(´¨*♥*´¨):-: SimpliFy Your Life : Just Be Your Self :-:(´¨*♥*´¨)

:: สืบสานงานที่โกดัง / Life And Learn ::

เริ่มทักทายดวงตะวันด้วยกาแฟอุ่นๆ 1 แก้ว เริ่มวันด้วยการเดินทางมาที่โกดัง ช่วงนี้งานเข้า ต้องมาที่ที่ทำงานอีกครั้ง ในเวลาที่อากาศยังไม่เข้มข้นเท่าไหร่อย่างเช้านี้ ไม่มีรถติด ไม่ผ่านสี่แยก ไม่ต้องเห็นไฟเขียวไฟแดง ให้ต้องชะงักงันระหว่างทาง แต่มีทุ่งกว้างสีเขียวขจี อากาศหลังฝนตกน่าพิสมัยจะตายไปเป็นใครๆต้องชื่นชม ว่าจะกระจายงานเรื่องเครื่องมือการใช้งานที่ยุ่งยากซับซ้อนให้แก่ป้าบ้างแต่คนสูงอายุบางคนไม่ชอบเครื่องไม้เครื่องมือที่ต้องมีปุ่มมากมายอย่างคอมพิวเตอร์ ท่าทางป้าเห็นแล้วคงจะมึน แกสั่นหัวไม่ยอมใช้ กลัวการผิดพลาด เลยต้องมานั่งเฝ้าโกดังเสียเอง เป็นเจ้าแม่ตาชั่งอยู่ระหว่างนี้ สนุกจะตายไป วันนี้พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย ตั้งใจว่าจะถ่ายภาพบรรยากาศในโกดังระหว่างที่คนงานผ่าข้าวโพดกันอีกครั้ง


ท้องฟ้านอกบานหน้าต่างยังเป็นท้องฟ้าสดใสเช่นเดิม เมื่อปีที่แล้วก็มาใช้เวลาตรงนี้เช่นกัน จำได้ว่าตอนนั้นมาดูคนงานผ่าข้าวโพดกองที่อยู่ตรงข้ามกับห้องกิโลใหญ่ เลยมีโอกาสได้ทดลองกล้องที่เพิ่งซื้อมาถ่ายคนงานเป็นครั้งแรก เริ่มตะหนักได้ว่า ความสุขของชีวิตอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้เองไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลๆเลย รอบๆโกดังมีชีวิตมากมายให้ได้เรียนรู้และประทับใจ


ค่ำๆ วันนี้ได้ไปเที่ยวลาวกับป้า ออกเดินทางประมาณสองทุ่ม ยังไม่ได้ตรวจดูเลยว่าโปรแกรมเป็นอย่างไรบ้าง คงเหมือนชะโงกทัวร์ทั่วๆไปนั่นแหละไม่มีอะไรโดดเด่น เห็นว่าจะไดเปลี่ยนบรรยากาศก้ดีเหมือนกันนะ เกิดเป็นเรามักจะมีโปรแกรมเที่ยวแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวอย่างนี้บ่อยๆ ที่อาปากับแม่สั่นหัวแล้ว ฉันรับไม้ต่อมา แหม..ถ้ามีโปรแกรมญี่ปุ่นอีกสักครั้ง คงชื่นฉ่ำอุราน่าดูชม


ถ้ามีอะไรเด็ดๆจากฝั่งลาวมาเล่าสู่กันฟังแล้วจะรีบนั่งพิมพ์ป๊อกแป๊กหน้าแป้นมาเล่าสู่กันฟังแน่นอนจ้า


วันนี้ยังเบิกบานมีงานการให้ต้องทำ
แสนสนุกเลิศล้ำมีงานให้ทำทุกวัน
หมุนเปลี่ยนเวียนไปแต่ละปีมีไม่ซ้ำกัน
วนกลับมาใหม่อีกครั้ง
เป็นความสุขกับงานเสริมสร้างพลัง
อยู่โกดังกับคนงานทำงานเบิกบานใจ

เจอปัญหาใหม่รายรอบตัว
ต้องดูแลคนงานวางแผนสั่ง
เป็นบทบาทของชีวิตในโกดัง
เห็นมาตั้งแต่ยังวิ่งเล่นละอ่อนนอนตื่นสาย
สมัยเด็กวิ่งเล่นไป
ตัวยังเล็กวิ่งว่อนถลาไปอยู่ในลาน
ทุกสิ่งล้วนเป็นสุขแสนเบิกบาน
แสนสำราญเราทำงานที่โกดัง

แม้ไม่ได้ไปไหนไกลอยู่ใกล้บ้าน
ได้ทำงานไปจิตใจไม่ห่อเหี่ยว
ถึงเวลาอยากไปเที่ยว
พักงานไว้สักประเเดี๋ยว
อาจไปเที่ยวเพื่อนหย่อนใจ
ช่างบังเอิญเย็นนี้มีช่วงพัก
เที่ยวทายทักเพื่อนบ้าน
แวะบ้านเขาสักหน่อยเป็นไรไป
แอ่วลาวสักพักเพื่อหย่อนใจ
...กลับมาคงได้เจอกัน.

ถ้อยคำโดย

KorP@I

11/06/2533




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2553 22:51:03 น.
Counter : 384 Pageviews.  

:: ดั่งเงาที่เราวิ่งตาม/Shadow ::

เมื่อตอนที่เรียนจบมาใหม่ๆ จำได้ว่าบอกตัวเองอยู่เสมอว่า “ วันหนึ่งฉันต้องมีงานเขียน โฆษณาของตัวเองโชว์หลาหน้าจอทีวี “ เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา เมื่อถึงวันนี้ฉันไม่เคยปฏิเสธใจของตัวเองในวันนั้น อย่างน้อยในทุกช่วงเวลาของการมีชีวิต ฉันเชื่อเสมอว่า การมีความหวังนั้นเป็นแรงผลักดันความรัก ความฝันของคนเราอย่างมหาศาล เทคนิคการสร้างพลังหาหนทางแห่งฝันของแต่ละคนย่อมต่างกัน


มาถึงวันนี้ถึงแม้ว่าไม่ดีทำสิ่งที่คิดว่าตัวเองรัก และคิดตัดสินใจว่าสิ่งในเป็นสิ่งที่ตัวเองรักก็ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ได้ทำในวันนี้เป็นสิ่งที่เลวร้ายอะไร อย่างน้อยความโชคดีในวันนี้หลายๆคนอาจจะไม่ได้เจอเหมือนเราก็ได้ จำได้ว่า เมื่อตอนที่ต้องกลับมาช่วยงานที่บ้าน มีเพื่อนที่เรียนด้วยกันให้ข้อคิดเตือนใจและสติมากอยู่หลายคน

ในความไม่มีทำให้หลายคนต้องดิ้นรน ต่อสู้ แย่งชิง เพื่อให้ได้มา เมื่อเรามีอะไรก็ได้เป็นของเราอยู่แล้ว การเปรียบเทียบกับผู้อื่นเพื่อให้ได้เป็น หรือให้ได้เหมือนคนอื่นนั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของชีวิต จำได้ว่าเมื่อได้เจอหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งพูดถึง ความพอใจของแต่ละคนต่างกัน ขึ้นอยู่กับความคิดของคนๆนั้น ยังมีคนมากมายไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมี ย่อมเกิดการเปรียบเทียบ เมื่อใดก็ตามที่เราเอาตัวเราไปเปรียบกับผู้ที่เหนือกว่า จิตใจเราย่อมร้อนรน อย่างน้อย อาการต่างๆเหล่านี้ไม่ช่วยให้ชีวิตมีความสุขได้เลย แม้แต่วินาทีเดียว

การพยามยามไขว่คว้ามากเกินความเป็นจริงทำให้เหนื่อยเกินกว่าจะได้มา ทุกครั้งที่เห็นภาพเก่าๆลอยมาเพื่อเตือนว่าครั้งหนึ่ง ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่พยายามตะเกียกตะกายไต่ตามฝันของตัวเอง เหมือนๆกับคนรุ่นนี้ที่เพิ่งเรียนจบแล้วอยากใช้วิชาและความชอบและปรารถนาจะคลุกคลีด้วย


เมื่อมองชีวิตของเด็กวัยรุ่นตอนปลายที่กำลังหาที่เรียนต่อและกำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยในช่วงนี้แล้ว มีกระบวนการเตรียมตัวแตกต่างกว่ายุคสมัยของตัวเอง เมื่อยุค 1980 ยิ่งนัก นับว่าเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายของยุคสมัยจริงๆ เพื่อนๆหลายคนมีบทบาทใหม่เข้ามาในชีวิต และเป็นบทบาทที่มีความสำคัญต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือบทบาทของนักปั้นเยาวชนที่ต้องมาสานต่อความฝีน ความหวัง เพื่อนของฉันหลายคนมีลูกที่เป็นวัยรุ่นตอนปลายกันแล้ว หน้าที่นักปั้นนี้ต้องอาศัยความอดทน ยืดหยุ่นไม่น้อยเลย

เมื่อเลี้ยงลูกทั้งพ่อและแม่ต้องเรียนรู้อีกมากมาย งานสร้างคนเป็นงานที่หนักไม่น้อย ผู้สร้างต้องใช้การลงทุนทั้งทางด้านการศึกษา และคุณภาพชีวิต การเลี้ยงลูกในยุคนี้ ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน มีอุปกรณ์การสื่อสารมากมายที่ผู้ใหญ่อาจตามเด็กๆ ไม่ทันนบว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายพอสมควร




ทุกชีวิตมีความต่าง
หนทางกว้างกว่าวันเก่า
มีหนทางเป็นของเรา
เดินตามเงาเพื่อไม่หลงลืม

บางคนอาจโชคดี
พบทางตามที่ได้ฝัน
หลายคนยังคงมั่น
เดินตามฝันไม่พรั่นพรึง

มากมายการเดินทาง
ไม่อ้างว้างมีที่พึ่ง
หากใครไปไม่ถึง
ไม่ฉุดดึงเกินใจไหว
ยอมรับความเป็นไป
สิ่งที่ได้ไม่ไหวเกรง

Korpai

10/06/2553




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2553 22:52:00 น.
Counter : 449 Pageviews.  

แห่มังกรที่นครสวรรค์คืนวันที่ 17 ก.พ. 2553



เมื่อคืนนี้เป็นวันชิวซา นับจากวันที่เป็นวันตรุษจีนหรือวันวซิวอิกถัดไปอีกสองวันพอวันที่สามคือวันชิวซา ของทุกปีที่ในเมืองปากน้ำโพ จะมีการจัดขบวนแห่มังกรทอง เพื่อให้ผู้คนที่อยู่ในจังหวัดได้ชื่นชมความสวยงามของริ้วขบวนได้อย่างถ้วนทั่ว

หัวขบวนเริ่มจากเวลา 19.00 น.บริเวณเชิงเขากบ(หน้า ร.ร.นครสวรรค์) เรื่อยอยมาตามถนนมาตุลีตลอดสาย มาเลี้ยวขวาเข้า ถ.สวรรค์วิถี ถ.สุชาดา เลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่ออเข้าถนนโกสีย์ตลอดสายสิ้นสุดประมาณเวลาประมาณ 22.00 น.

เราสามคนพ่อแม่ลูกไปถึงที่นั่นประมาณทุ้มกว้าแล้ว ไปจอดรถกันที่ตลาดโกสีย์นคร นับว่าโชคดีมากที่ได้ที่จอดที่เข้าออกง่าย เดินมาจากที่จอดรถประมาณ 5 นาทีก็ถึงถ.สุชาดา มีบ้านญาตอยู่ที่นั่นพอดี เลยเป็นการพบปะสังสรรค์กันระหว่างหมู่ญาต เพื่อรอชมขบวนแห่ไปด้วย เจ้าภาพให้การต้อนรับพวกเราด้วยเก้าอี้เรียงแถวที่หน้าบ้านนั่นเอง มีน้ำท่าครบครัน


ระหว่างที่อาปากับแม่นั่งรอขบวนที่ยังมาไม่ถึง เราที่เตรียมพกกล้องไปประลแงฝีมือถ่ายรูปงานน้เป็นงานแรกสำหรับเจ้า Cannon G 10 ที่เพิ่งถอยมาได้เมื่อหลายเดือนก่อน เพื่อทำความคุ้นเคยกันก่อนที่จะกระเตงไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันพรุ่งนี้ด้วย











 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2553 21:51:09 น.
Counter : 728 Pageviews.  

วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์




วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น) ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 99 หมู่ 2 บ้านเขาโคกเผ่น ตำบลทำนบ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ เป็นพุทธสถานที่คณะสงฆ์และคณะศิษยานุศิษย์วัดราชผาติการามร่วมใจกันสร้างถวายแด่ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร ป.ธ.9) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม กรุงเทพฯ โดยการนำพาของ พระเทพโมลี (สุนทร สุนฺทราโภ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม เจ้าคณะเขตดุสิต (ธรรมยุติ) ด้วยสำนึกในความกตัญญูกตเวที ในโอกาสเจริญชนมายุศม์ครบ 80 ปี เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2529 ทั้งนี้ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้รับอนุญาตจากกรมธนารักษ์ให้ใช้สถานที่จำนวน 96 ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา เพื่อสร้างวัดขึ้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา และได้รับพระราชทานวิสุงคามเสมาในปี พ.ศ. 2548 ปัจจุบันมีพระครูวิจิตรสีลาภรณ์ รักษาการเจ้าอาวาส



ชื่อ “วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์” นี้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม ได้ประทานชื่อวัดว่า “วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์” เพื่อถวายพระเกียรติแด่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ (หม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุช) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ส่วน “สิริวัฒนวิสุทธิ์ (วิ.)” เป็นพระราชทินนามที่พระราชทานชื่อสมณศักดิ์แด่พระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ (พัดขาว) พระครูปลัดสัมพิพัฒนวิริยาจารย์ (สุนทร สุนฺทราโภ เปรียญ 3 ประโยค) ซึ่งได้รับพระราชทานชื่อนี้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2525 ซึ่งปัจจุบันได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ “พระเทพโมลี”

บนเนื้อที่ 96 ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา ของวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์นั้น ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างงดงามเป็นรูปเรือหลวง มีความหมายถึงพาหนะที่จะช่วยขนสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งสังสารวัฎ (ทะเลวน) ให้พ้นจากโอฆะสงสาร ห้วงน้ำคือกิเลส เรือที่ตั้งอยู่บนเกาะหรือภูเขา หมายถึง เป็นสถานที่ที่น้ำท่วมไม่ถึงหรือท่วมทับแก่บุคคลที่มีปัญญาไม่ได้ ผู้มีปัญญา มีความขยัน ไม่ประมาทตามกิเลส มีความสำรวมระวังดี ก็จะอยู่บนเรือลำนี้ได้โดยปลอดภัย เรือหลวงอันเป็นที่ตั้งของวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ มีชื่อเรือว่า “ราชญาณนาวาทีฆายุมงคล” เพราะสร้างขึ้นในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เรือหลวงนี้มีความกว้าง 30 เมตร ยาวประมาณ 6 ไร่เศษ สำหรับสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่สร้างขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึงสถาบันแห่งชาติทั้งสิ้น





พระภควัมบดี (พระอยู่เย็นเป็นสุข พระไม่มีหน้า) เป็นพระพุทธรูปที่มีรูปลักษณ์เหมือน ‘พระสังกัจจายน์’ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ปางขัดสมาธิเพชร บนกลีบบัว 3 ชั้น คือ ศีล สมาธิ และปัญญา พระองค์นี้มีลักษณ์เหมือนกันทั้งสองด้าน คือ ไม่มีหน้า ไม่มีหลัง และไม่มีหน้าตา หมายถึง ปริศนาธรรม พระองค์นี้ประดิษฐานอยู่กลางเขาโพธิสัตว์ มีหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 10 เมตร ประกอบด้วยรัศมีประภามงคล ฉัตรทอง 9 ชั้น มีความสูงราว 4 เทคี ภายในองค์พระบรรจุแม่พิมพ์ของพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 1,250 องค์ ตามจำนวนของวิสุทธิสงฆ์จาตุรงคสันนิบาต หรือพระสงฆ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้อุปสมบทให้ มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายใน ‘วันมาฆบูชา’ นั่นเอง

เจดีย์ศรีมหาราช สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นราชสักการะปูชนียานุสรณ์ในปีกาญจนาภิเษก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีความสูง 45 เมตร ความกว้าง 12 เมตร ภายในเจดีย์มี 3 ชั้น จัดแบ่งเป็นห้องต่างๆ ดังนี้

ชั้นที่ 1 มีชื่อว่า “ห้องมหาราช” เป็นที่ประทับของพระบรมรูปหล่อของมหาราชทั้ง 8 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเด็จพระนารายณ์มหาราช, สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชการที่ 1), พระมหาเจษฎาราชเจ้า (รัชกาลที่ 3), พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5), พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลปัจจุบัน) และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ในฐานทรงเป็นพระบรมชนกนาถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย อีกทั้งวีรกษัตริย์ วีรกษัตรี และครูอาจารย์ผู้ทรงคุณูปการแห่งแผ่นดินไทย

ชั้นที่ 2 จัดแบ่งเป็นห้องสำคัญทางประวัติศาสตร์ อาทิ ห้องพระนางจามเทวี ห้องสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ห้องสมเด็จพระสุริโยทัย ซุ้มเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า (รัชกาลที่ 6) และภาพสีน้ำพระสาทิสลักษณ์ของพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระราชธิดา ห้องสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมฺรังสี) ห้องนี้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ประกอบด้วยพระสมเด็จโตเนื้อผงมากมายหลายขนาด เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ศึกษาและพิจรณาถึงปฏิปทาของพระอริยสงฆ์เจ้าพระองค์นี้ ห้องพระไตรปิฎก เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก และมีรูปหล่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) แสดงธรรม รูปหล่อสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) หลวงพ่อทวด และหลวงปู่โง่น โสรโย

ชั้นที่ 3 ชั้นบนสุดของเจดีย์องค์นี้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และวัตถุมงคลต่างๆ

นอกจากนั้น ภายในวัดยังประดิษฐานวิหารพระนาคปรก, วิหารเทพสถิต, พระพุทธกุมารปางประสูติ, พระอวโลกิเตศวรกวนอิมโพธิสัตว์ปางลีลา, มหาจุติพระพิฆเนศวร, นาคปริวัตนโพธิสัตว์นิมิตปุมุมาตย์สถิตเทวฤทธิ์อนุรักษ์, ท้าวเวสสุวรรณ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) ได้นำเมล็ดพันธุ์มาจากประเทศอินเดีย บริเวณวัดนั้นกรมป่าไม้ได้ประกาศให้เป็นสถานที่อนุรักษ์ป่าธรรมชาติได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง



ภายในศาสนสถานแห่งนี้ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างอันเป็นมงคลมากมาย อาทิ

ธุดงคเจดีย์ มณฑปเรือนแก้ว ซึ่งเป็นอุโบสถของวัดแห่งนี้ เป็นสถาปัตยกรรมประยุกต์ไทยอินเดีย มุงและกั้นด้วยกระจกสีชาทั้งหมด อนุสรณ์ระลึกถึงพระมหากัสสปะเถระ เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธบาททั้งคู่” เนื้อสำริดสามกษัตริย์ ประกอบด้วยทองคำ เงิน และนาค รวม 108 บาท และ “พระพุทธรัชมงคลอุบลบพิตร” พระประธานของวัด เป็นพระพุทธรูปสมัยอู่ทองปางสมาธิ ซึ่งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้เสด็จมาถวายไว้ เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ได้ถวายพระนามพระประธานองค์นี้ อันมีความหมายว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคลผู้สร้างแห่งความเป็นพระราชา

ศาลาเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในฐานะทรงเป็นพระบิดาแห่งราชนาวีไทย และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่เรือราชญาณนาวาฑีฆายุมงคล ซึ่งจากการรวบรวมของกองทัพเรือ ศาลาเสด็จในกรมหลวงชมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น) นับเป็นศาลาลำดับที่ 116 ที่มีการสร้างขึ้นในประเทศไทย

ลานพระธรรมจักร เป็นลานกว้างขนาด 7 x 7 เมตร บนลานแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน ‘แท่นพระธรรมจักร’ มีหินทรายแกะสลักเป็นรูปกวาง และแท่นหิน 8 เหลี่ยมที่แกะจากหินทรายสลักเป็นรูปมงคลต่างๆ ตั้งไว้ด้านหน้า เป็นนิมิตหมายว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศพระธรรมคำสอนอันยอดเยี่ยมให้เป็นไปในโลกทั้ง 2 อันใครจะปฏิวัติ ปรับปรุง เปลี่ยนเปลี่ยนไม่ได้ เพราะมีความสมบูรณ์ บริบูรณ์ ยุติธรรม ในการวางแนวทางไว้อย่างประเสริฐแก่เหล่าเทพยาและมนุษย์ทั้งหลาย

พระพุทธเอกนพรัตน์ ประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณหัวเรือราชญาณฑีฆายุมงคล ซึ่งสร้างขึ้นในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เป็นปีกาญจนาภิเษก พระเทพโมลี ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้คิดรวบควมพระพุทธจริยาปางต่างๆ ที่ประจำวันของเทพนพเคราะห์ทั้ง 9 พระองค์ มี อาทิตยเทพ จันทรเทพ เป็นต้น และคนทั้งหลาย

ขณะนี้ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ดำเนินการสร้าง “เจดีย์ศรีพุทธคยา เฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งมีความโดดเด่นและงดงามมาก อันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยจำลองแบบสถาปัตยกรรมและงานพุทธศิลป์มาจากเจดีย์พุทธคยา เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ทุกประการ มาสร้างไว้ ณ ยอดเขาโพธิสัตว์ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ โดยย่อส่วนลงให้เหมาะสมกับพื้นที่ให้มีความสูง 28 เมตร เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ มีความกว้าง 16 x 20 เมตร ประดับลวดลายปูนปั้น ทางเข้าสู่เจดีย์จะเป็น ‘โตรณะ’ หรือซุ้มประตูปราสาทพร เป็นเสาสลักลวดลายแบบอินเดีย เมื่อเข้าถึงเจดีย์จะผ่านประตูชั้นล่าง ซึ่งมีซุ้มพระพุทธรูปประทับยืนศิลปะอินเดียทั้งสองข้าง มีหน้าบันใหญ่อยู่ด้านบนประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งและรอบๆ เป็นซุ้มพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์

ส่วนบริเวณรอบฐานเจดีย์ก็มีซุ้มพระพุทธรูปประทับนั่งเช่นกัน ส่วนชั้นที่สอง มีลักษณะเป็นมุขเด็จทั้งซ้ายขวา มีการตกแต่งแผงกลาง 4 ทิศ รายรอบด้วยมุมพระพุทธรูป ส่วนเหนือขึ้นไปตรงกลางจะเป็นหน้าบันประดิษฐานพระพุทธรูปตามมุม แกะลวดลายปูนปั้นหน้ากาล องค์พระเจดีย์แต่ละด้านประดับด้วยหน้าบัน ซุ้มพระ และหน้ากาลลดหลั่นกันไปถึงยอด ภายในองค์เจดีย์มี 4 ชั้นดังนี้คือ ชั้นที่ 1 เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธเมตตาสันติภาพ” เนื้อสำริด สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550, ชั้นที่ 2 เป็นที่ประดิษฐาน “พระศรีอริยเมตไตรยศรีศากยสิงห์” สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ และชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐาน “พระคันธกุฎีจำลอง” ที่ได้จำลองที่ประทับของพระพุทธเจ้าที่อินเดียมาไว้ในรูปลักษณ์เดิม

บริเวณยอดเจดีย์ชั้นสูงสุดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีห้องปฏิบัติธรรม และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเนื้อศิลา ชื่อ “สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพ่อดำ”





พระภควัมบดี (พระอยู่เย็นเป็นสุข พระไม่มีหน้า) เป็นพระพุทธรูปที่มีรูปลักษณ์เหมือน ‘พระสังกัจจายน์’ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ปางขัดสมาธิเพชร บนกลีบบัว 3 ชั้น คือ ศีล สมาธิ และปัญญา พระองค์นี้มีลักษณ์เหมือนกันทั้งสองด้าน คือ ไม่มีหน้า ไม่มีหลัง และไม่มีหน้าตา หมายถึง ปริศนาธรรม พระองค์นี้ประดิษฐานอยู่กลางเขาโพธิสัตว์ มีหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 10 เมตร ประกอบด้วยรัศมีประภามงคล ฉัตรทอง 9 ชั้น มีความสูงราว 4 เทคี ภายในองค์พระบรรจุแม่พิมพ์ของพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 1,250 องค์ ตามจำนวนของวิสุทธิสงฆ์จาตุรงคสันนิบาต หรือพระสงฆ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้อุปสมบทให้ มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายใน ‘วันมาฆบูชา’ นั่นเอง

เจดีย์ศรีมหาราช สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นราชสักการะปูชนียานุสรณ์ในปีกาญจนาภิเษก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีความสูง 45 เมตร ความกว้าง 12 เมตร ภายในเจดีย์มี 3 ชั้น จัดแบ่งเป็นห้องต่างๆ ดังนี้



ชั้นที่ 1 มีชื่อว่า “ห้องมหาราช” เป็นที่ประทับของพระบรมรูปหล่อของมหาราชทั้ง 8 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเด็จพระนารายณ์มหาราช, สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชการที่ 1), พระมหาเจษฎาราชเจ้า (รัชกาลที่ 3), พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5), พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลปัจจุบัน) และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ในฐานทรงเป็นพระบรมชนกนาถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย อีกทั้งวีรกษัตริย์ วีรกษัตรี และครูอาจารย์ผู้ทรงคุณูปการแห่งแผ่นดินไทย

ชั้นที่ 2 จัดแบ่งเป็นห้องสำคัญทางประวัติศาสตร์ อาทิ ห้องพระนางจามเทวี ห้องสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ห้องสมเด็จพระสุริโยทัย ซุ้มเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า (รัชกาลที่ 6) และภาพสีน้ำพระสาทิสลักษณ์ของพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระราชธิดา ห้องสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมฺรังสี) ห้องนี้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ประกอบด้วยพระสมเด็จโตเนื้อผงมากมายหลายขนาด เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ศึกษาและพิจรณาถึงปฏิปทาของพระอริยสงฆ์เจ้าพระองค์นี้ ห้องพระไตรปิฎก เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก และมีรูปหล่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) แสดงธรรม รูปหล่อสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) หลวงพ่อทวด และหลวงปู่โง่น โสรโย

ชั้นที่ 3 ชั้นบนสุดของเจดีย์องค์นี้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และวัตถุมงคลต่างๆ

นอกจากนั้น ภายในวัดยังประดิษฐานวิหารพระนาคปรก, วิหารเทพสถิต, พระพุทธกุมารปางประสูติ, พระอวโลกิเตศวรกวนอิมโพธิสัตว์ปางลีลา, มหาจุติพระพิฆเนศวร, นาคปริวัตนโพธิสัตว์นิมิตปุมุมาตย์สถิตเทวฤทธิ์อนุรักษ์, ท้าวเวสสุวรรณ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) ได้นำเมล็ดพันธุ์มาจากประเทศอินเดีย บริเวณวัดนั้นกรมป่าไม้ได้ประกาศให้เป็นสถานที่อนุรักษ์ป่าธรรมชาติได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง



สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีพระกรุณาคุณบริจาคทุนทรัพย์ร่วมทำบุญพื้นที่สร้างเจดีย์ศรีพุทธคยา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ซึ่งนำความความปลื้มปิติโสมนัสยินดีแก่คณะกรรมการโครงการฯ เป็นที่ยิ่ง และนับเป็นพระกรุณาคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อทรงรับเป็นองค์ประธานงานสร้างเจดีย์ศรีพุทธคยา เฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2549 และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ประดับองค์ผ้าป่าพระราชทาน 1 ล้านบาท ไปทอดถวายที่วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ในพระองค์ฯ ในวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550 โดยมีประชาชนทุกหมู่เหล่าจากทั่วประเทศได้ร่วมเป็นเจ้าภาพกองผ้าป่าพระราชทาน เพื่อนำไปสมทบทุนในการจัดสร้างเจดีย์ศรีพุทธคยา เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นางสุมนา อภินรเศรษฐ์ เป็นผู้แทนพระองค์ไปประกอบพิธีสมโภชเฉลิมฉลองเจดีย์ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และบัดนี้ เปิดให้ประชาชนรวมถึงพุทธศาสนิกชนทั่วไปสามารถขึ้นสักการะได้แล้ว

เสาอโศก ณ เจดีย์ศรีพุทธคยา เป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับเจดีย์ศรีพุทธคยา สร้างด้วยหินทรายสีเหลืองสูง 9 เมตร พร้อมแกะสลักหินภาพพุทธประวัติทั้ง 4 ด้าน ด้านบนของเสาอโศกเป็นรูปสิงห์ในท่านั่ง แกะสลักจากหินทราย และที่ฐานสิงห์บนยอดเสาอโศก เพิ่มหน้าสิงห์เข้าไปอีก 4 หน้า 4 ทิศ จึงมีสิงห์บนยอดเสาอโศกรวม 5 สิงห์

รอยพระจริยวัตรของพระเจ้าอโศกมหาราชในการสร้างเสาอโศกนั้น ความว่า พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างแท่งหินกลมทรงกระบอก ปลายสอบ เพื่อเป็นเครื่องบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเครื่องแสดงถึงการหยุดทำสงครามทางโลก แต่มาทำสงครามทางธรรมของพระเจ้าอโศกมหาราชแทน เสาอโศกจารึกหลักฐานทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวกับพระจริยวัตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และตำแหน่งของสังเวชนียสถาน อาทิ สวนลุมพินีวัน สถานที่ประสูติ แม่น้ำเนรัญชรา สถานที่ตรัสรู้ และเมืองกุสินารา สถานที่นิพพาน


ในปี พ.ศ. 2550 คณะสงฆ์วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้น้อมเกล้าฯ ถวายวัดแห่งนี้เป็นวัดในพระองค์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อเทิดพระเกียรติในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ เป็นวัดในพระองค์ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2550

พระครูวิจิตรสีลาภรณ์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีพระกรุณาธิคุณแก่วัดเป็นอย่างมาก นอกจากจะรับไว้ในอุปถัมภ์แล้ว ยังทรงสนับสนุนกิจกรรมทางวัดเรื่อยมา อาทิ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 อันเป็นวันประสูติของพระองค์ ครบ 7 รอบ 84 พรรษา ได้รับพระเมตตาให้จัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ 85 รูป สามเณร 11 รูป รวม 96 รูป, วันที่ 6-11 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ได้อาราธนาพระสงฆ์ สามเณรเปรียญธรรมรวม 85 รูปจากวัดต่างๆ มาสาธยายพระไตรปิฎก

ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดเป็นวัดในพระองค์ฯ และทรงรับเป็นองค์ประธานงานก่อสร้างเจดีย์พุทธคยา กับทั้งพระราชทานพระอนุญาตให้ตั้งศูนย์เด็กเล็กในบริเวณหน้าวัดมีชื่อว่า “ศูนย์เด็กเล็กราชนครินทร์” ที่สำคัญพระองค์ทรงพระราชทานคำว่า “ราชนครินทร์” ไว้ใช้ในกิจกรรมที่สมควร กับอาคารอื่นๆ ในวัดอีกด้วย นับเป็นพระมหากรุณาอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อพระองค์จะสิ้นพระชนม์ไปแล้วทางวัดจะขอทำงานสานปณิธานที่พระองค์ให้ไว้ทุกกิจกรรมต่อไป

ทั้งนี้ คณะสงฆ์และคณะกรรมการโครงการจัดสร้างเจดีย์ศรีพุทธคยา เฉลิมพระเกียรติฯ ได้ร่วมประกอบพิธีสมโภชวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ในพระองค์ฯ และฉลองตราสัญลักษณ์วัดที่ได้รับพระราชทานให้เป็นสิริสวัสดิ์แก่พุทธศาสนิกชน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ความหมายตราสัญลักษณ์วัดในพระองค์ฯ



พระนามย่อ “กว.” ประดิษฐานด้านบนตราสัญลักษณ์ อันหมายถึง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

ดอกบัว สื่อถึงพระพุทธศาสนา ซึ่งมีดอกบัวสีเงินและสีทอง

พระพุทธรูปตรงกลางดอกบัว อันเกิดจากลวดลายไทยของดอกบัว หมายถึง พระพุทธศาสนาเป็นศูนย์ กลางยึดเหนี่ยวจิตใจของพระพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วประเทศ

พระสงฆ์ 2 รูปนั่งพนมมือหันหน้าเข้าหากัน สื่อถึงพระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

ตัวเลข ๘๔ หมายถึง การเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา ซึ่งตัวเลข “๘” และ “๔” เกี่ยวประสานกันเพื่อสื่อถึงพลังแห่งการประสานใจรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อการเทิดพระเกียรติที่ยิ่งใหญ่ โดยตัวเลขดังกล่าวนี้ ใช้สีเหลือง 2 เฉด แทนสีจีวรพระสงฆ์ 2 นิกาย คือ ธรรมยุตินิกาย และมหานิกาย และรวมความหมายถึงเปลวพลังแห่งพระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ทุกนิกาย เป็นพลังศรัทธาที่โชติช่วง เป็นพลังที่ทำให้จิตใจเป็นสุข สงบนิ่ง




แผนที่วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น)
เลขที่ 99 หมู่ 2 บ้านเขาโคกเผ่น
ต.ทำนบ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ 60160
โทรศัพท์ 08-1834-7881







ขอบคุณข้อมูลรวบรวมมาจาก...ผู้จัดการออนไลน์

จากลิงก์

ประวัติวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น) จ.นครสวรรค์
https://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19743

ประมวลภาพวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น)
https://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19742

แผนที่วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์
https://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19741

 




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2567 10:19:28 น.
Counter : 11 Pageviews.  

:: ไอติมกับค่าแรง ::

ไอติมมากมายตั้งเรียงรายในตู้โชว์
ช่างดูไฮโซเดินกินแล้วโก้จะตาย
สารพัดสีสันแข่งขันแย่งกันขาย
โปรโมชั่นวุ่นวายเลือกได้ตามใจ

พ่อจ๋าหนูอยากกินไอติมจัง
ขอสตางค์หน่อยได้ไหม
สีสวยหวานของมันเย้ายวนใจ
เอาซิเอาเลยลูกเลือกให้ถุกว่าชอบสีไหน
เลือกเอาตามสบายเดี๋ยวพ่อไปจ่ายตังค์




---------------------------


ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ไม่ว่าใครก็สุดแสนดีใจที่บุพการีแวะมาเยียมเยียน เพราะเป็นเด็กภูธรในละแวกบ้านไม่มีมหาลัยให้ได้เล่าเรียนในวิชาที่ต้องการได้ หญิงสาวจึงต้องเดินทางจากบ้านมาสู่เมืองใหญ่ เพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัย

การจากบ้านมาเรียนในเมืองใหญ่ มีเงินที่ทางบ้านส่งให้เป็นค่ากินอยู่ ใช้จ่าย ค่ารถ ค่าเดินทาง ในแต่ละเดือนไม่ได้มากมายอะไรนัก นานๆ จะได้เจอกันพร้อมหน้า เพราะนานๆ หญิงสาวจะได้เจอกับครอบครัวซักทีหนึ่งเธอแสนเริงร่าเป็นยิ่งนัก

วันนั้นบุพการีมาธุระในเมืองเลยนัดกับหล่อน แล้วโทรบอกให้ไปเจอกันในห้างสรรพสินค้าที่ใกล้กับสถานศึกษาที่เรียนอยู่ บิดาชวนกันไปเเจอที่ห้างใหญ่ในเมืองกรุง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางของทั้งสองฝ่าย

พอเดินผ่านตู้ขายไอศครีมร้านดังที่ตั้งเรียงรายที่ในห้างนั้น หญิงสาวเห็นไอครีมมากมายหลายชนิด ที่อยู่ในร้านจัดตั้งตู้โชว์ไว้อย่างหรูหรา แหม..มันช่างเย้ายวนใจยิ่งนัก หลังจากที่เคยเดินเที่ยวกับเพื่อนๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ยังไม่กล้าที่จะซื้อกิน เพราะราคาของมันสูงเกินกว่าจะซื้อกินเล่นได้ เพราะเงินเดือนที่ทางบ้านส่งมาให้แต่ละเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ต้องซื้อของที่จำเป็นต่อการเรียนไว้ก่อน

วันนี้โอกาสเป็นของหล่อนแล้ว ที่จะได้ลิ้มรสชาดของไอศครีมยี่ห้อดังสักครั้ง ครั้งนี้มากับพ่อเมื่อบุพการีเดินผ่านร้าน หล่อนเลยรั้งมือของพ่อเอาไว้ราวกับเด็กเล็กที่อยากได้ของที่ถูกใจ

" พ่อขอตังค์หน่อยนะ หนูอยากกินไอติม" ไม่พูดเปล่า พร้อมยกมือชี้ไปที่ตู้โชว์ไอศครีมหลากรส ที่มีสีสันสวยหวาน เรียงรายไว้ให้เลือกมากมาย "นะพ่อนะ หนูอยากกิน"

แอบเหลือบตามองไปที่พ่อ ว่าจะอนุญาตหรือไม่ พอเห็นว่าพ่อใช้มือขวาล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลัง หยิบกระเป๋าตังค์มาเปิดแล้วส่งสตางค์ให้ รอยยิ้มพรายปรากฏในใบหน้า พร้อมกับกระพุ่มมือไหว้ หลังจากที่ได้รับเงิน หันมาชวนพ่อกินด้วย

"พ่อกินมั้ย เอารสอะไรดีพ่อ ดูซิพ่อ..โห..มีคั้งหลายรส น่ากินทั้งนั้นเลยนะพ่อ"
"พ่อไม่เอาหรอกลูก หนูกินเถอะ " พ่อพูดพร้อมคลอนหัวนิดๆ
" ช็อคโกแลตชิพโคนนึงค่ะ เท่าไหร่คะ"
" ยี่สิบห้าบาทค่ะ คุณต้องไปจ่ายเงินที่โน่นก่อนนะ แล้วเอาใบเสร็จมารับของ " หลังจากไปจ่ายสตางค์ที่แคชเชียร์ก่อน และนำใบเสร็จรับเงิน ไปแลกเปลี่ยนไอครีมที่สั่งไว้
ไม่นานนัก พนักงานขายสาวรุ่นๆเดียวกับหล่อน ที่แต่งชุดยูนิฟอร์ม เหมือนกับพวกแม่บ้านในหนังฝรั่ง หยิบไอศครีมส่งให้
ยังไม่ทันจะคืนเงินทอน พ่อหันมาถามหล่อนว่า " อันละเท่าไหร่ล่ะลูก" "ยี่สิบห้าบาทจ๊ะ" พ่อพยักหน้าพร้อมรับเงินทอนใส่กระเป๋าดังเดิม แล้วหันมามาคุยกับลูกสาว
" หนูรู้ไหมว่าป้ามัยที่เย็บกระสอบในโกดังเรา เค้าได้ค่าแรงวันละเท่าไหร่ " หญิงสาวมองหน้าพ่ออย่างสงสัยว่าทำไมจู่ๆ พ่อพูดถึงป้ามัยขึ้นมา
" ทำไมเหรอจ๊ะพ่อ" หล่อนผินหน้าไปมองพ่อระหว่างที่เดินแทะไอศครีมในมือไปด้วย
" ป้าเขาได้ค่าแรงวันละยี่สิห้าบาท ที่หนูซื้อไอติมกินวันนี้น่ะ ป้าเขาทำงานได้วันนึงเลยนะลูก"
พอได้ฟังคำที่พ่อพูดแล้ว หญิงสาวรู้สึกว่าไอติมในมือรสชาดมันช่างเฝื่อนฝาด แปร่งปร่า และกร่อยลงในทันใด มันไม่อร่อยเหมือนเคย ทำไมมันกลืนลงในลำคออย่างยากเย็นเหลือเกิน

พ่อพูดเพียงแค่นั้น หล่อนพอจะเข้าใจว่าพ่อหมายความว่าอย่างไร บ่อยครั้งที่พ่อสอนด้วยคำพูดและการกระทำ ครั้งนี้เช่นกัน พ่อไม่เคยห้ามว่าลูกอยากจะกินอะไร พ่อไม่เคยหวงให้ลูกกินในสิ่งที่อยากจะกิน แต่พ่อมักจะให้แง่คิดในการใช้ชีวิตอยู่เสมอ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้หญิงสาวไม่เคยลืมคำที่พ่อสอนในวันนั้น การที่คนเราจะกินอาหารที่ฟุ่มเฟือยได้นั้น ต้องเป็นคนที่มีรายได้ที่มากมายตามไปด้วย ถ้ากินอาหารที่เริ่ดหรู แต่ว่ามีรายได้น้อย เป็นการทำตัวเกินฐานะ นั่นเป็นหนทางสู่ความหายนะต่อการใช้ชีวิตมากทีเดียว

ในวันนี้หญิงสาวเรียนจบแล้วมีงานทำ ทุกครั้งที่เธอเห็นร้านไอครีม มักทำให้นึกถึงคำสอนของพ่อในวันนั้นไม่เคยลืมเลือนไปจากใจได้เลย



KorP@i







 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 16 ธันวาคม 2553 20:34:35 น.
Counter : 677 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

chabori
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




(*♥*´¨) :-: SimpliFy Your Life : Just Be Yourself :-: (*♥´¨)




Everyday is means to me:-)
..................o°o
.................O....°
............o°°O.....o
...........O..........O
............° o o o O
......................★
...................★
...............★
...........★
........★
....★
.★
*♥´¨)
¸.-´¸.-♥´¨) ¸.-♥¨)
(¸.-´ (¸.-` ♥♥´¨) ♥.-´¯`-.- ♥
«-(¯`v´¯)-» KorPai «-(¯`v´¯)-»


***************************

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Share |
Total คน
(online)
"ทรายทุกเม็ดมีค่า ทุกครั้งที่มันร่วงลงมา เปรียบเสมือน กาลเวลา ที่ล่วงเลย
(¯`v´¯)-» Welcome To KorP@I Blog«-(¯`v´¯)-
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chabori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.