กระติกใส่น้ำแข็งมาแล้วววววว
 
 

Bride to be:::สถานที่ที่เราเลือก..สโมสรทหารบก



ในที่สุดก้อได้กลับมาเขียน Blog ต่อสักที

บล็อคนี้ขอเกริ่นนำก่อน..แล้วเดียวจะทะยอยบรรยายทีละหัวข้อ

เรื่องสถานที่นี่เรื่องยาวววว มากกกกกก...




จากที่เคยบอกมาแล้วว่า เราให้ความสำคัญกับเรื่องสถานที่เป็นอันดับแรก
ก้อแน่หล่ะ...สถานที่นี่เป็น 85%ของของรายจ่ายทั้งหมดเลยนะ!!!

เรากับทางบ้านประมาณแขกไว้คร่าวๆ 80 โต๊ะ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เลยจัดเป็นแบบโต๊ะจีน
จะให้จัดตามโรงแรมหน่ะหรอ? ชั้นคงต้องเอาบ้านกับที่นาไปขายเพื่อจัดงานแล้วหล่ะ...
เราจึงพุ่งเป้าไปยังสโมสรต่างๆก่อนเลย อันดับแรกที่เราไปดูคือสโมสรตำรวจ...แต่จองเต็มแล้ว
หลังจากนั้นเราเลยเบนเข็มมาที่สโมสรทหารบกวิภาวดี...ดั่งฟ้าประทาน เราโทรไปทีแรกเซลล์บอกว่าเต็ม
แต่รอลูกค้า CF ก่อน เค้าขอเวลาอีก 1 อาทิตย์ ระหว่างนั้นเราก้อโทรสอบถามเซลล์เรื่อยๆ

จนในที่สุดเซลล์ก้อแจ้งว่าห้องว่างแล้ววววว....ดีใจ
บอกตามตรง..ตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่ได้ที่นี้จะไปจัดลานกีฬาหมู่บ้านแล้ว 555

ติดต่อประสานงานขอใบเสนอราคาเสร็จสรรพ...สรุปเราจองห้องมัฆวานรังสรรค์ 1-3
จัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน 80 โต๊ะ

จะลอง list ข้อกำหนด(คร่าว)ของสโมสรทหารบกวิภาวดี(ที่เราคิดว่าสำคัญ) ให้ดูนะ

Smiley ดอกไม้และของตกแต่งต้องใช้ Supplier ที่ทางสโมสรจัดให้เท่านั้น หากต้องการเจ้าอื่น มีค่านำเข้า 10000 บาท -- เรื่องดอกไม้นี้ยาววว มหากาพย์มาก จะต้องแยกตอนกันเลยทีเดียว แต่ขอบอกไว้ก่อนเผื่อมีคนผ่านมาอ่านและกำลังจะจอง โปรดสอบถามให้ดีๆ เราเตือนคุณแล้ว !!!!!!
Smiley ดนตรีต้องใช้ Supplier ที่ทางสโมสรจัดให้เท่านั้น หากต้องการเจ้าอื่น มีค่านำเข้าตามจำนวนชิ้นของเครื่องดนตรี

โดยรวมก้อไม่มีข้อหมกเม็ดอะไร นอกจากเรื่องดอกไม้กับอาหารนี่แหละที่เราเซ็งสุดๆๆ ไว้จะมาอธิบายให้ฟังอีกครั้ง

จบแบบมาไวไปไว....ฟิ้ววววว





 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2556   
Last Update : 25 กรกฎาคม 2556 17:47:07 น.   
Counter : 7578 Pageviews.  


Pre-wedding By>>Debride club


วันนี้ได้ฤกษ์มาอัพเรื่อง package ถ่ายภาพซะทีนะเรา


เราต้องออกตัวก่อนว่าเป็นคนชอบถ่ายภาพมากกกกกกกกกก เราเลยค่อนข้างจะซีเรียสกับภาพ pre-wedding พอสมควร


ประกอบกับคิดว่าในที่สุดก้อได้ถ่ายรูปคู่กับคุณว่าที่จนได้ อิอิ(คุณว่าที่ไม่ชอบถ่ายรูป คบกันมาเก้าปี มีรูปคู่ไม่ถึงยี่สิบรูป)


เราหาข้อมูลในเน๊ตเยอะมาก...ดูแล้วก้อเลือกเก็บๆไว้ เพราะแต่ละเจ้าแนวทางการถ่ายรูปจะไม่เหมือนกัน


พยายามหาข้อมูลจนปวดหัว...เสนอคุณสามีไปก้อไม่ผ่าน แพงไปบ้างหล่ะ สตูอยู่ไกลบ้างละ โอ๊ยยย สาระพัดจะเป็นปัญหา


แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องเงินนี่แหละ....ตอนแรกเราไม่อยากซื้อ package แต่ลองมาคิดราคาเปรียบเทียบดูแล้ว


ถ้าเราจองแบบ package ทีเดียวจบเนี่ย...เราประหยัดไปได้อีกเกือบสองหมื่นบาท ... OMG!!! ชั้นคงต้องยอมตัดใจ


ปลังจากนั้นก็เลยมุ่งเน้นไปที่สตูดิโอที่ขาย package ด้วย โดยมีข้อแม้ที่สำคัญจากคุณว่าที่คือต้องอยู่ใกล้บ้าน!!!


เจอโจทย์หนักเลยนะเนี่ย...ก็อิชั้นอยู่วิภาวดี ที่มีอยู่แถวๆนี้ก็แพงขึ้นชื่อ..จะให้ไปหาแถวราม...เธอก็ว่าไกลเกิน รถติด แง่มๆๆๆๆ


แต่ในที่สุด...เราก้อได้มาเจอเนื้อคู่ที่ร้าน Debride Club แถวๆแยกเหม่งจ๋าย...ดีใจเหลือเกินหลังจากปวดหัวมานาน


Debride จริงๆแล้วเป็นร้านตัด-เช่าชุดแต่งงานแต่เค้า co กันกับทาง Cozyloft studio จัดเป็น package ถ่ายภาพร่วมด้วย


ซึ่งpackage ที่เราเลือกคือ 39,999 ซึ่งถ้าดูจากสิ่งที่จะได้แล้วนับว่าคุ้มมากกกกก


(ตอนที่เราไปจองรู้สึกว่าจะเป็น promotion พิเศษฉลองเปิดตัว เพราะร้านนี้เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงปีอ่ะ)



ดูซิคะ...เห็นมั้ย บอกแล้วว่ามันถูกมาก!! ยอมรับว่ามันถูก มันยั่วยวน...แต่ตอนแรกเรายังไม่ค่อยไว้ใจค่ะ


555 อย่าได้คิดมาก..มันเป็นเรื่องธรรมดาของเจ้าสาวค่ะ...เจ้าสาวต้องคิดมาก ถ้าไม่คิดมากก็ไม่ใช่เจ้าสาวสิเน๊อะ อิอิ


ตอนแรกกลัวสารพัด...เครื่องสำอางค์เค้าจะดีมั้ย แต่งหน้าออกมาจะสวยหรือเปล่า?? (เรื่องนี้สำคัญ เพราะต้นทุนความสวยของเจ้าสาวมีจำกัด)


ภาพวันงานหล่ะ...ถ้าไม่สวยแย่เลยนะ ครั้งเดียวในชีวิต จะถ่ายซ่อมก้อไม่ได้


(แต่ก้อไม่คิดจะจ้างช่างเพิ่ม เพราะไม่มีตังค์ 555)



หลังจากเครียดจนหนำใจ..สติก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง 555 เริ่มที่จะทำใจและปล่อยวาง คิดในแง่บวก


ซึ่งจริงๆแล้วต้องบอกว่าคุณภาพที่ได้เกินราคามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราประทับใจในการบริการของที่นี่สุดๆๆ


ตอนแรกที่กังวลอาจเป็นเพราะเราคิดว่าเค้าเพิ่งเปิดใหม่..อาจจะยังไม่เก๋าพอ แต่ไม่ใช่เลย


คุณภาพล้วนๆ.......มาดูแยกส่วนกันดีกว่า


เริ่มด้วยการถ่ายภาพ pre-wedding....เราเลือกถ่าย outdoor ที่ Mestyle place


สถานที่เก๋มาก.... ไม่เชื่อลองดูรูปที่เว็บเค้าสิคะ


ค่าเช่าสถานที่ 3200 บาท ได้ห้องแต่งตัวเป็นห้อง Deluxe 1 คืน....


ถ้าคิดว่าแพง..ก็แพง...ถ้าคิดว่าคุ้ม..ก็คุ้ม เราสามารถใช้สถานที่เค้าได้ทั้งวัน...ที่สำคัญคือไม่ร้อน(อันนี้สำคัญมาก!!!)


จะเปลี่ยนชุด..แต่งหน้า..ทำผม..แอบงีบ โอ๊ยยย สาระพัดจะสะดวกสบาย อยู่ในห้องแอร์ตลอด(ยกเว้นจะเดินออกไปถ่ายด้านนอกอาคาร)


อันนี้ขอเม้า...พี่ที่สตูบอกว่าบางสถานที่ค่าเช่าแสนแพง แต่เค้าไม่เปิดแอร์ให้นะตัวเธอ...กว่าจะได้รูปสวยมาเนี่ยหมดทิชชู่กันไม่รู้กี่กล่อง 555 


ดูสิว่าห้องเริ่ดขนาดไหน...นี่แค่ในห้องนะยังไม่ได้ถ่ายข้างนอกเลย...(และเราก้อได้ถ่ายมาแค่สามใบนี้แหละ...บอกแล้วว่าวันนี้มาเป็นนางแบบ ไม่ได้มาถ่ายรูป 55)



มีครัวเล็กๆให้ด้วย.......



เตียงนอน...นุ่มมมม นอนสบาย อิอิ



ส่วนช่างแต่งหน้า...เรา request ขอเป็นช่างแต่งหน้าคนเดียวกับวันจริง เพื่อที่เราจะได้ดูแนวของเค้าด้วยว่าเป็นอย่างไร


ถือเป็นการ test แต่งหน้าทำผมไปด้วยในตัว....


เราเปลี่ยนชุดทั้งหมด 4 ชุด...ชุดแต่งงาน 2 ชุดไปรเวท 2


พี่ป๊อกก็จัดเปลี่ยนทรงผมให้เรา 4 แบบเลย แต่หน้าเนี่ยแต่งครั้งเดียวแล้วปรับนิดๆหน่อยๆ


โดยรวมแล้วปลื้มกับพี่ป๊อกช่างแต่งหน้ามากกก...แม่ยังบอกเลยว่าพี่เค้าแต่งหน้าทำผมสวย ^^


ช่างภาพ...ถ้าจำไม่ผิดชื่อน้องต้น(มั้งนะ) น้องยังเด็กๆอยู่เลยอ่ะ แนวๆดี


แต่แอบสารภาพว่าตอนแรกไม่ค่อยมั่นใจ เพราะน้องเค้ามาคนเดียว..ใช้เลนส์อันเดียวตลอด...ไม่มีรีเฟล็ก แฟลชก้อไม่ใช้


ฮือๆๆๆ ไม่มีไรเลยอ่ะ แล้วรูปจะออกมาเป็นไงล่ะเนี่ยยยยย


ประกอบกับวันนั้นมีอีกคู่นึงมาถ่าย pre เหมือนกัน...เค้ามาแบบจัดเต็มมาก เลนส์ตัวใหญ่..คนถือรีเฟล็ก ถือแฟลชแยก


แถมมีคนถือของช่วยแต่งตัวกันเป็นแถว....หันมาทางเราแล้ว sad  Smiley เค้าไม่มีไรเลยอ่ะ


แต่ไม่เป็นไร..ชั้นมั่นใจว่าชั้นสวยกว่า...เพราะฉะนั้น อย่างได้แคร์ 555(พยายามคิดบวกสุดฤทธิ์)


ลืมไป เรามีพี่เอ๋ จาก debride มาช่วยแต่งตัวให้ และคอยยืนให้กำลังใจห่างๆ แต่ตอนถ่ายเนี่ยเค้าให้ช่างภาพโชว์ฝีมือเต็มที่


เลยดูเหมือนว่ามีกันแค่เราสามคน...


หลังถ่ายเสร็จก็นั่งใจตุ๊มๆต่อมๆอยู่ 1 อาทิตย์ทางสตูก้อโทรมาบอกว่ารูปได้แล้ว..ให้เข้ามารับเอาไปเลือกรูปลงอัลบั้มได้เลย


รูปที่ได้มีประมาณสองร้อยกว่ารูป ซึ่งเซ็ตนี้เค้าจะแต่งแสงสีให้เท่านั้น...ไม่รวมรีทัช (รีทัชจะได้ใน 30 รูปที่เลือกลงอัลบั้ม)


ได้รูปมาแล้วถูกใจมากกกก...ดูสบายๆ เป็นธรรมชาติ (เราไม่ชอบภาพที่ดูตั้งใจจัดมากเกินไป)


เห็นรูปแล้วนั่งยิ้มตลอดเวลา อิอิ


มามะ..มาดูรูป pre-wedding (บางส่วน) กัน~~~~


** ภาพชุดนี้ไม่ได้รีทัช..อย่าแปลกใจถ้ายังเห็นร่อยรอยอารยะธรรม - -"


Smiley ชุดที่ 1 Smiley 



Smiley ชุดที่ 2 Smiley 




Smiley ชุดที่ 3 Smiley 


ผมทรงนี้พี่ป๊อกใส่แฮร์พีช เพิ่มให้ด้วย ^^



 


Smiley ชุดที่ 4 Smiley 


ชุดสุดท้ายยย...เราชอบผมทรงนี้มาก  request ทรงนี้ในวันจริงด้วย



 


** Trick นิดหน่อย...ในการเลือกชุดถ่าย pre ควรเลือกชุดที่มีดีเทลใหญ่ๆมองข้างดีเทลเล็กเช่นพวกงานปัก...เวลาถ่ายรูปออกมาแล้วจะสวยกว่า


จะเห็นว่าชุดแรกเราเลือกกระโประที่มีเลเยอร์ใหญ่ๆ และ ชุดสองเราเลือกชุดที่มีดอกไม้เต็มช่วงบน ของจริงอาจดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่..แต่ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยมากกกก (ในความคิดเรา)


...


...


...


...


...


เฮือก...เหนื่อยจัง ไว้มาต่อภาคสองแล้วกันนะ (จบมันง่ายๆตามสันดานอย่างนี้แหละ 55)






Free TextEditor

แอบมา Edit อวดภาพฝีมือคุณสามีหน่อย Smiley Smiley Smiley


รูปนี้ถ่ายหลังจากที่เราเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเตรียมจะกลับแล้ว...แต่ด้วยความที่ประทับใจความสวยเก๋ของโรงแรม


ก้อเลยขอเก็บภาพเป็นการส่วนตัวอีกเล็กน้อย ^^ ชอบผนังไม้อันนี้เป็นพิเศษ เลยขอถ่ายเก็บไว้หน่อย


ที่จริงอยากไปถ่ายซ้ำทุกมุมเลย แต่เกรงใจม่าม๊าที่ต้องมาแขวนท้องรอ...(ถ่ายเสร็จประมาณบ่ายสาม เจ๊ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง!!!)


อิอิ..เห็นมั้ยบอกแล้วว่าพี่ป๊อกแต่งหน้า+ทำผมสวยมากกก นี่ขนาดแกรื้อกิ๊บบนหัวทั้งหมดออก กลายเป็นผมปล่อยธรรมดา


ซึ้งปกติถ้าคุณผ่านการทำผม + ประโคมสเปรย์ขนาดนี้แล้วรื้อ ต้องออกมาอุบาทว์แน่นอน...


แต่นี่..ดูสิ ผมยังสวยอยู่เลย+เมคอัพยังเป๊ะ ทำให้เรามีความอยากจะลงมาถ่ายรูปเก็บไว้อีกจนได้ ฮี่ฮี่ฮี่


(ปอลิง..ภาพนี้ก้อไม่ได้รีทัชนะ เค้าปรับแสงนิดหน่อยเพราะทำอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่เป็น - . -x)



 



อยากจะได้ข้างฝานี้กลับบ้านเหลือเกิ๊นนนน  Smiley



สงวนไว้สำหรับรถไฮโซววววเท่าน้านนนนนน 555



 



--------------------------   จบ(จิง) ------------------------------






Free TextEditor




 

Create Date : 06 สิงหาคม 2554   
Last Update : 10 สิงหาคม 2554 16:50:29 น.   
Counter : 3656 Pageviews.  


Bride to be::ลองชุดกันก่อนดีกว่า ^^

สวัสดีค่า~~~~หายหน้าไปพักนึง หลังจากที่มาเกริ่นถึงงานแต่งงานของจขบ.ไปแล้ว


แฮะๆ..ระหว่างที่หายหัวไปนี่มีเรื่องวุ่นๆๆหลายเรื่องสำหรับการแต่งงานที่ค่อนข้างกระทันหันของเรา


เราไปดูฤกษ์กับอาจารย์ที่ทางบ้านเจ้าบ่าวนับถือเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 54 และอาจารย์บอกว่าฤกษ์ที่ดี่สุดของเราสองคนคือวันที่ 9 พ.ค. 54


หันไปมองสบตาเจ้าบ่าวแว๊บนึง...ใจก้อคิดว่าคงเร็วไปมั้ง เตรียมตัวไม่ทัน..แต่ วท.เจ้าบ่าวพยักหน้าตอบว่าทันครับ -_-"  *O*...


กรี๊ดดดด..มีเวลาแค่สามเดือนกับอีกกะตึ๊งนึง..ช้านจะเตรียมตัวทันม้ายยย..คนอื่นเค้าเตรียมกันเป็นปี


ตัวยังผอมกะหร่อง..หน้าก้อสิวเขรอะ..ตัวตากแดดมายังไม่หายดำเลย เข้าคอร์สเจ้าสาวจะทันมั้ย *&%^#@&^$+_! บลาๆๆๆ


ตอนนั้นสมองมันฟุ้งไปหมด คิดไรมั่วซั่ว แล้วที่คิดออกมาแต่ละอย่างก้อไม่ได้มีประโยชน์เลย...


พยายามตั้งสติ ตัดเรื่องฟุ้งซ่านออกไปก่อน ดีที่ว่าเราหาข้อมูลงานแต่งมาบ้างพอสมควร


(แต่จะบอกว่าไอ้ที่หามา พอเอาเข้าจริงๆแล้วไม่ได้ทำตามที่คิดไว้เลย..แค่คิด..จะเอายังไงก้อได้ แต่พอถึงเวลาจริงๆแล้วมันถูกจำกัดด้วยอะไรหลายๆอย่าง)


 


เรื่องแรกที่เราให้ความสำคัญก่อนเลยคือเรื่องสถานที่ เพราะค่าใช้จ่ายหลักจะอยู่ที่นี่ แต่เราจะมารีวิวเรื่องสถานที่ทีหลัง เพราะมันจุกจิกมากกก


ตอนนี้ขอรีวิวเรื่องชุดแต่งงานที่ไปลองมาก่อนแล้วกัน (แล้วมันพล่ามอะไรมาตั้งนานวะ!!!! 555 อย่าถือสา จขบ เลยน้า~~มันบร้า..)


 


เรื่องชุดแต่งงานเราตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะเช่า..ไม่เอาตัดเช่าเด็ดขาด ไม่รู้สิ..เราไม่มีแบบไหนที่ชอบเป็นพิเศษ ชุดราตรีขอให้เป็นเกาะอก


ส่วนชุดไทยก้อขอเป็นสีชมพู.....แล้วที่เหลือก้อตามแต่จะพิจารณา


และเราชอบที่จะเห็นและลองใส่ก่อนมากกว่าว่าเราชอบมันจริงๆมั้ย คือ..บางทีจินตนาการ ความคาดหวัง กับความเป็นเป็นจริงมันก้อไม่ใช่เรื่องเดียวกันเสมอไปนะ ^^


เอาหล่ะ..พอคิดได้ดังนี้ เราก้อมุ่งหน้าไปหาร้านเช่าชุดกันเลย.......


 


ร้านแรกที่เราคิดว่ายังไงๆก้อต้องไปดูให้ได้คือน้องตั๊ก Fullrich.. ติดตามผลงานเค้ามานาน ชอบที่โครงของเค้า งามมากกพอไปดูแล้วก้อไม่ผิดหวัง


บริการดีเลิศสมคำร่ำลือ ชุดเยอะ สวยๆทั้งนั้น แถมให้ลองกันจนเมื่อยไปข้างนึง...


แต่ติดนิดนึงว่าชุดที่เราชอบราคาเช่ายังสูงอยู่ เจ้าบ่าวไม่อนุมัติ..ตอนนั้นงอนกันไปเลยหล่ะ แต่ตอนหลังพอเห็นค่าใช้จ่ายที่เข้ามาเรื่อยๆก้อนะ..เอาที่สวยน้อยลงหน่อยก้อได้(วะ)


 


มาดูชุดร้าน Fullrich กันจ้า...เริ่มด้วยชุดไทย


ส่วนที่เราชอบในชุดไทยของ Fullrich คือถึงแม้เค้าจะทำเป็นชุดไทบแบบสำเร็จ คือเย็บท่อนล่าง+บนติดกันเลย


แต่ตรงรอยต่อช่วงเอว เค้าทำเสมือนเรานุ่งสด ไม่ใช่ชุดสำเร็จ ทำให้เราดูมีเอวมากขึ้น ลองหลายชุด แต่คัดเอามาเฉพาะที่ชอบ มามะตามมาดู


ชุดนี้เห็นแล้วปิ๊งทันที..สไบสวยยย เป็นลูกไม้สีโอวัลตินทั้งผืน งามมม แต่พอรู้ราคาเช่าแล้วก้อต้องทำใจ เพราะเราเช่าเป็นมือที่สองราคาเลยยังสูงอยู่



ดังนั้น เลยบอกงบประมาณกับพี่โสไปว่าเราอยากได้ราคาที่ไม่แพงมาก พอจะมีชุดไหนเข้าข่ายได้บ้าง..ก้อได้เป็นชุดนี้มา


 


ชุดนี้ก้อสวยยยย...เจ้าสาวที่สั่งตัดน่าจะหุ่นเหมือนเราแน่ๆ เพราะใส่ออกมาแล้วเป๊ะมากๆๆ ทั้งอก เอว สะโพก ความยาว เรียกว่าไม่ต้องแก้ไขกันเลยทีเดียว


ส่วนราคาลดลงมาจากชุดแรก..ชักเข้าเค้า แค่ก้อยังเกินงบไปนิดนึง เก็บไว้ในใจ ลองดูชุดต่อไปก่อนดีก่า (ขอบังหน้านิดนึง..รูปนี้ไม่ไหวจิงๆ หน้าอึนมากกกก)



ตอนแรกเห็นแขวนอยู่ก้อไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่..มันดูหมองๆ แต่พอใส่เท่านั้นแหละคุณขา...ชอบมากกกก สไบสีทองขับผิวดูผ่องขึ้นมาทันที (ดูเฉพาะชุดอย่าดูหน้า จขบ นะ เยินมากกก)


แถมไม่โ ปกปิดความแห้งของเราได้มิดชิดชอบกว่าชุดแรกอีก แถมราคายังถูกกว่ากันเกินครึ่ง หมายตาชุดนี้ไว้ก่อนเลย ^^



 


มาต่อกันที่ชุดราตรี....


เช่นเคย เราบอกงบประมาณของเรากับพี่โส แล้วพี่โสก้อจัดมาให้ชุดใหญ่เลย..เฮ้อออ ลองจนเหงื่อตก


โครงเค้าสวยจริงๆ บริเวณหน้าอกเนียนกริบทุกชุดนี่ขนาดไม่ได้ส่งตัดตามขนาดเรานะ


ขนาดเราเป็นผู้หญิงตรงๆ (ไม่มีเอว) กังวลอยู่ว่าใส่ชุดแต่งงานแล้วจะไม่สวย แต่ชุด Fullrich ช่วยด้ายยย


ใส่แล้วมีเอวทุกตัว >_<



 ชุดนี้น่ารักดี..เรียบร้อยแบบหวานๆ มีโบว์ข้างหลังด้วย แต่เรารู้สึกว่ามันดูเป็นชุดราตรีไปหน่อย..เก็บไว้ก่อนละกัน


 



 ชุดนี้ก้อพอใช้ได้ แต่ก้อยังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ (นี่ขนาดว่าไม่เรื่องมากนะเนี่ย -_-")


 



และแล้วก้อมาเจอชุดนี้...ชอบมากก โดยเฉพาะช่วงหน้าอก จับเดรปงาม มีโบว์ด้วย รูสึกว่าใส่แล้วน่ารักเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยๆ (คิดไปนั่น) แต่ไม่ค่อยชอบกระโปรงแฮะ


เจ๊เราก้อปลื้มมากกก ขนาดๆร่ำจะวางมัดจำชุดให้ได้ กลัวว่าคนอื่นจะมาจองตัดหน้า.....


เราก้อชอบมากเหมือนกัน แต่ต้องห้ามใจไว้ก่อน ราคาชุดนี้แพงกว่าทุกชุดที่เราลอง


และอย่างน้อยเราก้อน่าจะส่งรูปให้คุณว่าที่ช่วยดูให้ด้วยว่าเค้าโอเคมั้ย..เพราะงานแต่งไม่ใช่ของเราคนเดียวนี่เน๊อะ


(เราไปลองชุดกับแม่อ่ะค่ะ คุณว่าทีทำงานอยู่ต่างจังหวัด มาดูด้วยไม่ได้)


 


คิดได้ดังนั้นก้อตัดใจบอกกับพี่โสว่าขอกลับไปคิดดูก่อน ทั้งๆที่ใจเนี่ยตัดสินใจจองทั้งสองชุดไว้ได้แล้ว


ทางร้านก้อดีมากกกกไม่มีแสดงอาการไม่พอใจหรือบังคับให้จองเลย แถมยังบอกว่าให้เราค่อยๆดูค่อยๆตัดสินใจ ถามเจ้าบ่าวดูก่อนจะได้สบายใจ


(สงสัยพี่เค้าคงเห็นเจ๊ของเราบอกว่าให้จองเลยๆๆๆ แต่เรายังอิดออดขอกลับไปถามเจ้าบ่าวก่อน 555)


สุปแล้วก้อไม่ผ่านการอนุมัติงบประมาณจากเจ้าบ่าว..อดเลย เสียดายนะใครๆก้ออยากสวย แต่ต้องทำใจ งบเราบานปลายจิงๆ


 


หลังจากนั้นเลยพยายามมองหาร้านเช่าชุดที่มีขาย package ถ่ายรูปด้วย ราคาจะได้ถูกลง และขอที่ใกล้บ้านหน่อยเวลาเดินทางจะได้สะดวก


เฮ้อออ..ร้านที่ชั้นหมายตาไว้ก้ออยู่ไกลๆทั้งน้านนน เหลืออยู่ไม่กี่ร้านเองที่อยู่ในวงโคจร...


 


และเราก้อตัดสินใจมาที่ร้าน 898loveare ของพี่พอลล่า ร้านนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล(แต่รถติด) แถวๆหน้าราม


ราคา package ถูกมากกกก ดึงดูดใจอย่างยิ่ง ลองอยู่หลายชุด แต่เรายังไม่ถูกใจเท่าไหร่..ชุดแต่งงานเค้ายังไม่ใช่แนวที่เราชอบ


เราคิดว่าร้านนี้เค้าไม่ได้เป็นแนวตัดชุดเอง ออกๆแนวซื้อชุดมาแล้วเอามา adapt เพิ่มอะไรประมาณนั้น(ตามความคิดเรานะ)


รู้สึกว่าแบบของเค้าเราเห็นอยู่ในเว็บขายส่งชุดแต่งงานหลายเว็บเลยอ่ะ แต่ต้องบอกจริงๆว่าร้านนี้จุดเด่นอยู่ที่เรื่องราคาที่ถูกจนเหลือเชื่อแถมมีผ่อน 0% ด้วยนะเธอ!!!!


เอาเป็นว่าถ้าเราคิดเทียบราคาเช่าชุดบ่าวสาวจากร้าน Fullrich ร้านนี้สามารถได้ทั้งชุดวันจริง ทั้ง pre-wedding แถมอัลบั้ม LCD อีกต่างหาก OMG!! 


ลองดูรูปละกัน...


(ถ้าเห็นหน้าวทจส แล้วอย่าตกใจจนเลิกดูไปซะก่อนนะ...วันนั้นไม่ไหวแล้ว เครียดกับเรื่องสถานที่จนไมเกรนขึ้น ส่วนจะเครียดอะไรนักหนานั้น..ติดตามได้ในบล็อคถัดไป coming soon!)


 


ชุดนี้ก้อน่ารักดี ชอบตรงเกาะอก มันทำให้เราดูอวบมากขึ้น แต่ด้วยความที่เคยเห็นชุดนี้ในเว็บขายส่ง..เลยขอผ่าน..



 


ชุดนี้พี่พอลล่าเชียร์ให้ลอง..แต่เราว่าดอกมันอลังการไป เหมาะกับใส่ถ่าย pre-wedding แต่ไม่เหมาะอย่างแรงในวันแต่งจริง


แถมเป็นอีกชุดนึงที่เห็นตามเว็บขายส่ง...ขอผ่านอีกเช่นกัน



 


ชุดนี้ก้อพอได้อยู่นะ แต่แอบติผ้าที่ทำกระโปรง มันเป็นเหมือนผ้าแก้วมันๆ มันเลยดูแปลก แต่แอบคิดในใจว่าที่ลองมา



 


ชุดนี้ใส่ออกมาก้อสวยดี แต่คุณปู้ชายไม่ชอบลายปักสีเงิน..เลยตกไปตามระเบียบ



 


ชุดไทยสีชมพูหนึ่งเดียวในร้าน..สีสวย หวานดี แต่ใส่แล้วเป็นคนตรงๆมากเลย


อดไปตามระเบียบ



 


เริ่มเมื่อยมือแล้วแฮะ..เอาน่าสู้ๆ เหลืออีกแค่สองร้านเอง


 


ร้านต่อมาที่เราได้เข้าไปลองคือร้าน Debride Club ร้านอยู่เลยแยกเหม่งจ๋ายไปหน่อย


เดินทางสะดวกนะ ขับรถจากบ้านเราถ้ารถในซอยไม่ติด ไม่เกิน 20 นาทีก้อถึง


เนื่องจากเป็นร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ (เห็นพี่แจ็คบอกวันที่เราไปลองชุดครั้งแรกร้านเพิ่งเปิดได้ 6 เดือนเอง)


บรรยากาศภายในร้านเลยดูใหม่ ดูดีมากๆๆ มองไปทางไหนก้อเป้นระเบียบ ชุดก้อยังใหม่เพราะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน


ขอลองชุดตามระเบียบ....


 


ชุดนี้คุณผู้ชายชอบ แต่เราว่ามันเรียบไปสำหรับเรา (ที่จริงชุดเป็นเกาะอก แต่ที่เห็นสายๆนั่นสายเสื้อในเรานะ ไม่ได้มากับชุดจ้ะ)


เพราทั้งชุดจะมีปักแค่ช่วงใต้อกแค่นั้น..กระโปรงเป็นขยุ้มๆ แต่จับเดรปช่วงอกสวยเนียนกริบ..



 


ชุดนี้ตอนไปลองยังปักไม่เสร็จ สวยดีเหมือนกันถึงแม้จะไม่ใช่เกาะอกตามคอนเซ็ปต์ >_<


 แต่เราใส่แล้วเป็นคนตรงๆหาเอวไม่เจอ ชายกระโปรงเต่อไปนิด วันจริงเราต้องใส่ส้นสูงกว่านี้อีกคงยิ่งเต่อไปกันใหญ่ 



 


ชุดนี้ไม่ไหว..ตันมากๆๆๆๆ



 


ชุดนี้เรามาเจอกันเมื่อสายไป...เนื่องจากวันแรกที่ไปลองเราไม่เจอชุดนี้ และก้อไม่มีชุดไหนที่โดนสุดๆ เราเลยตัดสินใจไปเช่าชุดจากอีกร้านนึงแทน


ทั้งๆที่ package ที่เราซื้อไว้ก้อให้ชุดวันงานสองชุดแล้ว (อยากบอกว่าชุดคล้ายกันมากๆ ถ้าเราไม่ด่วนตัดสินใจเช่าที่อื่นก่อน เราก้อจะเอาชุดนี้แหละ)


อาจจะงงๆ คือเรามาลองชุดที่ร้าน debride หลายครั้งมากๆๆๆจนเกรงใจ แต่พี่แจ็คกับพี่เอ๋ ก็มี service mind ดีมากๆๆ ด้วยเช่นกันที่อดทนกับความจุกจิกของเรา


(ไหนหล่อนบอกไม่เรื่องมากไง!!)



ด้านหลังค่า~~~เลือกได้ว่าจะเอาโบว์หรือกุหลาบ..แต่เราว่าโบว์น่ารักกว่า



 


ชุดไทยสีชมพูกลีบบัวค่า...ถึงจะเป็นสีชมพูชุดเดียวในร้าน แต่เราก้อถูกใจที่ซู้ดดด เลือกโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย (ถึงจะดูไม่มีเอวก้อเถอะ..)



ชุดสุดท้าย..อิอิ เป็นชุดแบบสั้นค่า ด้วยความเรื่องมากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และมีอารมนึงอยากใส่ชุดแบบสั้นด้วย เลยได้เป็นภาพนี้มา


น่ารักดีนะ ตอนแรกกะใส่ไปยกน้ำชาที่บ้านเจ้าบ่าว แต่ก้อเป็นอันยกเลิกไปเพราะอะไรเอ่ย???(เจ้าบ่าวไม่อนุมัติอีกตามเคย -_-")



สรุปแล้วเราก้อจอง package ที่ร้าน debride club ซึ่งเค้า co  กับทาง Cozyloft ที่ทำด้านสตูดิโอคุ้มมากๆๆๆๆ เด่วจะมารีวิวอีก blog นึงนะ


แต่ในส่วนของ package ที่รวมชุดบ่าวสาวคนละ 2 ชุด ของเราเลือกเป็นชุดไทยทั้งสองชุดเลย (สีชมพูกับสีครีมที่ไม่ได้ถ่ายรูปตอนลองไว้อ่ะ)


สงสัยใช่มั้ยว่าเราเลือกชุดงานกลางคืนที่ไหน....นี่เลยร้าน Jira Bridal



ด้วยความที่ว่าร้าน Jira เป็นทางผ่านเวลาที่เราจะมาร้าน Debride เราเลยจอดรถแวะดูเผื่อเจอชุดถูกใจ(เพราตอนนั้นยังไม่ถูกใจชุดไหนเลย)


ร้าน Jira เค้ามีสองสาขา เรามาแวะดูที่สาขาห้วยขวาง ซึ่งรู้สึกว่าชุดจะน้อยกว่าสาขาที่สุขุมวิท ประกอบกับร้านที่กำลังปรับปรุงอยู่ด้วยเลยไม่ได้ทำชุดใหม่ออกมา


ชุดมีให้เลือกไม่มาก ถึงแม้ชุดจะดูหมองๆหน่อยแต่ปักอลังการจิงจัง..บางตัวเราจะยกมาดูต้องเกรงแขนแทบแย่ ก้อเล่นปักซะทั้งตัว!!!


งามจริงๆๆๆ แต่ชุดที่ร้านส่วนใหญ่เป็นชุดมีแขน มีแบบเกาะอกอยู่ไม่กี่แบบ และอย่างที่บอก หนักมากกกก ปักอลัง..พองฟูอลัง ไม่ไหวๆ เราต้องแบกน้ำหนักไม่ไหวแน่ๆ


แต่กลับไปถูกใจกับชุดนี้ ไม่มากไม่น้อยเกินไปเป็นชุดเดียวที่ลองแล้วตัดสินใจทันที ชั้นจะเอาตัวนี้


(ก่อนจะจองก้อมีแอบสอบถามราคานิดนึง..พอทราบราคาแล้วตาลุกวาวววว โอ้วววถูกกว่าที่คิดไว้เยอะเลยอ่ะ อย่างนี้ไม่ต้องคิดมาก ถึงแม้จะมี package ร้าน debride อยู่แล้วก้อเหอะ)


อิอิ ด้านหน้าดูเรียบร้อย แต่แอบเซะซี่ที่ด้านหลัง ^^ ปักแค่ช่วงบนและตรงชายกระโปรง ด้านหลังจับขยุ้มเล็กน้อยพอกรุบกริบ แถมมีโบว์ช่วยเพิ่มตูสสอีกต่างหาก



มีแต่คนบอกว่าด้านหลังสวยกว่าด้านหน้า...หมายถึงหน้าหรือชุดฟร่ะ...



แต่ขอเสียของกระโปรงเรียบๆแบบนี้คือมันเห็นรอยสุ่มด้านในง่าย(หรือเราใส่ไม่เป็นหว่า) วันงานต้องจัดดีๆ เผลอเมื่อไหร่เห็นรอยสุ่มทู้กกที


เห็นมะ สุ่มมาให้เห็นโดยไม่ได้รับเชิญ!!!!



 


ประสบการณ์การลองชุดแต่งงานของเราก้อมีเท่านี้แหละค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองลองเยอะหรือน้อย


เพราะบางคนบอกว่าต้องลองหลายๆๆๆๆร้านกว่านี้เพื่อที่จะเปรียบเทียบดูว่าเราชอบอันไหนที่สุด..อันนี้ก้อแล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคลก้อแล้วกันนะคะ


แต่เราคิกว่าแค่นี้ก้อพอแล้ว เราได้ชุดที่เราพอใจแล้ว ก้อสมควรพอใจได้แล้ว..หยุดแล้วเอาเวลาไปเตรียมอย่างอื่นดีกว่าเน้อ~~~~







Free TextEditor




 

Create Date : 16 มิถุนายน 2554   
Last Update : 16 มิถุนายน 2554 18:18:43 น.   
Counter : 17833 Pageviews.  


ผ่านมาแปดปีแล้วสินะ....ในที่สุดดดดด

ผ่านมาแปดปีแล้วสิ..สำหรับเรื่องราวของเรากับโอ


จะว่านานก้อนาน..แต่บางที่ก้อเหมือนเรื่องราวต่างๆเพิ่งจะเกิดขึ้น


.......ตั้งแต่คบกันมา เรากับโอไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง


อาจเป็นเพราะอารมณ์เราเหมือนไฟไหม้ฟาง


พอโมโหก้อปรี๊ดดดด ขึ้นมาที พรึ่บเดียว แล้วก้อหาย (ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสีย --")


ผิดกับโอ มี่จะเป็นคนเงียบๆ แต่เวลาโมโหขึ้นมาก้อน่ากลัวเหมือนกัน


แต่เราหรือจะกลัว 555 ใครงอนก่อนคนนั้นได้เปรียบ 555


 


เรื่อยๆๆๆๆๆ คุยกันมั่ง ไม่คุยกันมั่ง บางวันมีเรื่องเม้าก้อคุยกันนานหน่อย


บางวันไม่มีเรื่องพูดก้อคุยกันสองนาทีพอ...เป็นอย่างงี้มาเรื่อยๆๆๆๆ


 


 


 


จนมาถึงวันนี้...วันที่เราสองคนคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่จะ "เริ่ม" ทำอะไรซักอย่าง


เป็นเราอีกนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเซ้าซี้เริ่มก่อน


ตอนแรกเราก้อฝันเอาไว้ ว่าอยากโดนขอแต่งงานเหมือนในละครมั่ง


ไม่ต้องถึงขนาดที่พระเอกคุกเข่าขอแต่งงาน...แต่อยากให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก้อพอ


 


แต่ด้วยความที่ลักษณะนิสัยโอเค้าไม่ใช่คนช่างพูด...


ไอ้การที่เราจะมัวแต่นั่งรอให้เค้าเริ่มก่อนคงจะเป็นไปไม่ได้


ในที่สุด..เราก้อเป็นฝ่ายทนไม่ไหว เริ่มพูดก่อนจนได้สิน่า --"


เริ่มจากการแค่เกริ่นๆ แบบซอฟท์ๆ จนเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆๆๆ 555


จนมีอยู่วันนึง พูดไปพูดมาแล้วผู้ชายดันงอน...เราก้ออึ้งเลย เอ๊ะ!หรือว่าเราเล่นมากเกินไป


(คือพอตื้อมากๆชักเลยเถิด เลยกลายเป็นเรื่องเล่นๆไปอ่ะนะ -*-)


พอวันรุ่งขึ้นเลโทรไปเคลียร์เลย...บอกกับโอว่าเราจะไม่เซ้าซี้เรื่องนี้อีกแล้ว ไม่รีบก้อได้


โอก้อตอบกลับมาว่าไม่ได้งอนหรือรำคาญที่เราเว้าซี้ แต่งอนที่เราพูดเหมือนไม่สนใจเค้า พูดนำเสียงไม่ดีกับเค้า


อ้าววววว....ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย..พูดไม่ดีตอนไหนหว่า??? เอาเหอะอย่างงีก้อเข้าทางเลย


เซ้าซี้ต่อได้ 5555


 


หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเราก้อคุยเรื่องนี้กันมาเรื่อยๆ...สินสิดเอาเท่าไหร่ อะไรยังไง


และโอก้อขอให้แม่โอหาฤกษ์ให้...เอาล่ะเหวยยยย...ใกล้จะได้เป็นเจ้าสาวแล้ววววว


 


 


 


เราไปหาฤกษ์กันประมาณต้นกุมภา...อาจารย์บอกว่าให้แต่งเดือนพฤกษา


เราหันมองหน้าโอทันที..โอ้วววว เร็วไปมั้ย โอบอกไม่เร็วหรอก เราต้องเอาฤกษ์ที่ดีที่สุด


แล้วชั้นจะทำยังไง...นำหนักจะเพิ่มทันมั้ยยย...ชั้นจะแต่งแบบผอมแห้งลงพุงอย่างงี้ไม่ได้


แล้วชุดหล่ สถานที่ ถ่ายรูป...etc โอ้ยยย ยังไม่ได้หาสักอย่าง


นอยด์มากๆๆๆๆ กังวลไปสารพัด จนทุกคนค่อยๆปลอบว่าใจเย็นๆ เวลายังพอมี...


นั่นแหละถึงค่อยสงบลงมาได้...



 


 


เอาหล่ะ เกรินพอแล้ว ตอนนี้เราเริ่มลงมือหา และจองอะไรไปบ้างแล้ว เด่ว blog หน้าจะมาอัพเดทเรื่องสถานที่กันนะ


 






Free TextEditor




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2554   
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2554 17:25:17 น.   
Counter : 713 Pageviews.  


จุดเริ่มต้นของเรา..

Group นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นบันทึก เป็นความทรงจำของเรากะโอ...


เรื่องราวอาจไม่ครบถ้วน แต่เราก้อคิดว่ามันจะสวยงาม


มีคุณค่าแก่การจดจำ...



เรากะโอ รู้จักกันตอนเรียนที่เกษตร คณะเราสองคนอยู่ตรงข้ามกัน


สาวเกษตร กับ หนุ่มประมง


แต่เราไม่เคยเจอกันเลยนะ จนกระทั่งปีสอง ในชั่วโมง Lab biology sec ของประมงเต็ม


โอกับเพื่อนๆอีกไม่กี่คนเลยต้องมาลงเรียน sec เดียวกะเด็กคหกรรม


และก้อเป็นความบังเอิญเหลือเกินที่เรามาสาย ไม่มีที่นั่งเลยโดนให้ไปนั่งติดกับเด็กประมงกลุ่มนี้


แว๊บแรกเลยเราไม่ได้คิดอะไร แค่รู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ต้องนั่งติดกับกลุ่มผู้ชายคณะอื่น


อ๊ะๆ ไม่เชื่อหล่ะสิ...เห็นอย่างงี้อ่ะเราเป็นคนขี้อายมากกกกกกกนะ


 


นั่งเรียนไปโดยไม่คิดอะไรซักพัก...เราก้อเริ่มได้พูดคุยโดยการขอลอก lab หนุ่มข้างตัว


(ขณะนั้นคือวิทย์ แล้วโอนั่งถัดจากวิทย์ไปอีกทีนึง ง่ายๆคือวิทย์นั่งคั่นเรากะโอ ว่างั้น)


ในสายตาเรานะ วิทย์เป็นคนร่าเริง ขอลอกก้อให้ลอก 555 ผิดกับอีกคนข้างๆที่เอาแต่งนั่งเงียบไม่พูดไม่จา


วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราเริ่มรู้สึกผิดปกติ...นั่งผ่ากบ ก้อรู้สึกว่ามีคนมอง


จำกระดูกอยู่ ก้อยังมอง...นั่งเจาะเลือดก้อยังรู้สึก แต่ตอนนั้น innocent มากกกก ไม่สนใจไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น


(เรายังไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าเราไม่เคยมีแฟน มีโอเนี่ยแหละที่เป็นแฟนคนแรกและคขมาจนถึงตอนนี้)


 


แต่สิ่งที่ดึงดูดให้เราเริ่มสนใจโอก้อคือความเงียบ...


โอเป็นคนเงียบมากกกกกก..ตั้งแต่เรียนมาจนจะจบคอร์สเราไม่เคยได้ยินเสียงโอเลย


ไม่ใช่เค้าไม่พูดนะ..เค้าพูดแต่พูดเบาๆกะวิทย์สองคน (เอ๊ะยังไง!!)


จนกลายเป็นว่าเราต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงเค้าซะเอง...


จนกระทั่งคาบสุดท้ายของการรียนการสอน ที่ต้องลงไปเก็บตัวอย่างน้ำมาส่องกล้องด้วยกัน เราถึงรู้ว่าเค้าชื่อ "โอ"



 


หลังจากเรียนจบเราก้อแยกย้ายกันไป แต่ก้อยังมีเรียน sec เดียวกันบ้างในพวกวิชาเคมี


 แต่ก้อเป็นเรียนรวมกันในห้องใหญ่ 200-300 คน ดังนั้นเราก้อได้แต่มอง มอง มอง แล้วก้อมอง


จนอยู่มาวันนึง ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจ ให้เล่าเรื่องที่แอบมองหนุ่มประมงให้ไอ้วาสฟัง


สารภาพก่อนนะว่าเราชอบแอบมองคนนู้นคนนี้ไปทั่วแหละ...เราแค่มองเฉยๆว่าน่ารัก แต่ไม่เคยคิดเดินหน้าซะที


แต่คนนี้อย่างที่ว่าอ่ะแหละ ไม่รู้คิดไรอยู่ บอกเพื่อนซะงั้น --"


เราก้อแค่บอกว่าคนนั้นอ่ะน่ารักดี...เงียบจัง แปลกดีถูกใจชั้น Smiley


พูดแค่เนี๊ย...แค่นี้จริงๆ หลังจากนั้นประมาณไม่ถึงอาทิตย์ได้เรื่องเลยอ่ะ


ไอ้วาสกลับมาบอกว่ามันติดต่อให้เบอร์ไปแล้วนะ พอดีมันมีเพื่อนอยู่คณะประมงชื่อเบล


เลยฝากเบอร์โทรเบลไปให้ เดี๋ยวเค้าคงโทรมาแหละ...


เชื่อมั้ย...หน้าร้อนเลยอ่ะ อายมากกกกก ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้


แว๊บแรกยอมรับนะว่าเคืองเพื่อน เพราะเราอายไง เราไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาแบบนี้


เราแค่มีความสุขกับการมอง...แต่ตอนนี้ต้องขอบใจทั้งสองคนมากๆๆๆๆๆ


ที่ทำให้ชั้นกับโอได้คุยและเป็นแฟนกันมาถึงทุกวันนี้ ^^


แล้วเค้าก้อเริ่มโทรมาคุย ถึงได้รู้ว่า จริงๆแล้วเค้าก้อแอบชอบเราอยู่เหมือนกัน


แต่คิดว่าเรามีแฟนแล้ว --" เพราะวันนั้นคาบ Gen chem เราดันพาดราฟท์มาเรียนด้วย


(แหม..นังดราฟท์หวิดขัดลาภซะแล้วมั้ยล่ะ 555)


แล้วเค้ายังแอบคุยกะวิทย์ แล้วเรียกเราว่าน้องน่ารักเลย (เรารู้จักชื่อกันในคาบเรียนสุดท้าย ก้อบอกแล้วว่าไม่เคยคุยกัน)


ก่อนเค้าจะโทรมาเองก้อให้วิทย์โทรมาฟังเสียงก่อนว่าใช่หรือเปล่า เพราะวิทย์เคยคุยกับเราแต่เค้าไม่เคย


 


หลังจากนั้นก้อผ่านเรื่องราวอะไรมามากมาย ตอนนี้เราคบกันมาแปดปีกว่าแล้ว


มีสุขมีทุกข์บ้างคละเคล้ากันไป...จนถึงจุดนี้เราสองคนมีความเห็นว่าเราจะเริ่มสร้างอะไรบ้างอย่างขึ้นด้วยกัน


อะไรที่เต็มไปด้วยความรัก...ความอบอุ่น...ความเข้าใจ...ทุกสิ่งทุกอย่าง


นั่นก้อคือ "ครอบครัว" Smiley


 



 


เราสองคนตกลงใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน(ซะที) หลังจากคบกันมาตั้งแต่ปี 2545 เกือบเก้าปีที่ผ่านมา


คงจะพอวัดอะไรได้หลายๆอย่าง...มั่นใจในกันและกัน และมีความรับผิดชอบมากพอ


 


ใน blog ต่อๆไป เราจะทำการบันทึกและ update to do list สิ่งที่เราทำ..สิ่งที่เราคิด เพื่องานและวันแห่งการเริ่มต้นของเรา


 


ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะSmiley



Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley  Smiley


 






Free TextEditor




 

Create Date : 31 มกราคม 2554   
Last Update : 31 มกราคม 2554 23:49:52 น.   
Counter : 645 Pageviews.  



กระติกใส่น้ำแข็ง
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สาวออฟฟิศตัวน้อยๆ...
อัพเดทเรื่อยเปื่อยไร้สาระ -_-"
domovi za stare | Diseño Web
[Add กระติกใส่น้ำแข็ง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com