสรรพนามใหม่ว่า ชายแก่ผู้บุกรุก และสิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในอดีตผู้ที่เข้าครอบครองพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวามักจะเป็นผู้ชนะ หรือไม่ก็ฉลาด แต่ครั้งนี้ผู้เข้าครอบครองกลับเป็นผู้แพ้ และก็เป็นเรื่องแปลกอีกเช่นกันที่สัญลักษณ์ที่แตกต่างทางสังคมสองสิ่งมารวมอยู่ในพื้นที่สี่สิบเก้าตารางวา หนึ่งคือเสาทางด่วน อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของการพัฒนา กับอีกสิ่งคือ ชายแก่ผู้บุกรุก อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความล้มเหลวของการพัฒนา และก็เป็นเรื่องแปลกอีกเป็นสองเท่า เมื่อได้ทราบว่า ทั้งสองสิ่งอยู่ร่วมกันอย่างสงบตามวิถีทางของตัวเอง วันแล้ววันเล่าที่ชายแก่ผู้บุกรุก ได้อาศัยพื้นที่แห่งนี้เป็นบ้าน บ้านที่มีเสาทางด่วนเป็นฝาด้านหนึ่ง มีถนนบนทางด่วนเป็นหลังคา มีพื้นที่สามสิบเก้าตารางวา เป็นพื้น มีเสียงเครื่องยนต์ประสมกับเสียงยางบดกับพื้นถนนเป็นดนตรีบรรเลงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และมีเสียงหายใจอย่างอ่อนล้า เป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม ยกเว้นเสียงหายใจที่หายไป ชายแก่ผู้บุกรุก ได้จากพื้นที่แห่งนี้ไปแล้ว ไม่มีใครใส่ใจในความตายของชายแก่ผู้นี้ มีเพียงเอกสารที่ระบุสาเหตุการตายว่า หัวใจล้มเหลว (ไม่ใช่แค่หัวใจเท่านั้นที่ล้มเหลว แม้ชีวิตของเขาก็ล้มเหลว)
...........................................
“หนูๆ” เสียงเรียกปลุกสติของหญิงสาวกลับคืนมา อีกครั้ง
“เป็นไง หนู เข้าใจที่มาที่ไปของโครงกระดูกใต้ทางด่วนหรือยัง” ชายผู้สูงวัยกล่าวกับหญิงสาวด้วยความอบอุ่น แล้วเขาก็หันเดินกลับเข้าไปหลังฉากของพิพิธพันธ์ ก่อนที่จะลับสายตา แว่วเสียงสุดท้ายของชายผู้สูงวัยปรากฏขึ้น
“เริ่มจากเจ้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโง่ (ควาย) ของธรรมชาติ แล้วสิ้นสุดลงกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโง่ (คนจน) ของวัตถุนิยม ซึ่งทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในวัฏสงสารของกฎแห่งกรรมทั้งสิ้นแล..”
............................................
พ.กันตภณ



Create Date : 29 มิถุนายน 2551
Last Update : 29 มิถุนายน 2551 15:49:10 น. 0 comments
Counter : 258 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kreang52
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แล้วสิ่งนี้ก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน
Friends' blogs
[Add kreang52's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.